ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผู้ว่าฯกทม. ขอบคุณคณะกรรมการจัดงานวันแม่ พร้อมเชิญชวนร่วมจัดงานวันพ่อ อย่างยิ่งใหญ่ และสมพระเกียรติ

(30 ส.ค. 54) เวลา 17.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จัดงานเลี้ยงขอบคุณการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 12 ส.ค. 54 และแถลงข่าวเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 54 พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่ คณะกรรมการจัดงาน จำนวน 36 หน่วยงาน อาทิ สมาคมพ่อค้าไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงวัฒนธรรม บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เป็นต้น โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการจัดงาน ผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม ผู้แทนมูลนิธิ สมาคม และผู้ให้การสนับสนุน ร่วมงาน ณ ห้องเอนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวขอบคุณคณะกรรมการจัดงาน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้ให้การสนับสนุน และพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความร่วมมือร่วมใจ แสดงพลังความจงรักภักดีร่วมจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 12 ส.ค. 54 อย่างเรียบร้อย สมพระเกียรติ และสำหรับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 54 ได้เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแสดงความจงรักภักดีร่วมกับกรุงเทพมหานครจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ อีกครั้ง โดยมีขอบข่ายกิจกรรม ดังนี้ 1. การตกแต่งเมือง 2. การจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และรักษาสิ่งแวดล้อม 3. การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 4. การจัดกิจกรรมด้านศาสนา 5 ศาสนา (พุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์) 5. กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด 6. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 7. กิจกรรมด้านดนตรี ศิลปวัฒนธรรม และการแสดงมหรสพ 8. กิจกรรมจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน 9. ขบวนแห่เทียนชัย เฉลิมพระเกียรติ 10. กิจกรรมถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล 11. กิจกรรมจุดพลุดอกไม้ไฟ 12. กิจกรรมเผยแพร่ และกิจกรรมอื่นๆ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค. - ธ.ค. 54 เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554


08.15 น. นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมให้โอวาทและมอบเกียรติบัตรแก่ครูผู้สอน 3 ร.ร.ในการนำเสนอพันธสัญญา รุ่นที่ 3

ณ ห้องริเวอร์วิว โรงแรมแม่น้ำรามาดาพลาซ่า ถ.เจริญกรุง

09.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนาเทศกิจกทม. และกิจกรรม คนเดินยิ้ม ผู้ค้ายิ้ม เทศกิจยิ้ม

ณ ลานคนเมือง กทม.

09.30 น. นางเพียงใจ วิศรุตรัตน์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายพิธีการดำเนินการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ครั้งที่ 1/2554

ณ ห้องเอราวัณ กทม.

14.00 น. นายชาตินัย เนาวภูต รองปลัดกรุงเทพมหานคร ประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภควุฒิสภา เรื่องการคัดค้านโครงการก่อสร้างสะพานข้าม
แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ ถ.ลาดหญ้า-ถ.มหาพฤฒาราม

ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ 306 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 2

สภากทม. ลัดฟ้ากระชับสัมพันธ์สภากรุงอูลานบาตอร์

สภากทม. ลัดฟ้ากระชับสัมพันธ์สภากรุงอูลานบาตอร์

ประธานสภากทม. นำทีมสมาชิกสภากทม. บินลัดฟ้ากระชับความสัมพันธ์สภากรุงอูลานบาตอร์ มองโกเลีย เพื่อส่งเสริมมิตรภาพอันดีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงความร่วมมือด้านการศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน ตลอดจนหารือด้านสาธารณสุขอันจะเป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ

(30 ส.ค. 54) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศมองโกเลีย : นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เข้าเยี่ยมคารวะและประชุมร่วมกับ นายบิเล็ค ทูเดฟ ประธานสภากรุงอูลานบาตอร์ โดยมีคณะสมาชิกสภากรุงอูลานบาตอร์ และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับและร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศาลาว่าการกรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ในโอกาสเยือนสภากรุงอูลานบาตอร์ตามโครงการสภาบ้านพี่เมืองน้อง

ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศมองโกเลียมีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน โดยระดับความสัมพันธ์ได้พัฒนามากขึ้นเป็นลำดับ ด้วยพื้นฐานของระบบการเมืองแบบประชาธิปไตย และระบบเศรษฐกิจที่คล้ายคลึง ทำให้ทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรที่ให้สนับสนุนกันอย่างแข็งขันในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างกันในระดับเมือง สภากรุงเทพมหานครในฐานะสภาแห่งเมืองหลวง ได้ลงนามสถาปนาความสัมพันธ์ตามโครงการสภาบ้านพี่เมืองน้องกับสภากรุงอูลานบาตอร์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2542 จนกระทั่งถึงปัจจุบันนับเป็นระยะเวลา 12 ปี ตลอดระยะเวลามีการแลกเปลี่ยนคณะเดินทางระหว่างเมืองทั้งสองอย่างต่อเนื่อง สำหรับการเดินทางมาเยือนสภากรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลียในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมมิตรภาพอันดีระหว่างสภากรุงเทพมหานครกับสภากรุงอูลานบาตอร์ให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงการหารือร่วมกันถึงความร่วมมือทางด้านการศึกษา ซึ่งจะเป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนไทยกับนักเรียนมองโกเลีย โดยให้นักเรียนได้เข้ามาพักอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ เพื่อจะได้ศึกษาเรียนรู้ถึงขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้สภากรุงเทพมหานครยังได้หารือถึงโครงการด้านสาธารณสุข และโครงการอื่นๆที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศอีกด้วย

เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคบูชาพระกริ่ง กทม. และพระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัช

เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคบูชาพระกริ่ง กทม. และพระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัช

กทม. เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคบูชาพระกริ่ง กทม. และพระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัช นำรายได้สร้างอาคารศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และรพ.ในเขตบางขุนเทียน

(31 ส.ค. 54) นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงโครงการจัดสร้างพระเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2554 มูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2554 จึงได้ดำเนินการจัดสร้างพระ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ โดยสร้างพระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัช และพระกริ่ง กทม. ถวายเป็นพระราชกุศล และเพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบริจาคเงินสมทบก่อสร้างอาคารศูนย์ เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน โดยได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงรับเป็นประธานที่ปรึกษาโครงการ และสมเด็จพระวันรัต รับเป็นประธานดำเนินโครงการ พร้อมกำหนดพิธีเททองพุทธาภิเษกมวลสารพระเนื้อผง และจารแผ่นพระยันต์ และพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยกราบนมัสการพระเกจิอาจารย์ 108 รูปร่วมทำพิธี

สำหรับพระนาม “พระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัช” ซึ่งเป็นพระนามพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีความหมายว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงรุ่งเรืองในการช่วยเหลือประชากรด้วยธรรมโอสถ การบริจาคบูชาองค์พระจึงเป็นทั้งการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และการน้อมนำพระพุทธธรรมมาสู่ชีวิต ในส่วนของพระที่จัดสร้างนั้น จะจัดทำตามความจำนงของผู้สนใจบริจาคบูชาเพื่อสมทบทุนสร้างโรงพยาบาล ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 601.2 แสนบาท โดยมีรูปแบบต่างๆ ดังนี้ พระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัชประกอบด้วย พระพุทธรูปบูชา เนื้อโลหะผสมลงรักปิดทอง มี 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด 9 นิ้ว สูง 22 นิ้ว, ขนาด 7 นิ้ว สูง 18 นิ้ว และขนาด 5 นิ้ว สูง 15 นิ้ว พระเครื่องเนื้อทองคำ น้ำหนัก 1 บาท บรรจุกริ่ง, น้ำหนัก 2 สลึง ไม่บรรจุกริ่ง และเนื้อนวโลหะขนาดองค์เท่าเนื้อทองคำ น้ำหนัก 1 บาท บรรจุกริ่ง พระเครื่องเนื้อผงองค์พระครอบกระไหล่ทอง ความสูง 3 ซม. บรรจุกล่อง 1 ชุดครบ 9 สี 9 องค์ เหรียญพระพุทธรูปลงยาสีประจำวัน เนื้อทองคำ น้ำหนัก 1 บาท, เนื้อเงิน ลงยา มี 7 สี, เนื้อทองแดงองค์พระครอบ กะไหล่ทอง และเนื้อทองแดงองค์พระครอบกะไหล่ทอง บรรจุกล่อง ชุด 7 องค์ 7 สี

ส่วน พระกริ่ง กทม.ประกอบด้วย พระเครื่อง เนื้อทองคำ น้ำหนัก 3 บาท บรรจุกริ่ง, เนื้อทองคำ น้ำหนัก 3 บาท บรรจุกริ่ง, เนื้อทองคำ น้ำหนัก 3 สลึง ไม่บรรจุกริ่ง เนื้อนวโลหะขนาดองค์เท่าเนื้อทองคำ บรรจุกริ่ง น้ำหนัก 3 บาท และน้ำหนัก 1 บาท เหรียญพระกริ่ง เนื้อทองคำ น้ำหนัก 1 บาท เนื้อเงิน ลงยาสีประจำวัน เนื้อทองแดงองค์พระครอบกะไหล่ทอง และเนื้อทองแดงองค์พระครอบกะไหล่ทอง บรรจุกล่อง ชุด 7 องค์ 7 สี

กรุงเทพมหานครจึงขอเชิญชวนชาวไทยทั่วประเทศ และผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคบูชาพระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัช และพระกริ่ง กทม. ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนสร้างอาคารเวชศาสตร์เพื่อผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน ที่กำลังจะจัดสร้างขึ้นเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 10 ของ กทม. โดยสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์ประสานงานโครงการ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต และโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 9 แห่ง โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่สายด่วน กทม.โทร. 1555 หรือโทร. 0 2224 2947, 08 8189 3807, 08 3549 9448 และทางเว็บไซต์ www.bangkok.go.th

กทม. เดินหน้าเพิ่มศักยภาพพื้นที่การอ่านเดิม 30 พื้นที่

กทม. เดินหน้าเพิ่มศักยภาพพื้นที่การอ่านเดิม 30 พื้นที่

กทม. พัฒนาศักยภาพ 30 พื้นที่การอ่านเดิมของกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วย ผู้กระทำความผิด คนชราและผู้ด้อยโอกาส ศาสนสถาน และพื้นที่สาธารณะ มอบชั้นวางหนังสือและรถเข็นหนังสือ ส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมเปิดตัววู๊ดดี้ Reading Ambassador

(31 ส.ค. 54) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวกิจกรรมพัฒนาพื้นที่การอ่านเดิมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 30 พื้นที่ ภายใต้โครงการกรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก 2556 (Bangkok World Book Capital 2013) โดยมีตัวแทนหน่วยงาน 30 พื้นที่ และตัวแทนจากสำนักพิมพ์ผู้บริจาคหนังสือให้กับโครงการ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน

ทั้งนี้กิจกรรมพัฒนาพื้นที่การอ่านเดิมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 30 พื้นที่ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของโครงการกรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก 2556 เพื่อเพิ่มศักยภาพพื้นที่การอ่านเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น มีจำนวนและประเภทหนังสือเพียงพอสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้อ่านแต่ละพื้นที่ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหลากหลายกลุ่มซึ่งมีความแตกต่าง สามารถเข้าถึงหนังสือได้ง่าย และหันมาให้ความสำคัญเรื่องการอ่านเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ป่วย กลุ่มผู้กระทำความผิด กลุ่มคนชราและผู้ด้อยโอกาส กลุ่มศาสนสถาน และกลุ่มพื้นที่สาธารณะ นอกจากนี้ยังเป็นการเริ่มต้นการสร้างวัฒนธรรมการอ่าน ด้วยการให้ความสนับสนุนด้านคุณภาพของพื้นที่การอ่านที่หลากหลาย นำไปสู่การเป็นมหานครแห่งการอ่านอย่างแท้จริง

นางทยา กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกดำเนินกิจกรรมเพิ่มศักยภาพพื้นที่ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะกรุงเทพมหานครต้องการให้คนกลุ่มดังกล่าวเข้าถึงแหล่งการอ่านที่มีศักยภาพ โดยการจัดหาอุปกรณ์การอ่าน เช่น หนังสือดีมีคุณภาพ ชั้นหนังสือ รวมทั้งขอรับบริจาคหนังสือจากที่ต่างๆ เพื่อให้ได้หนังสือที่มีความหลากหลายและเพียงพอ สำหรับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งในวันนี้มีผู้แทนสำนักพิมพ์ร่วมบริจาคหนังสือกว่า 1 หมื่นเล่มเข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปติดตั้งในจุดที่ได้รับความร่วมมือ โดยหวังให้เกิดกระแสความสนใจ และมองเห็นความสนใจในการอ่านเพื่อพัฒนาชีวิตให้กับคนในสังคมต่อไป นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร

ภายในงานมีการมอบชั้นหนังสือหรือรถเข็นหนังสือให้กับหน่วยงาน 30 พื้นที่ อาทิ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงพยาบาลสงฆ์ บ้านนกขมิ้น บ้านเมตตา วัดปทุมวนาราม มัสยิดอัลฮุดา โดยพิจารณาจากสภาพการใช้งานที่เหมาะสม นอกจากชั้นหนังสือหรือรถเข็นหนังสือที่มอบให้แล้ว ยังมีหนังสือกว่า 100 เล่ม ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแล้วว่ามีความเหมาะสมกับการอ่านเพื่อพัฒนาชีวิตของกลุ่มผู้ใช้บริการแต่ละพื้นที่ พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัว Reading Ambassador คือ คุณวู๊ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ซึ่งได้มาร่วมกิจกรรมอ่านหนังสือเสียงเพื่อผู้พิการทางสายตา เพื่อเชิญชวนให้ผู้สนใจร่วมอ่านหนังสือเสียงเพื่อมอบให้กับหน่วยงานมูลนิธิคนตาบอด และผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติต่อไป

ผู้ว่าฯกทม. ขอบคุณคณะกรรมการจัดงานวันแม่ พร้อมเชิญชวนร่วมจัดงานวันพ่อ อย่างยิ่งใหญ่ และสมพระเกียรติ

ผู้ว่าฯกทม. ขอบคุณคณะกรรมการจัดงานวันแม่ พร้อมเชิญชวนร่วมจัดงานวันพ่อ อย่างยิ่งใหญ่ และสมพระเกียรติ

(30 ส.ค. 54) เวลา 17.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จัดงานเลี้ยงขอบคุณการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 12 ส.ค. 54 และแถลงข่าวเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 54 พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่ คณะกรรมการจัดงาน จำนวน 36 หน่วยงาน อาทิ สมาคมพ่อค้าไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงวัฒนธรรม บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เป็นต้น โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการจัดงาน ผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม ผู้แทนมูลนิธิ สมาคม และผู้ให้การสนับสนุน ร่วมงาน ณ ห้องเอนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวขอบคุณคณะกรรมการจัดงาน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้ให้การสนับสนุน และพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความร่วมมือร่วมใจ แสดงพลังความจงรักภักดีร่วมจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 12 ส.ค. 54 อย่างเรียบร้อย สมพระเกียรติ และสำหรับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 54 ได้เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแสดงความจงรักภักดีร่วมกับกรุงเทพมหานครจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ อีกครั้ง โดยมีขอบข่ายกิจกรรม ดังนี้ 1. การตกแต่งเมือง 2. การจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และรักษาสิ่งแวดล้อม 3. การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 4. การจัดกิจกรรมด้านศาสนา 5 ศาสนา (พุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์) 5. กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด 6. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 7. กิจกรรมด้านดนตรี ศิลปวัฒนธรรม และการแสดงมหรสพ 8. กิจกรรมจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน 9. ขบวนแห่เทียนชัย เฉลิมพระเกียรติ 10. กิจกรรมถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล 11. กิจกรรมจุดพลุดอกไม้ไฟ 12. กิจกรรมเผยแพร่ และกิจกรรมอื่นๆ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค. - ธ.ค. 54 เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

กทม. แจงนโยบายท่องเที่ยวและ Sky Walk ต่อคณะอนุกรรมาธิการฯ ท่องเที่ยว

กทม. แจงนโยบายท่องเที่ยวและ Sky Walk ต่อคณะอนุกรรมาธิการฯ ท่องเที่ยว

จัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเยือนกรุงเทพฯ ตลอดปี เสริมเศรษฐกิจไทย พร้อมสร้างทางเดินยกระดับตามแนว BTS ป้อนผู้โดยสารเข้าระบบขนส่งมวลชน และลดระยะเวลาเดินเท้าจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งด้วยความปลอดภัย

(30 ส.ค. 54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ และนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและปัญหาอุปสรรคการท่องเที่ยว ของกรุงเทพมหานครในภาพรวม และประเด็นโครงการก่อสร้างทางเดินยกระดับ (Sky Walk) หรือซุปเปอร์สกายวอล์ก กับนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง รองประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว และประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษานโยบายและติดตามปัญหาอุปสรรคการท่องเที่ยว ในคณะอนุกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา และคณะ ณ ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า)

กรุงเทพ มหานคร มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วยรูปแบบแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมทางตรงและทางอ้อมผ่านหน่วยงานในสังกัดและความร่วม มือกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สสปน. สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ผ่านสื่อหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ และการออกบูธนิทรรศการส่งเสริมการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งเน้นประชาสัมพันธ์ภายใต้แนวคิด กรุงเทพฯ เมืองยิ้ม (Bangkok Smile) ใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านวัฒนธรรมและประเพณี ด้านอาหาร ด้านการช็อปปิ้ง ด้านสุขภาพ และด้านความคุ้มค่าด้วยคุณภาพและบริการ โดยจัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้มาเที่ยว กรุงเทพฯ ต่อเนื่องตลอดปี เช่น ระบบให้ข้อมูลท่องเที่ยวผ่านคอมพิวเตอร์ Touch Screen บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต สยาม พร้อมพงษ์ และกองการท่องเที่ยว ถ.พระอาทิตย์ จัดกิจกรรมปิดเทอมเติมประสบการณ์ตลาดน้ำตลิ่งชัน คลองลัดมะยม โครงการจักรยานชมกรุงรัตนโกสินทร์ โครงการปรับปรุงห้องสุขาวัดสุทัศน์ และร่วมกับภาคเอกชนจัดหาอาสาสมัครคอยให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวใน พื้นที่ต่างๆ เช่น สวนจตุจักร สยาม รวมถึงจัดทำเว็บไซต์ www.bangkoktourist.com

ในส่วนของ Sky Walk เป็น แนวคิดในการช่วยให้ประชาชนเดินเท้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลารอสัญญาณไฟจราจร และได้รับความปลอดภัย คล้ายกับอุโมงค์ทางเท้า ซึ่งสามารถช่วยป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนแบบรางได้มากที่สุดอีก ด้วย ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้เน้นความร่วมมือกับภาคเอกชนในการก่อสร้างตามจุดต่างๆ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งช่วยให้กรุงเทพมหานครประหยัดงบประมาณได้มาก ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมี Sky Walk ระยะทางรวมประมาณ 2.5 กิโลเมตร มีประชาชนใช้บริการประมาณ 500,000 คน/วัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งเป้าให้มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะเน้นตามแนวรถไฟฟ้า BTS เป็นหลัก รวมถึงบริเวณที่จำเป็นและเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

ทั้ง นี้ คณะอนุกรรมาธิการศึกษานโยบายและติดตามปัญหาอุปสรรคการท่องเที่ยว ในคณะอนุกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา ได้ให้กำลังใจในการทำงานแก่คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร โดยปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ย่อท้อต่อกระแส ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจให้ประชาชน และหน่วยงานอื่นๆ ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแนวทางที่วางไว้เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชน และหน่วยงานให้มากที่สุด บนพื้นฐานของความถูกต้อง

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กทม.เดินหน้าจัดระเบียบป้ายโฆษณาขนาดใหญ่

กทม.แต่งตั้งนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดระเบียบเมืองของกรุงเทพมหานคร พร้อมดึงผู้ประกอบการป้าย บริษัทโฆษณาหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการติดตั้งป้ายใหม่ ไม่ให้บดบังทัศนียภาพของเมืองภายใน 2- 3 สัปดาห์ คาดเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเมืองใหญ่ทั่วประเทศต่อไป

(31 ส.ค.54) ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 12.00 น. ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางการจัดระเบียบเมืองของกรุงเทพมหานครว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งแต่งตั้งนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดระเบียบเมืองของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้การทำงานด้านการจัดระเบียบเมืองของกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งจากการหารือในเบื้องต้นร่วมกันพบว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครยังมีป้ายมากกว่า 1,000 ป้าย ที่ติดตั้งไม่เหมาะสม และในทุกปีช่วงพายุฤดูร้อนจะพบป้ายเหล่านี้ล้มหรือหักโค่นทำให้เกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก ประกอบกับในปัจจุบันพบว่ามีผู้ประกอบการป้ายส่วนหนึ่งที่ยอมที่จะเสียค่าปรับทำให้จำนวนป้ายไม่ได้มีจำนวนลดน้อยลงแต่อย่างใด และ กว่า 50% พบว่าเป็นป้ายว่างที่ไม่มีการโฆษณาอีกต่อไป กรุงเทพมหานครจึงได้มีแนวนโยบายที่จะดำเนินการจัดระเบียบป้ายครั้งใหญ่ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเกิดทัศนียภาพที่สวยงามดังเช่นหลายเมืองใหญ่ในโลก โดยเตรียมเชิญผู้ประกอบการป้าย บริษัทโฆษณา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขร่วมกัน และเตรียมที่จะออกเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มการหารือได้ภายใน 2-3 สัปดาห์

ด้าน นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการหารือร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ บริษัทโฆษณาและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสถาปนิกนั้น จะเสนอให้นำป้ายทั้งหมดลง และหาวิธีหารายได้ใหม่ให้แก่บริษัทเหล่านี้ โดยกรุงเทพมหานครจะกำหนดพื้นที่เฉพาะเพื่อการติดตั้งป้ายให้ และลดขนาดป้ายไม่ให้มีขนาดใหญ่เกินไป ตลอดจนให้มีลักษณะสีสันสวยงาม และสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ เกิดความสวยงามและความเป็นระเบียบของเมืองมากขึ้น ทั้งนี้หวังว่าแนวทางที่นำมาใช้กับกรุงเทพมหานครจะเป็นแนวทางในการริเริ่มบริหารจัดการป้ายให้แก่เมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวทั้งเชียงใหม่ หรือภูเก็ต เพื่อให้เกิดการปรับปรุงทัศนียภาพโดยรวมให้สวยงามทั้งประเทศต่อไป

กทม. เดินหน้าสร้างสถานที่ราชการและสวนสาธารณะปลอดเหล้า

ลงนาม MOU ร่วมกับ สธ. และจับมือเครือข่าย บังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด พร้อมรณรงค์ ส่งเสริมให้สถานที่ราชการและสวนสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จริงจัง

(31 ส.ค. 54) นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดสถานที่ราชการและสวนสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) เพื่อรณรงค์ ส่งเสริมให้สถานที่ราชการและสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม รวมถึงช่วยลดปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ อุบัติเหตุ อาชญากรรม เศรษฐกิจ

ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้สถานที่ราชการและสวนสาธารณะที่อยู่ในกำกับดูแลของราชการห้ามขาย ห้ามดื่ม และห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในร้านค้าหรือสโมสรที่เปิดบริการเป็นประจำหรือถาวรที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามขายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และขายได้เฉพาะเวลาที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ได้แก่ เวลา 11.00 14.00 น. และ 17.00 24.00 น. หากพบผู้กระทำผิดด้วยการโฆษณาหรือส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 50,000 บาท ถ้าขายหรือบริโภคในสถานที่หรือบริเวณต้องห้าม มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีขายนอกเวลาที่กำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้จัดทำแผนบูรณาการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2553 2555 เพื่อใช้บังคับ กำกับดูแลสถานที่ราชการและสวนสาธารณะให้ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 อย่างเข้มงวด ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และประชาชนทราบข้อกฎหมายอย่างถูกต้อง อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่ตรวจ ดูแล และควบคุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้ควบคุมในการจัดงานตามประเพณี และวัฒนธรรมต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพ คุณภาพชีวิต และความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมการดื่มสุราของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2550 พบว่า ผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ทั้งหมด 51.2 ล้านคน ดื่มสุรา 14.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 29 ซึ่งผู้ชายดื่มมากกว่าผู้หญิงประมาณ 6 เท่า นอกจากนี้ กลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 24 ปี มีอัตราการดื่มร้อยละ 22 โดยเริ่มดื่มเมื่ออายุเฉลี่ย 17 ปี และกลุ่มวัยทำงานมีอัตราการดื่มสูงสุดร้อยละ 34 โดยเริ่มดื่มเมื่ออายุเฉลี่ย 20 ปี

หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 แจ้งได้ที่ สายด่วน กทม. โทร. 1555 และสายด่วนรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเหล้าของกระทรวงสาธารณสุข โทร. 0 2590 1332 ตลอด 24 ชั่วโมง

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เวลา 09.30 น. นายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงนามบันทึกข้อตกลงการจัดสถานที่ราชการและสวนสาธารณะที่อยู่ในกำกับดูแล ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.

เวลา 10.00 น. นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรมพัฒนาศักยภาพพื้นที่การอ่านเดิม 30 แห่ง
ณ ห้องเอนกประสงค์ หอศิลป์ฯ กทม. สี่แยกปทุมวัน

เวลา 15.00 น. ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานการประชุม เรื่อง การจัดระเบียบเมือง ณ ห้องประชุม รผว.ธีระชน

กทม. มอบรางวัลสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ และ ธ.ขยะรีไซเคิล ปี 54

กทม. จับมือกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ และโครงการประกวดธนาคารขยะรีไซเคิล พร้อมมอบรางวัลในระดับกรุงเทพมหานคร ประจำปี 54 เพื่อนำไปคัดเลือกในการประกวดระดับประเทศต่อไป

(30 ส.ค. 54) เวลา 10.00 น. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว และมอบรางวัล การประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ปี 2554 ระดับกรุงเทพมหานคร และ การประกวดธนาคารขยะรีไซเคิล ปี 2554 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี นายบรรจง สุขดี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมแถลง ณ ห้องรัตนโกสินทร์ กทม.

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ และโครงการประกวดธนาคารขยะรีไซเคิล มาอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ เป็นการส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ด้วยการนำวัสดุเหลือใช้มาดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ใหม่ พัฒนาแนวความคิดและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาในเชิงพาณิชย์มากขึ้น สำหรับโครงการประกวดธนาคารขยะรีไซเคิล เป็นโครงการ ที่ช่วยสร้างจิตสำนึกและความรู้ความเข้าใจแนวทางการคัดแยกขยะ และการนำขยะไปใช้ประโยชน์ก่อนนำไปกำจัดให้แก่เยาวชน ด้วยการดำเนินกิจกรรมธนาคารขยะรีไซเคิลในโรงเรียน อันเป็นการสร้างเสริมความเข้มแข็งให้แก่โรงเรียนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีเยาวชนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้

สำหรับผลการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ปี 2554 ระดับกรุงเทพมหานคร ประเภทสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ระดับประถมศึกษา รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนคลองสาม เขตมีนบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนวัดธาตุทอง เขตวัฒนา และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนสุเหร่าบ้านม้า เขตประเวศ ระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา(ปวช.) รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนศึกษานารีวิทยา เขตบางบอน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนวัดทิพพาวาส เขตลาดกระบัง และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนศึกษานารีวิทยา เขตบางบอน ระดับอาชีวศึกษา (ปวส./อุดมศึกษา) รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา เขตสัมพันธวงศ์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตจตุจักร และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตจตุจักร ระดับประชาชนทั่วไป รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ น.ส.ดารุณี เสรีประเสริฐ นายสิทธิพงษ์ ช่างแย้ม น.ส.ณัฐธิดา กิจเนตร รองชนะเลิศอันดับ 1 นายทัตตพันธุ์ ชูชวน นายธนศักดิ์ ปรเมศวร์โยธิน น.ส.จุฑามาศ ปัทมวิภาต น.ส.สาวิณี นันตะเวชกุล และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายนฤพน ไพศาลตันติวงศ์ และนายสัมภาษณ์ สุวรรณคีรีประเภทเครื่องแต่งกายจากวัสดุเหลือใช้ (นักเรียน/นักศึกษา/ประชาชนทั่วไป) รางวัลชนะเลิศ นายกฤษฎา แสนสุข และนายนนทชัย แช่มช้อย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นายธนศักดิ์ ประเมศวร์โยธิน น.ส.สาวิณี นันตะเวชกุล และ น.ส.สมจิตร ดวงปัญญา และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายบัญชา บุญราตรี และน.ส.ศิริธร ทองเหว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ประเภทของใช้ส่วนตัวจากวัสดุเหลือใช้ (นักเรียน/นักศึกษา/ประชาชนทั่วไป) รางวัลชนะเลิศ นายนฤพน ไพศาลตันติวงศ์ และนายสัมภาษณ์ สุวรรณคีรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 น.ส.จุฑามาศ ปัทมวิภาต นายณัฐภัทร ทันธิมา และนายศุภลักษณ์ นันตะเวชกุล และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายธนศักดิ์ ประเมศวร์โยธิน น.ส.บัวศรี ขานทะราชา และ น.ส.สาวิณี นันตะเวชกุล

ผลโครงการประกวดธนาคารขยะรีไซเคิล ปี 2554 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระดับประถมศึกษา รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนบ้านขุนประเทศ เขตหนองแขม รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนบ้านลำต้นกล้วย เขตหนองจอก รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนอุดมศึกษา เขตวังทองหลาง และรางวัลชมเชย โรงเรียนอนุบาลสุดารักษ์ บางเขน เขตจตุจักร ระดับมัธยมศึกษารางวัลชนะเลิศ ไม่มีผู้ได้รับรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนเกษมพิทยา เขตวัฒนา และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนเพี้ยนพินอนุสรณ์ เขตบางนา โรงเรียนราชมนตรี (ปลื้ม เชื่อมนุกูล) เขตบางขุนเทียน

สำหรับผลงานที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมดจะได้รับมอบเงินรางวัลพร้อมใบประกาศเกียรติคุณ และจะนำมาพิจารณาตัดสินในการประกวดระดับประเทศเพื่อชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในเดือน ก.ย. ต่อไป

กทม. เตรียมจัดเสวนาแก้ปัญหาคนเร่ร่อนอย่างยั่งยืน

กทม. หาแนวทางแก้ปัญหาคนเร่ร่อนสนามหลวง เตรียมจัดเสวนาดึงทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการแก้ปัญหา พร้อมนมัสการพระพยอมร่วมเสนอแนวทางแก้ไข และจัดตั้งกองทุนหารายได้ช่วยคนเร่ร่อน ตั้งเป้าประเดิมกองทุน 10ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาถนนคนเดินริมคลองหลอด หวังแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน คาดจัดเสวนาได้ภายในสองสัปดาห์นี้

(30 ส.ค. 54) ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนในพื้นที่สนามหลวง ว่า กรุงเทพมหานครเตรียมจัดการเสวนาแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนสนามหลวงภายในสองสัปดาห์ โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้แทนมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย และนมัสการพระพิศาลธรรมพาที (พยอม กัลยาโณ) ซึ่งมีแนวคิดในการให้ความช่วยเหลือผู้ไร้บ้าน มาร่วมในการเสวนาแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย ซึ่งจากการหารือในเบื้องต้นกับพระพยอมได้เปิดเผยว่าทางมูลนิธิสวนแก้วมีสาขา จำนวน 9 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย จ.นนทบุรี จ.ปราจีนบุรี จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ตาก จ.กาญจนบุรี จ.บุรีรัมย์ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมพื้นที่ 1,669 ไร่ สามารถรองรับคนเร่ร่อนที่ต้องการเปิดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ตนเองได้กว่า 2,000 คน พร้อมกันนี้ กรุงเทพมหานครจะจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือคนเร่ร่อน โดยตั้งเป้าหาทุนประเดิมให้ได้ 10 ล้านบาท ภายในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เพื่อเป็นเงินทุนในการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกรุงเทพมหานครจะทำการพัฒนาพื้นที่บริเวณอาคารประปาแม้นศรี ให้เป็นที่พักชั่วคราวแก่คนเร่ร่อน โดยสร้างเป็นที่พักพิงแบบครบวงจร รองรับคนเร่ร่อนได้ประมาณ 100คน พร้อมทั้งจัดหาเกสท์เฮ้าส์ราคาถูกให้คนเร่ร่อนที่มีกำลังทรัพย์เพียงพอ รวมทั้งผู้เดินทางมาหางานจากต่างจังหวัดที่ต้องการหาที่พักราคาย่อมเยาว์ เข้าพักอาศัยในย่านถนนข้าวสารและบริเวณหลังกระทรวงมหาดไทย ซึ่งที่พักดังกล่าวมีราคาตั้งแต่ 60–300บาท และจัดสร้างห้องอาบน้ำและสุขาสาธารณะให้บริการคนเร่ร่อนที่พักอาศัยไม่เป็นหลักแหล่ง เพื่อแก้ไขปัญหาการขับถ่ายในที่สาธารณะด้วย ในส่วนของการจัดหาที่ทำกิน กรุงเทพมหานครเตรียมพัฒนาพื้นที่ ริมคลองหลอดให้เป็นถนนคนเดินเต็มรูปแบบที่มีความสวยงาม และเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับผู้ค้าในพื้นที่ต่อไป

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กำหนดการกรุงเทพมหานคร

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

****************

10.00 น. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็น ประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาพร้อมเกียรติบัตรร่วมกับอธิการบดีกรมส่งเสริม คุณภาพสิ่งแวดล้อมโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ปี 54

ณ ห้องรัตนโกสินทร์ กทม.

13.00 น. ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวเรื่องการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนสนามหลวง

ณ ห้อง รผว.ธีระชนฯ กทม.

14.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หารือเรื่องนโยบายและปัญหาอุปสรรคการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานครในภาพรวม และ Sky Walk กับคณะอนุกรรมาธิการศึกษานโยบายและติดตามปัญหาอุปสรรคการท่องเที่ยวฯ วุฒิสภา

ณ ห้องเอราวัณ กทม.

17.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมงานเลี้ยงขอบคุณการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และแถลงข่าวเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 7 รอบ 84 พรรษา

ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่ง กทม.

กทม. เพิ่มมาตรการรับมือโรคมือ เท้า ปาก สายพันธุ์ใหม่ Enturovirus 71

กทม. เพิ่มมาตรการรับมือโรคมือ เท้า ปาก สายพันธุ์ใหม่ Enturovirus 71

นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาระบบสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ในระดับประเทศ พบผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีผู้เสียชีวิตแล้ว จำนวน 4 ราย ในส่วนของกรุงเทพมหานครได้มีการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือโรคดังกล่าวมาโดยตลอด ซึ่งจากสถิติผู้ป่วยในกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา ในปี 2552 พบผู้ป่วย 2,092 คน ปี 2553 พบผู้ป่วย 2,637 คน และปี 2554 พบผู้ป่วยจำนวน 1,532 คน แต่ไม่พบผู้เสียชีวิต เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีการเตรียมพร้อมและดำเนินการป้องกันล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการดำเนินการโดยให้ทุกสำนักงานเขตเฝ้าระวังเข้มงวดศูนย์เด็กเล็กในชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุขกำหนดแนวทางการปฏิบัติในโรงเรียน และ อสส. ร่วมเฝ้าระวังผู้ป่วยในชุมชน นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคมือ เท้า ปาก เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานเฝ้าระวังและรับแจ้งการระบาด หมายเลขโทรศัพท์ 0 2245 8106, 0 2354 1836 หรือที่สายด่วนสำนักอนามัย 0 2246 9464

อย่างไรก็ตาม หากพ่อ แม่ ผู้ปกครองสงสัยว่าบุตรหลานจะป่วยเป็นโรคดังกล่าว ควรนำเด็กไปพบแพทย์ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านท่านเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเบื้องต้น

เทศกิจ กรุงเทพมหานคร ครบรอบ 26 ปี 1 ก.ย. 54

เทศกิจ กรุงเทพมหานคร ครบรอบ 26 ปี 1 ก.ย. 54

นายกระมล โอฬาระวัต ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. แจ้งว่า ในวันที่ 1 ก.ย. 54 สำนักเทศกิจกำหนดจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาเทศกิจ กรุงเทพมหานคร คนเดินยิ้ม ผู้ค้ายิ้ม เทศกิจยิ้ม ซึ่งปีนี้ครบรอบ 26 ปี ณ ลานคนเมืองตั้งแต่เวลา 09.00 น. มีกิจกรรมประกอบด้วย พิธีปล่อยขบวนรถยนต์สายตรวจเทศกิจ จำนวน 50 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 50 คัน และรถจักรยาน จำนวน 100 คัน โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธี พร้อมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ ผู้อำนวยการเขต และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจทั้ง 50 สำนักงานเขต เพื่อรวมพลังให้เจ้าหน้าที่เทศกิจและผู้ค้า ได้ร่วมกันพัฒนาทำความสะอาดพื้นที่ร่วมกับผู้ค้า ล้างทางเท้าบริเวณจุดทำการค้าขายหาบเร่แผงลอย ทั้ง 50 เขต พร้อมทั้งเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ค้าทำการค้าอยู่ในกฎระเบียบและตักเตือนผู้ค้าที่ฝ่าฝืนกระทำผิดให้แก้ไข โดยในวันดังกล่าวจะไม่มีการจับปรับผู้ค้าที่ให้ความร่วมมือ นอกจากนี้จะมีพิธีมอบรางวัลจุดผ่อนผันดีเด่นด้วย ขณะเดียวกันสำนักเทศกิจตั้งแต่เวลา 08.30 น. มีกิจกรรมเทศกิจร่วมกันบริจาคโลหิต จำนวน 500 คน ณ ห้องประชุมกรุงธน 3 พิธีทำบุญเลี้ยงพระเพล ณ ห้องประชุมกรุงธน 1 สำนักเทศกิจและสำนักงานเขตธนบุรีร่วมกันพัฒนาทำความสะอาดบริเวณวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อรวมพลังและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่อไป

กทม. เตรียมฟ้องกรมธนารักษ์เรียกค่าภาษีค้างชำระ

กทม. เตรียมฟ้องกรมธนารักษ์เรียกค่าภาษีค้างชำระ

(29 ส.ค. 54) เวลา 11.30 น. ณ ห้องสุทัศน์ กทม. : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงผลการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงกรณีพิพาทระหว่างกรุงเทพมหานครและกรมธนารักษ์ เกี่ยวกับค่าภาษีบริเวณสนามบินดอนเมือง ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ค้างชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน และเงินเพิ่มตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ซึ่งบางส่วนได้ขาดอายุความไปแล้ว และในปี 2555 หากไม่ดำเนินการฟ้องร้องจะทำให้กทม. เสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน เฉพาะรายของกรมธนารักษ์ เนื่องจากขาดอายุความ 10 ปี อีกประมาณ 200 ล้านบาท ทั้งนี้สำนักการคลังจึงได้เสนอขอความเห็นชอบจ้างทนายความฟ้องคดีภาษีโรง เรือนและที่ดินค้างชำระ ประกอบกับ ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตั้งข้อสังกตเกี่ยวกับประเด็นของการขาดอายุความ และหากไม่เร่งดำเนินการอาจเป็นเหตุให้กรุงเทพมหานครละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ จึงเห็นสมควรให้กรุงเทพมหานครดำเนินการฟ้องร้องกรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของ พื้นที่สนามบินดอนเมืองเพื่อให้ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตาม อัตราที่กรุงเทพมหานครได้ประเมินและให้อายุความสะดุดลงเพื่อป้องกันความเสีย หายที่อาจเกิดแก่กรุงเทพมหานคร และไม่มีค่าภาษีที่ขาดอายุความฟ้องคดีเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ที่ประชุมคณะผู้บริหารมีมติเห็นชอบมอบให้สำนักการคลังดำเนินการนำข้อ พิพาทขึ้นสู่ศาล ตามข้อเสนอของสำนักการคลัง

กทม. เตรียมการจัดกิจกรรมวันเฉลิมฯ 5 ธันวา 54

กทม. เตรียมการจัดกิจกรรมวันเฉลิมฯ 5 ธันวา 54

(29 ส.ค. 54) ณ ศาลาว่าการกทม. : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยผลการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 28/2554 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับการเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว นำเสนอรายละเอียดการจัดงานฯ ในเบื้องต้นต่อที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ว่ามีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมตามแนวพระราชดำรัส “กรุงเทพเมืองสวรรค์” โดยแบ่งเป็น 12 กิจกรรมหลัก อาทิ กิจกรรมตกแต่งเมือง กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และการรักษาสิ่งแวดล้อม กิจกรรมด้านศาสนา นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ซึ่งที่ประชุมได้ให้แนวคิดว่ากิจกรรมต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ ควรทยอยจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงเดือนธันวาคม พร้อมดึงการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับรายละเอียดการจัดกิจกรรมทางสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวจะจัดการแถลงข่าวเพื่อแจ้งรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบในเร็วๆ นี้

กทม. พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สร้างโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตร่วมกับช้าง

กทม. พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สร้างโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตร่วมกับช้าง

(29 ส.ค. 54) ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงผลดำเนินการแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนที่มีผู้ฝ่าฝืนนำช้างเข้ามาหาราย ได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและตามบริเวณรอยต่อจังหวัดปริมณฑล พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือและแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่และควานช้างจาก สถาบันคชบาลแห่งชาติที่ได้มีส่วนร่วมในการจับช้างเรร่อนในพื้นที่กรุงเทพมหา นครและปริมณฑล โดยมี น.สพ.ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ รักษาการหัวหน้างานควบคุมและจัดการช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ เป็นผู้แทนจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ

รอง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวแสดงความขอบคุณสถาบันคชบาลแห่งชาติ ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมการจับช้างเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล พร้อมทั้งขอบคุณศูนย์อนุรักษ์จังหวัดกาญจนบุรีที่ให้พื้นที่สำหรับเป็นที่ พักพิงช้าง ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือเรื่องค่าเลี้ยงดูช้าง แก่ศูนย์พักพิงช้างที่ให้การสนับสนุนกรุงเทพมหานครในการจับช้างเร่ร่อน ซึ่งช้างจะมีแต่ค่าเลี้ยงดูเดือนละ 10,000–20,000 บาทต่อเชือก นอกจากนี้กรุงเทพมหานครจะมีโครงการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมเรียนรู้การดูแลช้างและการจับช้างอย่างถูกวิธี เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติงานในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างถูกต้องและไม่ให้เป็นอันตรายต่อช้างอีกด้วย ขณะเดียวกันในการแก้ไขปัญหาระยะยาว กรุงเทพมหานครจะร่วมกับนายกเทศมนตรีจังหวัดสุรินทร์ ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ด้วยวิธีการสร้างโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตร่วมกับช้างและเรียนรู้วิถีช้าง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกับช้าง รวมทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้เจ้าของช้าง โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะเข้าพบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว

ด้านรักษาการหัวหน้าควบคุมช้างและจัดการช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาการจับเจ้าของช้างเร่ร่อนเกิดขึ้นซ้ำซาก เนื่องจากผู้ที่กระทำผิดส่วนมากเป็นคนที่เคยโดนจับมาแล้ว เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่มีอาชีพอื่นรองรับ อีกทั้งค่าดูแลช้างในแต่ละเดือนค่อนข้างสูง จึงต้องเอาช้างออกมาเร่ร่อนเพื่อหาเงินอีก นอกจากนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากกฎหมายในการควบคุมหรือจัดการเรื่องช้างยังไม่เข้มงวดและจริงจังพอ จึงอยากให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล อีกทั้งต้องการให้ออกกฎหมายเพื่อควบคุมในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดด้วย สำหรับศูนย์อนุรักษ์ช้างที่จังหวัดกาญจนบุรีเริ่มมีจำนวนช้างแออัดมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางสถาบันคชบาลแห่งชาติกำลังดำเนินการปรับปรุงศูนย์อนุรักษ์ช้างที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยในการรองรับช้างเร่ร่อนอีกแห่งหนึ่ง

603 ชุมชนของกทม. รับเงินกองทุนแม่ของแผ่นดินแก้ปัญหายาเสพติด

603 ชุมชนของกทม. รับเงินกองทุนแม่ของแผ่นดินแก้ปัญหายาเสพติด

ผู้ว่าฯกทม. มอบเงินกองทุนแม่ของแผ่นดินในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แก่ 603 ชุมชน ในกทม. เกือบ 13 ล้านบาท เป็นเงินขวัญถุงและเป็นทุนเริ่มต้นแก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาเศรษฐกิจ สนับสนุนกิจกรรมและทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม สร้างชุมชนเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน

(26 ส.ค. 54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีมอบกองทุนแม่ของแผ่นดิน จำนวน 12,976,896 บาท แก่ 603 ชุมชน ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทยญี่ปุ่น) เขตดินแดง เพื่อเป็นกองทุนขวัญถุงสำหรับหมู่บ้านหรือชุมชนในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติด ในพื้นที่ สำหรับกองทุนแม่ของแผ่นดินเป็นกองทุนที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนาง เจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่พระราชทานแก่ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และให้ชุมชนนำไปเป็นทุนต่อยอดในการสร้างความเข้มแข็งเพื่อเอาชนะยาเสพติด รวมถึงยกระดับการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดการพึ่งพาตนเองของชุมชนทั้งด้านทุนการเงินและสังคม เช่น ผู้นำมีการพัฒนาศักยภาพ มีสภาผู้นำที่มาจากทุกกลุ่มทุน ให้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยกองทุนที่มีอยู่โดยไม่ต้องรองบประมาณจากหน่วยงาน อื่นเพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้กองทุนแม่ของแผ่นดินยังเป็นกองทุนที่ช่วยแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ การทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม สนับสนุนกิจกรรมที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ ถือเป็นแหล่งรวมทุนด้านต่างๆ อาทิ ความสามัคคี ความเกื้อกูลกัน โดยใช้กองทุนแม่ของแผ่นดินเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งเมื่อหมู่บ้าน ชุมชน และสังคมเข้มแข็ง จะช่วยขจัดปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน

สร้างตลาดสด กทม. สะอาด ร่มรื่น ปลอดภัย และได้มาตรฐาน

สร้างตลาดสด กทม. สะอาด ร่มรื่น ปลอดภัย และได้มาตรฐาน

ผู้ว่าฯกทม. นำทีมผู้บริหารตรวจตลาดประชานิเวศน์ 1 ตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัยระดับเพชรติดต่อกัน 2 ปีซ้อน และเป็นตลาดต้นแบบโครงการกรุงเทพสะอาดและร่มรื่น (Bangkok Clean and Green) สร้างความเชื่อมั่นประชาชนบริโภคอาหาร สด สะอาด ปราศจากสารปนเปื้อนในราคาเป็นธรรม เล็งรณรงค์ขยายครอบคลุมตลาดสดทั่วกรุงเทพฯ ต่อไป

(28 ส.ค. 54) เวลา 10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลาดประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร รวมถึงมอบนโยบายตามโครงการกรุงเทพสะอาดและร่มรื่น (Bangkok Clean and Green) พร้อมสุ่มตรวจ หาสารบอแรกซ์ สารฟอกขาว ฟอร์มาลิน สารกันรา และสารปนเปื้อน ในอาหารประเภทผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝนอาจส่งผลให้เกิดโรคระบาดและติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งได้กำชับให้สำนักงานตลาด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลความสะอาดของตลาดสดกรุงเทพมหานครในพื้นที่อย่างเข้มข้น จัดอาคาร สถานที่ให้มีความสะอาด ร่มรื่น น่าใช้บริการ สินค้าที่จำหน่ายในตลาดต้องสะอาด ได้มาตรฐาน และราคาจำหน่ายเป็นธรรม เพื่อให้ประชาชน ได้บริโภคสินค้าที่ปลอดภัย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ถูกเอาเปรียบจากผู้ค้า นอกจากนี้ขอความร่วมมือผู้บริหารตลาดเอกชนที่มีมากกว่า 300 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของตลาดสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์แก่ผู้ค้าและผู้บริโภค

กรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการกรุงเทพสะอาดและร่มรื่น (Bangkok Clean and Green) โดยมีเป้าหมายในการจัดกิจกรรมรณรงค์ความสะอาดและร่มรื่นอย่างเป็นรูปธรรมใน 7 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โรงเรียน ตลาดสด ศูนย์บริการสาธารณสุข ปั๊มน้ำมัน ศาสนสถาน อาคารสถานที่ทำงาน และห้างสรรพสินค้า สำหรับกรอบแนวทางในตลาดสดนั้น ประกอบด้วย การจัดให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีในตลาด จัดให้มีการจัดการขยะมูลฝอยและของเหลือใช้ จัดให้มีห้องส้วมที่สะอาดปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐาน HAS ของกรมอนามัย จัดให้มีระบบควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงนำโรค จัดให้มีระบบความปลอดภัยของอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้บริโภค จัดให้มีการส่งเสริมสุขภาพแก่ผู้ขายของในตลาด และจัดให้มีสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัยและมีภูมิทัศน์ร่มรื่น โดยการดำเนินการ Big Clean ได้แก่ จัดอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ฯลฯ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ล้างทำความสะอาดแผงจำหน่ายอาหาร พื้นตลาด รางระบายน้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค จัดเก็บขยะมูลฝอยไม่ให้ตกค้าง รวมทั้งมีการคัดแยกขยะ สถานที่รวบรวมขยะมูลฝอยต้องสะอาด ปราศจากแมลงและสัตว์พาหะนำโรค และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงนำโรค เช่น แมลงสาบ หนู แมลงวัน

สำหรับตลาดประชานิเวศน์ 1 สังกัดสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร ได้รับป้ายรับรองตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัยระดับเพชรติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ในปี 52-53 และเป็นตลาดนำร่องในการดำเนินการตามกรอบโครงการกรุงเทพสะอาดและร่มรื่น (Bangkok Clean and Green) โดยการนำเศษอาหาร ผักผลไม้ มาทำปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อนำน้ำหมักชีวภาพที่ได้มาใช้ในการล้างทำความสะอาดตลาด ห้องส้วม บริเวณรอบตลาด รวมทั้งมีการคัดแยกขยะเพื่อการบริหารจัดการ อันเป็นต้นแบบของการรณรงค์ขยายผลโครงการไปยังตลาดอื่นๆ ต่อไปในอนาคตด้วย

กทม. โชว์ผลงานโครงการห้องเรียนพ่อแม่ ประจำปี54

กทม. โชว์ผลงานโครงการห้องเรียนพ่อแม่ ประจำปี54

(28 ส.ค. 54) เวลา 13.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมโครงการห้องเรียนพ่อแม่ ลูกไม้หล่นใกล้หรือไกล..อยู่ที่คุณ และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการประจำปี 54 จำนวน 12 แห่ง โดยมี หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอรรถพร สุวัธนเดชน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักการศึกษา และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมงาน ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์

สำนักการศึกษา กทม. ได้ดำเนินโครงการห้องเรียนพ่อแม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในปีนี้มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 12 แห่ง จาก 6 กลุ่มเขตของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย โรงเรียนพระราม 9 กาญจนาภิเษก โรงเรียนวัดดอกไม้ โรงเรียนเพี้ยนพินอนุสรณ์ โรงเรียนวัดธาตุทอง โรงเรียนประชาอุทิศ โรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 1 โรงเรียน บางชัน โรงเรียนฉิมพลี โรงเรียนสังฆประชานุสรณ์ โรงเรียนพิรุฬห์ธรรม โรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา และโรงเรียนจันทร์ประดิษฐาราม เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อแม่ชาวกรุงเทพฯ ที่มีบุตรหลานในช่วงวัย 3-5 ปี 6-9 ปี และ 10-18 ปี ในสถานศึกษา 12 แห่ง ได้นำประสบการณ์การเลี้ยงลูกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเลี้ยงลูก ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเด็กในแต่ละช่วงวัยอย่างเหมาะสม เพื่อส่งเสริมสถาบันครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยทางสังคมแรกและสำคัญที่สุดต่อการ สร้างสังคมให้เข้มแข็ง อีกทั้งบ่มเพาะให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานจากการดำเนินโครงการห้อง เรียนพ่อแม่ประจำปี 54 การเสวนาห้องเรียนพ่อแม่ หัวข้อ ลูกไม้หล่นใกล้หรือไกล ..อยู่ที่คุณ การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินนักแสดง และการแสดงบนเวทีจากนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

ผู้ ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การส่งเสริมให้พ่อแม่ได้ทดลองปฏิบัติการดูแลลูกอย่างมีคุณภาพเหมาะสมตามช่วง วัย จะสามารถช่วยดึงศักยภาพของเด็กในแต่ละช่วงวัยให้เห็นคุณค่าของตนเอง อันเป็นการสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กได้เปิดพื้นที่การเรียนรู้ของตนเองให้มาก ขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บุตรหลานสามารถเติบโตเป็นอนาคตที่แข็งแรงของประเทศชาติต่อไปใน อนาคตได้

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กำหนดการกรุงเทพมหานคร

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

****************

15.00 น. นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานเปิดงานเทศกาลอาหารและของดี

เขตบางกอกน้อย

ณ ลานจอดรถ หน้าบ.สยามแมคโคร จรัญสนิทวงศ์

****************

กำหนดการกรุงเทพมหานคร

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

****************

10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมตามโครงการกรุงเทพสะอาดและร่มรื่น

(Bangkok Clean and Green)

ณ ตลาดประชานิเวศน์

13.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานพิธีเปิดมหกรรมห้องเรียนพ่อแม่

ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ โซนอาหาร ชั้น 3

****************

กำหนดการกรุงเทพมหานคร

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

****************

10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานประชุมคณะผู้บริหาร กทม.

ณ ห้องสุทัศน์ กทม.

29 ส.ค. – 4 ก.ย. นี้ สภากทม. เยือนสภากรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกลเลีย

สภากทม. เดินทางเยือนสภากรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ตามโครงการสภาบ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. 4 ก.ย. 54 พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ส่งเสริมความร่วมมือในด้านการศึกษา การบริหารเมือง การท่องเที่ยว เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีที่สืบเนื่องมาอย่างยาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

(26 ส.ค. 54) นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สภากรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ประธานสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ข้าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้สื่อข่าว จำนวน 15 คน มีกำหนดเดินทางเยือนสภากรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. 4ก.ย. 54 ตามโครงการสภาบ้านพี่เมืองน้อง เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ นายบีเล็ค ทูเดฟ ประธานสภากรุงอูลานบาตอร์และสมาชิกสภากรุงอูลานบาตอร์ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหาและพัฒนาเมืองที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในด้านการศึกษา การบริหารเมือง การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ เป็นสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพื่อนำมาพัฒนากรุงเทพมหานครให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสภากรุงเทพมหานครและสภากรุงอูลานบาตอร์ ได้ดำเนินมานับจากมีการลงนามสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2542 นับเป็นระยะเวลากว่า 12 ปี ที่นำมาสู่ประสบความสำเร็จในหลายโครงการ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน การเดินทางไปเยือนในครั้งนี้จะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศมองโกเลียที่เปรียบเสมือนบ้านพี่เมืองน้องที่มีความสัมพันธ์สืบเนื่องกันมาอย่างยาวนานให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

กทม. เดินหน้าคัดเลือกพื้นที่ต้นแบบ “กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์”

(26 ส.ค. 54) เวลา 09.00 น. : นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อพัฒนาตามกระแสพระราชดำรัส กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นผู้ทรงคุณวุฒิแบบกลุ่มย่อยครั้งที่ 2 โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านผังเมือง คณะผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ คณะผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กว่า 60 หน่วยงาน ร่วมประชุม ณ ห้องคริสตัล โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักผังเมือง จัดการประชุมพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อพัฒนาตามกระแสพระราชดำรัส กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นผู้ทรงคุณวุฒิแบบกลุ่มย่อย ในการพิจารณานำเสนอเกณฑ์การคัดเลือกพื้นที่ต้นแบบ และการนำเสนอพื้นที่ที่มีศักยภาพในด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกับแนวคิดภูมิทัศน์สาธารณะกรุงเทพมหานคร 3 องค์ประกอบหลัก ประกอบด้วย 1. ภูมิทัศน์เส้นทาง (Green Networks) 2. ภูมิทัศน์พื้นที่โล่งสาธารณะ(Green Nodes) 3. ภูมิทัศน์ย่านประวัติศาสตร์ (Green District) และจะทำการคัดเลือกพื้นที่ให้เหลือเพียง 3 พื้นที่ ที่มีความเหมาะสมที่สุด เพื่อนำมาพัฒนาเป็นพื้นที่นำร่องตามแนวคิด Master Plan ภูมิทัศน์สาธารณะกรุงเทพมหานคร ตามแนวพระราชดำริ กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการต่อยอด จากกรอบแนวคิดที่สรุปจากการประชุมรับฟังความคิดเห็นปรับปรุงฟื้นฟูเมืองตามแนวพระราชดำริ กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ซึ่งเป็นการประชุมย่อยครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 54

ทั้งนี้ การประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิแบบกลุ่มย่อย จะจัดครั้งที่ 3 ในวันที่ 8 ก.ย. 54 เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ 3 พื้นที่ ตามแนวคิด Master Plan ภูมิทัศน์สาธารณะกรุงเทพมหานคร ตามแนวพระราชดำริ กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ต่อไป

เดินหน้าสร้างสถานศึกษาปลอดเหล้าในกรุงเทพฯ

กทม. จับมือเครือข่าย สร้างสถานศึกษาปลอดเหล้าตามแผนบูรณาการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นำร่องในสถานศึกษา 2 แห่ง ได้แก่ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้นแบบสถานศึกษาปลอดเหล้าจริงจัง ยั่งยืน

(25 ส.ค. 54) เวลา 16.45 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจ สร้างความเข้าใจ รณรงค์และขอความร่วมมือร้านค้า และหอพักรอบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เขตบางซื่อ พร้อมทั้งแจกสื่อประชาสัมพันธ์ และปิดป้าย ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 แก่ร้านค้าและหอพักที่ปฏิบัติตามกฎหมาย นำร่องมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเป็นสถานสถานศึกษาปลอดเหล้า โดยมี ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักศึกษาแกนนำ ร่วมรณรงค์

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ขณะที่จำนวนร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะพื้นที่รอบสถานศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการเรียน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาทสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทำลายอนาคตของเยาวชน การสร้างสถานศึกษาปลอดแอลกอฮอล์ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันแก่เยาวชน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรมรณรงค์ ส่งเสริมให้สถานศึกษา ร้านค้า และหอพักรอบสถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง มีการสร้างความร่วมมือ และความเข้าใจกับร้านค้าต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 อย่างเคร่งครัด อีกทั้งสร้างแกนนำนักศึกษาเฝ้าระวังการกระทำผิดร่วมเพื่อสร้างเสริมให้บุคลากรในสถานศึกษานำร่องทราบว่าสถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ นอกจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือแล้ว สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังยังเป็นอีกหนึ่งแห่งที่เสนอตัวเป็นสถานศึกษานำร่องต้นแบบของสถานศึกษาปลอดเหล้าอย่างยั่งยืนในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือที่ดีจากนักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรในสถานศึกษา รวมถึงร้านค้าและหอพักรอบสถานศึกษาให้ดำเนินการร่วมกันอย่างบูรณาการและปฏิบัติตามกฎหมาย ด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดทำฐานข้อมูลร้านจำหน่ายเครื่องดื่มรอบสถานศึกษา รณรงค์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และช่องทางการร้องเรียนการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 สร้างนักศึกษาแกนนำในการเฝ้าระวังการกระทำผิด จัดกิจกรรมประเพณีปลอดเหล้า ประชุมร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อสร้างความตระหนักให้หันมาช่วยกันลดผลกระทบและลดปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกิดการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ จริงจัง และเป็นรูปธรรม

กทม. จัดกิจกรรมสัญจรสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า

กทม. เดินหน้าเพิ่มมาตรการกวาดล้างและป้องกันโรคระบาดอย่างเข้มงวดและจริงจัง ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จดทะเบียนสุนัข และฉีดไมโครชิป โดยไม่คิดค่าบริการ หมุนเวียนทุกพื้นที่เขต ตลอดเดือน ก.ย. นี้

(26 ส.ค. 54) เวลา 10.30 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว เรื่อง การจัดกิจกรรมสัญจรสร้างพื้นที่ปลอดภัยโรคพิษสุนัขบ้า ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.

กรุงเทพมหานครกำหนดจัดกิจกรรมสัญจรสร้างพื้นที่ปลอดภัยโรคพิษสุนัขบ้า ขึ้น เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้าเป็นปัญหาสาธารณสุข ที่สำคัญ ประกอบกับ องค์การอนามัยโรค (WHO) และองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) ได้กำหนดเป้าหมายที่จะกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากภูมิภาคของโลก ภายในปี 2563 ซึ่งพื้นที่ที่จะปลอดโรคพิษสุนัขบ้าดังกล่าวจะต้องไม่ปรากฎโรคพิษสุนัขบ้าในคนและสัตว์ทุกชนิดตลอดระยะเวลา 2 ปี สัตว์ในพื้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกตัว สุนัขในพื้นที่ได้รับการจดทะเบียนทุกตัว และไม่มีสุนัขจรจัดในที่สาธารณะ

สำหรับกิจกรรมสัญจรสร้างพื้นที่ปลอดภัยโรคพิษสุนัขบ้า ประกอบด้วย การรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดยไม่คิดค่าบริการ โดยดำเนินการวันละ 50 หน่วย ในทุกเขตทัวพื้นที่ หมุนเวียนไปตามชุมชนต่างๆ ระหว่างวันที่ 5-16 ก.ย.54 เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ การจัดหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการทำหมัน จดทะเบียนสุนัข และการฉีดไมโครชิปโดยไม่คิดค่าบริการ การจัดนิทรรศการผลงานการควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของศูนย์บริการสาธารณสุข ในพื้นที่เขตที่มีรายงานการพบโรคพิษสุนัขบ้า โดยดำเนินการวันละหน่วย หมุนเวียนไปตามชุมชนต่างๆ ที่มีรายงานการพบโรคพิษสุนัขบ้า ระหว่างวันที่ 5-30 ก.ย. 54 เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การอนามัยโรค และองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการเพิ่มมาตรการกวาดล้างและป้องกันโรคระบาดอย่างเข้มงวดและจริงจัง เพื่อให้กรุงเทพมหานครปลอดโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคนและในสัตว์ จึงขอเชิญชวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงนำสัตว์เลี้ยงไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฉีดไมโครชิป และผ่าตัดทำหมันโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ ณ หน่วยเคลื่อนที่ใกล้บ้านท่าน

ประชาชนผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการให้บริการในแต่ละวันได้ที่สำนักงานเขต และศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง หรือที่สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข สำนักอนามัย โทร. 0 2248 7417, 0 2245 3311 หรือ www.vphbma.com

ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ รับฟังการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้การบริหารงานกทม.

ผู้ว่าฯกทม. รับฟังการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรศัพท์มือถือ Smart Phone มาบริหารงานกทม. รับเป็นเรื่องที่ดีทุกโครงการนำไปใช้ได้ทันที เน้นต้องไม่ลืมภาพใหญ่ของกทม. ที่มีประชาชนอยู่หลายชนชั้น อยากให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง แต่ห่วงผู้คนขาดความสัมพันธ์ในการติดต่อสื่อสาร ต่างกับพบปะพูดคุยกันเป็นส่วนตัว ย้ำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องสำคัญและประชาชนก็สำคัญเช่นกัน

(26 ส.ค. 54) เวลา 10.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานรับฟังการนำเสนอโครงการการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มาใช้ในการบริหารงานกรุงเทพมหานคร ตามโครงการฝึกอบรมหลักสูตรผู้นำมหานคร พร้อมด้วย แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร โดยมี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการเขต จำนวน 80 คน ร่วมฟังการนำเสนอ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

โครงการการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มาใช้ในการบริหารงานกรุงเทพมหานคร เป็นการนำเสนอโครงการตามหลักสูตร การฝึกอบรมผู้นำมหานคร ซึ่งได้แบ่งกลุ่มการนำเสนอเป็น 6 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ด้านสาธารณสุข โครงการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในด้านการแพทย์และสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร โดยการใช้ระบบอินเทอร์เน็ต และการบริการผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ Smart Phone ในการลงทะเบียนทำบัตรผู้ป่วย การวางบัตรคิว โดยผู้ป่วยสามารถดำเนินการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ที่บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาแต่เช้า ตลอดจนการให้คำปรึกษาผ่านทางสมาร์ทโฟน โดยแพทย์สามารถติดต่อกับผู้ป่วยผ่านทางหน้าจอมือถือ กลุ่มที่ 2 ด้านสิ่งแวดล้อม โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองคูเมืองเดิม โดยการปรับปรุงสภาพคลองคูเมืองให้มีความสะอาด สวยงาม บูรณะกำแพงดินที่ชำรุดเสียหาย สร้างท่าเทียบเรือ ติดตั้งตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) รวมถึงการปรับปรุงทางเท้าที่ชำรุด กลุ่มที่ 3 ด้านความปลอดภัย โครงการ IT กับความปลอดภัย เป็นการให้ความรู้แก่ประชาชนผ่านทาง Social Network การแจ้งเตือนภัยผ่านทาง Facebook หรือ SMS การเพิ่มประสิทธิภาพการระงับเหตุไฟไหม้ กลุ่มที่ 4 การจราจร โครงการใช้โทรศัพท์มือถือ Smart Phone ในการบริหารราชการ และบริการประชาชนในกรุงเทพมหานคร โดยผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ประชาชน สามารถตรวจสอบเส้นทางจราจร ดูสภาพการจราจรผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์มือถือ Smart Phone กลุ่มที่ 5 การศึกษา โครงการการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษากรุงเทพมหานคร เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจของผู้บริหารอย่างมีประสิทธิภาพ และกลุ่มที่ 6 ด้านเศรษฐกิจ โครงการแจ้งการชำระภาษีผ่าน Smart Phone และโทรศัพท์มือถือ เพื่อแจ้งให้ประชาชนให้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี เตือนให้ผู้รับการประเมินภาษีเตรียมการชำระภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลเพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารงานกรุงเทพมหานครนั้นเป็นเรื่องที่ดี เป็นสิ่งสำคัญซึ่งจำเป็นในการพัฒนาต่อยอด เพื่อนำไปสู่การใช้งานให้มากขึ้น ซึ่งโครงการที่นำเสนอมานั้นทุกโครงการสามารถนำไปใช้ได้ทันที แต่ที่สำคัญต้องไม่ลืมภาพใหญ่ของกรุงเทพมหานครที่มีประชาชนอยู่หลายชนชั้น จึงอยากให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึงโดยเฉพาะชนชั้นรากหญ้า ซึ่งอาจไม่มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีสมัยใหม่เท่าที่ควร สำหรับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ Smart Phone อาจทำให้ผู้คนขาดความสัมพันธ์ในการติดต่อสื่อสารร่วมกัน ต่างกับการพบปะพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว พร้อมทั้งขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยกันระดมความคิดในการบริหารงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกันผลักดันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งนี้ต้องไม่ลืมภาพใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องสำคัญและประชาชนก็สำคัญเช่นกั