ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประธานสภากทม.นำคณะดูการบริหารนครลอสแองเจลิสเดินหน้าผลักดันให้ตำรวจเมืองเป็นของกทม.

(29 มี.ค. 55) ณ ศาลาว่าการนครลอสแองเจลสิส : นายสุทธิชัย วีระกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร นำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)ได้แก่ นายธวัชชัย ปิยะนนทยา ส.ก.เขตสาทร นายณัทวุฒิ หมัดนุรักษ์ ส.ก.เขตสวนหลวง นายเอก จึงเลิศศิริ ส.ก.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นางเรณุมาศ อิศรภักดี ส.ก.เขตหลักสี่ นายมนัส ปสาทรัตน์ เลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน เข้าเยี่ยมคารวะนายเฮิร์บ เวสสัน ประธานสภานครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยมีสมาชิกสภานครลอสแองเจลิส ร่วมให้การต้อนรับ

หลายเขตแจ้งชายไทยลงบัญชีทหารกองเกิน

ชายไทยที่มีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ หรือเกิดในปี พ.ศ.2534 และมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครให้ไปแสดงตน เพื่อขึ้นบัญชีทหารกองเกิน ที่สัสดีเขต ณ สำนักงานเขตที่มีรายชื่อในทะเบียนบ้าน โดยให้นำเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน และใบสำคัญ (สด.9) มาแสดงตน เพื่อรับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ (สด.35) สำหรับผู้ที่ไม่สามารถไปแสดงตนขอรับหมายเรียกด้วยตนเองได้ต้องให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและเชื่อถือได้ ซึ่งปกติควรเป็นบิดา-มารดา หรือผู้ปกครองไปแจ้งแทน ถ้าไม่ไปแจ้งแทนในปีนั้นถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืนทางอำเภอแจ้งความดำเนินคดีมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 300 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เขตตลิ่งชัน ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ โรงเรียนวัดตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ ในวันที่ 2 เม.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป สอบถามโทร.0 2424 1788
เขตยานนาวา ณ โรงเรียนวัดดอกไม้ ถ.พระรามที่ 3 ในวันที่ 4 เม.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป สอบถามโทร.0 2294 2393 ต่อ 6741
เขตสวนหลวง ณ โรงเรียนวัดปากบ่อ ซ.อ่อนนุช 35 ในวันที่ 5 เม.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป สอบถามโทร.0 2322 8430
เขตลาดกระบัง ณ โรงเรียนพรตพิทยพยัต ถ.ฉลองกรุง ในวันที่ 7 เม.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป สอบถามโทร.0 2326 9011 ต่อ 6891

ปทุมวันจัดบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติ

นางภาวิณี อามาตย์ทัศน์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. แจ้งว่า เขตฯ กำหนดจัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน จำนวน 85 รูป ระหว่างวันที่ 6-15 เม.ย. 55 ณ วัดดวงแข เขตปทุมวัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา ตลอดจนปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมวินัยในช่วงปิดภาคเรียนทั้งในภาควิชาการและการฝึกปฏิบัติ เช่น การศึกษาศีลธรรม–จริยธรรม พุทธประวัติ การทำวัตรสวดมนต์ การบริหารจิตและเจริญปัญญาในเบื้องต้น การฝึกสมาธิ แผ่เมตตา การออกรับบิณฑบาต เป็นต้น อันจะส่งผลให้เป็นผู้ที่มีจิตใจสงบเยือกเย็น มุ่งประพฤติปฏิบัติดี ถูกต้องตามแนวทางและคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา และเป็นแบบอย่างในการกระทำความดีทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม โดยในวันที่ 6 เม.ย. 55 จะมีพิธีปลงผมบรรพชาหมู่สามเณร จำนวน 85 รูป ตั้งแต่เวลา 09.09 น. เป็นต้นไป และกำหนดพิธีลาสิกขาบทในวันที่ 15 เม.ย. 55 เวลา 08.00 น. จึงขอเชิญชวนผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุระหว่าง 10–15 ปี สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวโปรดติดต่อรายละเอียดหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาชุมชนฯ โทร.0 2214 1330 หรือ 0 2214 3004 ต่อ 6339-41

ข้าราชการและบุคลากรกทม. ใช้สิทธิเลือกผู้แทนร่วมกำหนดทิศทางพัฒนางานบุคคล 26 เม.ย. นี้

นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า ตามที่ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 กำหนดให้กรุงเทพมหานครจัดการเลือกตั้งผู้แทนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ จำนวน 4 คน ผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 4 คน (โดยเลือกจากผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา 2 คน และผู้ดำรงตำแหน่งครู 2 คน) และผู้แทนข้าราชการกรุงเทพมหานครในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 1 คน เพื่อเป็นผู้แทนในคณะอนุกรรมการสามัญข้าราชการสามัญ คณะอนุกรรมการสามัญข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะอนุกรรมการสามัญข้าราชการอุดมศึกษา เพื่อร่วมกำหนดทิศทางการบริหารงานทรัพยากรบุคคลของกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้กรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการดำเนินจัดการเลือกตั้งผู้แทนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ และผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ซึ่งกำหนดจัดพร้อมกันในวันที่ 26 เม.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 08.00–15.00 น. ในส่วนของการเลือกตั้งกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครในสถาบันอุดมศึกษายังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้เนื่องจากติดปัญหาด้านข้อกฎหมายบางประการและอยู่ระหว่างหาข้อยุติ
ทั้งนี้ จะมีการประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในวันที่ 5 เม.ย. 55 สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2621 0031

ชาวสวนหลวงนำกลุ่มกรุงเทพใต้ประกาศเจตนารมณ์ตั้งมั่นเอาชนะยาเสพติด

(29 มี.ค.55) เวลา 09.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการประชาคมสวนหลวงประสานใจกรุงเทพใต้เอาชนะยาเสพติด ณ ห้องประชุม ชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ซึ่งสำนักงานเขตสวนหลวงจัดขึ้น โดยนำกลุ่มพลังมวลชนร่วมประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าพลังขับเคลื่อนต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในพื้นที่เขตฯ ประกอบด้วย ผู้นำศาสนา ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่เขต ผู้ประกอบการ อาสาสมัครสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ตัวแทนชมรม มูลนิธิ สมาคม องค์การสาธารณกุศล ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ผู้นำชุมชน และตัวแทนชุมชนจากกลุ่มเขตกรุงเทพใต้ ได้แก่ เขตบางรัก ปทุมวัน สาทร บางคอแหลม ยานนาวา คลองเตย วัฒนา พระโขนง บางนา และสวนหลวง จำนวน 1,000 คน ผนึกกำลังกันเป็นพลังแผ่นดิน พร้อมทั้งเฝ้าระวังและต่อต้านภัยยาเสพติด ทำให้เขตสวนหลวงเป็นเขตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ปปส.กทม.) ได้จัดวิทยากรบรรยายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับกลุ่มเป้าหมาย และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่เพื่อให้บุคคลใกล้ชิดปลอดภัยและไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดในปี 2555 พบว่า เด็กและเยาวชน ช่วงอายุ 15-19 ปี ยังมีอัตราเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นที่จะถูกชักจูงไปสู่การใช้ยาเสพติดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาไอซ์ ซึ่งเป็นตัวยาที่เข้ามาแทนที่ยาบ้า อย่างไรก็ตาม กทม. และสำนักงานเขต ได้เดินหน้าดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสำรวจ ค้นหาผู้ค้า ผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสนำผู้เสพเข้าสู่การบำบัดโดยสมัครใจ และบังคับบำบัด เพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดลดน้อยลง

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

กทม. เดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการของโรงพยาบาลในสังกัดต่อเนื่อง

โรงพยาบาลกลางจัดงานนิทรรศการและประกวดนวัตกรรม สร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานระหว่างบุคลากร ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างเป็นระบบ ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นเข้ารับบริการ ด้วยความพึงพอใจ
(28 มี.ค. 55) เวลา 11.00 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการจัดงานนิทรรศการและการประกวดนวัตกรรมโรงพยาบาลกลาง ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 – 29 มี.ค. 55 ณ ห้องประชุมเทเวศรงศ์วิวัฒน์ ชั้น 20 อาคารอนุสรณ์ 100 ปี โรงพยาบาลกลาง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในการพัฒนาคุณภาพการบริการ พร้อมทั้งนำเสนอการสร้างนวัตกรรมระดับส่วนราชการเพื่อให้เกิดเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีการพัฒนา คุณภาพต่อเนื่อง สามารถตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการเป็นอย่างดี และช่วยส่งเสริมให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร
สำหรับกิจกรรมในงาน ประกอบด้วย นิทรรศการนำเสนอผลงาน การบรรยายพิเศษ “ทิศทางนวัตกรรมไทยในอนาคต” และ “การสร้างแรงบันดาลใจ : หัวใจของนวัตกรรม” การอภิปรายเรื่อง “Change : คนเปลี่ยน องค์กรเปลี่ยน” “นวัตกรรมพลังขับเคลื่อนองค์กร มุมมองผู้บริหาร” และ “นวัตกรรม HPO : มุมมองข้าราชการไทย”
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวชื่นชมบุคลากรของโรงพยาบาลกลางที่ร่วมมือร่วมใจปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และเสียสละ รวมถึงมีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานพัฒนาโรงพยาบาลให้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้ประชาชน เกิดความไว้วางใจและเข้ารับบริการด้านการแพทย์และพยาบาลที่โรงพยาบาลกลางด้วยความมั่นใจ เกิดความพึงพอใจในการให้บริการ ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยให้บุคลากรของโรงพยาบาลเกิดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาที่ถูกต้อง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ พร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพของงานที่ทำอย่างต่อเนื่องต่อไป

รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ จัดสัมมนาวิชาการก้าวสู่ความเป็นเลิศ ผ่าตัดผ่านกล้อง “ซ่อนแผล”

(28 มี.ค. 55) เวลา 09.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ 2nd Bangkok Annual Congress in Minimally Invasive Surgery (BMIS 2012) เพื่อให้ความรู้เชิงวิชาการในด้านทักษะการผ่าตัด และสร้างศักยภาพการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 28-29 มี.ค. 55 เวลา 08.00-16.00 น. โดยมี แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายแพทย์พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการแพทย์ ผู้บริหารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ แพทย์ พยาบาล และผู้ร่วมประชุม รวมจำนวน 300 คน ร่วมงาน ณ ห้องประชุมอุดมสังวรญาณ ชั้น 23 อาคาร 72 พรรษามหาราชินี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
กรุงเทพมหานคร โดยโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ จัดการประชุมวิชาการ 2nd Bangkok Annual Congress in Minimally Invasive Surgery (BMIS 2012) เพื่อให้ความรู้เชิงวิชาการในด้านทักษะการผ่าตัด เรียนรู้นวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ และสร้างศักยภาพการผ่าตัดผ่านกล้อง รวมทั้งช่วยกระตุ้นให้การแพทย์และพยาบาลหันมาพัฒนาการผ่าตัด ผ่านกล้องขั้นสูงไปพร้อมกับการบริการที่ทันสมัยและเกิดความเชื่อมั่นในการให้บริการสูงสุด ซึ่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์มีความโดดเด่นด้านการผ่าตัดผ่านกล้องแบบรูเดียว โดยแผลจะซ่อนอยู่บริเวณสะดือจนมองไม่เห็นรอยแผล (Single Port Surgery) และในอนาคตจะพัฒนาเป็นการผ่าตัดผ่านกล้องแบบไร้แผล (Natural Orifice Transillumination Endoscopic Surgery หรือ NOTES) สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ข้าราชการระดับปฏิบัติการ-ชำนาญการพิเศษ ในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คน และแพทย์ พยาบาล นอกสังกัด จำนวน 200 คน รวมจำนวน 300 คน การประชุมเป็นแบบไป-กลับ จำนวน 2 วัน ณ ห้องประชุมอุดมสังวรญาณ ชั้น 23 อาคาร 72 พรรษามหาราชินี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวยินดีที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ที่เป็นตัวแทนของโรงพยาบาลในสังกัด สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โดยการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ความรู้และผลงานวิจัยแล้ว ยังเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดผ่านกล้องระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีความปลอดภัยและเกิดความเชื่อมั่นในการบริการอย่างสูงสุด

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

กทม.ชวนทุกภาคส่วนปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน 31 มี.ค.นี้ พร้อมกันทั่วโลก

(27 มี.ค.55) เวลา 16.20 น. : ดร.วัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนพาเหรดรณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ( 60+ Earth Hour 2012) ภายใต้แคมเปญ “I Will if You Will : เธอกล้าท้า...ฉันกล้าให้ ปิดไฟให้โลกพักสักงีบ” บริเวณหน้าโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส เขตปทุมวัน เพื่อรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชน องค์กรภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน ร่วมกันปิดไฟที่ไม่ใช้งานเป็นเวลา 1 ชั่วโมงในวันเสาร์ที่ 31 มี.ค.55 ตั้งแต่เวลา 20.30–21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นร่วมกับเมืองต่างๆ 5,251 เมือง 135 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งสร้างความตระหนักให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการลดใช้ไฟฟ้า เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานและยังเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมาจากการร่วมมือของทุกภาคส่วน สามารถลดกระแสไฟฟ้าได้ถึง 2,346 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,255 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6.6 ล้านบาท

สรุปข่าวบริการสำนักงานเขต

สำนักงานเขตต่างๆ ของกรุงเทพมหานครพร้อมบริการทุ่มเทการทำงาน เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ดังนี้
เขตตลิ่งชัน นางมัณฑนา ชูติกาญจน์ ผู้อำนวยการเขตตลิ่งชัน กทม. แจ้งว่า เขตฯ โดยฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ จัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการเข้าฉีดพ่นสารเคมีกำจัดยุงลาย พร้อมประชาสัมพันธ์รณรงค์การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงให้ประชาชน ได้มีความรู้ความเข้าใจ บริเวณภายในชุมชนต่างๆ ระหว่างเวลา 9.00น. เป็นต้นไปจนแล้วเสร็จ ดังนี้ วันที่ 29 มี.ค. 55 ชุมชนริมทางรถไฟชัยพฤกษ์ และวันที่ 30 มี.ค. 55 ชุมชนวัดมณฑป นอกจากนี้หากพบเห็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้รีบทำลายหรือแจ้งฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ โทร.0 2424 9702, 0 2882 7554
เขตสาทร นางสาวพรรณทิพา งามญาณ ผู้อำนวยการเขตสาทร กทม. แจ้งว่า เขตฯ โดยฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ได้ดำเนินการล้างทำความสะอาดพื้นที่ โดยให้คนงานพร้อมอุปกรณ์ รถบรรทุกน้ำ ผงซักฟอก เช็ดถู ล้างทำความสะอาดทางเท้า ผิวจราจร ป้ายสัญญาณจราจร ศาลาที่พักผู้โดยสาร จุดพักรวมขยะ ขยะมูลฝอย ฉีดล้างช่องตะแกรงระบายน้ำ ขุดลอกแผ่นประกาศตามเสาไฟฟ้า และตู้โทรศัพท์ รั้วราวเหล็กล้างสะพานลอยคนเดินข้ามล้างทำความสะอาด ล้างทำความสะอาดบริเวณคอกต้นไม้ ถอนหญ้า เป็นการลดภาวะโลกร้อน ในวันที่ 29 มี.ค. 55 เวลา 09.00–12.00 น. ณ บริเวณ ถ.สาทรใต้ จากปาก ซ.สวนพลู ถึงปาก ซ.สาทร 11
เขตบางกอกน้อย นายอภิรัฐ ตราดุษฎี ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย กทม. แจ้งว่า เขตฯ กำหนดวันทิ้งของเหลือใช้ ในวันที่ 31 มี.ค. 55 เวลา 09.00-12.00 น. บริเวณชุมชนสันติชนสงเคราะห์ แขวงอรุณอมรินทร์ หากประสงค์จะทิ้งขอให้รวบรวมไว้บริเวณหน้าบ้านให้เรียบร้อยเพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการจัดเก็บในวัน และเวลาดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ โทร.0 2424 0056 ต่อ 5675-6
เขตบึงกุ่ม นายกฤษณ์ เกียรติพนชาติ ผู้อำนวยการเขตบึงกุ่ม กทม. แจ้งว่า วันที่ 1 เม.ย. 55 เวลา 09.00-12.00 น. เขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ และเจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าดำเนินการพัฒนาทำความสะอาดสะพานลอยคนข้าม บริเวณ ถ.เสรีไทย ตั้งแต่แยกนิด้าถึงคลองระหัสทั้งสองฝั่ง และบริเวณ ถ.นวมินทร์ ตั้งแต่ ซ.นวมินทร์ 129 ถึง ซ.นวมินทร์ 149
เขตราษฎร์บูรณะ นางฉัฐนันท์ อินทราชา ผู้อำนวยการเขตราษฎร์บูรณะ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้กำหนดจัดโครงการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ในวันที่ 30 มี.ค. 55 โรงเรียนเยาวมิตร และโรงเรียนปัญญาศักดิ์ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออก
เขตคลองเตย นางรัตนาภรณ์ สังขกรมานิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตคลองเตย กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้ดำเนินการรณรงค์พัฒนาความสะอาดล้างทางเท้า ผิวจราจร และจุดพักขยะ สำหรับวันที่ 29 มี.ค. 55 เวลา 10.00-12.00 น. บริเวณ ถ.ดวงพิทักษ์ ตั้งแต่แยกพระราม 4 ถึงประตูโรงงานยาสูบ

หลายเขตเชิญชวนประชาชนร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์

เขตลาดกระบัง นายประวิช ศรีวิลัย ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง กทม. แจ้งว่า เขตฯ ร่วมกับ สก. สข. และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่ จัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ เนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พร้อมกับพระราชพิธี ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 9 เม.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 15.00–22.00 น. ณ วัดปลูกศรัทธา (วัด 4) แขวงลาดกระบัง กำหนดการพระราชพิธีเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. มีการแสดงพระธรรมเทศนา และเวลา 16.30–22.00 น. ขอเชิญพสกนิกรชาวไทยทุกท่านร่วมถวายดอกไม้จันทน์ หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการพระประวัติและพระกรณียกิจ ตลอดจนการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจากหน่วยงานต่างๆตลอดงาน จึงขอเชิญชวนพสกนิกรชาวลาดกระบังและพื้นที่ใกล้เคียงทุกท่าน ร่วมแต่งกายไว้ทุกข์ในวันที่ 8–10 เม.ย. 55 หน่วยงานและสถานที่ต่างๆ ลดธงครึ่งเสาในห้วงเวลาดังกล่าว และขอเชิญร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์สักการะสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ในวันที่ 9 เม.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 15.00–22.00 น. ณ วัดปลูกศรัทธา เขตลาดกระบัง โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงความอาลัย แสดงความจงรักภักดี รวมทั้งระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกโปรดเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ
เขตจตุจักร นายอิศราเมศร์ คชานุกูลย์ ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กทม. แจ้งว่า ตามที่กรุงเทพมหานคร ได้มีนโยบายให้สำนักงานเขตจัดหาสถานที่สำหรับจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในวันที่ 9 เม.ย. 55 เวลา 15.00-22.00 น. เพื่อให้ประชาชนร่วมไว้อาลัย เขตฯ จึงกำหนดจัดพิธีที่วัดเสมียนนารี โดยจะมีการซ่อมแซมถนนด้านหน้าวัดเสมียนนารีเพื่อรองรับการจราจร และดำเนินการจัดแต่งสถานที่ ในวันที่ 8 เม.ย. 55 พร้อมได้ประสานสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเพื่อรักษาความปลอดภัยในบริเวณพิธี
เขตภาษีเจริญ นายจตุรงค์ ผ่องลำเจียก ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้กำหนดจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์เนื่องในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพื่อเป็นการให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชนทุกหมู่เหล่า และประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมถวายอาลัยด้วยการแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์และร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ในวันที่ 9 เม.ย. 55 ณ เมรุวัดปากน้ำภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป พร้อมรับชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พระประวัติ พระกรณียกิจ ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ และการแสดงจากนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เขตภาษีเจริญ

สำนักพัฒนาสังคมจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการแนวทางการพัฒนาสตรียุคใหม่ ณ จังหวัดนครนายก

นายโกสิน เทศวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. แจ้งว่า สำนักพัฒนาสังคมกำหนดจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการแนวทางการพัฒนาสตรียุคใหม่แก่สตรีที่เป็นแกนนำสตรีในชุมชน จำนวน 100 คน และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จำนวน 20 คน ในวันที่ 29-30 มี.ค. 55 ณ จังหวัดนครนายก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้และความเข้าใจในบทบาทของสตรียุคใหม่ในสังคมเมือง ครอบครัว ชุมชน และสังคม รวมทั้งส่งเสริมภาวะการเป็นผู้นำสตรีในชุมชนในการมีส่วนร่วมการสร้างครอบครัว ชุมชน และสังคมให้เข้มแข็งอบอุ่นและสมานฉันท์

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

กทม. นัดประชุม 33 หน่วยงานสาธารณูปโภค 28 มี.ค. นี้ ร่วมสร้างกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์

(26 มี.ค. 55) นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า ในวันที่ 28 มี.ค.55 เวลา 14.30 น. กทม. ได้เชิญหัวหน้าหน่วยงานราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการด้านสาธารณูปโภคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 33 หน่วยงาน อาทิ การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง ทีโอที การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมเพื่อประสานความร่วมมือในการพัฒนากรุงเทพมหานครสู่ “กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์” ตามแนวพระราชดำริ โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. ทั้งนี้ สาระสำคัญการประชุม กทม.จะเน้นการประสานงานใน 4 ระดับ ทั้งระดับนโยบาย อำนวยการ ปฏิบัติการ และระดับพื้นที่ เพื่อประสานความร่วมมือและบูรณาการโครงการต่างๆ ใน 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความปลอดภัย เมืองน่าอยู่ ด้านคุณภาพชีวิต ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจและสังคม อาทิ โครงการความปลอดภัยจากอาชญากรรม ความปลอดภัยทางน้ำ การเดินทาง และด้านอุบัติภัย การรวบสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน การปรับปรุงผิวจราจร การควบคุมรถแก๊สให้ได้มาตรฐาน การเพิ่มสวนสาธารณะ การคมนาคม การท่องเที่ยว การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมด้านสุขภาพและการกีฬา การขยายหลักสูตรโตไปไม่โกง การเพิ่มห้องสมุดชุมชน และเพิ่มห้องเรียน ipad การจัดทำ Food Bank การดูแลเด็กเร่ร่อนและคนไร้บ้าน โครงการยิ้มสู้กู้สร้างอาชีพ และการเพิ่มสาขาโรงรับจำนำ เป็นต้น

กทม. เตรียมเปิดให้บริการ Wi-Fi แก่ประชาชน ฟรี

(26 มี.ค. 55) นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 10/55 ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกทม. ว่า วันนี้ที่ประชุมได้มีการหารือการให้บริการอินเตอร์ไร้สาย (WiFi) แก่ประชาชนฟรี เนื่องจากการให้บริการที่มีอยู่เดิมหมดสัญญาการให้บริการเมื่อเดือน มิ.ย. 54 ที่ผ่านมา โดยการบริการรอบใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาจะมีกำหนดให้บริการเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เชิญ 4 บริษัทที่ให้บริการระบบอินเตอร์เน็ตไร้สายเข้ารับทราบรายละเอียด ปรากฎว่ามี 2 บริษัท คือ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต จำกัด และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ยินดีเข้าร่วมโครงการ โดยมีความเร็วในการให้บริการมี 2 รูปแบบ ดังนี้ ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 256 กิโลบิต/วินาที (Download)/128 กิโลบิต/วินาที (Upload) แบบไม่จำกัดเวลาการใช้งาน และความเร็วสูงสุดไม่เกิน 2 เมกกะบิต/วินาที (Download) /512 กิโลบิต/วินาที (Upload) การใช้งาน 5 ชั่วโมง/เดือน
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ค่าป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งการจัดทำ ติดตั้ง บำรุงรักษา 2. ค่าภาษีป้าย และ 3. ค่าติดตั้งจุดให้บริการ (Hot Spot) และค่ากระแสไฟฟ้า ทางบริษัทฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด โดยที่กทม.ไม่ต้องใช้งบประมาณใดๆ ในการดำเนินการโครงการฯ โดยการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการนั้น กทม.จะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

กทม. จัดหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่เชิงรุก 28 มีนาคมนี้

พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครตระหนักถึงการดูแลสุขภาพคนกรุงเทพฯ จึงได้จัดหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่เชิงรุกให้บริการประชาชน ในวันที่ 28 มี.ค. 55 เวลา 08.00-12.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์วัดดอนเมือง เขตดอนเมือง ซึ่งการให้บริการประกอบด้วย ตรวจรักษาโรคทั่วไป ตรวจคัดกรองความเสี่ยงสุขภาพ ตรวจเบาหวาน ตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจมวลกระดูก ตรวจรักษาโรคช่องปากและฟันด้วยการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน เอกซเรย์ปอด ให้คำปรึกษาแนะนำปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต ยาเสพติด เอดส์ การใช้ยา โภชนาการและสาธิตอาหาร บริการรถคลายเครียดเคลื่อนที่ รถสร้างสรรค์กิจกรรมสร้างสุข บริการตัดผม-ซอยผม บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่สัตว์เลี้ยง ทำหมันสุนัขและแมว (งดอาหารและน้ำสัตว์เลี้ยงก่อนทำหมัน 8-12 ชั่วโมง) จดทะเบียนสุนัขและฉีดไมโครชิป (กรุณาเตรียมสำเนาบัตรประชาชนเจ้าของสุนัขและสำเนาทะเบียนบ้านที่สุนัขอาศัยอยู่) มอบถุงยังชีพ แว่นตาสำหรับผู้สูงอายุ และทีมสหวิชาชีพเยี่ยมชุมชนเพื่อให้บริการผู้ป่วย ที่เคลื่อนย้ายลำบากไม่สามารถไปใช้บริการที่หน่วยเคลื่อนที่ได้

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

เตรียมประกาศสงกรานต์ กทม. ปี 55 เป็นสงกรานต์ ปลอดเหล้า

(23 มี.ค. 55) เวลา 13.00 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับจดหมายเปิดผนึกจากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ และเครือข่ายเกสรชุมชน นำโดยนายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิชายหญิงก้าวไกล และสมาชิกเครือข่ายกว่า 50 คน เพื่อให้กทม. มีมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันปัญหาความรุนแรง การคุกคามทางเพศและอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยกลุ่มเครือข่ายฯ มีข้อเสนอ ดังนี้ 1. การวางแผนเชิงรุกรับมือกับปัญหาและพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ อาทิ สร้างกลไกระงับเหตุ การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ การรับแจ้งข่าวร้องทุกข์ และหากพื้นที่ใดที่จัดงานเล้วเกิดเหตุโดยมิได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขพื้นที่นั้นจะต้องรับผิดชอบ 2. มีนโยบายให้แต่ละเขตจัดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยกับผู้หญิงและเด็กและเป็นการลดพื้นที่เสี่ยง 3. ขอให้เข้มงวดกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็ก คนเมาขาดสติ ขายโดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงการเร่ขายและขอให้เร่งประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ข้อสำคัญคือกำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่เป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง และ 4. ขอให้พึงตระหนักว่าการทำกิจกรรมร่วมกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม.จะตกเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ รวมทั้ง CSR ให้ธุรกิจบาป และมีความหมิ่นเหม่ต่อการกระทำความผิดพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ทั้งมาตรา 30 และมาตรา 32
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่กลุ่มเครือข่ายและเยาวชนตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว กทม. โดยสำนักอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีมาตรการดูแลเรื่องนี้มาโดยตลอด ในทุกๆ เทศกาลได้มีการออกหนังสือเตือน เพื่อป้องกัน ปราบปรามและแนะแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้สำนักงานเขตในฐานะเจ้าพนักงานเข้าควบคุมดูแลพื้นที่ที่รับผิดชอบไม่ให้เกิดเหตุอันไม่พึงประสงค์ อีกทั้งมีโครงการต่างๆ ที่ชักชวนให้ประชาชน เยาวชน หันมาให้ความสนใจกับพระพุทธศาสนาและห่างไกลจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเทศกาลสำคัญๆ อาทิ โครงการสวดมนต์ข้ามปี ในเทศกาลปีใหม่, โครงการรักแท้รักธรรม ในวันวาเลนไทน์, โครงการธรรมะในสวน เป็นต้น
สำหรับการจัดงานสงกรานต์ในปีนี้ ผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีนโยบายให้สำนักงานเขตเป็นผู้จัดงานในพื้นที่เขต เพื่อให้การดูแล ควบคุมพื้นที่ให้ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการปล่อยให้ภาคเอกชนเป็นผู้จัดงานจะทำให้การควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปได้ยาก โดยในทุกพื้นที่ของการจัดงานจะมีการติดป้ายเขตปลอดแอลกอฮอล์ เพื่อเป็นการเตือน ซึ่งหากพบมีการฝ่าฝืน หรือมีพื้นที่ใดจัดงานไม่เหมาะสม ขอให้แจ้งกทม. ที่สายด่วน โทร. 1555 หรือสำนักงานเขต เพื่อกทม. จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินการพร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจสนับสนุนการทำงานด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

รับตกเบิกย้อนหลัง 6 เดือนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุกทม.ภายใน 30 มี.ค.นี้

(22 มี.ค.55) ที่ศาลาว่าการกทม. 14.00 น. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบนโยบายให้แก่หัวหน้าส่วนราชการสังกัดสำนักพัฒนาสังคม และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาสังคมและสวัสดิการสังคม 50 สำนักงานเขต ในการประชุมแนวดิ่งฝ่ายพัฒนาชุมชนเพื่อมอบนโยบายและติดตามการดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคมกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดให้จ่ายเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันไดสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยผู้ที่มีอายุ 60 - 69 ปี จะได้รับเงิน 600 บาท ผู้ที่มีอายุ 70 - 79 ปี จะได้รับ 700 บาท ผู้ที่มีอายุ 80 - 89 ปี จะได้รับ 800 บาท ขณะผู้ที่มีอายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.54
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เนื่องจากในปีงบประมาณ 2555 กทม.ได้รับอนุมัติเงินอุดหนุนรัฐบาลในโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ หรือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นจำนวนเงินกว่า 2,000 ล้านบาท แต่เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้จ่ายเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันไดทำให้งบประมาณที่ต้องใช้ในการเบิกจ่ายเป็นเบี้ยยังชีพรายเดือนแบบขั้นบันไดสำหรับผู้สุงอายุเพิ่มขึ้นเป็นเงินกว่า 3,890 ล้านบาท ส่งผลให้ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน ต.ค.54 – มี.ค.55 กทม.จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุรายละ 500 บาทต่อเดือนไปก่อน อย่างไรก็ตามขณะนี้ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนก.พ.55 ดังนั้น กทม.โดยสำนักงานเขต 50 เขต จะดำเนินการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดตกเบิกย้อนหลังเดือน ต.ค.54 – มี.ค.55 รวม 6 เดือน ภายในวันที่ 30 มี.ค.55 ส่วนการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือน เม.ย.55 เป็นต้นไป จะสามารถจ่ายเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันไดได้ตามกำหนดวันที่ 10 ของทุกเดือน ณ สำนักงานเขตพื้นที่ที่ได้ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

ปธ.สภากทม. จี้โยธา 50 เขต เข้มตรวจอาคารสูงและสถานบันเทิงในพื้นที่รับผิดชอบ

(21 มี.ค. 55) นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากทม. ร่วมกับนายนิวัฒน์ ไชยมิ่ง ผู้อำนวยการเขตจอมทอง นายธนาชิต ชูติการญจน์ หัวหน้าฝ่ายการโยธา และเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตจอมทองกทม. ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรการความปลอดภัยอาคาร 12 ชั้น โรงพยาบาลบางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นเนล และอาคาร 20 ชั้น บริษัท ป.เจริญพันธ์ เขตจอมทอง
ประธานสภากทม. กล่าวว่า ทั้ง 2 อาคารสร้างขึ้นหลังปี 2535 ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าอาคารดังกล่าวมีมาตรฐานความปลอดภัยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 อาทิ ระบบสัญญาณเตือนภัย สปิงเกอร์ดับเพลิง ทางหนีไฟฉุกเฉิน รวมทั้งมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ไว้สำหรับให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบถือว่าเป็นอาคารสูงที่มีความปลอดภัยในระบบการป้องกันต่างๆ รวมทั้งได้ผ่านการตรวจสอบและได้รับใบอนุญาต (ร.1) จากสำนักการโยธาแล้ว นอกจากนี้ในส่วนของอาคารสูงที่สร้างก่อนปี 2535 พบว่าอาคารบางส่วนยังไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งทางสำนักงานเขตได้เข้าไปตรวจสอบและแนะนำผู้ประกอบการให้เร่งดำเนินการแก้ไขอยู่ในขณะนี้ โดยอาคารสูงภายในเขตจอมทองมีอยู่ประมาณ 20 อาคาร นอกนั้นจะเป็นประเภทอาคารพาณิชย์และอาคารบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามสภากทม. ได้ตั้ง คกก.วิสามัญติดตามตรวจสอบมาตรการความปลอดภัยอาคารสูงประเภทต่างๆในกทม. ซึ่งจะคอยติดตามและเร่งรัดให้สำนักงาน 50 เขต ตรวจสอบและรายงานจำนวนอาคารสูงที่สร้างก่อนและหลังปี 2535 ในพื้นที่กทม. ทั้งเร่งให้สำนักการโยธาและสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการเอาผิดเจ้าของอาคารที่ละเลยหรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2542
นอกจากนี้จะมีการลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจนครบาลเพื่อตรวจสถานบันเทิงและอาคารสูงประเภทต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่กทม. จะต้องเข้มงวดกับเจ้าของอาคารอย่างจริงจังในการให้ความสำคัญกับมาตรการความปลอดภัยอาคารสูงที่กทม.กำหนดไว้ ซึ่งจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านความปลอดภัยให้กับกรุงเทพมหานคร และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

กทม. ลงนามเมืองพี่เมืองน้องกับกรุงอังการ่า สาธารณรัฐตุรกี มองการท่องเที่ยวและปัญหาสังคมเป็นเป้าหมายหลัก

กรุงเทพมหานครขยายความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ร่วมลงนามข้อตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์กับกรุงอังการ่า สาธารณรัฐตุรกี หวังดึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การลงทุน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนด้านปัญหาสังคม ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
(21 มี.ค. 55) เวลา 12.30 น. ที่กรุงอังการ่า สาธารณรัฐตุรกี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมลงนามความตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนฉันท์มิตร กับ Mr.Melih Gokcek นายกเทศมนตรีกรุงอาการ่า สาธารณรัฐตุรกี เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีและไมตรีจิตระหว่างประชาชนของทั้งสองนคร โดยมีนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคนร นายศุภชัย ตัณติคมน์ นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางรัชนีวรรณ อัศวธิตานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล และนางเสาวภาคย์ กระจ่างยุทธ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ ร่วมพิธี
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครและกรุงอังการ่า จะดำเนินการแลกเปลี่ยนและให้ความร่วมมือฉันท์มิตรในด้านการบริหารจัดการ การบริการ ศิลปะและวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี การจัดการภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งกิจการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารมหานคร ด้วยวิถีทางหลายรูปแบบตามหลักการแห่งความเสมอภาค และอำนวยประโยชน์แก่กันบนพื้นฐานแห่งสัมพันธไมตรีซึ่งได้พัฒนาขึ้นใหม่นี้ ซึ่งการลงนามครั้งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์มีความใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งนี้กรุงอังการ่า ให้ความสำคัญและประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสังคมเป็นอย่างมาก เช่น ปัญหาเด็ก ปัญหาสตรี ปัญหาคนพิการ เป็นต้น ซึ่งกรุงเทพมหานครก็มีปัญหาดังกล่าวเช่นกัน จึงมีแนวคิดในการนำตัวอย่างดังกล่าวมาปรับใช้กับกทม. ในแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่มาศึกษาดูงานอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับเรื่องที่สามารถดำเนินการได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันก็คือ “การท่องเที่ยว” เพราะปัจจุบันชาวตุรกีเดินทางไปท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ปีละประมาณ 40,000-50,000 คน ในขณะที่ชาวไทยมาเที่ยวตุรกี ปีละประมาณ 7,000 คน และตุรกีมีสายการบินที่เดินทางจากกรุงเทพฯ มาที่กรุงอิสตันบูล ทุกวันๆ ละ 2 เที่ยวบิน คาดว่าจะสามารถแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวได้ผลมากยิ่งขึ้น
“ผมไม่ต้องการให้การลงนามความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้องครั้งนี้เป็นแค่เพียงการลงนามในแผ่นกระดาษ แต่ควรดำเนินการทุกอย่างให้เป็นรูปธรรม ขณะที่กรุงอังการ่าซึ่งเป็นเมืองหลวงของตุรกีก็มีจุดเด่นในด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แม้จะยังไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปก็ตาม นอกจากนั้นกทม. กับอังการ่า มีลักษณะของการเป็นเมืองหลวงที่คล้ายกัน โดยกรุงธนบุรีก่อตั้งขึ้นมาหลังจากแพ้สงคราม ส่วนกรุงรัตนโกสินทร์ คือ จุดเริ่มต้นของการมีชีวิตใหม่ของคนไทย และอังการ่าก็เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตุรกีเช่นกัน ทั้งนี้กรุงอังการ่า เป็นเมืองที่กรุงเทพมหานครได้ลงนามการสถาปนาเมืองพี่เมืองน้อง เป็นลำดับที่ 20 ต่อจากนครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน” ผว.กทม. กล่าวในตอนท้าย
ด้าน Mr.Melin Gokcek นายกเทศมนตรีกรุงอังการ่า กล่าวว่า ยินดีที่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์กับกรุงเทพมหานครเป็นอย่างยิ่ง โดยจะมีการแลกเปลี่ยนกันหลายด้านตามแต่โอกาส ทั้งนี้ตนให้ความสนใจและความสำคัญกับเด็ก สตรี และคนพิการเป็นอย่างมาก เด็กที่นี่ชอบการเรียนรู้คอมพิวเตอร์ ชอบเล่นกีฬาและดนตรี ดังนั้นจึงพยายามที่จะหาการบริการอื่นๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของเด็กเหล่านี้ เช่น การจัดหาอาหาร การดูแลเรื่องความเป็นอยู่ที่ดี และจะพยายามสร้างความสันติสุขให้กับเมืองอังการ่ามากที่สุด รวมทั้งการสร้างโอกาสให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสในสังคมให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยินดีต้อนรับคณะจากกรุงเทพมหานครในการศึกษาดูงานด้านปัญหาสังคมและด้านอื่นๆ ในอนาคตต่อไป

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

เวลา 09.00 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ
ประจำปี 2555 รพ.ตากสิน
ณ ห้องประชุมชั้น 6 รพ.ตากสิน
เวลา 13.30 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานเปิดการประชุมชี้แจงมอบนโยบายและมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ศูนย์ อปพร. ดีเด่น ประจำปี 2555
ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น
เวลา 13.30 น. ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานการประชุมแก้ไขปัญหา
การจัดระเบียบตู้โทรศัพท์สาธารณะ
ณ ห้องนพรัตน์ กทม.

เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพจัดตั้งโรงทานบริการประชาชนร่วมพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ

(20 มี.ค.55) นางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานประชุมคณะกรรมการฝ่ายพิธีการการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยกล่าวถึงความพร้อมของการเตรียมงานพระราชพิธีฯ ในส่วนที่กรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายว่า ขณะนี้ได้จัดเตรียมดอกไม้จันทน์สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมในพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ โดยจัดเตรียมในส่วนกลางที่บริเวณท้องสนามหลวง จำนวน 240 ,000 ดอก และ 460,000 ดอก สำหรับประชาชนที่จะไปร่วมพิธี ณ 46 วัด ใน 46 เขต ทั่วกรุงเทพฯ ในส่วนของการก่อสร้างซุ้มรับดอกไม้จันทน์จำนวน 5 ซุ้ม ณ บริเวณท้องสนามหลวง (ด้านทิศเหนือ) 3 ซุ้ม บริเวณท่าช้าง 1 ซุ้ม บริเวณทางเท้าฝั่งตรงข้ามพระแม่ธรณีบีบมวยผม 1 ซุ้ม ก็จะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ทันต่อการซักซ้อมพระราชพิธีครั้งใหญ่ ซึ่งเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพิธีถวายดอกไม้จันทน์ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ได้จัดเจ้าหน้าที่มาดูแลและจัดระเบียบประชาชนเข้าถวายดอกไม้จันทน์ด้วย
สำหรับการตั้งโรงทานเพื่อบริการประชาชนที่มาร่วมพิธีฯ ระหว่างวันที่ 8 -10 เม.ย. 55 ณ บริเวณท้องสนามหลวงและบริเวณใกล้เคียงนั้น ขณะนี้มีหน่วยงาน มูลนิธิ และประชาชนแจ้งความประสงค์ขอร่วมเป็นเจ้าภาพจัดตั้งโรงทาน จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิอาพันปีมารศรี คุณสุนีย์(วัดยานนาวา) สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ และหมู่บ้านรินทร์ทอง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทั้งนี้หากประสงค์ร่วมบริจาคเงินสมทบการจัดตั้งโรงทาน หรือจะจัดตั้งโรงทานร่วมกับกรุงเทพมหานคร สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ กองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร โทร. 0 2221 2170

6 ต้นแบบผู้สูงอายุสุขภาพดีเตรียมรับโล่จากผู้ว่าฯ กทม. ในงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ

(20 มี.ค. 55) เวลา 11.00 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีประกาศผลการประกวดสุขภาพผู้สูงอายุ สำนักการแพทย์ ประจำปี 2555 ณ ห้องประชุมพิทยรักษ์ ชั้น 4 สำนักการแพทย์ ซึ่งแบ่งการประกวด เป็น 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 60 – 65 ปี ได้แก่ นายสุรินทร์ คุ้มรอด อายุ 64 ปี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และนางกันยา เอกบุรุษกุล อายุ 62 ปี โรงพยาบาลลาดกระบัง รุ่นอายุ 65 – 70 ปี ได้แก่ นายณรงค์ ช้างทอง อายุ 68 ปี และนางสุวิญญา กังสดาลย์ อายุ 69 ปี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และรุ่นอายุ 70 ปีขึ้นไป ได้แก่ นายอร่าม สัตย์ธรรม อายุ 81 ปี โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ และนางสาหร่าย มาตย์นอก อายุ 80 ปี โรงพยาบาลลาดกระบัง โดยผู้ชนะการประกวดได้รับเงินรางวัลคนละ 1,200 บาท พร้อมโล่รางวัลจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีพิธีมอบโล่รางวัลในการจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติวันที่ 11 เม.ย. 55 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลขวัญใจคณะกรรมการประกวดสุขภาพผู้สูงอายุสำนักการแพทย์ ประจำปี 2555 ได้แก่ นายปรีชา บุญเชิด อายุ 79 ปี โรงพยาบาลกลาง และนางเสาวนีย์ เปรมสมาน อายุ 83 ปี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การประกวดสุขภาพผู้สูงอายุ เป็นการคัดเลือกผู้สูงอายุสุขภาพดีจากชมรมผู้สูงอายุของโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 9 แห่ง เพื่อส่งเสริมสนับสุนให้ผู้สูงอายุเห็นความสำคัญของการรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อเป็นต้นแบบผู้สูงอายุสุขภาพดี สามารถดูแลช่วยเหลือตนเอง และใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้พบปะสังสรรค์ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างกัน มีเพื่อน ไม่รู้สึกว่าตนถูกทอดทิ้ง และเป็นภาระของสังคม อีกทั้งเพิ่มเวทีในการแสดงความสามารถพิเศษและทำกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุให้ได้แสดงศักยภาพของตนต่อสาธารณชน เป็นการสร้างขวัญ กำลังใจและรู้สึกถึงคุณค่าของตนในการทำประโยชน์ให้ชุมชนและสังคมไม่ว่าวัยจะเพิ่มขึ้นเพียงใด

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

ร่วมโหวตคำขวัญกรุงเทพมหานครชิงรางวัล 100,000 บาท

กทม.แถลงข่าวเปิดตัว 5 คำขวัญ พร้อมเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมโหวตคำขวัญที่ชื่นชอบเป็นคำขวัญของกรุงเทพมหานครทางไปรษณียบัตร ลุ้นเงินรางวัล 100,000 บาท ที่ ตู้ปณ.230 ปณ. จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ตั้งแต่วันนี้ – 19 เม.ย. และประกาศรายชื่อผู้โชคดี 29 เม.ย.55
(20 มี.ค.55) เวลา 09.30 น. ณ ห้องเอนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปแห่งวัฒนธรรมของกรุงเทพมหานคร : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัว 5 คำขวัญกรุงเทพมหานครที่เข้ารอบสุดท้าย หลังผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกคำขวัญที่ตนประทับใจหรือชื่นชอบให้เป็นคำขวัญของกรุงเทพมหานคร เนื่องในโอกาสครบรอบ 230 ปี เมืองหลวงของประเทศไทย โดยสามารถส่งผลการโหวตผ่านทางไปรษณียบัตร เขียนคำขวัญที่ตนชื่นชอบด้วยลายมือคัดด้วยตัวบรรจง หรือพิมพ์ด้วยหมึกพร้อมระบุชื่อ – นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านหรือที่ตนอาศัยอยู่จริง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ ส่งมาที่ ตู้ ปณ. 230 ปณ. จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม – วันที่ 19 เมษายน 2555 นี้ พร้อมร่วมลุ้นชิงเงินรางวัลมูลค่า 100,000.- บาท โดยจะประกาศผลการโหวตในวันที่ 29 เมษายน 2555
เปิดตัว 5 คำขวัญเข้ารอบสุดท้าย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานครได้กำหนดจัดโครงการประกวดคำขวัญกรุงเทพมหานคร ขึ้น โดยเปิดรับผลงานคำขวัญไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยแบ่งการประกวด ออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา จำนวน 1 รางวัล, ระดับมัธยมศึกษา จำนวน 1 รางวัล และระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป จำนวน 3 รางวัล โดยมีผู้สนใจจากทั่วประเทศส่งคำขวัญเข้าร่วมประกวด ทั้งสิ้นกว่า 12,207 คำขวัญ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการใช้ภาษาไทยของประเทศไทย เพื่อเฟ้นหาคำขวัญที่แสดงออกถึงความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกรุงเทพมหานครได้อย่างชัดเจนและเหมาะสมที่สุดจนเหลือเพียง 5 คำขวัญสุดท้าย ดังนี้ คำขวัญที่ 1 พระแก้วมรกตล้ำค่า เสาชิงช้าคู่เมือง พระมหาราชวังลือเลื่อง เมืองน่าท่องเที่ยวอันดับโลก คำขวัญที่ 2 กรุงเทพมหานครเมืองฟ้า ความก้าวหน้ารุ่งเรือง ฟูเฟื่องวัฒนธรรม เลิศล้ำความเป็นไทย คำขวัญที่ 3 พระราชวังสง่างาม พระอารามเพริศแพร้ว พระแก้วมรกตคู่เมือง ที่ท่องเที่ยวลือเลื่อง นามกระเดื่องเมืองหลวงไทย คำขวัญที่ 4 วัดเวียงวังงามเลิศล้ำ วัฒนธรรมงามเสริมส่ง ราชธานีงามยืนยง สืบธำรงความเป็นไทย คำขวัญที่ 5 กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย
เชิญชวนโหวตคำขวัญที่ชอบ ลุ้นรางวัล 100,000 บาท
สำหรับผู้ส่ง 5 คำขวัญที่ผ่านการคัดเลือกดังกล่าวจะได้รับเงินรางวัลเบื้องต้นคนละ 50,000.- บาท จากนั้นกรุงเทพมหานครจะประชาสัมพันธ์ 5 คำขวัญให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้รับทราบผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และอินเทอร์เน็ต พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม โดยส่งผลคะแนนโหวตคำขวัญที่ตนชื่นชอบหรือประทับใจผ่านทางไปรษณียบัตร พร้อมจับรางวัลหาผู้โชคดีร่วมลุ้นชิงเงินรางวัล 100,000.- บาท โดยคำขวัญใดที่ได้รับการโหวตคะแนนนิยมมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเลิศการประกวดคำขวัญ พร้อมรับเงินรางวัล จำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 550,000.- บาท
ทั้งนี้ การหาคะแนนความนิยมของการประกวดคำขวัญกรุงเทพมหานครจากคะแนนเสียงของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศโดยวิธีการโหวต ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่าคำขวัญใดเป็นคำขวัญที่สามารถครองใจประชาชนส่วนใหญ่และให้ความชื่นชอบประทับใจมากที่สุด พร้อมเป็นผู้ชนะเลิศในการประกวดคำขวัญ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นสุดยอดคำขวัญ นำมาใช้เป็นคำขวัญประจำกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในโอกาสและงานพิธีที่สำคัญต่างๆ สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพฯ และชาวไทยทั้งประเทศ
กรุงเทพมหานครจึงขอเชิญชวนชาวไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกหาคำขวัญ เป็นของขวัญให้กรุงเทพฯ เมืองหลวงของเรา ผู้ที่สนใจร่วมโหวตคำขวัญที่ตนประทับใจหรือชื่นชอบ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 2196 2314-5 หรือ 0 2437 6631-5 ต่อ 3408, 3412 และทางเว็บไซต์ www.facebook.com/bkkmotto ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

1 พ.ค. นี้ กทม. เริ่มเก็บค่าโดยสารบีทีเอสส่วนต่อขยายอ่อนนุช – แบริ่ง 15 บาทตลอดสาย

กทม. เตรียมเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายบีทีเอส ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง โดยจัดเก็บอัตราเดียวในส่วนต่อขยายทั้ง 5 สถานี ที่ 15 บาท ตั้งแต่ 1 พ.ค. นี้
(19 มี.ค. 55) ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 9/2555 ว่าที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบในหลักการสำหรับการค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยาย ช่วงอ่อนนุช – แบริ่ง ในอัตราคงที่ 15 บาทตลอดเส้นทางทั้ง 5 สถานี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 55 เป็นต้นไป หลังจากที่บริษัทกรุงเทพธนาคมได้ทำการประเมินรายรับค่าโดยสาร โดยใช้ปริมาณผู้โดยสารที่มีการใช้บริการจริงในช่วงที่เปิดทดลองให้บริการระหว่างเดือนกันยายน 2554 – กุมภาพันธ์ 2555
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า การจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราดังกล่าวถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม และคาดว่าจะไม่กระทบกับผู้ใช้บริการมากนัก เนื่องจากกรุงเทพมหานครคิดค่าโดยสารในอัตราเดียวกันทั้ง 5 สถานี ซึ่งคาดการณ์ว่าใน ปี 2555 จะมีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 119,600 เที่ยว-คน/วัน และกรุงเทพมหานครจะได้รับผลตอบแทนทางอ้อมจากภาษีธุรกิจเฉพาะจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในอัตรารวมเท่ากับร้อยละ 2.3 ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์จากโครงการตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและส่วนสัมปทาน

ผู้ว่าฯกทม. ชูความสำเร็จพิชิตภารกิจ 84 กิโลเมตร ยอดบริจาคทะลุ 100 ล้านบาท

(18 มี.ค. 55) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำขบวนเดินเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษา 84 กิโลเมตร เพื่อหาทุนจัดสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร เดินเข้าสู่ลานคนเมือง บริเวณหน้าศาลาว่าการกทม. ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดกิจกรรมการเดินฯ ที่ระยะทาง 84 กิโลเมตรตามเป้าหมายในเวลา 09.25 น. พร้อมกันนี้ยังมียอดเงินบริจาคจากประชาชน ภาคเอกชน และหน่วยงานราชการ สมทบทุนจัดสร้างโรงพยาบาลตลอดเส้นทางการเดินเทิดพระเกียรติฯ 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-18 มี.ค. 55 เป็นจำนวนอย่างไม่เป็นทางการ 100,273,687.25 บาท
ผู้ว่าฯ กล่าวขอบคุณทุกน้ำใจและกำลังใจเพื่อภารกิจสำคัญ
โอกาสนี้ ผู้ว่าฯกทม. ได้กล่าวแสดงความขอบคุณประชาชนผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อให้การก่อสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุเดินหน้าได้ตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร และเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีความพร้อมทั้งทีมแพทย์ พยาบาล มีทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ทันสมัยตลอดเวลาเพื่อการรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร อีกทั้งกล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจตลอดเส้นทางการเดินเทิดพระเกียรติฯ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้ตนเองมีกำลังใจที่จะเดินทุกย่างก้าวอย่างมีความหมาย และมุ่งมั่นจะทำภารกิจให้สำเร็จตามสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินครั้งนี้เป็นการเดินเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นโอกาสที่จะได้แสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ซึ่งต้องตั้งใจทำให้สำเร็จให้ได้ และท้ายที่สุดได้กล่าวขอบคุณข้าราชการและลูกจ้างกทม.ที่ร่วมในกิจกรรมเดินเทิดพระเกียรติฯ แม้จะมีอาการบาดเจ็บ เมื่อยล้า แต่มีความมุ่งมั่นตั้งใจและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันเพื่อให้ภารกิจสำคัญนี้ลุล่วงด้วยดี
ประชาชนยังบริจาคสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลผ่านบัญชีธนาคารได้ต่อเนื่อง
แม้ว่ากิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษา 84 กิโลเมตร เพื่อหาทุนจัดสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร จะเสร็จสิ้น แต่ผู้มีจิตศรัทธายังสามารถบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนจัดสร้างโรงพยาบาลผ่านบัญชีธนาคาร กรณีที่ต้องการใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ให้นำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนศรีอยุธยา ชื่อบัญชี “มูลนิธิจุมภฏ–พันธุ์ทิพย์” เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลบางขุนเทียนของกรุงเทพมหานคร เลขที่บัญชี 013–0–21334-9 ซึ่งทางสำนักการแพทย์จะจัดส่งใบเสร็จให้กับหน่วยงาน/ส่วนราชการที่รับบริจาคภายใน 30 วัน หลังจากได้รับเอกสารนำส่งเงิน
หากไม่ต้องการใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษี ให้นำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552” เลขที่บัญชี 924–0–07111–9 โดยในใบนำฝากเงินด้านบนให้ระบุข้อความเดินเทิดพระเกียรติฯ 84 พรรษา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการแพทย์ กทม. โทร. 0 2220 7516 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bma2552foundation.com
โปรดระวังผู้แอบอ้างออกขอทุนตามบ้าน
พร้อมกันนี้ มูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552 แจ้งว่า นอกจากการเดินระดมทุนในกิจกรรมเดินเทิดพระเกียรติฯ ครั้งนี้ แล้ว มูลนิธิฯ ไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ออกขอทุนตามบ้านแต่อย่างใด หากท่านประสงค์จะบริจาคสมทบทุน ติดต่อได้โดยตรงที่มูลนิธิกรุงเทพมหานคร โทร. 0 2289 7346 หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

กทม.หารือ กปน.และรฟม.ป้องกันการเกิดเหตุถนนยุบตัวซ้ำซ้อน

กทม.หารือ กปน.และรฟม.เร่งหาสาเหตุถนนพระราม 4 ยุบตัว
(19 มี.ค.55) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 9/55 ถึงกรณีเกิดเหตุการณ์ถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า บริเวณใกล้ไฟแดงแยกวิทยุ ยุบตัวขนาด 5x 3 เมตร และลึก 2 เมตร เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 18 มี.ค.55 โดยเบื้องต้นเมื่อคืนนี้ได้มีการสั่งการให้ติดไฟฟ้าแสงสว่าง เพื่อเป็นสัญญาณเตือนภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงให้สำนักการโยธาเร่งซ่อมผิวจราจรบริเวณดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งสำนักการโยธาดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา สำหรับการดำเนินการซ่อมถนนเป็นการชั่วคราวนี้ กทม.ได้แจ้งให้การประปานครหลวง และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับทราบด้วยเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รับผิดชอบร่วมกันของทั้งสามหน่วยงาน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า กรุงเทพมหานครได้หารือร่วมกับทั้งสองหน่วยงาน เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงของสาเหตุการเกิดเหตุถนนยุบตัว รวมถึงจะร่วมกันตรวจสอบพื้นที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต นอกจากนี้ ได้ให้สำนักการโยธา กทม.ตรวจสอบความแข็งแรงของถนนสายต่างๆ ในความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก โดยเริ่มจากถนนที่ก่อสร้างมาแล้วเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กทม.ได้มีการสำรวจและซ่อมแซมถนนไปบ้างแล้ว อาทิ ถนนพระราม 3
--------------------------------


(19 มี.ค.55) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 9/55 ถึงกรณีเกิดเหตุการณ์ถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า บริเวณใกล้ไฟแดงแยกวิทยุ ยุบตัวขนาด 5x 3 เมตร และลึก 2 เมตร เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 18 มี.ค.55 โดยเบื้องต้นเมื่อคืนนี้ได้มีการสั่งการให้ติดไฟฟ้าแสงสว่าง เพื่อเป็นสัญญาณเตือนภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงให้สำนักการโยธาเร่งซ่อมผิวจราจรบริเวณดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งสำนักการโยธาดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา สำหรับการดำเนินการซ่อมถนนเป็นการชั่วคราวนี้ กทม.ได้แจ้งให้การประปานครหลวง และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับทราบด้วยเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รับผิดชอบร่วมกันของทั้งสามหน่วยงาน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า กรุงเทพมหานครได้หารือร่วมกับทั้งสองหน่วยงาน เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงของสาเหตุการเกิดเหตุถนนยุบตัว รวมถึงจะร่วมกันตรวจสอบพื้นที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต นอกจากนี้ ได้ให้สำนักการโยธา กทม.ตรวจสอบความแข็งแรงของถนนสายต่างๆ ในความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก โดยเริ่มจากถนนที่ก่อสร้างมาแล้วเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กทม.ได้มีการสำรวจและซ่อมแซมถนนไปบ้างแล้ว อาทิ ถนนพระราม 3

สภากทม.จัดกีฬาโบว์ลิ่งการกุศล สร้างอาคาร รพ.ราชพิพัฒน์ และผู้ประสบภัยน้ำท่วม เขตบางแค

(19มี.ค.55) นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมนายเพทาย จั่นเผื่อน สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางแค ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาโบว์ลิ่งการกุศล สมทบทุนสร้างอาคาร โรงพยาบาล ราชพิพัฒน์ เขตบางแค และช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่เขตบางแคและเขตใกล้เคียง ในวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ย. 55 ณ SF Bowl Club เดอะมอลด์บางแค เขตบางแค โดยมีผู้บริหารสำนักงานเขตบางแค ผู้บริหารโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และผู้เกี่ยวข้องร่วมพิธี ณ ห้องเอราวัณ ศาลาว่าการกทม.
ประธานสภากทม. กล่าวว่า การจัดแข่งขันกีฬาโบว์ลิ่งการกุศลครั้งนี้ เพื่อเป็นการสมทบทุน สร้างอาคาร โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ซึ่งยังขาดงบประมาณการก่อสร้าง รวมทั้งจะนำเงินไปช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่เขตบางแคและเขตใกล้เคียง รวมทั้ง จะนำรายได้ส่วนหนึ่งไปสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ เขตบางขุนเทียน
ด้าน นายเพทาย จั่นเผื่อน สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตบางแค ฐานะประธานจัดการแข่งขัน กล่าวเพิ่มว่า การแข่งขันกีฬาโบว์ลิ่งการกุศลถือเป็นกิจกรรมที่จะช่วยสร้างความสามัคคี ส่งเสริมการออกกำลังกายให้กับประชาชนให้ห่างไกลยาเสพติดอีกด้วย นอกจากนี้เพื่อเป็นการหารายได้นำมาสมทบทุนสร้างอาคารโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โรงพยาบาลผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร และช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย โดยภายในงานแข่งขันได้เตรียมถ้วยเกียรติยศในประเภททีมประชาชนทั่วไป ทีมกิตติมาศักดิ์ จากผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น
สำหรับการจัดกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล โดยนายเพทาย จั่นเผื่อน สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตบางแค และสำนักงานเขตบางแค มีวัตถุประสงค์เพื่อสมทบทุนสร้าง อาคาร โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เขตบางแค และเยียวยาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม นอกจากนี้ยังนำรายได้ส่วนหนึ่ง สมทบทุนสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุเขตบางขุนเทียน ทั้งนี้การจัดกิจกรรมกีฬาโบว์ลิ่งจะเป็นการสร้างความสามัคคีในพื้นที่ ให้หันมาเล่นกีฬาห่างไกลยาเสพติด จึงขอเชิญชวนหน่วยงานและภาคเอก รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมการแข่งขันกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล ในวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ย. 55 ณ SF Bowl Club เดอะมอลด์บางแค เขตบางแค สนใจสอบถามได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 082-6437-947

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าวบริการสำนักงานเขต

สำนักงานเขตต่างๆ ของกรุงเทพมหานครพร้อมบริการทุ่มเทการทำงาน เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ดังนี้
เขตสวนหลวง นายประเวศ เพียรธรรม ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง กทม. กล่าวว่า เขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ล้างทำความสะอาดถนน ตรอก ซอย และสะพานลอยคนข้าม ตั้งแต่เวลา 10.00-11.30 น. ดังนี้ วันที่ 20 มี.ค. 55 ณ บริเวณ ซ.อ่อนนุช 35 วัดปากบ่อ วันที่ 21 มี.ค. 55 ถ.คู่ขนานมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่ปาก ซ.หมู่บ้านเมืองทอง 2/3 ถึงสะพานข้ามคลองหัวหมาก วันที่ 22 มี.ค. 55 สะพานลอยคนเดินข้าม ถ.พัฒนาการ ตั้งแต่คลองสะแก ถึงปาก ซ.พัฒนาการ 18 จำนวน 3 สะพาน วันที่ 23 มี.ค. 55 ถ.อ่อนนุช ตั้งแต่คลองเคล็ด ถึง ซ.อ่อนนุช 37 วันที่ 24 มี.ค. 55 สะพานลอยคนเดินข้าม ถ.ศรีนครินทร์ 3 สะพาน ตั้งแต่คลองกะจะ ถึงคลองประเวศบุรีรมย์ โดยล้างคราบสกปรก ฝุ่นละออง ข้อความต่าง ๆ ที่มีผู้ขีดเขียนเพื่อความสะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย
เขตคลองเตย นางรัตนาภรณ์ สังขกรมานิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตคลองเตย กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้ดำเนินการรณรงค์พัฒนาความสะอาดล้างทางเท้า ผิวจราจร และจุดพักขยะ เวลา 10.00-12.00 น. ดังนี้ วันที่ 20 มี.ค. 55 บริเวณ ถ.พระราม 4 ตั้งแต่แยกเกษมราษฎร์ถึงแยกรัชดาภิเษก ทั้ง 2 ฝั่ง วันที่ 21 มี.ค. 55 ซ.สุขุมวิท 50 ซ.เริ่มเจริญ และวันที่ 23 มี.ค. 55 ถ.สุขุมวิท ตั้งแต่แยกพระโขนงถึงปาก ซ.สุขุมวิท 42 / เขตฯ ได้ดำเนินการรณรงค์พัฒนาความสะอาดเก็บกวาดใบไม้ เศษกระดาษ ถุงพลาสติก เศษวัสดุเหลือใช้ และป้ายโฆษณาต่างๆ ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ดังนี้ วันที่ 20 มี.ค. 55 บริเวณถนนริมทางรถไฟสายปากน้ำจากหลังมหาวิทยาลัยกรุงเทพถึงแยกเกษมราษฎร์ ถ.โรงหมู ชุมชนแฟลต 23-24-25 วันที่ 21 มี.ค. 55 ถ.สุขุมวิท ซ.สุขุมวิท 36 ซ.นภาศัพท์แยก 1-3 ถ.พระราม 4 ซ.โรจน์เสรีเก่า ถ.ดำรงลัทธพิพัฒน์ ชุมชนแฟลต 11-18 วันที่ 22 มี.ค. 55 ถ.พระราม 4 ซ.โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ซ.รูเบีย ซอยบาร์โบส 1-2 ถ.สุขุมวิท ซ.สุขุมวิท 16 – 22 และวันที่ 23 มี.ค. 55 ซ.สุขุมวิท 48 ชุมชนปิยะวัชร ถ.ดำรงลัทธพิพัฒน์ ชุมชน 70 ไร่

ประธานสภากทม. วางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ วัดกลางดาวคะนอง

(16 มี.ค. 55) นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญหลังใหม่ ของวัดกลางดาวคะนอง แขวงบุคคโล เขตธนบุรี โดยมีพระธรรมสิทธินายก เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดจันทาราม นายระบิล ปานแม้น ผู้อำนวยการเขตธนบุรี ร่วมวางศิลาฤกษ์ อีกทั้งมีข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมพิธีดังกล่าว
ประธานสภากรุงเทพมหานครกล่าวว่า เนื่องด้วยขณะนี้ทางวัดกลางดาวคะนอง และประชาชนได้ร่วมกันดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่แบบอเนกประสงค์ ลักษณะอาคารเป็นคอนกรีตเหล็ก 2 ชั้น เพื่อเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเนื่องในวันสำคัญต่างๆ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญกุศลของพุทธศาสนิกชนทั่วไป อีกทั้งเป็นสถานที่เรียนหนังสือของพระภิกษุสามเณร
ทั้งนี้การดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ทางวัดได้รับการอุปถัมภ์ปัจจัยในการก่อสร้างจากพุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไปร่วมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการสร้างในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ขอเชิญประชาชนร่วมบริจาค เพื่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ที่ วัดกลางดาวคะนอง แขวงบุคคโล เขตธนบุรี หรือโทร.0 2468 9240

20 มี.ค. นี้ คัดเลือกกรรมการหัวหน้าหน่วยงาน

นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า ด้วยมีประกาศกรุงเทพมหานครให้มีการคัดเลือกหัวหน้าหน่วยงาน จำนวน 1 คน เป็นกรรมการในคณะอนุกรรมการสามัญข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 ประกอบกับข้อ 4 ของหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกกรรมการในคณะอนุกรรมการสามัญข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ลงวันที่ 20 ม.ค. 55 จึงประกาศวันคัดเลือกกรรมการหัวหน้าหน่วยงานในวันที่ 20 มี.ค. 55 ระหว่างเวลา 16.30–18.00 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.

เดินหน้าติดตั้งกล้อง 20,000 ตัว ยันกทม. ไม่ได้ซื้อกล้อง CCTV แพงกว่าส่วนราชการอื่น

ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่สำนักการจราจรและขนส่งได้รายงานผลจการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกล้องวงจรปิด CCTV สภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่าได้ให้ข้อมูลและยืนยันว่า การจัดซื้อกล้อง CCTV ของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนสายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่ติดตั้ง ไม่ได้มีราคาสูงกว่าการจัดซื้อของส่วนราชการอื่น ในการเปรียบเทียบคุณสมบัติและมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้มีการชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อนเพื่อรอให้ได้ข้อสรุปจากกระบวนการตรวจสอบและเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ แต่เมื่อมีข้อสรุปว่า กรุงเทพมหานครมิได้จัดซื้อกล้องดังกล่าวในราคาสูงกว่าส่วนราชการอื่นก็เห็นควรที่จะให้สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร เดินหน้าโครงการนี้ต่อไปตามที่ปลัดกรุงเทพมหานครเสนอ
ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีนโยบายเร่งรัดติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมอีก 20,000 ตัว เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ประกอบกับที่ผ่านมาทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสภากรุงเทพมหานคร ได้ร้องขอให้ กรุงเทพมหานครเร่งติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมในบริเวณชุมชนและจุดสำคัญต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เป็นการเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของเมืองและประชาชน

เดินเทิดพระเกียรติฯ เพื่อโรงพยาบาลผู้สูงอายุ วันที่สองยังคึกคัก ประชาชนบริจาคเงินต่อเนื่อง

(16 มี.ค. 55) เวลา 08.20 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำเดินเทิดพระเกียติฯ 84 พรรษา 84 กิโลเมตร เพื่อหาทุนจัดสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ เป็นวันที่สอง จุดเริ่มต้นจากโรงพยาบาลตากสิน – วงเวียนโอเดียน – สวนลุมพินี รวมระยะทาง 23 กิโลเมตร โดยในช่วงเช้าใช้เส้นทางจากโรงพยาบาลตากสิน-วงเวียนโอเดียน ระยะทาง 11.5 กิโลเมตร โดยเดินไปตาม ถ.สมเด็จพระเจ้าตากสิน วัดพิชัยญาติ ขึ้นสะพานพระพุทธยอดฟ้า ถวายราชสักการะอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 เดินต่อเข้าถนนจักรเพชร เข้าถนนสนามไชย ถึงวัดโพธิ์ เดินจากวัดโพธิ์ไปวังสราญรมย์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอัษฎางค์ จนถึงวัดราชบพิธ ศาลหลักเมือง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เข้าถนนราชดำเนินใน ศาลเจ้าพ่อเสือ วัดสุทัศน์ วัดสระเกศ เดินเข้าถนนบำรุงเมืองเข้าถนนยุคลไปยังโรงพยาบาลกลาง เลี้ยวเข้าถนนเสือป่า วัดมังกรกมลาวาส วัดไตรมิตรฯ ไปยังซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) เขตสัมพันธวงศ์ ทั้งนี้มี ผู้จิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินตลอดเส้นทางตั้งแต่วานนี้ (15 มี.ค.) จนถึงช่วงเช้าวันนี้ จำนวนเงินรวม 53,118,410 บาท
จากนั้นในช่วงบ่าย เวลา 15.30 น. เดินต่อเนื่องจากวงเวียนโอเดียน – สวนลุมพินี ระยะทาง 11.5 กิโลเมตร โดยจากวงเวียนโอเดียน จะมุ่งหน้าไปยังหัวลำโพง เข้าถนนพระราม 4 จามจุรีสแควร์ ถนนสุรวงศ์ จุดตัดถนนนราธิวาส ตรงไปถนนสีลม เลี้ยวเข้าถนนสาทร วิทยุ และเพลินจิต สี่แยกราชประสงค์ มุ่งหน้าสู่สวนลุมพินี เขตปทุมวัน
ยอดบริจาคเพื่อโรงพยาบาลผู้สูงอายุไม่เป็นทางการวันแรก 47 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) มีประชาชนและผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคเงินตลอดเส้นทางเดิน จากที่ก่อสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ – โรงพยาบาลตากสิน ระยะทาง 25.8 กิโลเมตร ในช่วงเช้า ณ ห้างเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 เป็นเงิน 23,237,799 บาท จากนั้นแวะรับบริจาค ณ จุดรับบริจาคโรงพยาบาลบางกะปอก 9 เป็นเงินกว่า 3.78 ล้านบาท และจุดรับบริจาคสุดท้ายของวันแรก ณ โรงพยาบาลตากสิน เป็นเงิน 20,790,640 บาท รวมเป็นเงินบริจาคอย่างไม่เป็นทางการ จำนวน 47,728,439 บาท
บริจาคผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อสมทบทุนสร้าง รพ.ผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ กทม. ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคาร กรณีที่ต้องการใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ให้นำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนศรีอยุธยา ชื่อบัญชี “มูลนิธิจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์” เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลบางขุนเทียนของกรุงเทพมหานคร เลขที่บัญชี 013–0–21334-9 ซึ่งทางสำนักการแพทย์จะจัดส่งใบเสร็จให้กับหน่วยงาน/ส่วนราชการที่รับบริจาคภายใน 30 วัน หลังจากได้รับเอกสารนำส่งเงิน
หากไม่ต้องการใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษี ให้นำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552” เลขที่บัญชี 924–0–07111–9 โดยในใบนำฝากเงินด้านบนให้ระบุข้อความ เดินเทิดพระเกียรติฯ 84 พรรษา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการแพทย์ กทม. โทร. 0 2220 7516 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bma2552foundation.com

วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2555

เริ่มแล้วมหกรรมเดินเทิดพระเกียรติฯ มหากุศล 84 พรรษา 84 กิโลเมตร สมทบทุนสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ

(15 มี.ค. 55) เวลา 08.09 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดินเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษา 84 กิโลเมตร พร้อมรับบริจาคเงินเพื่อหาทุนสร้างโรงพยาบาลในโครงการจัดตั้งศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพมหานคร หรือ “โรงพยาบาลผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ของกรุงเทพมหานครที่เสนอในระดับรัฐบาล และเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ต้องการจัดสร้างโรงพยาบาลเพื่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะด้านผู้สูงอายุ ภายหลังจากกทม. ได้รับบริจาคที่ดินจาก น.ส.อุไรศรี คะนึงสุขเกษม และนางพรทิพย์ วงศ์ศิริเดช จำนวน 34 ไร่ 1 งาน และ 94 ตารางวา บริเวณ กม.10 บริเวณถนนชายทะเลบางขุนเทียน เพื่อให้กทม. จัดตั้งโรงพยาบาลผู้สูงอายุ แต่เนื่องจากการจัดสร้างโรงพยาบาล พร้อมทั้งจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณกว่า 2,200 ล้านบาท ซึ่งเฉพาะงบประมาณสนับสนุนของกรุงเทพมหานครนั้นไม่เพียงพอ และอาจทำให้การก่อสร้างล่าช้า จึงจำเป็นต้องระดมทุนและรับบริจาคเงินจากประชาชนเพื่อเดินหน้าก่อสร้างโรงพยาบาล ให้แล้วเสร็จภายในปี 2556 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

โรงพยาบาลผู้สูงอายุกลางน้ำ เพื่อการรักษาและพักฟื้นผู้ป่วย
สำหรับโรงพยาบาลผู้สูงอายุกรุงเทพมหานครจะมุ่งเน้นให้บริการด้านผู้สูงอายุครบวงจร ขนาด 100 เตียง และศูนย์รักษาโรคทั่วไป ขนาด 200 เตียง ครอบคลุมการให้บริการรักษาพยาบาลในพื้นที่เขตบางขุนเทียน บางบอน ทุ่งครุ จอมทอง ราษฎร์บูรณะ และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร รวมประมาณ 800,000–900,000 คน โดยโรงพยาบาลได้จัดสร้างขึ้นบนพื้นที่แก้มลิง บริเวณชายทะเลบางขุนเทียน ซึ่ง ดร.สุมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรม เป็นผู้ออกแบบอาคารโรงพยาบาล โดยได้ออกแบบให้เป็นโรงพยาบาลบนน้ำที่ทันสมัย สนองพระราชดำริในเรื่องพื้นที่แก้มลิง มีสิ่งแวดล้อมที่ดี อีกทั้งยังเหมาะกับการเป็นสถานที่พักฟื้นของผู้สูงอายุอีกด้วย

15-18 มี.ค. 4 วัน รวมพลังพิชิต 84 กิโลเมตร พร้อมขออภัยผู้ใช้รถใช้ถนนตลอดเส้นทาง
ทั้งนี้กทม. ร่วมกับมูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552 จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมเดินเทิดพระเกียรติฯ โดยรวมพลังข้าราชการและประชาชนเพื่อหาทุนสร้างโรงพยาบาล โดยเดินตามเส้นทางจากสถานที่ก่อสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ เขตบางขุนเทียน ไปสิ้นสุด ณ ลานคนเมือง รวมระยะทางทั้งสิ้น 84 กิโลเมตร ระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค. 55 โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะนำทีมเดินเทิดพระเกียรติฯ ตลอดเส้นทาง 84 กิโลเมตร เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และเพื่อรับบริจาคจากเงินจากประชาชนตลอดเส้นทาง 84 กิโลเมตร ให้ได้มากที่สุด โอกาสนี้กทม.ขออภัยในความไม่สะดวกไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนตลอดเส้นทาง 84 กิโลเมตร และเส้นทางต่อเนื่องด้วย
พร้อมกันนี้ประชาชนสามารถติดตามภารกิจพิชิต 84 กิโลเมตรของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อโรงพยาบาลผู้สูงอายุ ได้ทาง www.bma2552foundation.com และทางสถานีโทรทัศน์ Banagkok City Channel (BCC) ซึ่งออกอากาศทางช่องทรูวิชั่นส์ 76 และดาวเทียมในระบบ C-Band

วันแรก 15 มี.ค. รวม 25.8 กิโลเมตร จากที่ก่อสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ - โรงพยาบาลตากสิน
สำหรับเส้นทางเดินเทิดพระเกียรติ วันแรก 15 มี.ค. 55 เริ่มเดินในเวลา 08.09 น. จากสถานที่ก่อสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ – ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 เขตบางขุนเทียน รวมระยะทาง 12 กิโลเมตร จากนั้นจะเริ่มเดินอีกครั้งในเวลา 16.00 น. จากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 2 – โรงพยาบาลตากสิน ระยะทาง 13.8 กิโลเมตร โดยผ่านเส้นทางจากเซ็นทรัลพระราม 2 ไปยังโรงพยาบาลบางปะกอก 9 โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เข้าวงเวียนใหญ่ และโรงพยาบาลตากสิน เขตคลองสาน รวมระยะทางการเดินวันแรก 25.8 กิโลเมตร

วันที่สอง ลุยต่อ 23 กิโลเมตร จากโรงพยาบาลตากสิน - สวนลุมพินี
วันที่ 16 มี.ค. 55 ช่วงเช้าเวลา 07.00 น. เริ่มเดินจากโรงพยาบาลตากสิน – วงเวียนโอเดียน ระยะทางรวม 11.5 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางจากโรงพยาบาลตากสิน ถ.สมเด็จพระเจ้าตากสิน วัดพิชัยญาติ ขึ้นสะพานพระพุทธยอดฟ้า ถวายราชสักการะอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 เดินต่อเข้าถนนจักรเพชร เข้าถนนสนามไชยถึงวัดโพธิ์ เดินจากวัดโพธิ์ไปวังสราญรมย์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอัษฎางค์ จนถึงวัดราชบพิธ ศาลหลักเมือง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) เข้าถนนราชดำเนินใน ศาลเจ้าพ่อเสือ วัดสุทัศน์ วัดสระเกศ เดินเข้าถนนบำรุงเมืองเข้าถนนยุคลไปยังโรงพยาบาลกลาง เลี้ยวเข้าถนนเสือป่า วัดมังกรกมลาวาส ไปยังซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) เขตสัมพันธวงศ์
ในช่วงบ่าย เวลา 15.30 น. เดินต่อเนื่องจากวงเวียนโอเดียน – สวนลุมพินี ระยะทาง 11.5 กิโลเมตร ซึ่งจากวงเวียนโอเดียน จะมุ่งหน้าไปยังหัวลำโพง เข้าถนนพระราม 4 จามจุรีสแควร์ ถนนสุรวงศ์ จุดตัดถนนนราธิวาส ตรงไปถนนสีลม เลี้ยวเข้าถนนสาทร วิทยุ และเพลินจิต สี่แยกราชประสงค์ มุ่งหน้าสู่สวนลุมพินี เขตปทุมวัน รวมระยะทางการเดินวันที่สอง 23 กิโลเมตร

วันที่สาม 23.5 กิโลเมตร จากสวนลุมพินี – สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)
ในวันที่ 17 มี.ค. 55 เวลา 06.40 น. เดินทางจากสวนลุมพินี – ฟอร์จูนทาวเวอร์ ระยะทาง 13.3 กิโลเมตร ใช้เส้นทางจากสวนลุมพินี ไปตามเส้นทาง ถ.พระราม 4 เลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดาภิเษก ศูนย์การประชุมแห่ชาติสิริกิติ์ มุ่งสู่ถนนสุขุมวิท แยกอโศก ปากซอยทองหล่อ ถนนเพชรบุรี จุดตัดอโศกมนตรี เลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดาภิเษก ไปยังอาคารฟอร์จูนทาวเวอร์ เขตดินแดง
ในช่วงบ่าย เวลา 15.30 น. เดินต่อจากอาคารฟอร์จูนทาวเวอร์ – สวนวชิรเบญจทัศ ระยะทาง 10.2 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทาง ถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร รวมระยะทางทั้งสิ้น 23.5 กิโลเมตร

วันที่สี่ จุดสิ้นสุดลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกทม. 84 กิโลเมตรตามเป้าหมาย
วันที่ 18 มี.ค. 55 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเดินเทิดพระเกียรติฯ จะเริ่มต้นจากลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกทม. ในเวลา 06.00 น. ไปสี่แยกคอกวัว เข้าถนนข้าวสารไปถึงวัดชนะสงคราม วัดบวรนิเวศ ขึ้นสะพานพระราม 8 สักการะอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 8 แล้วเดินวนกลับมาตามถนนวิสุทธิกษัตริย์ ไปยังองค์การสหประชาชาติ ลานพระบรมรูปทรงม้า รัฐสภา วัดเบญจมบพิตร ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ และกลับมายังลานคนเมือง เป็นระยะทางอีก 11.71 กิโลเมตร ครบตามเป้าหมาย 84 กิโลเมตร

ชวนประชาชนร่วมบริจาคตลอดเส้นทางเดินฯ 84 กิโลเมตร และโปรดระวังผู้แอบอ้าง
โอกาสนี้ กทม. และมูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552 ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมมหากุศลในครั้งนี้ ด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุตลอดเส้นทางเดินเทิดพระเกียรติฯ 84 พรรษา 84 กิโลเมตร โปรดระวัง นอกจากการรับบริจาคเงินในกิจกรรมเดินเทิดพระเกียรติฯ 84 พรรษา 84 กิโลเมตร แล้ว ทางมูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552 ไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ออกขอทุนตามบ้านแต่อย่างใด หากท่านประสงค์จะบริจาคสมทบทุน ติดต่อได้โดยตรงที่มูลนิธิกรุงเทพมหานคร โทร. 0 2289 7346

โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ลดหย่อนภาษีได้
สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคาร กรณีที่ต้องการใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ให้นำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนศรีอยุธยา ชื่อบัญชี “มูลนิธิจุมภฏ–พันธุ์ทิพย์” เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลบางขุนเทียนของกรุงเทพมหานคร เลขที่บัญชี 013–0–21334-9 ซึ่งทางสำนักการแพทย์จะจัดส่งใบเสร็จให้กับหน่วยงาน/ส่วนราชการที่รับบริจาคภายใน 30 วัน หลังจากได้รับเอกสารนำส่งเงิน หากไม่ต้องการใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษี ให้นำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิกรุงเทพมหานคร 2552” เลขที่บัญชี 924–0–07111–9 โดยในใบนำฝากเงินด้านบนให้ระบุข้อความ เดินเทิดพระเกียรติฯ 84 พรรษา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการแพทย์ กทม.โทร. 0 2220 7516 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bma2552foundation.com

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าวบริการสำนักงานเขต

สำนักงานเขตต่างๆ ของกรุงเทพมหานครพร้อมบริการทุ่มเทการทำงาน เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ดังนี้
เขตบางคอแหลม นายบัณฑิต สิทธินามสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้ดำเนินการขุดลอกคูคลองในพื้นที่เขตจำนวน 27 คูคลอง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง โดยแยกดำเนินการขุดลอก ดังนี้ 1.ใช้แรงงานเจ้าหน้าที่เขตฯ จำนวน 8 คูคลอง ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 4 คูคลอง ได้แก่ คลองบางคอแหลม คลองข้างหมู่บ้านภักดี คลองตาเหล็ก และคูน้ำแยกคลองกรวย 2.ใช้แรงงานทหารดำเนินการขุดลอก จำนวน 6 คูคลอง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ 3.ดำเนินการจ้างเอกชนโดยใช้งบประมาณแผ่นดิน จำนวน 13 คูคลอง ซึ่งอยู่ระหว่างหาผู้รับจ้างตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องการพัสดุฯ โดยมีเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. 55 นี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายโยธา โทร.0 2291 2141
เขตดินแดง นางสาวแสนสุข สตงคุณห์ ผู้อำนวยการเขตดินแดง กทม. แจ้งว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะทิ้งวัสดุสิ่งของเหลือใช้ รกรุงรัง และตกค้างตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ อาทิ ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ที่นอน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้สำนักงาน โดยเขตฯ ได้จัดเก็บวัสดุสิ่งของดังกล่าวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประจำเดือน มี.ค. 55 ตั้งแต่เวลา 09.00–12.00 น. ดังนี้ วันที่ 17 มี.ค. ซ.สงค์ปรางค์ ถ.อโศก-ดินแดงบำเพ็ญ และวันที่ 18 มี.ค. หมู่บ้านอยู่เจริญ (หลังสถานทูตจีน) ถ.รัชดาภิเษก จึงขอให้ผู้ที่ต้องการทิ้งวัสดุสิ่งของนำไปวางตั้งบริเวณหน้าอาคาร บ้านเรือน ตามวัน เวลา ดังกล่าว เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้จัดเก็บให้ต่อไป
เขตดุสิต นางสาวอารีย์ วงศ์นพรัตน์เลิศ ผู้อำนวยการเขตดุสิต กทม. แจ้งกำหนดการล้างทำความสะอาดทางเท้าและช่องตะแกรงรองรับน้ำในถนนซอยแยกต่างๆ โดยกำหนดล้างทำความสะอาดเก็บกวาดขยะบริเวณรอบวังศุโขทัย และจะล้างทำความสะอาดเก็บกวาดขยะบริเวณวัดราชาธิวาสวรวิหาร ถ.สามเสน นอกจากนี้จะดำเนินการล้างทางเท้าและรางวี ตลาดราชวัตร ตลาดศรีย่าน ถ.นครไชยศรี บริเวณ ถ.นครราชสีมา ตั้งแต่แยก กอ.รมน. ถึงแยก ตัด ถ.ศรีอยุธยา ทั้ง 2 ฝั่ง ถ.ราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกลานพระราชวังดุสิต ถึงสะพานมัฆวานฯ ทั้ง 2 ฝั่ง ชุมชนตรอกต้นโพธิ์ ชุมชนข้างวัดสวัสดิวารีสีมาราม บริเวณ ซ.สามเสน 30-32 ซ.ร่วมจิตต์ 1-3 ซ.เทพประทับ ถ.ศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกพระราม 5 ถึงหน้าวัดเทวราชกุญชร ทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่วันที่ 17– 25 มี.ค. 55 ระหว่างเวลา 09.00 น. เป็นต้นไป สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ โทร.0 2587 0923 หรือ 0 2585 9983 / เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคในการจับจ่ายซื้อหาผักสดไปประกอบปรุงอาหารในชีวิตประจำวัน จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ออกสุ่มเก็บตัวอย่างผักสด 6 ชนิด เป็นผักที่พบสารตกค้างได้ง่ายประกอบด้วย ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ถั่วฝักยาว ต้นหอม ผักชี และพริกขี้หนูสด จาก 4 ตลาดในพื้นที่เขตฯ ได้แก่ ตลาดราชวัตร ตลาดเทวราช ตลาดวัดจันทรสโมสร และตลาดศรีย่าน โดยการตรวจหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผักสดด้วยชุดน้ำยาตรวจ GT–Reagent Test ตรวจสารพิษตกค้าง กลุ่มสารประกอบฟอสเฟตและคาร์บาเมท เป็นชุดตรวจที่มีความเหมาะสมในการคัดกรองความไม่ปลอดภัยของอาหาร ผลการตรวจในเดือน ก.พ. 55 จากการสุ่มตรวจผักสด จำนวน 165 ตัวอย่าง ไม่พบสารเคมีตกค้างในผักสดที่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
เขตสาทร นางสาวพรรณทิพา งามญาณ ผู้อำนวยการเขตสาทร กทม. แจ้งว่า เขตฯ โดยฝ่ายโยธา ได้ดำเนินการพัฒนาทำความสะอาด ขุดลอกคูคลอง ตัดต้นไม้ เก็บขยะ และจัดเก็บวัชพืช เพื่อเป็นการเปิดทางน้ำไหลให้ผ่านสะดวก ในวันที่ 15-16 มี.ค. 55 เวลา 09.00 น. ณ คูน้ำวัดดอน ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดมีปัญหาหรือพบเห็นทางเท้าชำรุดทรุดตัว หรือมีน้ำท่วมขัง สามารถแจ้งโดยตรงที่ฝ่ายโยธา โทร.0 2212 2981 ต่อ 7215-7 หรือหน่วย BEST เขตสาทร 1554
เขตหนองจอก นายภิญโญ ปิ่นแก้ว ผู้อำนวยการเขตหนองจอก กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่าย หมุนเวียนออกตรวจพื้นที่ทั้ง 8 แขวง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ดังนี้ วันที่ 15 มี.ค. 55 ถ.สังฆสันติสุข ทหารอากาศอุทิศ อยู่วิทยา แขวงกระทุ่มราย วันที่ 22 มี.ค. 55 ถ.บุรีภิรมย์ เชื่อมสัมพันธ์ แขวงกระทุ่มราย แขวงโคกแฝด และวันที่ 29 มี.ค. 55 ถ.สกุลดี แขวงหนองจอก ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นถนนชำรุด ขยะตกค้าง หรือความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยอื่นๆ ขอได้โปรดแจ้งมาที่ โทร.0 2543 1143 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

กทม. บรรจุหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” ปลูกฝังนิสัยรักการออมแก่นักเรียนในสังกัด

(12 มี.ค. 55) เวลา 09.30 น. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวความสำเร็จโครงการ “เงินทอง ของมีค่า” พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ได้รับรางวัลการจัดกิจกรรมส่งเสริมการออมยอดเยี่ยมและดีเด่นของโรงเรียน และผู้ได้รับรางวัลการประกวดผลงานด้านการออมของนักเรียน โดยมี นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ.รัชดาภิเษก
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดทำโครงการพัฒนาความรู้เยาวชนหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” แก่โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมการออม ให้เยาวชนเกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญของการออมตั้งแต่เด็กๆ รวมถึงเป็นการสร้างวินัยทางการเงินที่เป็นระบบให้เยาวชน โดยมอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) จัดกิจกรรมต่อเนื่องตลอดปี 2554 อาทิ การอบรมผู้อำนวยการสถานศึกษา ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และศึกษานิเทศก์ รวม 1,316 คน จากโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 436 แห่ง ตามหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” ตลอดจนสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร นำหลักสูตรดังกล่าวไปจัดการเรียนการสอนแก่นักเรียนระดับประถมศึกษา จำนวน 4 คาบ/ปี และระดับมัธยม จำนวน 6 คาบ/ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 และครอบคลุมนักเรียนในสังกัดกว่า 340,000 คน นอกจากนี้ได้พัฒนาสื่อการเรียนรู้ และจัดกิจรรมส่งเสริมการออมเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้จริงในชีวิตประจำวันด้วย
ทั้งนี้ มีโรงเรียนที่ได้รับรางวัลการจัดกิจกรรมส่งเสริมการออมยอดเยี่ยมและดีเด่นของโรงเรียน แบ่งเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย รางวัลโรงเรียนยอดเยี่ยมระดับกรุงเทพมหานคร ได้แก่ อันดับ 1 โรงเรียนวัดลานบุญ เขตลาดกระบัง อันดับ 2 โรงเรียนวัดทุ่งครุ (พึ่งสายอนุสรณ์) เขตทุ่งครุ อันดับ 3 โรงเรียนวัดบางสะแกใน เขตธนบุรี รางวัลโรงเรียนดีเด่นระดับกรุงเทพมหานคร 22 แห่ง และรางวัลโรงเรียนดีเด่นระดับสำนักงานเขต 25 แห่ง ส่วนรางวัลการประกวดผลงานด้านการออมของนักเรียน แบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย การประกวดออกแบบภาพแนวคิดการออมระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 เด็กหญิงดวงพร เรวัณ โรงเรียนมัธยมสุวิทย์เสรีอนุสรณ์ อันดับ 2 เด็กชายณัฐพล นัยเนตร์ โรงเรียนมัธยมสุวิทย์เสรีอนุสรณ์ อันดับ 3 นางสาวเจนตะวัน หมัดเซ็น โรงเรียนสุเหร่าแสนแสบ การประกวดเขียนเรียงความหัวข้อ “เยาวชนุรุ่นใหม่ ใส่ใจการเงิน” ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 นางสาวจิลล์เมเร่ ชมิทซ์ โรงเรียนมัธยมสุวิทย์เสรีอนุสรณ์ อันดับ 2 นางสาวนัฐฐา นวลดี โรงเรียนมัธยมสุวิทย์เสรีอนุสรณ์ อับดับ 3 นางสาวกัญญาทิพย์ ทับทิม โรงเรียนวิชูทิศ การประกวดวาดภาพระบายสีระดับประถมศึกษาตอนต้น ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 เด็กหญิงสินาพร บัวปลื้ม โรงเรียนเพชรเกษม อันดับ 2 เด็กหญิงอนุสรา พิจารณ์ โรงเรียนวัดปากบ่อ อันดับ 3 เด็กหญิงหฤทัย แก้วมัน โรงเรียนวัดปากบ่อ และการประกวดวาดภาพระบายสีระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 เด็กหญิงกชกร ทิพย์มะณี โรงเรียนวัดสีสุก อันดับ 2 เด็กหญิงปฐมาวดี วรรณภักดี โรงเรียนเพชรเกษม อันดับ 3 เด็กหญิงมณิสรา จิรพรสุวรรณ โรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา

ขยายเวลายื่นขอรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วม 5 กรณี ถึง 9 เม.ย.55

(12 มี.ค.55) ที่ศาลาว่าการกทม. เวลา 12.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงสรุปผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครัวเรือนละ 5,000 บาท ใน 42 เขตประสบภัยของกทม. ภายหลังจากปิดรับการยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 29 ก.พ.55 ปรากฏว่า มีประชาชนมายื่นขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาท จำนวน 602,623 ครัวเรือน ซึ่งกทม.ได้ส่งข้อมูลให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินผ่านธนาคารออมสินแล้ว และธนาคารออมสินพร้อมจ่ายเงิน 555,853 ครัวเรือน โดยประชาชนมารับเงินแล้ว 500,171 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 89.98
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 5 กรณี ได้แก่ บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง บ้านเรือนเสียหายบางส่วน กรณีผู้ประสบภัยเช่าบ้านของผู้อื่น ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพได้รับความเสียหาย และค่าจัดการศพ นั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ขยายระยะเวลาให้การช่วยเหลือไปจนถึงวันที่ 30 พ.ค.55 ทั้งนี้ กทม.ขอให้ผู้ประสบภัยที่ไม่ได้มายื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือ โปรดมายื่นคำร้องให้แล้วเสร็จภายใน 9 เม.ย.55 เพื่อสำนักงานเขตจะได้เร่งรัดตรวจสอบและจัดประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรุงเทพมหานคร (ก.ช.ภ.กทม.) เพื่อขออนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 30 พ.ค.นี้

กทม.เตรียมแจ้งความเจ้าของโรงแรมเพลิงไหม้ดัดแปลงอาคาร พร้อมออกมาตรการ 6 ข้อตรวจสอบอาคารสูง

(12 มี.ค.55) ที่ศาลาว่าการกทม. เวลา 12.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีเพลิงไหม้อาคารโรงแรมแกรนด์ ปาร์ค อเวนิว ถ.สุขุมวิท เขตคลองเตย ทำให้มีผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 มี.ค.55 ที่ผ่านมา ว่า ภายหลังการตรวจสถานที่เกิดเหตุพบว่าโรงแรมดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนที่เป็นอาคารจอดรถยนต์ให้เป็นห้องจัดเลี้ยงโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งในวันนี้ สำนักงานเขตคลองเตย ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของอาคาร กรณีดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ กทม. ได้กำหนดมาตรการ 6 ขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยของอาคารสูง ได้แก่ 1.การจัดทำฐานข้อมูลอาคาร 9 ประเภทที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบ อาทิ อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน และโรงมหรสพ ซึ่งปัจจุบันอาคาร 9 ประเภทในกทม. มีจำนวนเกินกว่า 10,000 อาคาร 2.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบอาคารทั้ง 9 ประเภท ทั้ง 50 สำนักงานเขต โดยจะเริ่มดำเนินการตรวจสอบอาคาร 15 มี.ค.นี้ และรายงานผลการปฏิบัติงานทุก 7 วัน ทั้งนี้ กทม.กำหนดให้ดำเนินการตรวจสอบอาคารให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน เม.ย. 3.สำหรับอาคารที่ยังไม่ได้ยื่นตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารตามกฎกระทรวง นั้น ให้เจ้าของอาคารจัดหาผู้ตรวจสอบอาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้กับกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อทำการตรวจสอบพร้อมรายงานผล ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ตรวจสอบอาคารที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วกว่า 2700 ราย ตรวจสอบรายชื่อได้ทางเว็บไซต์กรมโยธาธิการและผังเมือง 4.ตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตก่อสร้างอาคารที่ยื่นไว้แล้วเพื่อถูกต้องหรือไม่ เพื่ออกใบรับรองความถูกต้องของอาคาร 5. สำนักการโยธา กทม.แจ้งเตือนให้เจ้าของอาคารส่งรายงานการตรวจสอบอาคาร 6.หากเจ้าของอาคารไม่ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ให้สำนักงานเขตแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของอาคารที่ไม่ยื่นรายงานการตรวจสอบอาคารต่อไป
นอกจากนี้ กทม.ได้ประสานสภากรุงเทพมหานครเพื่อจัดทำร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการเสริมความปลอดภัยในอาคารสูง อาคารขนดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน และโรงมรสพ ในกรุงเทพมหานคร รวมถึงบทกำหนดโทษกรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติดังกล่าว ขณะเดียวกัน สภากรุงเทพมหานคร ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาและติดตามและตรวจสอบมาตรการควบคุมความปลอดภัยอาคารสูง อาคารขนดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน และโรงมรสพในกรุงเทพมหานคร โดยจะเริ่มประชุมครั้งแรกในวันที่ 13 มี.ค.55 เวลา 11.00 น. อีกทั้ง กทม.จะประสานกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อแก้ไขกฎกระทรวงเรื่องการเสริมความปลอดภัยในอาคารสูง และอาคารขนาดใหญ่พิเศษที่ได้รับอนุญาตก่อนกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 พ.ศ.2535 ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วย

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

เขตสะพานสูงรับอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก

ว่าที่ร้อยตรี สมสิทธิ์ คงธนสารสิทธิ์ ผู้อำนวยการเขตสะพานสูง กทม. แจ้งว่าสำนักงานเขตรับสมัครสอบและคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กเพศหญิง เพื่อปฏิบัติงานในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในพื้นที่เขตสะพานสูง จำนวน 1 อัตรา ผู้สนใจให้ขอและยื่นใบสมัครด้วยตนเองได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ชั้น 1 สำนักงานเขตสะพานสูง ตั้งแต่บัดนี้ถึง 13 มี.ค. 55 ในวันและเวลาราชการ สอบถามเพิ่มเติมที่ฝ่ายพัฒนาฯ 0 2372 2918-23 ต่อ 7135

สนอ. จัดบริการเอกซเรย์ปอดเคลื่อนที่ฟรี

พญ.มนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า สำนักอนามัยได้จัดหน่วยรถเอกซเรย์ปอดเคลื่อนที่ บริการเอกซเรย์ปอด ค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในชุมชนต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการแพร่กระจายของวัณโรค พร้อมให้ความรู้เรื่องวัณโรคแก่ประชาชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีกำหนดการให้บริการประชาชนตามชุมชนต่างๆ พระภิกษุ นักเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกทม. ดังนี้วันที่ 13 มี.ค. 55 เวลา 08.00–12.00 น. ชุมชนปิยะวัชร เขตคลองเตย เวลา 09.00–15.00 น. สำนักงานป.ป.ส ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ เวลา เวลา 12.00–14.00 น. ชุมชนภูมิจิตร–โขนสด เขตคลองเตย วันที่ 14 มี.ค. 55 08.00–12.00 น. วัดปากบ่อ เขตสวนหลวง เวลา 09.00–12.00 น. สำนักงานป.ป.ส ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ วันที่ 15 มี.ค. 55 08.00–12.00 น. ชุมชนวัดไตรรัตนาราม เขตบางเขน เวลา 09.00–15.00 น. สำนักงาน ป.ป.ส ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ วันที่ 16 มี.ค. 55 08.00–12.00 น. ศูนย์สุขภาพพร้อมสุข เขตบางเขน
วันที่ 19 มี.ค. 55 08.00–12.00 น. หมู่บ้านวิลล่า 3 เขตบางเขน
ทั้งนี้สำนักอนามัยจะจัดหน่วยเอกซเรย์ปอดเคลื่อนที่ให้บริการแก่ประชาชนตามชุมชนต่างๆ หมุนเวียนทั่วกรุงเทพมหานคร อย่างต่อเนื่องทุกเดือน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2246 0302 ต่อ 2764

กทม. รับมอบอาคารเรียน “สัมฤทธิวณิชชา”

(9 มี.ค. 55) เวลา 09.00 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดรับมอบอาคารเรียน “สัมฤทธิวณิชชา” จากนายบุญเลิศ นางรุ่งนภา สัมฤทธิวณิชชา ผู้อุปถัมภ์สนับสนุนทุนทรัพย์การก่อสร้างอาคารเรียน โดยมีนางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร พระเทพสิทธิเมธี เจ้าอาวาสวัดบุณยประดิษฐ์ เจ้าคณะเขตบางแค คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารเขตบางแค คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง คณะผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และผู้ปกครอง ร่วมพิธี ณ บริเวณหน้าอาคารเรียนโรงเรียนวัดบุณยประดิษฐ์ เขตบางแค
โรงเรียนวัดบุณยประดิษฐ์ปัจจุบันมีพื้นที่ จำนวน 6 ไร่ 1 งาน 69 ตารางวา จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจำนวนนักเรียนในปีการศึกษา 2554 จำนวน 1,217 คน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2551 โรงเรียนวัดบุณยประดิษฐ์ ได้ขยายโอกาสทางการศึกษาเปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษา อาคารเรียนไม่เพียงพอ เนื่องจากมีนักเรียนเพิ่มขึ้น พระเทพสิทธิเมธี เจ้าอาวาสวัดบุณยประดิษฐ์ เจ้าคณะเขตบางแค จึงบอกบุญไปยัง นายบุญเลิศ สัมฤทธิวณิชชา ซึ่งรับเป็นผู้อุปถัมภ์สนับสนุนทุนทรัพย์การก่อสร้างอาคารเรียน 4 ชั้น 16 ห้องเรียน ความยาว 56 เมตร จำนวน 1 หลัง ตามรูปแบบของสำนักการศึกษา โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 52 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 19,000,000 บาท ทั้งนี้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง คณะผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และผู้ปกครอง ร่วมกันตั้งชื่ออาคารว่า “สัมฤทธิวณิชชา” เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลของผู้บริจาค
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวขอบพระคุณพระเดชพระคุณ พระเทพสิทธิเมธี นายบุญเลิศ สัมฤทธิวณิชชา และครอบครัว ที่มีจิตศรัทธาเป็นผู้อุปถัมภ์ให้การสนับสนุนในการก่อสร้างอาคารเรียนดังกล่าว ให้กับโรงเรียนวัดบุณยประดิษฐ์ นับว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการส่งเสริมการศึกษาของกรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถรองรับการให้บริการทางการศึกษาให้แก่นักเรียนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน เป็นศูนย์รวมพลังประชาชนในการจัดการศึกษา และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และสร้างความสุขแก่ นักเรียน ชุมชน สังคม และประเทศชาติต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

24 ปีโรงพยาบาลลาดกระบังฯ มุ่งมั่นเดินหน้าให้บริการด้วยคุณภาพ

(9 มี.ค. 55) เวลา 11.00 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร ครบรอบ 24 ปี โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีเปิด ณ โรงพยาบาลลาดกระบัง ซึ่งกิจกรรมในงาน ประกอบด้วย พิธีสงฆ์ในช่วงเช้า การจัดนิทรรศการความรู้เพื่อสุขภาพ มอบโล่แก่ผู้มีอุปการคุณของโรงพยาบาล และมอบโล่แก่บุคลากรที่มีการปฏิบัติงานดีเด่นของโรงพยาบาล ประจำปี 2554 เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
โรงพยาบาลลาดกระบัง เดิมเป็นศูนย์บริการสาธารณสุข 45 สังกัดสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ต่อมีผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีนโยบายขยายการให้บริการด้านการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนที่ครอบคลุมพื้นที่อย่างทั่วถึง จึงปรับปรุงและยกระดับเป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2531 โดยใช้ชื่อโรงพยาบาลชุมชนลาดกระบัง และย้ายมาสังกัดสำนักการแพทย์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2538 สำหรับโรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการด้านการรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสุขภาพ ผสมผสานกับการควบคุมป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคมให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงในย่านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครเรื่อยมา ซึ่งมีการพัฒนาและยกระดับการให้บริการอย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง เป็น 60 เตียง และในอนาคตจะเพิ่มขนาดเป็น 200 เตียง เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการประชาชนต่อไป

กทม. อบรมเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสาธารณภัย

(8 มี.ค. 55) เวลา 09.00 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสาธารณภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสาธารณภัยให้แก่สมาชิกอปพร. และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้เข้ารับการอบรม ร่วมงาน ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
กรุงเทพมหานครจัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะ ความชำนาญ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครภาคประชาชนและเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยเน้นการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการดับเพลิง กู้ภัย และระงับเหตุสาธารณภัย ซึ่งกำหนดจัดการฝึกอบรมระหว่างวันที่ 8 มี.ค. – 27 พ.ค. 55 แบ่งการฝึกอบรมเป็นแบบพักค้าง 4 วัน 3 คืน จำนวน 10 รุ่นๆ ละ 135 คน รวมทั้งสิ้น 1,350 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 200 คน สมาชิก อปพร. 50 เขตๆ ละ 20 คน รวม 1,000 คน และเจ้าหน้าที่ดำเนินโครงการ รุ่นละ 15 คน รวม 150 คน ณ ศูนย์ดับเพลิงและกู้ภัยอาฟเฟอร์ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

เร่งขุดลอกท่อและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมคืนความสดใสให้เมือง

(3 มี.ค.55) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการ “รวมพลังมอบความสดใสแก่ผู้ประสบอุทกภัย” ณ สมาคมเมืองทองนิเวศน์ 1 ริมบึงสีกัน เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นกิจกรรมฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและปรับปรุงพื้นที่ภายหลังเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา โดยสำนักงานเขตกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ ประกอบด้วย ลาดพร้าว จตุจักร บางซื่อ หลักสี่ ดอนเมือง สายไหม บางเขน ร่วมกับ สำนักการระบายน้ำ สำนักสิ่งแวดล้อม กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ กรมราชทัณฑ์ การประปานครหลวง และประชาคมซอยแจ้งวัฒนะ 14 ได้ร่วมกันดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำเพื่อเปิดทางน้ำไหล พร้อมทั้งพัฒนาความสะอาด ล้างผิวจราจรและทางเท้า ตัดแต่งต้นไม้ใน ซ.แจ้งวัฒนะ 14 หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ 1 หมู่บ้านเกษตรนิเวศน์ หมู่บ้านพงษ์เพชรวิลล่า หมู่บ้านรุ่งอรุณ และบริเวณใกล้เคียง คืนความสะอาดสดใส เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยเมื่อปลายปี 54 ที่ผ่านมา ทำให้มีดินโคลนและขยะมูลฝอยจำนวนมากตกค้างในท่อระบายน้ำ รวมทั้งมีต้นไม้ล้มตายจำนวนมาก จำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและพื้นที่กลับคืนมา พร้อมทั้งเตรียมรับฤดูฝนที่จะมาถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้

กทม. ร่วมกับ สวพ.FM91 เปิดโครงการให้ความรู้ในการป้องกันตนเองและทรัพย์สินจากคนร้าย

(3 มี.ค.55) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการ “กทม. – ธอส. อาสาพิทักษ์บ้าน พิทักษ์เมือง” รุ่นที่ 2 ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สวพ.FM 91 และธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดขึ้นเพื่อรวมพลังคนดีมีจิตอาสา พร้อมทั้งให้ความรู้ด้านการป้องกันภัยจากอาชญากรรม การสร้างสังคมแห่งการมีน้ำใจของคนไทยในการให้ความช่วยเหลือสอดส่องดูแลความปลอดภัย และการสาธิตการระงับเหตุอัคคีภัยในเบื้องต้น โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 2 รุ่นๆ ละ 300 คน สำหรับรุ่นที่ 1 จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.ย.54
ภายในงานมีการมอบรางวัล “สุดยอด ธอส. อาสาพิทักษ์บ้าน พิทักษ์เมือง” จำนวน 3 คน ได้แก่ นายนราธิป แจ๊ะน๊ะ นายสมชาย แย้มเจริญ และนายกรีโชติ รักเอก ได้รับทุนกำลังใจคนละ 3,000 บาท พร้อมของที่ระลึก เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่กันและสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือป้องกันภัยจากอาชญากรรม และร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นอาสาสมัครพิทักษ์บ้าน พิทักษ์เมือง ซึ่งหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคือ เป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นในอุบัติเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นบนท้องถนน นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที คืนของมีค่าที่หายไปแก่เจ้าของ การช่วยเหลือเพื่อนร่วมทางที่จอดรถเสีย แจ้งเบาะแสข่าวอาชญากรรมและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนและสังคม และการแจ้งเบาะแสการโจรกรรมภายในเคหะสถาน

วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

คนกรุงเทพฯ ร่วมใจประกาศก้องเอาชนะยาเสพติด

กทม.นำทัพเครือข่ายต่อต้านยาเสพติด จับมือเยาวชนต้นแบบ อาทิ นุ้ย-เกศริน ปอ AF7 ร่วมประกาศเจตนารมณ์เอาชนะยาเสพติด และเขียนข้อความไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด จากนั้นกลุ่มพลังมวลชน 5 กลุ่มนำทัพเดินรณรงค์ตลอดถนนดินสอ-อนุสาวรีย์ประชาธิไตย เชิญชวนคนกรุงเทพฯ เป็นพลังสำคัญต้านยาเสพติดในวาระแห่งชาติ
(2 มี.ค.55) เวลา 09.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดกรุงเทพมหานคร นำทีมข้าราชการและลูกจ้างกทม. ตำรวจ ทหาร ศิลปินดารา นักร้อง นักเรียน นักศึกษา อาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชนทุกหมู่เหล่า กว่า 3,500 คน ร่วมประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าเป็นพลังขับเคลื่อนต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเขียนข้อความแสดงพลังทางความคิดรวมใจเป็นหนึ่งไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ในงานมหกรรมรวมพลังคนกรุงเทพฯ เอาชนะยาเสพติด “Bangkok Clear ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม.
กทม.ร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรมคุมประพฤติ กระทวงยุติธรรม กองทัพภาคที่ 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) จัดมหกรรมรวมพลังคนกรุงเทพฯ เอาชนะยาเสพติด เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการเอาชนะ ยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญและรัฐบาลกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้กลุ่มพลังต่างๆ ในสังคม ผนึกกำลังร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการจัดกิจกรรมขับเคลื่อนเชิงสัญลักษณ์จากกลุ่มพลังมวลชน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพลังชุมชนพลังสังคม กลุ่มพลังบำบัดฟื้นฟู กลุ่มพลังป้องกันสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติด กลุ่มพลังปราบปรามยาเสพติด และจัดระเบียบสังคม กลุ่มพลังบริหารจัดการ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกพลังทางสังคมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและต่อต้านภัยยาเสพติด และทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ภายในงาน “มหกรรมรวมพลังคนกรุงเทพฯ เอาชนะยาเสพติด” ตั้งแต่เวลา 09.00 – 14.00 น. ได้จัดให้มีนิทรรศการและบูธกิจกรรม ประกอบด้วย การแสดงผลงานและความสำเร็จในการดำเนินงานของชุมชนที่ได้รับพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดิน นิทรรศการ To Be Number One การให้บริการคัดกรองและตรวจหาสารเสพติดของคลินิกบำบัดรักษา ผู้ติดยาเสพติด การจำลองบรรยากาศสถานฟื้นฟูสมรรถภาพบ้านพิชิตใจ สาธิตนวัตกรรมและการป้องกันการติดยาเสพติด กิจกรรมรักตนรักชุมชน กิจกรรมบันไดชีวิตพิชิตยาเสพติด กิจกรรมชีวิตสดใสใส่ใจสุขภาพ และการเขียนข้อความแสดงพลังทางความคิดไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดในกระดาษ post it นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการฝึกอาชีพ กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การสอนดนตรี ตรวจสุขภาพ กิจกรรมทดสอบสมรรถภาพ และการออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูกอีกด้วย

ประธานสภากทม. ศึกษาการให้บริการศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิและแพทย์ทางเลือก

(1 มี.ค. 55) นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เยี่ยมชมศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิและแพทย์ทางเลือก สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ โดยมี พ.ต.ท.หญิง วิริยา สุขน้อย ผู้บริหารศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิและแพทย์ทางเลือก และผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ณ ซอยวัดสีสุก 28 ถนนพระราม 2 เขตจอมทอง
สำหรับศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิและแพทย์ทางเลือก สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ เปิดให้บริการการแพทย์แผนไทย-จีน และแพทย์ทางเลือก อาทิ สมาธิบำบัด การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โภชนาบำบัด ดนตรีบำบัด การฝังเข็มแผนจีน กายภาพบำบัด รักษาโรคเบื้องต้นด้วยยาสมุนไพรไทย นอกจากนี้ยังมีชุดกิจกรรมฟื้นฟูหลังคลอด ประกอบด้วย นวดสำหรับหญิงหลังคลอด ประคบสมุนไพร ทับหม้อเกลือ อบไอน้ำสมุนไพร นั่งถ่าน ซึ่งประชาชนที่ใช้บัตรทอง สามารถเข้าใช้บริการฟรี สอบถามโทร. 0 2476 2643-4
ประธานสภากทม. กล่าวว่า ศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิและแพทย์ทางเลือก สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้บริการด้านสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่เขตจอมทอง ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาใช้บริการ รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่กทม. ร่วมออกหน่วยเพื่อให้บริการในชุมชน 50 เขต นอกจากนี้จะนำข้อสังเกตไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาบริการด้านสุขภาพในศูนยน์อนามัยของกรุงเทพมหานครให้มีการบริการที่ครบวงจรมากขึ้น

ชวนคนกรุงร่วมทำบุญใหญ่ตักบาตรพระกว่า 1 แสนรูป ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี

กรุงเทพมหานครเชิญชวนประชาชนร่วมทำบุญใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชา ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ธรรม ด้วยการร่วมตักบาตรพระ 113,000 รูป ทั่วกรุง เริ่มเสาร์ที่ 10 มี.ค. นี้
(1 มี.ค. 55) เวลา 11.00 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ.พรชัย พิญญพงษ์ ประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พล.อ.อ.วีระวุธ ลวะเปารยะ ประธานสหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ นางนวรัตน์ ฤดีพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริษัทแสงมิตร อีเลคตริค จำกัด นายองอาจ เลิศสุขกมล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และนายอุทัย คูตระกูล เลขานุการชมรมพ่อค้าแม่ค้าประตูน้ำ ร่วมกันแถลงข่าวโครงการตักบาตรพระ 1 แสนรูป ทั่วกรุงเทพฯ ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการตักบาตรพระ 1 ล้านรูป 77 จังหวัดทุกวัดทั่วไทย
โครงการตักบาตรพระ 1 ล้านรูปนี้ จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นการฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งแผ่นดิน จากนั้น คณะกรรมการฯ จะนำข้าวสารอาหารแห้งที่ได้จากการตักบาตรไปช่วยเหลือพระภิกษุ สามเณร ทหาร ตำรวจ ครู นักเรียน และประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา อีกทั้งนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วประเทศ
ในส่วนของกรุงเทพฯ จะมีพิธีตักบาตรในวันเสาร์ อาทิตย์ ตลอดเดือนมีนาคม คือ วันที่ 10 มี.ค. 55ตักบาตรพระ 12,600 รูป บริเวณสะพานใหม่-ตลาดยิ่งเจริญ 11 มี.ค 55 ตักบาตรพระ 12,600 รูป บริเวณยกเกษตร-รัชโยธิน 17 มี.ค. 55 ตักบาตรพระ 12,600 รูป บริเวณห้าแยกลาดพร้าว-สี่แยกสะพานควาย 18 มี.ค. 55 ตักบาตรพระ22,600 รูป บริเวณระตูน้ำ-เซ็นทรัลเวิลด์ 24 มี.ค. 55 ตักบาตรพระ 30,000 รุป บริเวณถนนเยาวราช-เจริญกรุง 25 มี.ค. 55 ตักบาตรพระ 22,600 รูป ถบริเวณนนลาดหญ้า -วงเวียนใหญ่ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแผนที่ตักบาตรได้ที่ www.cmc.tv หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2831 1000