ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ขอเชิญชมรายการพิเศษ “วันสายใจไทย วาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ

มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเชิญชมรายการพิเศษ “วันสายใจไทย วาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในวันศุกร์ที่ 1 เม.ย. 2554 เวลา 21.20 – 00.30 น. เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายพระพรแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิฯ
ผู้สนใจติดต่อและบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิสายใจไทยฯ ล่วงหน้าได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2281 6403 และ 0 2687 3121-2 ในวันและเวลาราชการ นอกจากนี้ยังสามารถบริจาคในรายการได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0 2615 1000 และร่วมส่ง SMS ถวายพระพรที่หมายเลข 4268678

กทม.มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ ซ.เพชรเกษม 36

(31 มี.ค.54) เวลา 15.00 น. : แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบเหตุอัคคีภัย บริเวณซอยเพชรเกษม 36 แยก 1 เขตภาษีเจริญ ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 54 เวลาประมาณ 03.16 น. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย และได้รับบาดเจ็บโดนไฟลวก จำนวน 1 ราย โดยบ้านเกิดเหตุอยู่ ในชุมนุมวัดประดู่ บางจาก ซอยเพชรเกษม 36/1 ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูนแบ่งเป็นห้องให้เช่าหลายสิบห้อง มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ โดยเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานครได้เข้าควบคุมเพลิง โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ อย่างไรก็ตามต้องรอผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งหนึ่งถึงสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ แต่คาดว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
ทั้งนี้ในเบื้องต้นกรุงเทพมหานครได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัย โดยผู้เสียชีวิต ได้รับเงินช่วยเหลือ รายละ 10,000 บาท บ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ได้รับเงินช่วยเหลือ ครอบครัวละ 3,000 บาท และบ้านที่ได้รับความเสียหายบางส่วนได้รับเงินช่วยเหลือ ครอบครัวละ1,500 บาท พร้อมทั้งตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงและได้รับผลกระทบต่อไป

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

09.00 น. นาย พรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดการท่องเที่ยว 3 เส้นทาง 3 วัฒนธรรม 100 ปีเขตคลองสาน ณ หน้าสำนักงานเขตคลองสาน
13.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานพิธีปิดการฝึกอบรมโครงการรักษาความมั่นคงของชาติ กลุ่มนักธุรกิจเพื่อความมั่นคง กอ.รมน.กทม. (รุ่นที่ 3)และมอบเกียรติบัตร ณ ห้องรัตนโกสินทร์ กทม.
14.00 น. นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
17.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานเปิดโครงการนำร่องปรับปรุงพื้นที่สาธารณะรอบมรดกวัฒนธรรมย่านกะดีจีน ณ ลานซางตาครูส ย่านกะดีจีน เขตธนบุรี
18.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานพิธีเปิดงานสมโภช 100 ปีเขตคลองสาน พุทธศักราช 2554 ณ เวทีกลาง ถ.ลาดหญ้า เขตคลองสาน
11.00 น. ดร.วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจป้ายพื้นที่กลุ่มกรุงเทพตะวันออกจุดนัดพบ ซ.วัชรพล ทางเข้าวัดคู้บอน ถ.รามอินทรา เขตคันนายาว
12.00 น. พันตำรวจเอกสวัสดิ์ จำปาศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจป้ายพื้นที่กลุ่มกรุงธนใต้จุดนัดพบ บริเวณปั้มน้ำมันก่อนถึงห้างบิ๊กซี ถ.พระราม 2 เขตบางขุนเทียน

กทม.เปิดศูนย์รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

(30 มี.ค. 54) นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ขึ้น ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) และที่สำนักงานเขตทุกแห่ง เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย โดยรับบริจาคเงินช่วยเหลือผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนข้าวสาร ชื่อบัญชี “กองทุน กทม. ช่วยผู้ประสบภัย” เลขที่บัญชี 027 – 0 -17081 – 2 หากประสงค์บริจาคเป็นสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย สามารถบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) และสำนักงานเขตทุกแห่ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร. 0 2272 2162

กทม. เปิดรับสมัครงานหลายอัตรา

นายมนัส ปสาทรัตน์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. แจ้งว่า หน่วยงานของกรุงเทพมหานครเปิดรับสมัครงานหลายอัตรา ดังนี้

โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ รับสมัครสอบและคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นลูกจ้างชั่วคราว รวม 5 อัตรา ประกอบด้วย ตำแหน่งคนงาน (เพศชาย) จำนวน 1 อัตรา และคนงาน (เพศหญิง) จำนวน 4 อัตรา ผู้ประสงค์จะสมัครสอบให้ขอและยื่นใบสมัครด้วยตนเองที่ฝ่ายนบริหารงานทั่วไป ชั้น 5 อาคารสมเด็จพระสังฆราช โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ตั้งแต่บัดนี้ถึง 22 เม.ย. 54 ในวันราชการระหว่างเวลา 08.00-16.00 น. สอบถามโทร. 0 2444 2772

เขตสาทร โรงเรียนวัดยานนาวา รับสมัครสอบและคัดเลือกครูสอนภาษาจีน จำนวน 1 อัตรา ผู้ประสงค์จะสมัครสอบขอรับใบสมัครด้วยตนเองที่โรงเรียนวัดยานนาวา เขตสาทร ตั้งแต่บัดนี้ถึง 4 เม.ย. 54 ในวันและเวลาราชการ สอบถามโทร 0 2211 9482

สภากทม. ห่วงสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้ เตรียมนำสิ่งของช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน

(29 มี.ค. 54) นายสุทธิชัย วีระกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมอย่างหนักในพื้นที่ภาคใต้ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากและขณะนี้ยังมีหลายพื้นที่ยังคงน่าเป็นห่วง ทั้งนี้สภากรุงเทพมหานครมีความห่วงใยและคอยติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้สภากรุงเทพมหานครได้เตรียมรับมอบสิ่งของจำเป็นและเครื่องเวชภัณฑ์ ที่คณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและกลุ่มประชาชนได้นำมาบริจาคไว้เพื่อนำไปช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ อาทิ จ.ชุมพร จ.สุราษฏร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง รวมทั้งพื้นที่บางส่วนใน จ.สงขลา ที่ประสบกับปัญหาอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ทางสภากรุงเทพมหานครจะทำการรวบรวมสิ่งของอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นทั้งหมด และจะเร่งประสานไปยังหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่เพื่อลำเลียงส่งต่อให้ถึงประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด

ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า สำหรับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพมหานครที่ประสงค์จะนำสิ่งของมาบริจาคสามารถประสานไปยังสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในพื้นที่ของตนได้ โดยจะทำการรวบรวมเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่อไป

คดีรถและเรือดับเพลิงยังไม่สรุป คณะอนุญาโตตุลาการเลื่อนพิจารณาเป็นปลายเดือน พ.ค.นี้

(31 มี.ค.54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม.ได้เดินทางไปร่วมฟังการพิจารณาคดีของคณะอนุญาโตตุลาการ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 22-25 มี.ค.54 เกี่ยวกับข้อพิพาทกรณีปัญหาการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงและอุปกรณ์ดับเพลิง มูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่งมีการนำเสนอพยานหลักฐานและข้อโต้แย้งในประเด็นข้อพิพาททางกฎหมายเบื้องต้นที่บริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์ซอย์ จำกัด ประเทศออสเตรีย ในฐานะเป็นบริษัทคู่สัญญา ซึ่งเป็นผู้หยิบยกข้อพิพาททางกฎหมายขึ้นมาเจรจา โดยผู้แทนฝ่ายกทม.ที่เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.เดวิด ลอว์สัน ทนายความของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นทนายความประจำอยู่ที่กรุงเจนีวา และคณะนักกฎหมายของกรุงเทพมหานคร โดย กทม.ได้นำเสนอพยานบุคคลในด้านข้อเท็จจริงและพยานผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายไทย ทั้งนี้การพิจารณาคดีได้ดำเนินการรวมเป็นระยะเวลา 3 วัน จากนั้นคณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการพิจารณาและนัดการพิจารณาใหม่ในช่วงปลายเดือน พ.ค.54
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เนื่องจากขั้นตอนดำเนินการอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่ทุกอย่างถือเป็นความลับ ห้ามมิให้คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดเผยพยานเอกสาร หรือคำเบิกความข้อโต้แย้งของคู่กรณี หรือรายละเอียดใดๆ ของกระบวนการพิจารณาคดี ดังนั้นจึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักในการดำเนินคดีของฝ่าย กทม. คือ การระงับสัญญาการซื้อขายรถเรือดับเพลิงและอุปกรณ์ดับเพลิง พ.ศ.2547 ตามแนวทางของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแม้ว่า กทม.จะไม่สามารถคาดการณ์ผลการพิจารณาคดีของคณะอนุญาโตตุลาการ แต่ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

ยอดสมัครสมาชิก ก.ฌ.กทม. พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นายสุชีพ อารีประชาภิรมย์ หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการ กองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า ปัจจุบันจำนวนผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร (ก.ฌ.กทม) ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นสูงสุด โดยมีผู้สมัครจำนวนทั้งสิ้น 1,484 ราย แยกเป็น ข้าราชการ 160 ราย คู่สมรสข้าราชการ 19 ราย ข้าราชการครู 89 ราย คู่สมรสข้าราชการครู 20 ราย ลูกจ้าประจำ 417 ราย คู่สมรสลูกจ้างประจำ 125 ราย ลูกจ้างชั่วคราว 645 ราย และคู่สมรสลูกจ้างชั่วคราว 9 ราย โดยเป็นผลมาจากที่การฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานครได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร ขยายอายุของผู้สมัครจากเดิมอายุไม่เกิน 55 ปี ในวันสมัคร เป็นอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ในวันสมัคร รวมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกจ้างชั่วคราวของกรุงเทพมหานคร พนักงานชั่วคราวของการพาณิชย์กรุงเทพมหานครหรือคู่สมรสของสมาชิก สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานครได้โดยข้อบังคับฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 53 ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจจากข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร รวมถึงลูกจ้างชั่วคราวของกรุงเทพมหานครและพนักงานชั่วคราวของการพาณิชย์กรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก ทำให้จำนวนผู้สมัครสมาชิกก.ฌ.กทม. เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก ก.ฌ.กทม.ทั้งหมด 48,386 ราย นับว่าเป็นการจัดสวัสดิการให้แก่บุคลากรของกรุงเทพมหานครได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อย่างเป็นธรรมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ทั้งยังเป็นสวัสดิการที่ส่งเสริมความเข้มแข็งของสังคมและเป็นหลักประกันความมั่นคงให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้าง และสมาชิกในครอบครัว

ข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานครที่มีความสนใจสมัครเป็นสมาชิก สามารถสมัครด้วยตนเองได้ที่สำนักงาน การฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร ฝ่ายสวัสดิการ กองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร โทร. 02224 3001 หรือโทร. 1325-7

สวัสดิการ delivery ออกให้บริการถึงทุกหน่วยงานในสังกัดกทม.

นายสุชีพ อารีประชาภิรมย์ หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการ กองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า จัดโครงการ “สวัสดิการ delivery” ออกให้บริการเชิงรุกแก่ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร โดยจัดเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติงานเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และรับสมัครสมาชิกฯ ถึงหน่วยงาน เพื่อให้ข้าราชการและลูกจ้างทุกคนได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างทั่วถึง ทั้งนี้จะหมุนเวียนปฏิบัติหน้าที่ ณ หน่วยงานต่างๆ โดยในเดือน เม.ย. 54 ได้กำหนดแผนปฏิบัติงานดำเนินการในวันที่ 12 เม.ย. 54 ณ สำนักงานเขตจตุจักร

สำหรับข้าราชการและลูกจ้างที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร (ก.ฌ.กทม.) และสมาชิกสวัสดิการฯ สามารถสมัครได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว หรือสมัครได้ด้วยตนเองที่ฝ่ายสวัสดิการ กองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานใดประสงค์จะให้รับสมัคร ณ หน่วยงานของท่าน โดยมีผู้สมัคร 15 คนขึ้นไป สามารถประสานรายละเอียดได้ที่ฝ่ายสวัสดิการ กองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร โทร. 02224 3001 หรือโทร. 1325-7

กำหนดการกรุงเทพมหานคร วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม 2554

09.45 น.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมปลูกต้นไม้ในโอกาสงานฉลองครบรอบ 175 ปี ของการลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและการค้าไทย-สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 51 ณ บริเวณสวนมิตรภาพไทย-สหรัฐ สวนจตุจักร

10.00 น.นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานมอบรางวัลนักกีฬานักเรียน กทม. ในการแข่งขันกีฬาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 28 “เวสสุวัณเกมส์” ณ ห้องรัตนโกสินทร์ กทม.

11.30 น.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานแถลงข่าวเรื่องรถดับเพลิง ณ ห้องอัมรินทร์ กทม.

13.15 น.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ (ร.3) จากนั้น 14.00 น. เฝ้ารับเสด็จฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์

14.00 น.พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “การบริหารการแพทย์และสาธารณสุข สำนักอนามัย รุ่นที่ 4”ณ ห้องเจ้าพระยา กทม.

บางกะปินำร่องโครงการประชาวิวัฒน์ จัดระเบียบผู้ค้าและจักรยานยนต์รับจ้าง

กทม. เดินหน้าโครงการประชาวิวัฒน์ นำร่องเขตบางกะปิ จัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอย แจกผ้ากันเปื้อน ร่ม หมวก เพิ่มจุดผ่อนผันใหม่ พร้อมดึงมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นอาสาสมัครพิทักษ์เมือง ช่วยดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนกรุง
(30 มี.ค. 54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการตามนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร 2 โครงการ ประกอบด้วย การจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอย และการจัดระเบียบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ โดยมี ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักเทศกิจ คณะผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง คณะผู้บริหารสำนักงานเขตบางกะปิ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ ร่วมงาน ณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ ถนนรามคำแหง เขตบางกะปิ ซึ่งในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้แจกอุปกรณ์ ได้แก่ ผ้ากันเปื้อน ร่ม หมวกให้แก่ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย และหมวกนิรภัย เสื้อกั๊ก ให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบางกะปิได้ดำเนินโครงการตามนโยบายประชาวิวัฒน์ ดังนี้ การจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอย เดิมมีจุดผ่อนผัน จำนวน 11 จุด มีผู้ค้าจำนวน 559 คน ต่อมาได้มีการพิจารณาผู้ค้าหาบเร่แผงลอยนอกจุดผ่อนผัน เพื่อเสนอให้เป็นจุดผ่อนผันใหม่ จำนวน 10 จุด มีผู้ค้าจำนวน 481 คน โดยได้รับอนุญาตจากกรุงเทพมหานครและกองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 4 จุด คือ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ มีผู้ค้า จำนวน 12 คน บริเวณซอยรามคำแหง 64-66 มีผู้ค้า จำนวน 9 คน บริเวณซอยรามคำแหง 14-20 มีผู้ค้า จำนวน 36 คน และบริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนรามคำแหง มีผู้ค้าจำนวน 21 คน รวมผู้ค้าทั้งหมด จำนวน 88 คน และการจัดระเบียบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ เดิมขึ้นทะเบียนไว้ จำนวน 89 วิน ผู้ขับขี่ จำนวน 3,700 คน และเมื่อวันที่ 15ก.พ. - 15มี.ค. 54 มีผู้ขับขี่ลงทะเบียนใหม่ จำนวน 42 คน รวมแล้วมีผู้ขับขี่เก่าและใหม่ จำนวน 3,742 คน ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบอาชีพทั้ง 2 กลุ่ม ให้ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง นอกจากนี้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะยังมีส่วนช่วยในการเป็นอาสาสมัครพิทักษ์เมือง ช่วยดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการตามนโยบายประชาวิวัฒน์ ซึ่งเป็นโครงการที่ทำให้ประชาชนมีอาชีพสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยในส่วนของกรุงเทพมหานครได้จัดให้มีสวัสดิการแก่กลุ่มผู้ประกอบอาชีพทั้ง 2 กลุ่ม ประกอบด้วยโครงการมอเตอร์ไซค์ยิ้ม เป็นการทำประกันชีวิตให้โดยคิดเบี้ยประกันปีละ 500 บาท เพื่อเป็นสวัสดิการช่วยเหลือกรณีผู้ขับขี่ประสบอุบัติเหตุ และโครงการยิ้มสู้ กู้สร้างอาชีพ ที่ให้ผู้ประกอบการค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน สร้างคุณภาพชีวิตและมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งการค้าต่อไป

กทม. เชิดชูเกียรติอาสาสมัครสาธารณสุขดีเด่น

(30 มี.ค. 54) เวลา 09.00 น. : ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานเฉลิมฉลองวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติของกรุงเทพมหานคร พร้อมมอบโล่แก่อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ที่มีผลงานสาธารณสุขดีเด่นระดับกทม. และเข็มเชิดชูเกียรติแก่ อสส. ที่ปฏิบัติงานครบ 25 ปี ประกอบด้วย ดีเด่นระดับกรุงเทพมหานคร 11 คน ระดับศูนย์ประสานงาน 112 คน อาสาสมัครสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานครบ 25 ปี 6 คน 20 ปี 107 คน 15 ปี 271 คน และ 10 ปี 790 คน รวมทั้งสิ้น 1,297 คน โดยมี พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นางมนธิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักอนามัย และอาสาสมัครสาธารณสุข ร่วมงาน
กรุงเทพมหานคร จัดงานเฉลิมฉลองวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติเป็นประจำทุกปี เพื่อประกาศเกียรติคุณ สร้างขวัญ กำลังใจแก่อาสาสมัครสาธารณสุขที่ทำงานด้วยความเสียสละ เป็นพลังที่เข้มแข็งในการร่วมแก้ปัญหาสาธารณสุขในระดับชุมชน พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ปัญหาสาธารณสุขลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 16
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวชื่นชมและยินดีกับผลงานการพัฒนาสาธารณสุขของอาสาสมัครสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้มีจำนวนกว่า 15,000 คน ว่า นับเป็นพลังที่เข้มแข็งและมีศักยภาพในการแก้ปัญหาสาธารณสุขในระดับชุมชน เนื่องจากอาสาสมัครสาธารณสุขเป็นประชาชนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในชุมชน เป็นเจ้าของชุมชนย่อมรู้ปัญหาของชุมชนได้ดีและสามารถหาทางแก้ไขปัญหาของชุมชนได้สอดคล้องกับความต้องการและปัญหาที่แท้จริงของชุมชน

สภามหานครอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เยือนสภากทม.สานสัมพันธ์ระหว่างเมือง


(29 มี.ค.54) ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร : นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ร่วมให้การต้อนรับ นาย ลี แจ โฮ รองประธานสภามหานครอินชอน และคณะสมาชิกสภามหานครอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี จำนวน 15 คน ในโอกาสเยือนสภากรุงเทพมหานครเพื่อสานสัมพันธ์ฉันมิตรตามโครงการบ้านพี่เมืองน้องระหว่างเมืองทั้งสอง

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรระดับหมู่บ้านในเขต กทม.

ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรระดับหมู่บ้านในเขต กทม.

ในเขตกรุงเทพมหานครมีราษฎรที่ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร จำนวน 47,287 คน กระจายในพื้นที่ 50 เขตปกครอง 304

ชุมชน ซึ่งต้องเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกร ตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. 2553
การเลือกตั้งผู้แทนระดับแขวง รับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 19 - 23 มกราคม 2554 และขยายเวลาวันรับสมัครในวันที่

24 - 28 มกราคม 2554 ปรากฏว่ามีเกษตรกรยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้าน ใน 36 เขตปกครอง

97 ชุมชน จาก 50 เขตปกครอง 304 ชุมชน โดยในพื้นที่ 3 เขตปกครอง 8 ชุมชน มีผู้สมัครเกินกว่า 1 คน จึงต้องมีการ

เลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 และปรากฏผลการเลือกตั้ง ดังนี้
1. เขตหนองจอก จำนวน 3 แขวง 6 ชุมชน ผลการเลือกตั้ง นายประเสริฐ สวัสดี เป็นผู้แทน ชุมชนที่ 2 แขวงคลองสิบ

สอง นายเดชา นุตาลัย เป็นผู้แทน ชุมชนที่ 3 แขวงคลองสิบสอง นายขจร เสือจุ้ย เป็นผู้แทน ชุมชนที่ 5 แขวงคลอง

สิบสอง นายปรีชา เหมกรณ์ เป็นผู้แทน ชุมชนที่ 6 แขวงคลองสิบสอง นายพจนาถ วงศ์ไพรัตน์ เป็นผู้แทน ชุมชนที่ 2

แขวงลำผักชี และนายมณฑล นาทอง เป็นผู้แทน ชุมชนที่ 6 แขวงหนองจอก
2. เขตบางขุนเทียน จำนวน 1 แขวง ผลการเลือกตั้ง นายอาทิตย์ พึ่งสมญา เป็นผู้แทนแขวงท่าข้าม ชุมชนที่ 1
3. เขตทวีวัฒนา จำนวน 1 แขวง ผลการเลือกตั้ง นายวิสิทธิ์ สุรชัยสิขวิทย์ เป็นผู้แทนแขวงทวีวัฒนา ชุมชนที่ 1
จำนวนเกษตรกรผู้มีสิทธิเลือกตั้งของ 3 เขตปกครอง 8 ชุมชน มีจำนวน 1,742 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 771 คน คิด

เป็นร้อยละ 44.26
ขั้นตอนต่อไป ผู้แทนชุมชนจะประชุมกันเพื่อเลือกตัวแทนแขวง ตัวแทนแขวงจะประชุมกันเพื่อเลือกตัวแทนเขต และตัว

แทนเขตจะเป็นสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2554 และภาย

ใน 30 วันนับแต่วันประกาศรายชื่อ สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดจะมีการประชุมสภาเกษตรกรจังหวัด เพื่อให้สมาชิกได้

มาประชุมครั้งแรกเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาเกษตรกรจังหวัด ซึ่งประธานสภาเกษตรกรจังหวัดจะเป็นสมาชิก

สภาเกษตรกรแห่งชาติโดยตำแหน่ง

หนฝ.ทะเบียน มอบผ้าห่มให้ประชาชนอำเภอฝาง

หนฝ.ทะเบียน มอบผ้าห่มให้ประชาชนอำเภอฝาง


สำนักงานปกครองและทะเบียนได้จัดโครงการอบรมสัมมนาและศึกษาดูงานหัวหน้าฝ่ายทะเบียน หัวหน้าฝ่ายปกครอง

บุคลากรดีเด่นของฝ่ายทะเบียนและฝ่ายปกครอง และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 120 คน เมื่อวันที่ 18 - 21 มกราคม 2554

โดยสำนักงานปกครองและทะเบียนได้นำผู้เข้ารับการอบรมสัมมนาไปดูงานด้านการบริการประชาชนของเทศบาลนคร

นครสวรรค์ เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลนครลำปาง และเทศบาลตำบลเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
ในการศึกษาดูงานครั้งนี้ เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านการบริการประชาชนและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้า

หน้าที่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คณะฯ ได้มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับทหารที่ประจำอยู่ ณ ฐานดอยอ่างขาง และให้กับ

เทศบาลตำบลเวียงฝาง เพื่อมอบให้กับประชาชน จำนวน 300 ผืน อีกด้วย

ปี 53 ทะเบียน 50 เขต ให้บริการ 3.7 ล้านราย

ปี 53 ทะเบียน 50 เขต ให้บริการ 3.7 ล้านราย


สำนักงานปกครองและทะเบียนได้รวบรวมสถิติการให้บริการประชาชนของฝ่ายทะเบียน ทั้ง 50 สำนักงานเขต ในปี 2553

ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,799,537 ราย แยกเป็นให้บริการประชาชนที่มีชื่อในทะเบียน

บ้านในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 2,695,190 ราย คิดเป็น 70.93% มีชื่อในต่างจังหวัด จำนวน 1,104,347 ราย คิด

เป็น 29.07% สำนักงานเขตที่ให้บริการประชาชนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) สำนักงานเขตบางเขน จำนวน

155,279 ราย (2) สำนักงานเขตจตุจักร จำนวน 151,065 ราย (3) สำนักงานเขตสายไหม จำนวน 114,168 ราย (4)

สำนักงานเขตบางขุนเทียน จำนวน 109,707 ราย และ (5) สำนักงานเขตมีนบุรี จำนวน 102,684 ราย สำนักงานเขตที่

ให้บริการประชาชนน้อยที่สุด ได้แก่ สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ จำนวน 16,896 ราย
นอกจากนี้ ฝ่ายทะเบียน 50 สำนักงานเขต ได้จัดเก็บค่าธรรมเนียมส่งเป็นรายได้ของกรุงเทพมหานคร เป็นเงิน

34,414,632 บาท อีกด้วย

กทม. เปิดรับสมัครงานหลายตำแหน่ง

กทม. เปิดรับสมัครงานหลายตำแหน่ง

นายประพาศน์ รัชตะสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กทม. แจ้งว่า โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ขยายเวลารับสมัครสอบและคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นพนักงานประกันสังคม ตำแหน่งพนักงานศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย (เพศหญิง) จำนวน 1 อัตรา และตำแหน่งนักโภชนาการ (เพศหญิง) จำนวน 1 อัตรา ผู้สนใจสามารถขอและยื่นใบสมัครสอบด้วยตนเองที่ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ตั้งแต่บัดนี้ถึง 1 เม.ย. 54 ในวันและเวลาราชการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0 2289 7383

เปิดสถานีโทรทัศน์กทม.ทางเลือกใหม่ของคนกรุง 1 เม.ย.นี้

เปิดสถานีโทรทัศน์กทม.ทางเลือกใหม่ของคนกรุง 1 เม.ย.นี้

1 เม.ย.นี้ พร้อมแพร่ภาพสถานีโทรทัศน์ของกทม.ครั้งแรกทางทรูวิชั่นส์ 76 และดาวเทียมระบบ C-Band เพิ่มช่องทางติดตามนโยบายและการดำเนินงานของกทม. เน้นความหลากหลายทั้งข่าวสาร วาไรตี้ และเจาะลึกการทำงานรวมถึงโครงการต่างๆ ของผู้บริหารและส.ก.เพื่อคนกรุงเทพฯ พร้อมเปิดพื้นที่สื่อสารและสร้างการมีส่วนร่วมของเด็ก เยาวชน และประชาชนเพื่อพัฒนากรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่

(29 มี.ค.54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวเปิดตัวสถานีโทรทัศน์กรุงเทพมหานคร : Bangkok City Channel ซึ่งออกอากาศอย่างเป็นทางการทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 76 และช่องสัญญาณดาวเทียมในระบบ C-Band ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป

ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า กทม.ได้มอบให้ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการบริหารงานสถานีฯ โดยร่วมกับคณะทำงานบริหารโครงการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ภารกิจของกรุงเทพมหานครทางช่องโทรทัศน์กรุงเทพมหานคร ที่กรุงเทพมหานครแต่งตั้งขึ้น ซึ่งในระยะแรกจะออกอากาศตั้งแต่เดือน เม.ย. - ก.ย.54 ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามรับชมรายการหลากหลายรูปแบบ ทั้งข่าวสาร รายการสนทนา รายการวาไรตี้ รายการเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนกรุงเทพฯ และนโยบายหรือโครงการของกรุงเทพมหานครที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า กรุงเทพมหานครในฐานะเมืองหลวงของประเทศ ได้จัดตั้งสถานีโทรทัศน์ของตนเอง เพื่อเป็นช่องการสื่อสารข่าวสาร นโยบายและการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง อีกทั้งเพิ่มทางเลือกในการรับชมรายการโทรทัศน์มากขึ้น โดยเฉพาะข่าวสาร ภารกิจ ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการรับรู้ข่าวสารและมีส่วนร่วมในการพัฒนากรุงเทพมหานครร่วมกัน และเป็นการเปิดพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการนำเสนอมุมมองและประเด็นต่างๆ เพื่อสร้างการเรียนรู้ รวมถึงเพิ่มช่องทางการรับฟังปัญหาและเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน นอกจากนี้เด็กและเยาวชนยังได้มีส่วนในการแสดงความคิดเห็นและมีเวทีแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมการเรียนรู้และการศึกษาทั้งในระดับวิชาการและภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนในชุมชน

สำหรับรายการที่จะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ Bangkok City Channel อาทิ “รายการเวทีเสาชิงช้า” เป็นการนำเสนอประเด็นที่อยู่ในความสนใจของคนกรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารกทม. ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องมาร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น “รายการคุยกันวันละเขตกับสภากทม.” เจาะลึกเรื่องราวระดับเขตกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร รวมถึงโครงการที่ต้องการจะประชาสัมพันธ์และรณรงค์เพื่อให้ประชาชนสนใจกรุงเทพฯ มากขึ้น “รายการเสือหลงกรุง” รายการสารคดีบันเทิงซึ่งนำเสนอผ่านมุมมองของนักปั่นจักรยานเสือภูเขาที่จะพาคุณผู้ชมสัมผัสเสน่ห์ทั้งสถานที่ วิถีชีวิต วัฒนธรรมของกรุงเทพฯ ในแง่มุมที่งดงาม และค้นหาบางสิ่งที่แปลกและหายาก “รายการลานกีฬาคนกรุง” เคล็ดไม่ลับด้านสุขภาพ กีฬา และนันทนาการ โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางร่วมไขปัญหา และ “รายการกรุง...ศิวิไลซ์ : เมืองงามได้ ถ้าใจคนงาม” เรื่องเล่าความดี แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ทางความรู้สึก และรับรู้ได้ด้วยรอยยิ้ม

คนกรุงเทพฯ ร่วมส่งใจห่วงใยชาวญี่ปุ่น “Together We Care - Bangkok for Japan”

คนกรุงเทพฯ ร่วมส่งใจห่วงใยชาวญี่ปุ่น “Together We Care - Bangkok for Japan”

(28 มี.ค.54) เวลา 18.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในกิจกรรมกรุงเทพมหานครรวมใจ ห่วงใยชาวญี่ปุ่น “Together We Care - Bangkok for Japan” บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า) เพื่อส่งความห่วงใยและกำลังใจจากชาวกรุงเทพมหานครให้แก่ชาวญี่ปุ่น อีกทั้งแสดงความรู้สึกและระลึกถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรุงเทพมหานครและประเทศญี่ปุ่น โดยมีนายเซอิจิ โคจิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมด้วยภริยา คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ข้าราชการและลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทูตและสมาคมต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทย สื่อมวลชนและประชาชน นางสาวไทย มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส และศิลปินดารา อาทิ สิริรัตน์ เรืองศรี มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2010 อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์ นางสาวไทย ปี 2552 ฝนทิพย์ วัชรตระกูล มิสไทยแลนด์ยูนิเวิรส์ ปี 2010 อามาเรีย จาคอป มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 ศรศิลป์ มณีวรรณ มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2008 กัญญรัตน์ จิรรัชชกิจ เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ์ สุวดี ชลาดล ศรัณย์ ศิริลักษณ์ ร่วมด้วยศิลปินกลุ่ม AF อาทิ เปรี้ยว รอน นัททิว มิ้น พริ้ง แอน และแทบบี้ รวมกว่า 2,000 คนร่วมงาน

นายเซอิจิ โคจิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวแสดงความขอบคุณพร้อมชื่นชมประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และทุกภาคส่วน ในความเป็นมิตรแท้ที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน ซึ่งสร้างความซาบซึ้งและประทับใจแก่ชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อีกทั้งทำให้ตระหนักถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ของสองประเทศตลอดระยะเวลายาวนาน ทั้งนี้สถานทูตญี่ปุ่นจะนำเงินที่ได้รับไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยและประเทศญี่ปุ่นตามวัตถุประสงค์ต่อไป อย่างไรก็ตามประเทศญี่ปุ่นยืนยันที่จะต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคอย่างเข้มแข็งด้วยกำลังใจที่ได้รับจากชาวไทยทุกคน

โอกาสนี้ ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 9 คน ได้มอบกระปุกออมสินซึ่งเป็นเงินบริจาคที่รวบรวมจากคณะครูและนักเรียนในสังกัด 436 โรงเรียน รวมเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบเงินบริจาคซึ่งรวบรวมจากคณะผู้บริหาร ข้าราชการและลูกจ้างในสังกัด ตลอดจนประชาชนกรุงเทพฯ จำนวนเงิน 1,087,100 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,587,100 บาท ให้แก่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยประเทศญี่ปุ่น

สำหรับกิจกรรม กรุงเทพมหานครรวมใจ ห่วงใยชาวญี่ปุ่น “Together We Care - Bangkok for Japan” ได้จัดให้มีการเปิดรับบริจาคและส่งมอบเงินบริจาคผ่านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่น กิจกรรมจุดเทียนรูปหัวใจและกล่าวคำไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามาประเทศญี่ปุ่น การขับร้องเพลงดอกไม้ของน้ำใจ ตลอดจนการพับนกกระดาษและประดับไว้รอบบริเวณลานคนเมือง เพื่อส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยญี่ปุ่น ทั้งนี้ นกกระดาษที่ใช้ประดับโดยรอบบริเวณลานคนเมือง เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยประชาชนกรุงเทพฯ ซึ่งส่งมายัง 50 สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร และ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการส่งกำลังใจไปให้ชาวญี่ปุ่น

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

3 เม.ย. นี้ กทม.เดินหน้าทำความสะอาดถนนพระรามที่ 1 ถนนเพลินจิตและถนนสุขุมวิท

3 เม.ย. นี้ กทม.เดินหน้าทำความสะอาดถนนพระรามที่ 1 ถนนเพลินจิตและถนนสุขุมวิท

นางภาวิณี อามาตย์ทัศน์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. แจ้งว่า กรุงเทพมหานครกำหนดเปิดโครงการพัฒนาทำความสะอาดถนนพระรามที่ 1 ถนนเพลินจิตและถนนสุขุมวิท เพื่อทำความสะอาดถนน ณ บริเวณลานเอนกประสงค์ของห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง (ตรงข้ามหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร) ถนนพระรามที่ 1 ในวันที่ 3 เม.ย. 54 เวลา 08.00 น. ทั้งนี้ สำนักงานเขตกลุ่มกรุงเทพใต้ ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ และวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการ อาทิ แต่ละสำนักงานเขตสนับสนุนรถฉีดน้ำแรงดันสูง จำนวน 2 คัน รถบรรทุกน้ำ จำนวน 2 คัน คนงานกวาด จำนวน 100 คนพร้อมอุปกรณ์ รับผิดชอบทำความสะอาดโดยมีระยะทางในการทำความสะอาดเฉลี่ยเขตละ 1-1.5 ก.ม. สำหรับระยะทางที่กำหนด เริ่มตั้งแต่เชิงสะพานกษัตริย์ศึก สิ้นสุดบริเวณอุทยานเบญจสิริ คิดเป็นระยะทาง 6.110 ก.ม. โดยทำความสะอาดทั้ง 2 ฝั่งถนน คิดเป็นระยะทาง 12.220 ก.ม.

คณะกรรมการโยธาฯ เร่งตรวจสอบการดำเนินคดี ก่อสร้างต่อเติมอาคารโรงงานผิดกฎหมาย

คณะกรรมการโยธาฯ เร่งตรวจสอบการดำเนินคดี ก่อสร้างต่อเติมอาคารโรงงานผิดกฎหมาย

นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตลาดกระบัง ในฐานะประธานคณะกรรมการการโยธา และผังเมือง สภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด กรณีบริษัทบอร์เนียว เทคนิเคิลประเทศไทย จำกัด ก่อสร้างต่อเติมอาคารโรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งได้รับคำชี้แจงจากนางสาวระเบียบ กูบกระบี่ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ว่า ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้กับสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ แล้ว หากการสอบสวนพบว่ามีผู้ใดกระทำผิดขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกคน ซึ่งสำนักงานเขตหลักสี่ ได้ตรวจพบว่า บริษัทบอร์เนียว เทคนิเคิลประเทศไทย จำกัด ในฐานะเจ้าของอาคาร ได้ทำการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้อนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ประกอบด้วย ชนิดโครงสร้างเหล็กชั้นเดียว ขนาดกว้างประมาณ 10x20 เมตร x สูง 5 เมตร จำนวน 1 หลัง ชนิดโครงสร้างเหล็กชั้นเดียว ขนาดกว้างประมาณ 10–17 เมตร x ยาว ประมาณ 90 เมตร x สูงประมาณ 5 เมตร จำนวน 1 หลังและชนิดโครงสร้างหลังคาเหล็ก ขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร x ยาวประมาณ 60 เมตร x สูงจากพื้น 6 เมตร จำนวน 1 หลัง โดยใช้โครงสร้างเหล็กรูปพรรณเสา คาน โครงสร้างหลังเป็นหลังคาเหล็กหลังคามุงด้วยเหล็กกรีดลอน (METAALSHEET) พื้น ค.ส.ล. ผนังก่ออิฐฉาบปูนบางส่วนจากพื้นประมาณ 1–2 เมตร เพื่อใช้ประโยชน์เป็นอาคารเก็บสินค้าของบริษัทฯ (ยาง ฟิมล์ น้ำมันเครื่อง)ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษตามมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 เหตุเกิดที่อาคารไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 3 ซ.วิภาวดีรังสิต 64 ถ.วิภาวดี แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่

ประธานคณะกรรมการการโยธา และผังเมือง สภากทม.กล่าวอีกว่า เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนค่อนข้างมากเกี่ยวกับการก่อสร้างและผังเมือง ทั้ง 50 เขต จึงหาข้อสรุปเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงติดตามตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งผลักดันให้เขตดำเนินการให้เป็นมาตรฐานมากขึ้น ทั้งนี้แนวคิดของคณะกรรมการฯ เห็นว่า กทม.เป็นเมืองหลวง เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งบางเรื่องร้องเรียนไปที่เขต แต่แก้ไขแล้วอาจไม่จบลงที่เขต จึงเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องออกข้อบัญญัติฯ ใช้อำนาจท้องถิ่นที่มีอยู่ออกมาควบคุม บังคับใช้ ควบคู่ไปกับกฎหมายหลัก เพื่อให้เกิดมาตรฐานรัดกุมกันต่อไป

คณะกรรมการโยธาฯ เร่งตรวจสอบการดำเนินคดี ก่อสร้างต่อเติมอาคารโรงงานผิดกฎหมาย

คณะกรรมการโยธาฯ เร่งตรวจสอบการดำเนินคดี ก่อสร้างต่อเติมอาคารโรงงานผิดกฎหมาย

นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตลาดกระบัง ในฐานะประธานคณะกรรมการการโยธา และผังเมือง สภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด กรณีบริษัทบอร์เนียว เทคนิเคิลประเทศไทย จำกัด ก่อสร้างต่อเติมอาคารโรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งได้รับคำชี้แจงจากนางสาวระเบียบ กูบกระบี่ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ว่า ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้กับสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ แล้ว หากการสอบสวนพบว่ามีผู้ใดกระทำผิดขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกคน ซึ่งสำนักงานเขตหลักสี่ ได้ตรวจพบว่า บริษัทบอร์เนียว เทคนิเคิลประเทศไทย จำกัด ในฐานะเจ้าของอาคาร ได้ทำการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้อนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ประกอบด้วย ชนิดโครงสร้างเหล็กชั้นเดียว ขนาดกว้างประมาณ 10x20 เมตร x สูง 5 เมตร จำนวน 1 หลัง ชนิดโครงสร้างเหล็กชั้นเดียว ขนาดกว้างประมาณ 10–17 เมตร x ยาว ประมาณ 90 เมตร x สูงประมาณ 5 เมตร จำนวน 1 หลังและชนิดโครงสร้างหลังคาเหล็ก ขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร x ยาวประมาณ 60 เมตร x สูงจากพื้น 6 เมตร จำนวน 1 หลัง โดยใช้โครงสร้างเหล็กรูปพรรณเสา คาน โครงสร้างหลังเป็นหลังคาเหล็กหลังคามุงด้วยเหล็กกรีดลอน (METAALSHEET) พื้น ค.ส.ล. ผนังก่ออิฐฉาบปูนบางส่วนจากพื้นประมาณ 1–2 เมตร เพื่อใช้ประโยชน์เป็นอาคารเก็บสินค้าของบริษัทฯ (ยาง ฟิมล์ น้ำมันเครื่อง)ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษตามมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 เหตุเกิดที่อาคารไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 3 ซ.วิภาวดีรังสิต 64 ถ.วิภาวดี แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่

ประธานคณะกรรมการการโยธา และผังเมือง สภากทม.กล่าวอีกว่า เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนค่อนข้างมากเกี่ยวกับการก่อสร้างและผังเมือง ทั้ง 50 เขต จึงหาข้อสรุปเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงติดตามตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งผลักดันให้เขตดำเนินการให้เป็นมาตรฐานมากขึ้น ทั้งนี้แนวคิดของคณะกรรมการฯ เห็นว่า กทม.เป็นเมืองหลวง เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งบางเรื่องร้องเรียนไปที่เขต แต่แก้ไขแล้วอาจไม่จบลงที่เขต จึงเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องออกข้อบัญญัติฯ ใช้อำนาจท้องถิ่นที่มีอยู่ออกมาควบคุม บังคับใช้ ควบคู่ไปกับกฎหมายหลัก เพื่อให้เกิดมาตรฐานรัดกุมกันต่อไป

ปิดเทอมนี้กทม. เปิดแคมป์เรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ณ พิพิธภัณฑ์เด็กแห่งที่ 2

ปิดเทอมนี้กทม. เปิดแคมป์เรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ณ พิพิธภัณฑ์เด็กแห่งที่ 2

นายเกรียงพล พัฒนรัฐ รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. เปิดเผยว่า สวท.จัดงาน “ปิดเทอม...เติมประสบการณ์” ณ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร (ทุ่งครุ) เพื่อให้เด็ก เยาวชน และครอบครัว เกิดการเรียนรู้ และเพิ่มพูนทักษะด้านศิลปวัฒนธรรม จากการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในช่วงปิดเทอม สร้างความเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว และยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่า พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 2 เป็นศูนย์การเรียนรู้ ทักษะด้านศิลปวัฒนธรรมด้านต่างๆ โดยได้จัดแคมป์การเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม 5 แคมป์ ได้แก่ การทำว่าวไทย การประดิษฐ์เข็มกลัด การประดิษฐ์เปเปอร์มาเช่ การเพ้นท์กระถางและปลูกต้นไม้ และการสอนดนตรีสากลและไทย ให้แก่เด็กเยาวชน สมาชิกในครอบครัว และผู้ที่สนใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังสามารถนำชิ้นงานที่ทำเสร็จนำกลับไปได้ นอกจากนี้ช่วงเวลา 14.00-14.30 น. ยังมีกิจกรรมการแสดงเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมให้ชมอีกด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ณ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 2 ในวันที่ 1-3 และ 8-10 เม.ย. 54 ระหว่างเวลา 10.00-18.00 น.

กทม. ผนึกกำลัง 131 เมืองทั่วโลกเดินหน้ารณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมงให้โลกพัก

กทม. ผนึกกำลัง 131 เมืองทั่วโลกเดินหน้ารณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมงให้โลกพัก

(26 มี.ค. 54) ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมมากกว่าปิดไฟ 1 ชั่วโมง ให้โลกพัก หรือ 60+ Earth Hour 2011 ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ WWF ประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกันจัดขึ้น ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น ตั้งแต่เวลา 20.30–21.30 น. เพื่อลดการใช้พลังงานและลดภาวะโลกร้อน พร้อมสร้างจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

สรุปผลการจัดกิจกรรม 60+ Earth Hour 2011

สำหรับการดำเนินการจัดกิจกรรมมากกว่าปิดไฟ 1 ชั่วโมง ให้โลกพัก หรือ 60+ Earth Hour 2011 ในปีนี้สามารถลดกระแสไฟฟ้าลงได้ 2,346 เมกะวัตต์ สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1,255 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6,604,057 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับ 3 ปี ที่ผ่านมาคือตั้งแต่ปี พ.ศ.2551-2553 ถือว่าได้รับผลสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยในปี 2551 สามารถลดกระแสไฟฟ้าได้ 74 เมกะวัตต์ สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 46 ตัน คิดเป็นมูลค่า 220,000 บาท เมื่อเทียบกับก่อนปิดและหลังปิดไฟ ส่วนในปี 2552 สามารถลดกระแสไฟฟ้าได้ 1,423 เมกะวัตต์ สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 894 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4.31 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาสูงสุด ส่วนปี 2553 สามารถลดกระแสไฟฟ้าได้ถึง 1,620 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,003 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4.8 ล้านบาท

6 เมืองใหญ่ในไทยร่วมปิดไฟลดโลกร้อน

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในปีนี้กรุงเทพมหานคร และ WWF ประเทศไทย ยังคงสานต่อการจัดกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ภายใต้แคมเปญ “มากกว่าปิดไฟให้โลกพัก” โดยเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันปิดไฟที่ไม่ใช้งานเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ร่วมกับเมืองต่างๆ 4,616 เมือง จาก 131 ประเทศทั่วโลก และยังได้รับความร่วมมือจาก 6 เมืองใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยเข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต นนทบุรี ปทุมธานี และนครราชสีมา พร้อมกันนี้ยังเพิ่มการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนได้มีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อน อาทิ การขี่จักรยาน การปลูกต้นไม้ หรือการเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ โดยตั้งเป้ารณรงค์ให้ทุกคนเริ่มลงมือปฏิบัติและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต เพื่อช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง

12 Landmark ทั่วไทยร่วมปิดไฟพร้อมกัน

สำหรับกิจกรรม Earth Hour 2011 จัดขึ้นตั้งแต่เวลา 18.00–22.00 น. ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) ซึ่งจะทำการปิดไฟพร้อมกันในเวลา 20.30–21.30 น. โดยมี 12 จุดหลักทั่วไทยที่จะร่วมกิจกรรมปิดไฟในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ กรุงเทพฯ - วัดอรุณราชวราราม วัดสุทัศน์เทพวราราม สะพานพระราม8 และศาลหลักเมือง จ.ขอนแก่น - ประตูเมือง จ.เชียงใหม่ - วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ ประตูท่าแพ จ.ภูเก็ต - หาดป่าตอง จ.นนทบุรี – การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ จ.นครราชสีมา – อนุสารีย์ท้าวสุรนารี และสถานที่สำคัญเชิงสัญลักษณ์ของทั่วโลกซึ่งจะร่วมปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมงตามเวลาท้องถิ่น

หลากหลายกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการใช้พลังงาน

นอกจากกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมงแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ โครงการประกวดแนวคิดรักษ์โลก ลดโลกร้อน : เราทำได้มากกว่าปิดไฟ...ให้โลกพัก “Go Beyond The Hour” ผ่านทางสังคมออนไลน์ที่ www.facebook.com/earthhourth นิทรรศการภาพถ่าย Shot on Climate Change ที่แสดงหลากหลายมุมมองของภาพถ่ายกิจกรรมปิดไฟ ภาพสะท้อนของภาวะโลกร้อนที่มีผลกระทบต่อโลก การแสดงดนตรี Street Show มินิคอนเสิร์ตจากวงซีควินซ์ และณัฐ ศักดาทร พร้อมด้วยศิลปินดาราอีกมากมาย ที่พร้อมใจมาร่วมกิจกรรมนับถอยหลังปิดไฟพร้อมกันกับนานาประเทศทั่วโลก
กทม. ปล่อยขบวนจักรยานสำรวจต้นไม้ใหญ่

(26 มี.ค. 54) นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนจักรยานออกสำรวจต้นไม้ที่เข้าร่วมโครงการประกวดต้นไม้ใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ณ สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร

กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับกลุ่มบิ๊กทรี ประกอบด้วย มูลนิธิโลกสีเขียว มูลนิธิสืบนาคะเสถียร กลุ่มอาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม ทีวีไทย หนังสือพิมพ์มติชน หนังสือพิมพ์คมชัดลึก นิตยสารคดี อะเดย์แมกกาซีน ฯลฯ จัดการประกวดต้นไม้ใหญ่ภายใต้แนวคิด “ต้นไม้มหานคร” โดยชวนคนรักต้นไม้ส่งภาพต้นไม้พร้อมข้อมูล เข้าประกวด 4 ประเภท ได้แก่ ต้นไม้ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ต้นไม้สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ต้นไม้สวยสมบูรณ์ที่สุดในกรุงเทพฯ และต้นไม้ทรงคุณค่าที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งปิดรับภาพเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา สำหรับประชาชนผู้สนใจสามารถร่วมลงคะแนนโหวตแต่ละประเภทผ่านทาง www.bangkokbigtrees.com หรือที่ www.bangkok.go.th ได้จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 54 สำหรับต้นไม้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละประเภทจะได้รับโล่รางวัล พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ จำนวน 30 รางวัล แบ่งเป็น ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด และต้นไม้ที่สูงที่สุดประเภทละ 5 รางวัล ต้นไม้ที่สวยสมบูรณ์ที่สุดและต้นไม้ทรงคุณค่าที่สุด ประเภทละ 10 รางวัล นอกจากนี้ต้นไม้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 25 ลำดับแรกของแต่ละประเภทจะได้รับเลือกให้ตีพิมพ์ในหนังสือ “100 ต้นไม้มหานคร” หรือ “100 Bangkok Big Tree” อีกด้วย

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมแก้ไขปัญหาโลกร้อนเสมอมา โดยได้เร่งดำเนินนโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และความสดชื่นให้กับพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานจะสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชนเป็นสำคัญ ในการร่วมกันดูแลรักษาต้นไม้ที่สวย และทรงคุณค่าให้อยู่คู่กับกรุงเทพฯ ตลอดไป

รับสมัครผู้สูงอายุสุขภาพดีชิงต้นแบบสูงวัยหัวใจแกร่งถึง 30 มี.ค. นี้

รับสมัครผู้สูงอายุสุขภาพดีชิงต้นแบบสูงวัยหัวใจแกร่งถึง 30 มี.ค. นี้

จุดประกายรักษ์ ห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ ชวนผู้สูงอายุในกรุงเทพฯ ประกวด “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” สร้างสังคมผู้สูงอายุสุขภาพดีทั้งกายและใจ สามารถพึ่งพา ดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับวัย เห็นคุณค่าของตน ใช้ชีวิตในได้อย่างปกติสุขไม่เป็นทุกข์หรือเป็นภาระต่อสังคม

(10 มี.ค. 54) เวลา 08.00 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดรับสมัครการประกวดกิจกรรมโครงการ “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุตระหนักและเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพกายและใจของตนให้แข็งแรงอยู่เสมอ มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมกับวัย เห็นคุณค่าของชีวิต สามารถพึ่งพาตนเองได้ และไม่รู้สึกเป็นทุกข์หรือเป็นภาระของผู้อื่น โดยมีนายสราวุฒิ สนธิแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ ร่วมพิธีเปิด ณ สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดกิจกรรมการประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดี ภายใต้โครงการ “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” คัดเลือกผู้สูงอายุที่มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง สามารถพึ่งพาตนเองได้เพื่อเป็นต้นแบบผู้สูงอายุสุขภาพดีในพื้นที่กรุงเทพฯ เปิดรับสมัครผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการอีกเพียง 2 วัน เวลา 06.30–10.00 น. ได้แก่ วันที่ 29 มี.ค. 54 บริเวณสวนหลวง ร.9 และวันที่ 30 มี.ค. 54 บริเวณสวนพฤกษชาติ บึงกุ่ม โดยผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจะได้รับกระเป๋าผ้าสุดเก๋ ชุดคุณหมอส่วนตัว และชุดผ้าขนหนู ซึ่งจะประกาศผลผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จำนวน 32 คน ทาง www.sungwai.com จากนั้นทั้ง 32 คน ต้องเข้าร่วมกิจกรรมเก็บตัว ณ รอยัล ฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดนครนายก เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 6–8 เม.ย. 54 เพื่อพัฒนาศักยภาพ และร่วมกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆ เช่น ด้านความเป็นผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์ ทัศนคติ จากนั้นคัดเลือกเหลือ 16 คน เข้ารอบต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุ 60–70 ปี ไม่จำกัดเพศ อาชีพและการศึกษา ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ สุขภาพแข็งแรง และไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรง สนใจสมัครด้วยตนเองพร้อมสำเนาบัตรประชาชนได้ตามวัน เวลา ณ ลานกิจกรรม สวนสาธารณะที่กำหนด สำหรับผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นสุดยอด “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” จะได้รับโล่เกียรติยศจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เงินรางวัล 50,000 บาท และแพ็คเกจทัวร์กรุงเทพฯ – เกาหลีใต้ 2 ที่นั่ง รองอันดับ 1 รับโล่เกียรติยศ เงินรางวัล 30,000 บาท และแพ็คเกจทัวร์กรุงเทพฯ – ฮ่องกง 2 ที่นั่ง และรองอันดับ 2 รับโล่เกียรติยศ เงินรางวัล 20,000 บาท และแพ็คเกจทัวร์กรุงเทพฯ – เวียดนาม 2 ที่นั่ง สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 32 คน และรอบ 16 คน จะได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2541 9279 หรือดูรายละเอียดที่ www.sungwai.com

กทม. ปรับแผนบริหารงบประมาณ มองไกลล่วงหน้า 10 ปี

กทม. ปรับแผนบริหารงบประมาณ มองไกลล่วงหน้า 10 ปี

กทม. สร้างภูมิคุ้มกันด้านการคลัง เตรียมนำแผนบริหารการเงินการคลังเชิงรุกระยะ 10 ปี มาใช้ เพื่อรักษาวินัยการคลังให้มั่นคง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ ได้

(28 มี.ค. 54) ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 10/2554 ว่า กรุงเทพมหานครเตรียมนำแผนบริหารการเงินการคลังในเชิงรุกระยะ 10 ปี มาใช้ในการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2564 เพื่อรักษาวินัยการคลังให้อยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงและมีภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาและพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่มีความพร้อม ทันสมัย และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ ได้ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนขยายฐานภาษี อำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการชำระภาษีและค่าธรรมเนียมแก่ประชาชน

สำหรับเป้าหมายของแผนบริหารการคลัง ประกอบด้วย 5 ประการ คือ 1. การตั้งงบประมาณเชิงรุก เพื่อให้มีเม็ดเงินในการลงทุนโครงการที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อการแก้ปัญหาใหญ่และดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจและพัฒนาบุคลากรของกรุงเทพมหานครให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. การบริหารการคลังเชิงรุกและรัดกุม โดยหลักการบริหารจัดการอย่างสมดุล ประกอบด้วย การบริหารรายรับที่มีประสิทธิภาพ ใช้แผนบริหารรายจ่ายที่รัดกุม คือ เก็บได้เท่าใด จ่ายเท่านั้น หากเงินไม่พอใช้ ให้ยืมเงินสะสม โดยคงเงินสดในบัญชีไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และชดใช้ในปีถัดไป พร้อมดูแลสถานภาพการคลังให้มั่นคง 3. ผลักดันให้ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมากขึ้น เพื่อดำเนินการในโครงการตามนโยบายของรัฐบาลและโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวม โดยตั้งเป้ารับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นปีละ 3% ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 เป็นต้นไป ซึ่งหากได้รับเงินอุดหนุนตามเป้าหมายในระยะ 10 ปี ข้างหน้า กรุงเทพมหานครจะมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 2.7 แสนล้านบาท 4. มีแผนงบประมาณ 10 ปีล่วงหน้า เพื่อรองรับการบริหารงานสำหรับผู้บริหารกรุงเทพมหานครชุดต่อๆ ไป ให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นแผนที่มีภูมิคุ้มกัน โดยอ้างอิงจากสถิติการเติบโตของรายรับของกรุงเทพมหานครที่ไม่แน่นอน จึงกำหนดอัตราการขยายตัวในระดับที่ปลอดภัยที่ 3% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่คำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจไว้แล้ว และ 5. ก้าวข้ามข้อจำกัดงบประมาณและวางแผนบริหารรายได้ระยะยาว โดยใช้นวัตกรรมทางการเงิน เพื่อลดภาระงบประมาณและให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน ขยายฐานภาษีและปรับปรุงอัตราภาษีให้เป็นปัจจุบันและเหมาะสม ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปี 2542 และจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากการให้บริการอย่างยุติธรรม

คัดเลือกจุดผ่อนผันดีเด่นและผู้ค้าดีเด่น

คัดเลือกจุดผ่อนผันดีเด่นและผู้ค้าดีเด่น

(28 มี.ค. 54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกทม. ว่า กรุงเทพมหานครกำหนดจัดโครงการคัดเลือกจุดผ่อนผันดีเด่นและผู้ค้าดีเด่นกรุงเทพมหานครขึ้น เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ค้า เทศกิจ ประชาชน และเจ้าของอาคารในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจุดผ่อนผันให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างยั่งยืน รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุน กระตุ้น สร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ค้าและเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด โดยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกจุดผ่อนผันดีเด่น ได้แก่ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการค้าขายในพื้นที่จุดผ่อนผันตามที่กรุงเทพมหานครกำหนด มีการตีเส้นกำหนดขอบเขตจุดผ่อนผันชัดเจน ทางเดินสะดวก ดูสวยงาม สะอาดตา ไม่รกรุงรัง ผู้ค้าให้ความร่วมมือในการพัฒนาจุดผ่อนผันให้ดียิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาแผงค้า จนเป็นต้นแบบให้กับจุดผ่อนผันอื่นๆ ได้ และผู้ค้าในจุดผ่อนผันมีแนวคิดในการบริหารจัดการอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืนจนเป็นแบบอย่างกรณีศึกษาได้ เช่น มีการตั้งคณะกรรมการตัวแทนผู้ค้าร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ค้าดีเด่น ได้แก่ เป็นผู้ค้าที่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ค้าและทำการค้าด้วยตนเอง มีบัตรทำการค้าในจุดผ่อนผัน ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการขายสินค้าในพื้นที่จุดผ่อนผัน ตามที่กรุงเทพมหานครกำหนดให้ความร่วมมือกับทางราชการ ผู้ค้า เจ้าของอาคาร และประชาชน ในการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในบริเวณจุดผ่อนผันที่ทำการค้า มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีความสามัคคี และการครองตนอยู่ในศีลธรรมอันดี และขายสินค้ามีคุณภาพ ถูกสุขลักษณะ ยุติธรรม (ไม่โกงตาชั่ง) ไม่ขายของผิดกฎหมาย ผู้ค้ามีกิริยาวาจาสุภาพ หรือกรณีอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร

ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกในระดับเขตก่อน จากนั้นคณะกรรมการระดับกรุงเทพมหานครจะพิจารณาคัดเลือกในขั้นตอนสุดท้าย และจะมีการมอบรางวัลโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันสถาปนาเทศกิจ (1 ก.ย. ของทุกปี) โดยรางวัลที่จะได้รับ ประกอบด้วย จุดผ่อนผันดีเด่น ได้รับโล่และใบประกาศเกียรติบัตร รางวัลที่ 1 โล่ทอง รางวัลที่ 2 โล่เงิน รางวัลที่ 3 โล่ทองแดง ผู้ค้าดีเด่น ได้รับเข็มพร้อมใบประกาศเกียรติบัตร รางวัลที่ 1 เข็มทอง รางวัลที่ 2 เข็มเงิน รางวัลที่ 3 เข็มทองแดง

เตรียมมาตรการรองรับเหตุแผ่นดินไหวในกทม.

เตรียมมาตรการรองรับเหตุแผ่นดินไหวในกทม.

(28 มี.ค. 54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกทม. ว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครที่อาศัยอยู่ในอาคารสูงและรับรู้ได้ ถึงแรงสั่นสะเทือนดังกล่าว มีความตื่นตระหนก และร้องเรียนเข้ามายังกรุงเทพมหานครเป็นจำนวนมาก จากนั้นกรุงเทพมหานครจึงได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบอาคารที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จำนวน 8 อาคาร จาก 15 อาคารพบว่ามีหลายแห่งที่มีมาตรการการดูแลประชาชนเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีอีกหลายแห่งที่ยังไม่มี

ทั้งนี้มีกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการก่อสร้างอาคาร ได้แก่ กฎกระทรวง ฉบับที่ 49 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และล่าสุด คือ กฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 ซึ่งจะทำให้การควบคุมอาคารทั้งที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และอาคารเก่าที่ก่อสร้างนานแล้วมีมาตรการควบคุมที่เพียงพอ ประกอบกับกรุงเทพมหานครโชคดีที่มีการออกแบบอาคารให้มีการรองรับแรงลมด้วย ดังนั้นหากเกิดแผ่นดินไหวก็จะไม่เกิดผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรห่วงคือความรู้สึกของประชาชน ที่มักมีความตื่นตระหนกมากเมื่อเกิดเหตุ

อย่างไรก็ตามจะได้ประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแผ่นดินไหว รวมทั้งการรวมปัญหาจากสึนามิเข้าในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครด้วย เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีพื้นที่บางส่วนบริเวณเขตบางขุนเทียนที่อยู่ติดทะเล การเกิดปัญหาแผ่นดินไหวอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องยังพื้นที่ติดชายทะเลเช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นได้ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักการโยธาจัดให้มีการจัดเสวนาเรื่องแผ่นดินไหว โดยเชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วย เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน รวมทั้งการจัดนิทรรศการเคลื่อนที่ ไปยังห้างสรรพสินค้า 4 มุมเมืองที่มีขนาดใหญ่ เป็นการให้ความรู้เรื่องการเตรียมการรองรับแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้แก่ชาวกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะ โดยคาดว่าจะสามารถจัดได้ภายในเดือน พ.ค. 54

3 เม.ย. นี้ กทม.เดินหน้าทำความสะอาดถนนพระรามที่ 1 ถนนเพลินจิตและถนนสุขุมวิท

3 เม.ย. นี้ กทม.เดินหน้าทำความสะอาดถนนพระรามที่ 1 ถนนเพลินจิตและถนนสุขุมวิท

นางภาวิณี อามาตย์ทัศน์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. แจ้งว่า กรุงเทพมหานครกำหนดเปิดโครงการพัฒนาทำความสะอาดถนนพระรามที่ 1 ถนนเพลินจิตและถนนสุขุมวิท เพื่อทำความสะอาดถนน ณ บริเวณลานเอนกประสงค์ของห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง (ตรงข้ามหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร) ถนนพระรามที่ 1 ในวันที่ 3 เม.ย. 54 เวลา 08.00 น. ทั้งนี้ สำนักงานเขตกลุ่มกรุงเทพใต้ ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ และวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการ อาทิ แต่ละสำนักงานเขตสนับสนุนรถฉีดน้ำแรงดันสูง จำนวน 2 คัน รถบรรทุกน้ำ จำนวน 2 คัน คนงานกวาด จำนวน 100 คนพร้อมอุปกรณ์ รับผิดชอบทำความสะอาดโดยมีระยะทางในการทำความสะอาดเฉลี่ยเขตละ 1-1.5 ก.ม. สำหรับระยะทางที่กำหนด เริ่มตั้งแต่เชิงสะพานกษัตริย์ศึก สิ้นสุดบริเวณอุทยานเบญจสิริ คิดเป็นระยะทาง 6.110 ก.ม. โดยทำความสะอาดทั้ง 2 ฝั่งถนน คิดเป็นระยะทาง 12.220 ก.ม.

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

รับสมัครผู้สูงอายุสุขภาพดีชิงต้นแบบสูงวัยหัวใจแกร่งถึง 30 มี.ค. นี้

รับสมัครผู้สูงอายุสุขภาพดีชิงต้นแบบสูงวัยหัวใจแกร่งถึง 30 มี.ค. นี้

จุดประกายรักษ์ ห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ ชวนผู้สูงอายุในกรุงเทพฯ ประกวด “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” สร้างสังคมผู้สูงอายุสุขภาพดีทั้งกายและใจ สามารถพึ่งพา ดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับวัย เห็นคุณค่าของตน ใช้ชีวิตในได้อย่างปกติสุขไม่เป็นทุกข์หรือเป็นภาระต่อสังคม

(10 มี.ค. 54) เวลา 08.00 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดรับสมัครการประกวดกิจกรรมโครงการ “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุตระหนักและเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพกายและใจของตนให้แข็งแรงอยู่เสมอ มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมกับวัย เห็นคุณค่าของชีวิต สามารถพึ่งพาตนเองได้ และไม่รู้สึกเป็นทุกข์หรือเป็นภาระของผู้อื่น โดยมีนายสราวุฒิ สนธิแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ ร่วมพิธีเปิด ณ สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดกิจกรรมการประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดี ภายใต้โครงการ “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” คัดเลือกผู้สูงอายุที่มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง สามารถพึ่งพาตนเองได้เพื่อเป็นต้นแบบผู้สูงอายุสุขภาพดีในพื้นที่กรุงเทพฯ เปิดรับสมัครผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการอีกเพียง 2 วัน เวลา 06.30 – 10.00 น. ได้แก่ วันที่ 29 มี.ค. 54 บริเวณสวนหลวง ร.9 และวันที่ 30 มี.ค. 54 บริเวณสวนพฤกษชาติ บึงกุ่ม โดยผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจะได้รับกระเป๋าผ้าสุดเก๋ ชุดคุณหมอส่วนตัว และชุดผ้าขนหนู ซึ่งจะประกาศผลผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จำนวน 32 คน ทาง www.sungwai.com จากนั้นทั้ง 32 คน ต้องเข้าร่วมกิจกรรมเก็บตัว ณ รอยัล ฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดนครนายก เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 6 – 8 เม.ย. 54 เพื่อพัฒนาศักยภาพ และร่วมกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆ เช่น ด้านความเป็นผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์ ทัศนคติ จากนั้นคัดเลือกเหลือ 16 คน เข้ารอบต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุ 60 – 70 ปี ไม่จำกัดเพศ อาชีพและการศึกษา ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ สุขภาพแข็งแรง และไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรง สนใจสมัครด้วยตนเองพร้อมสำเนาบัตรประชาชนได้ตามวัน เวลา ณ ลานกิจกรรม สวนสาธารณะที่กำหนด สำหรับผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นสุดยอด “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” จะได้รับโล่เกียรติยศจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เงินรางวัล 50,000 บาท และแพ็คเกจทัวร์กรุงเทพฯ – เกาหลีใต้ 2 ที่นั่ง รองอันดับ 1 รับโล่เกียรติยศ เงินรางวัล 30,000 บาท และแพ็คเกจทัวร์กรุงเทพฯ – ฮ่องกง 2 ที่นั่ง และรองอันดับ 2 รับโล่เกียรติยศ เงินรางวัล 20,000 บาท และแพ็คเกจทัวร์กรุงเทพฯ – เวียดนาม 2 ที่นั่ง สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 32 คน และรอบ 16 คน จะได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2541 9279 หรือดูรายละเอียดที่ www.sungwai.com

31 มี.ค. – 1 เม.ย.นี้ กทม.จัดกิจกรรมโชว์ศักยภาพด้านดนตรี นาฏศิลป์ของนักเรียนในสังกัด

31 มี.ค. – 1 เม.ย.นี้ กทม.จัดกิจกรรมโชว์ศักยภาพด้านดนตรี นาฏศิลป์ของนักเรียนในสังกัด

กทม.จัดมหกรรมดนตรีและการแสดงของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โชว์ศักยภาพด้านดนตรี นาฏศิลป์ของนักเรียนในสังกัด เปิดให้เข้าชมฟรีในวันที่ 31 มี.ค. – 1 เม.ย.นี้ ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น)

(15 มี.ค.54) นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว “งานมหกรรมดนตรีและการแสดงของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 21” ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)

รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการมหกรรมดนตรีและการแสดงของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปัจจุบันซึ่งนับเป็นครั้งที่ 21 เพื่อให้ครูสอนดนตรีนาฏศิลป์ ได้รับความรู้ ประสบการณ์ และมีความเข้าในในเรื่องการพัฒนารูปแบบแนวทางการบรรเลงดนตรี รวมถึงแนวทางการจัดการแสดง ทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน สามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดให้แก่นักเรียน ส่งผลให้นักเรียนจากหลายโรงเรียนสามารถแสดงศักยภาพด้านดนตรี นาฏศิลป์ร่วมกันเป็นวงมหาดุริยางค์ และรวมเป็นชุดการแสดงที่ยิ่งใหญ่ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนเกิดความรัก ความหวงแหน และเห็นคุณค่าของความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย พร้อมร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรมทางด้านดนตรีนาฏศิลป์ให้คงอยู่สืบไป

สำหรับปีนี้กำหนดจัดมหกรรมฯ ขึ้นระหว่างวันที่ 31 มี.ค. – 1 เม.ย. 54 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) เขตดินแดง เปิดการแสดงวันละ 2 รอบ ดังนี้ วันที่ 31 มี.ค.54 รอบซ้อมใหญ่เวลา 10.00 – 12.00 น. รอบพิธีเปิดเวลา 13.30 – 15.30 น. ส่วนวันที่ 1 เม.ย. 54 รอบเช้าเวลา 10.00 – 12.00 น. และรอบพิธีปิดเวลา 13.30 – 15.30 น. ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมการแสดงที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ โดยเน้นถึงความสามัคคีของชาวไทยเพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีแด่องค์พระประมุข อาทิ การแสดงเพลงโหมโรงฉัตรทอง รำอธิษฐาน เพลงสามัคคีไทย (เถา) การบรรเลงเพลงปี่พาทย์ประชัน (ต่อตัว) การแสดงชุดกรุงเทพศึกษา (กรุงเทพย้อนยุค) การแสดงเดี่ยวไวโอลินของน้องการ์ตูน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพระราม 9 กาญจนาภิเษก การขับร้องประสานเสียง รำวงเมดเล่ย์ เพลงหนึ่งในโลก และเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยผู้แสดงทั้งหมดเป็นนักเรียนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,000 คน จาก 160 โรงเรียน 50 สำนักงานเขต และใช้เครื่องดนตรี จำนวนทั้งสิ้น 350 ชิ้น

จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมชมการแสดงในงานมหกรรมดนตรีและการแสดงของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 21 ได้ตามวัน และเวลาดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ โรงเรียนมัธยมปรุณาวาส เขตทวีวัฒนา โทร. 0 2411 5160 โรงเรียนวัดกัลยาณมิตร เขตธนบุรี โทร. 0 2466 2655 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

เตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวอย่างมีสติ

เตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวอย่างมีสติ

นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่รัฐฉาน ประเทศพม่า แรงสั่นสะเทือน 6.7 ริคเตอร์ และส่งผลแรงสั่นสะเทือนถึงบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย รวมถึงบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารสูงสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ดินอ่อน และมีอาคารสูงจำนวนมาก หากเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนได้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความห่วงใยความปลอดภัยของประชาชนอย่างยิ่ง จึงได้กำชับและมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมรับมือแผ่นดินไหวตามแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชน และผู้เกี่ยวข้อง ให้มีการเตรียมตัวที่ดีในการรับมือภัยแผ่นดินไหว เพื่อช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยจัดให้มีการซักซ้อม ทำความเข้าใจ เตรียมความพร้อมของสมาชิกในครอบครัวและหน่วยงาน กำหนดวิธีปฏิบัติตนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว กำหนดจุดนัดพบที่ปลอดภัยนอกบ้าน สอนสมาชิกให้รู้จักวิธีตัดไฟ ปิดวาล์วน้ำและถังแก๊ส มีการตรวจสภาพความปลอดภัยของใช้ในบ้าน ยึดอุปกรณ์กับฝาบ้านหรือเสาให้แน่น เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น ได้แก่ ไฟฉาย นกหวีด กระเป๋ายาประจำบ้าน น้ำดื่ม อาหารสำเร็จรูป ไว้ในจุดที่สามารถหยิบได้ง่าย อย่าวางสิ่งของที่แตกหักง่าย เช่น เครื่องแก้ว สิ่งของหนักไว้บนที่สูง

ขณะเกิดเหตุให้ตั้งสติ ปิดสวิตซ์ไฟหลัก ปิดถังแก๊ส หมอบกับพื้น อยู่ห่างจากสิ่งของที่อาจหล่นใส่ ล้มทับ หรือหลบใต้โต๊ะ หากอยู่ในที่โล่งแจ้งให้อยู่ห่างจากอาคาร ป้ายโฆษณา เสาไฟ ต้นไม้ใหญ่ ส่วนผู้ที่อยู่ในตึกสูงที่เป็นอาคารเก่าและไม่มั่นคงให้หาทางออกจากอาคารโดยเร็ว อย่างมีสติ ไม่เบียดเสียด ยื้อแย่งจนชุลมุน และห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด เมื่อติดอยู่ในซากอาคารให้ส่งสัญญาณการช่วยชีวิต อาทิ ใช้นกหวีด เคาะท่อ ฝาผนัง เนื่องจากการตะโกนอาจสูดสารพิษ หรือสิ่งอันตรายเข้าสู่ร่างกาย และทำให้เกิดความอ่อนล้าได้

กทม. เพิ่มหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เพื่อให้เยาวชนรู้จักอดออม

กทม. เพิ่มหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เพื่อให้เยาวชนรู้จักอดออม

(25 มี.ค. 54) เวลา 08.30 น. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการพัฒนาความรู้เยาวชนหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เพื่อเสริมทักษะด้านการจัดการการเงินให้แก่นักเรียนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยมี นายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วิทยากรสำนักการศึกษาและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร รวม 436 คน ร่วมอบรม ณ ห้องราชเทวี บอลรูม โรงแรมเอเชีย

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดอบรมโครงการพัฒนาความรู้เยาวชนหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เพื่อให้ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ มีความรู้ ความเข้าใจสามารถพัฒนาทักษะเกี่ยวกับการบริหารเงินและนำหลักสูตรไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสนใจของผู้เรียนให้มีทักษะชีวิตเกี่ยวกับการใช้จ่าย รู้จักการประหยัดอดออมพร้อมทั้งปลูกฝังวัฒนธรรมทางการออม และสร้างวินัยทางการเงินที่เป็นระบบ โดยบรรจุเป็นวิชาบังคับในการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชื่อว่าหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เพื่อเสริมทักษะด้านการจัดการการเงินให้แก่นักเรียนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา โดยมีวิทยากรจากสำนักการศึกษาและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้บรรยาย

รองผู้ว่าฯ ทยา กล่าวว่า หลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เป็นการปลูกฝังความรับผิดชอบให้เยาวชนยุคใหม่ ให้มีความรู้ ความสามารถในการดูแลและจัดการการเงินของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ รู้หา รู้ใช้ รู้ประหยัด อดออม ทำให้เงินทองงอกเงย ซึ่งล้วนเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญของชีวิตที่จะช่วยให้เยาวชนเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป

กทม. รุดตรวจสอบอาคารสูง หลังเกิดแผ่นดินไหว

กทม. รุดตรวจสอบอาคารสูง หลังเกิดแผ่นดินไหว

(25 มี.ค. 54) เวลา 11.00 น. : นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ซึ่งเป็นอาคารที่ใช้โครงสร้างร่วมกับอาคารศูนย์การค้ามาบุญครองเซ็นเตอร์ และเป็นอาคารสูงที่อาจได้รับแรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศพม่า ระดับความรุนแรง 6.7 ริกเตอร์ เมื่อคืนวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนดังกล่าวได้กระจายไปทั่วภาคเหนือ และอาคารสูงในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างและทางหนีไฟของอาคารดังกล่าว ไม่ปรากฏความผิดปกติแต่อย่างใด พบเพียงรอยร้าวจากการโบกปูน จากนั้นในเวลา 13.30 น. รองผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารสูง ณ อาคารออลซีซั่นส์ ถ.วิทยุ ซึ่งมีความสูงของอาคาร 53 ชั้น แต่ไม่ปรากฏความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหวเช่นเดียวกัน

รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า อาคารสูงในเขตกรุงเทพมหานครที่ก่อสร้างภายหลังประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2550 ส่วนใหญ่สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหวที่ระดับ 5 ริกเตอร์ได้ อีกทั้งอาคารสูงเหล่านี้จะมีวิธีการเฝ้าระวังและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใด แต่อาคารสูงที่ก่อสร้างก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2550 ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น จำเป็นต้องมีการตรวจสอบโครงสร้างความมั่นคงแข็งแรงและปรับปรุงอาคารให้ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และสามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้มากขึ้น ทั้งนี้กทม. จะเสนอกรมโยธาธิการและผังเมือง ให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2550 เพื่อให้อาคารต่างๆ ที่ก่อสร้างก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติมีการปรับปรุงอาคารให้อยู่ในสภาพปลอดภัย และใช้วัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน นอกจากนี้ในส่วนของอาคารร้างและอาคารที่ปรับปรุงไม่ได้นั้น กทม. จะประสานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ เพื่อเป็นตัวกลางในการประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบและปรับปรุงให้มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ทั้งนี้กทม. ขอความร่วมมือจากเจ้าของอาคารสูงให้ทำการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้อาคาร

รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า หากเจ้าของอาคารสูงหรือประชาชนมีข้อสงสัยและต้องการให้กทม.เข้าไปตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร สามารถโทรแจ้งสายด่วนกทม. 1555 จากนั้นเจ้าหน้าที่จะโอนสายไปยังกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กทม. เพื่อให้ข้อมูลความรู้ อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบตามที่ร้องขอ ซึ่งขณะนี้กทม. ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอาคารสูง ซึ่งอยู่ในย่านชุมชนและย่านธุรกิจเพื่อความปลอดภัยของประชาชน จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ อาคารชุดเสริมมิตรทาวเวอร์ 30 ชั้น อาคารชุดเฟิร์สทาวเวอร์ 22 ชั้น ศูนย์การค้ามาบุญครองเซ็นเตอร์ 29 ชั้น อาคารออลซีซั่นส์ 53 ชั้น อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ 58 ชั้น อาคาราชัยทาวเวอร์ 30 ชั้น อาคารเบญจินดา 36 ชั้น อาคารชินวัตร 3 ถ.วิภาวดีรังสิต 32 ชั้น อาคารไอทาวเวอร์ 32 ชั้น อาคารธนาคาราทหารไทย 34 ชั้น อาคารซันทาวเวอร์ 40 ชั้น และอาคารซันทาวเวอร์ 34 ชั้น

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเปิดหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเปิดหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

(25 มี.ค. 54) เวลา 15.00 น. : สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ อย่างเป็นทางการ โดยมีนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ

หอจดหมายเหตุพุทธทาสอินทปัญโญหรือสวนโมกข์กรุงเทพ สร้างขึ้นกลางสระน้ำใหญ่ด้านทิศเหนือของสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร มีลักษณะคล้ายหอไตรขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 8,000 ตารางเมตร แบ่งพื้นที่ภายในเพื่อใช้เป็นคลังเอกสารและสื่อ ห้องบริการหนังสือและสื่อธรรม ห้องค้นคว้าศึกษาวิจัยและพัฒนา ลานหินโค้ง และโถงใหญ่ โรงมหรสพทางวิญญาณ เพื่อนิพพานชิมลอง ห้องประชุมสัมมนา สถานกิจกรรมและฝึกฝนปฏิบัติสมถวิปัสสนา สระมะพร้าวนาฬิเกร์ ห้องปฏิบัติการจดหมายเหตุและห้องบริการจัดการประสานภาคีกัลยาณมิตร ภายในรวบรวมเอกสารการศึกษา ค้นคว้า ตลอดจนสื่อการเผยแพร่ของท่านพุทธทาสที่มีมากกว่า 20,000 รายการ ทั้งที่เป็นหนังสือ บันทึก ลายมือต้นฉบับ จดหมาย กว่า 600,000 หน้า ภาพกว่า 50,000 ภาพ เสียงบันทึกกว่า 1,900 กิกะไบต์ ตลอดจนอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสวนโมกขพลารามและคณะธรรมทาน อ.ไชยา ได้มอบให้มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ รับผิดชอบ รักษาและก่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณะ

ทั้งนี้ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือ สวนโมกข์กรุงเทพ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยความเห็นชอบของสวนโมกข์พลาราม วัดธารน้ำไหล และคณะธรรมทาน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ คณะบุคคล องค์กร ตลอดจน หน่วยงานจำนวนมาก ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน ท้องถิ่น ฯลฯ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้สร้างสวนโมกข์กรุงเทพ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในมหามงคลสมัยครองราชย์ครบ 60 ปีและเฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษา

กทม.ปล่อยขบวนจักรยานสำรวจต้นไม้ใหญ่

กทม.ปล่อยขบวนจักรยานสำรวจต้นไม้ใหญ่

(26 มี.ค.54) เวลา 07.30 น. นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนจักรยานออกสำรวจต้นไม้ที่เข้าร่วมโครงการประกวดต้นไม้ใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ณ สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร

กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับกลุ่มบิ๊กท รี ประกอบด้วย มูลนิธิโลกสีเขียว มูลนิธิสืบนาคะเสถียร กลุ่มอาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม ทีวีไทย หนังสือพิมพ์มติชน หนังสือพิมพ์คมชัดลึก นิตยสารคดี อะเดย์แมกกาซีน ฯลฯ จัดการประกวดต้นไม้ใหญ่ภายใต้แนวคิด “ต้นไม้มหานคร” โดยชวนคนรักต้นไม้ส่งภาพต้นไม้พร้อมข้อมูล เข้าประกวด 4 ประเภท ได้แก่ ต้นไม้ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ต้นไม้สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ต้นไม้สวยสมบูรณ์ที่สุดในกรุงเทพฯ และต้นไม้ทรงคุณค่าที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งปิดรับภาพเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา สำหรับประชาชนผู้สนใจสามารถร่วมลงคะแนนโหวตแต่ละประเภทผ่านทาง www.bangkokbigtrees.com หรือที่ www.bangkok.go.th ได้จนถึงวันที่ 30 เม.ย.54 สำหรับต้นไม้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละประเภทจะได้รับโล่รางวัล พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ จำนวน 30 รางวัล แบ่งเป็น ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด และต้นไม้ที่สูงที่สุดประเภทละ 5 รางวัล ต้นไม้ที่สวยสมบูรณ์ที่สุดและต้นไม้ทรงคุณค่าที่สุด ประเภทละ 10 รางวัล นอกจากนี้ต้นไม้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 25 ลำดับแรกของแต่ละประเภทจะได้รับเลือกให้ตีพิมพ์ในหนังสือ “100 ต้นไม้มหานคร” หรือ “100 Bangkok Big Tree” อีกด้วย

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมแก้ไขปัญหาโลกร้อนเสมอมา โดยได้เร่งดำเนินนโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และความสดชื่นให้กับพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานจะสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชนเป็นสำคัญ ในการร่วมกันดูแลรักษาต้นไม้ที่สวย และทรงคุณค่าให้อยู่คู่กับกรุงเทพฯ ตลอดไป

เตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวอย่างมีสติ

เตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวอย่างมีสติ
นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่รัฐฉาน ประเทศพม่า แรงสั่นสะเทือน 6.7 ริคเตอร์ และส่งผลแรงสั่นสะเทือนถึงบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย รวมถึงบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารสูงสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ดินอ่อน และมีอาคารสูงจำนวนมาก หากเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนได้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความห่วงใยความปลอดภัยของประชาชนอย่างยิ่ง จึงได้กำชับและมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมรับมือแผ่นดินไหวตามแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชน และผู้เกี่ยวข้อง ให้มีการเตรียมตัวที่ดีในการรับมือภัยแผ่นดินไหว เพื่อช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยจัดให้มีการซักซ้อม ทำความเข้าใจ เตรียมความพร้อมของสมาชิกในครอบครัวและหน่วยงาน กำหนดวิธีปฏิบัติตนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว กำหนดจุดนัดพบที่ปลอดภัยนอกบ้าน สอนสมาชิกให้รู้จักวิธีตัดไฟ ปิดวาล์วน้ำและถังแก๊ส มีการตรวจสภาพความปลอดภัยของใช้ในบ้าน ยึดอุปกรณ์กับฝาบ้านหรือเสาให้แน่น เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น ได้แก่ ไฟฉาย นกหวีด กระเป๋ายาประจำบ้าน น้ำดื่ม อาหารสำเร็จรูป ไว้ในจุดที่สามารถหยิบได้ง่าย อย่าวางสิ่งของที่แตกหักง่าย เช่น เครื่องแก้ว สิ่งของหนักไว้บนที่สูง
ขณะเกิดเหตุ ให้ตั้งสติ ปิดสวิตซ์ไฟหลัก ปิดถังแก๊ส หมอบกับพื้น อยู่ห่างจากสิ่งของที่อาจหล่นใส่ ล้มทับ หรือหลบใต้โต๊ะ หากอยู่ในที่โล่งแจ้งให้อยู่ห่างจากอาคาร ป้ายโฆษณา เสาไฟ ต้นไม้ใหญ่ ส่วนผู้ที่อยู่ในตึกสูงที่เป็นอาคารเก่าและไม่มั่นคงให้หาทางออกจากอาคารโดยเร็ว อย่างมีสติ ไม่เบียดเสียด ยื้อแย่งจนชุลมุน และห้ามใช้ลิฟท์เด็ดขาด เมื่อติดอยู่ในซากอาคารให้ส่งสัญญาณการช่วยชีวิต อาทิ ใช้นกหวีด เคาะท่อ ฝาผนัง เนื่องจากการตะโกนอาจสูดสารพิษ หรือสิ่งอันตรายเข้าสู่ร่างกาย และทำให้เกิดความอ่อนล้าได้

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

กทม. เปิดรับสมัครงานหลายอัตรา

กทม. เปิดรับสมัครงานหลายอัตรา

นายมนัส ปสาทรัตน์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. แจ้งว่า หน่วยงานของกรุงเทพมหานครเปิดรับสมัครงานหลายอัตรา ดังนี้
สำนักการศึกษา เปิดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครูกรุงเทพมหานคร ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1/2554 จำนวน 19 กลุ่มสาระ 301 ตำแหน่ง โดยกำหนดรับสมัครสอบผ่านทางอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. - 1 เม.ย. 54 ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เว็บไซต์ www.teacherbkk.com และกำหนดสอบข้อเขียนในวันที่ 25-26 เม.ย. 54 ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.teacherbkk.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองการเจ้าหน้าที่ สำนักการศึกษา โทร. 0 2437 6631-5 ต่อ 3444-5
เขตสวนหลวง รับสมัครสอบและคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นอาสาสมัครลานกีฬา จำนวน 1 อัตรา ผู้สนใจให้ขอและยื่นใบสมัครสอบด้วยตนเองที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ชั้น 4 สำนักงานเขตสวนหลวง ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 มี.ค. 54 ในวันและเวลาราชการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0 2322 4667, 0 2322 6688 ต่อ 7087

กทม. พร้อมจับมือภาครัฐและเอกชนพลิกฟื้นแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและย่านเศรษกิจ

กทม. พร้อมจับมือภาครัฐและเอกชนพลิกฟื้นแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและย่านเศรษกิจ

กรุงเทพมหานครพร้อมจับมือรัฐบาลพลิกฟื้นชุมชนสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพาน กรุงธนบุรี-สะพานพระราม 9 เพื่ออนุรักษ์สายน้ำเจ้าพระยาและพัฒนาเป็นเส้นทางเศรษฐกิจ ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป
(23 มี.ค. 54) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมคณะทำงานโครงการเจ้าพระยาสร้างสรรค์ ครั้งที่ 1/2554 ซึ่งมีนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุม 310 อาคารรัฐสภา 2
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีแนวทางที่จะดำเนินงานเพื่อปรับปรุงทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่สะพานกรุงธนบุรี – สะพานพระราม 9 ตามโครงการเจ้าพระยาสร้างสรรค์ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ด้านกายภาพ และด้านการท่องเที่ยว อาทิ ปรับปรุงภูมิทัศน์แนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปรับปรุงท่าน้ำสวัสดี ท่าน้ำศาลเจ้า ปรับปรุงเส้นทางเชื่อมระบบขนส่ง BRT บริเวณท่าน้ำถนนตก ปรับปรุงท่าน้ำวัดจรรยาวาส ติดตั้งไฟฟ้าสปอร์ตไลท์ส่องสว่างบริเวณโบราณสถาน จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ หน้าศาลเจ้าเกียนอันเกง หน้าวัดกัลยานิมิตร หน้าโบสถ์ซานตาครู้ส หน้ามหาเจดีย์ วัดประยุรวงศาวาส และปรับปรุงภูมิทัศน์วัดวิมุตยาราม อีกทั้งประชาสัมพันธ์การจัดแสงไฟดนตรี (light and laser show) โรงแรมโอเรียลเต็ล โรงแรมแชงกรีลา และโรงแรมเชอราตัน เขตบางรัก โครงการยานนาวาท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โครงการไหว้พระ 9 วัด เขตยานาวา ทั้งโครงการเสน่ห์เจ้าพระยา โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย โครงการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวและชมโบราณสถานริมคลองบางกอกน้อย เป็นต้น ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจำเป็นจะต้องกำหนดกรอบและรูปแบบให้ชัดเจน ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการดังกล่าวเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนสองฝั่งและให้เป็นย่านเศรษฐกิจของประเทศต่อไปอย่างยั่งยืน โดยจะประชุมร่วมกับสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อพิจารณาให้สอดคล้องกับนโยบายโครงการเจ้าพระยาสร้างสรรค์อีกด้วย
ด้าน ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจับมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาสายน้ำเจ้าพระยาจะเป็นการช่วยอนุรักษ์และคืนวิถีชีวิตให้กับสายน้ำ อีกทั้งเป็นการฟื้นฟูลำน้ำสายสำคัญคู่ชาติไทยให้โดดเด่นและเป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวทั่วโลกสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและทางวัฒนธรรมของไทย สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและกรุงเทพมหานคร โดยแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเสมือนตำนานและมีเรื่องเล่าขาน ตำนาน ประวัติศาสตร์ ชุมชนดั้งเดิม วิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาของชุมชน ที่ทรงคุณค่า และน่าสนใจมากมายซึ่งจะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับการประชุมครั้งนี้มีหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมเจ้าท่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุม โดยแต่ละหน่วยงานได้มีการรายงานถึงแนวทางการดำเนินงานในส่วนของความรับผิดชอบ รวมทั้งตั้งข้อสังเกตร่วมกันถึงขั้นตอนการดำเนินงานที่จะต้องให้มีความชัดเจน มีแผนงานแบบระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งการทำประชาพิจารณ์ และการทำวิจัยกายภาพโดยรวมในพื้นที่เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

แจ้งข้อกำหนดการขอใช้ลานคนเมือง กทม. งดจัดกิจกรรมการเมือง

แจ้งข้อกำหนดการขอใช้ลานคนเมือง กทม. งดจัดกิจกรรมการเมือง

นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งข้อกำหนดการขออนุญาตใช้ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) โดยหน่วยงานภายในสังกัดกรุงเทพมหานครจะต้องทำเป็นหนังสือขออนุญาตล่วงหน้าก่อนการจัดกิจกรรมอย่างน้อย 7 วัน พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียด การจัดกิจกรรม อาทิ ชื่อโครงการ/กิจกรรม วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม กลุ่มเป้าหมายและจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม รูปแบบและกำหนดการ ในกรณีที่จะขอใช้สถานที่จอดรถยนต์ใต้ลานคนเมืองจะต้องระบุจำนวนรถยนต์ หมายเลขทะเบียน เวลาเข้า–ออก และจัดทำบัตรติดหน้ารถทุกคันที่ได้รับอนุญาตเพื่อใช้แสดงผ่านเข้า–ออก ที่จอดรถลานคนเมือง
สำหรับหน่วยงานภายนอกหรือเอกชนที่ประสงค์จะขอใช้พื้นที่ลานคนเมืองนั้นใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร โดยปลัดกรุงเทพมหานครจะเป็นผู้พิจารณาอนุญาต ซึ่งการจัดกิจกรรมทุกประเภทจะต้องไม่มีวัตถุประสงค์หรือส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง สอบถามเพิ่มเติมที่ฝ่ายบริหารงานทั่วไป กองกลาง โทร. 0 2224 2981

เชิญชมนิทรรศการศิลปะผลงานครูและนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

เชิญชมนิทรรศการศิลปะผลงานครูและนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

(23 มี.ค. 54) นายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. เป็นประธานเปิดนิทรรศการศิลปะ “ครูศิลป์สร้างสรรค์” และนิทรรศการจิตรกรน้อยกรุงเทพมหานคร “วาดฝันรักประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22–27 มี.ค. 54 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อเปิดโอกาสให้ครูศิลปศึกษาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครได้แสดงผลงานศิลปะในแนวทางสร้างสรรค์ ประกอบด้วย ผลงานภาพวาดระบายสี งานปั้น งานพิมพ์ งานออกแบบ งานโครงสร้าง ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อแนวทางพัฒนาการจัดการเรียนรู้สาระทัศนศิลป์อย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการศิลปะ “ครูศิลป์สร้างสรรค์” และนิทรรศการจิตรกรน้อยกรุงเทพมหานคร “วาดฝันรักประเทศไทย” ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 27 มี.ค. 54 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน

ต้อนรับเยาวชนโครงการ Bangkok Sister City Youth Program 2011

ต้อนรับเยาวชนโครงการ Bangkok Sister City Youth Program 2011

(24 มี.ค. 54) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้การต้อนรับคณะเยาวชนในโครงการ Bangkok Sister City Youth Program 2011 ในโอกาสเข้าเยี่ยมคาราวะ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) โดยมีผู้แทนเมือง จำนวน 7 เมือง ได้แก่ กรุงจาการ์ตา จังหวัดฟูกูโอกะ เมืองแต้จิ๋ว กรุงโซล เมืองอินชอน กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และกรุงมะนิลา เยาวชนจากโครงการเมืองพี่เมืองน้อง 11 เมือง ประกอบด้วย กรุงจาการ์ตา จังหวัดฟูกูโอกะ เมืองแต้จิ๋ว กรุงโซล เมืองอินชอน สิงคโปร์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กรุงมะนิลา กรุงมอสโก นครกวางโจว กรุงฮานอย รวมถึงนักศึกษาชาวต่างชาติที่ศึกษาอยู่ในกรุงเทพฯ และผู้แทนเยาวชนกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 80 คน
โครงการ Bangkok Sister City Youth Program 2011 จัดขึ้นเพื่อสร้างความใกล้ชิดและเข้าใจระหว่างเยาวชนตามกรอบความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องของกรุงเทพมหานคร และสนับสนุนให้เยาวชนระดับอุดมศึกษาได้สร้างสรรค์และมีส่วนร่วมในกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ ในทุกภาคส่วน รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกรุงเทพมหานครด้วย ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด “Following in His Majesty the King’s footsteps” โดยแบ่งเป็นการศึกษา 6 ด้าน ได้แก่ 1. โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา 2. โครงการชั่งหัวมัน 3. การทดลองสร้างฝาย โครงการห้วยทราย 4. ไบโอดีเซล โครงการห้วยทราย 5. การสาธิตปลูกหญ้าแฝก โครงการห้วยทราย และ 6. การศึกษาเกษตรกรตัวอย่าง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทัศนศึกษาด้านวัฒนธรรมไทย เยี่ยมชมสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ และการทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและนำเสนอผลงานด้วย

กทม. เชิญนักชิมลิ้มรสอาหารนานาชาติ

กทม. เชิญนักชิมลิ้มรสอาหารนานาชาติ

(24 มี.ค. 54) เวลา 11.30 น. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานแถลงข่าวเทศกาลอาหารนานาชาติ (Bangkok International Food Fair 2011) ครั้งที่ 3 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมด้านอาหาร ระหว่างวันที่ 30 มี.ค. - 3 เม.ย. 54 ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมี คณะผู้บริหารสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว คณะผู้บริหารกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา นายตัน ภาสกรนที ก้อย รัชวิน และสื่อมวลชน ร่วมงาน
กรุงเทพมหานครจัดงานเทศกาลอาหารนานาชาติ (Bangkok International Food Fair 2011) ครั้งที่ 3 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมด้านอาหาร อันแสดงถึงความเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ หรือ ครัวโลก ของเมืองไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจในกรุงเทพมหานคร กำหนดจัดระหว่างวันที่ 30 มี.ค. - 3 เม.ย. 54 ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 โดย 2 ครั้งที่ผ่านมาได้จัดไปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และสวนเบญจสิริ สำหรับกิจกรรมภายในงานได้ถูกเนรมิตและสร้างสรรค์บรรยากาศภายใต้แนวคิด “ช่วงเวลาแห่งความสุขกับความอิ่มอร่อยหลากรูปแบบของครัวไทยสู่ครัวโลก” (BKK International Food Fair : All Time with Rich in Happiness) โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 อาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ ที่ผู้เข้าชมงานจะได้ลิ้มรสความอร่อยอาหารจากทั่วมุมโลก โดยเชฟชื่อดัง อาทิ Master Chef จากโรงแรมโนโวเทล, โรงแรมอิมพิเรียล ควีนส์ปาร์ค, Chef Martin จากสถานทูตเปรู, Chef ฟาง-Chef ฝ้ายฟู จากรายการครัวอินดี้, Chef สมศักดิ์ ไกลซิง ร้านซั่งไห่เสียวหลงเป่า, Chef สุรียา พุฒตาล ร้านยูเรกวาน และเครื่องดื่ม Cocktail-Mocktail โดยสมาคมบาร์เทนเดอร์สากล (ประเทศไทย) ส่วนที่ 2 การประกวดและสาธิตการทำอาหาร เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเมนูเด่นนานาชาติ อาทิ การแข่งขันสูตรอร่อยนานาชาติจากข้าวไทย เมนู Western Food ด้วยผลผลิตจากโครงการหลวง ลาเต้อาร์ท แกะสลักผักผลไม้ แต่งหน้าเค้ก ในส่วนของการสาธิตจะมีเชฟมืออาชีพจากภัตตาคาร ร้านอาหาร โรงแรมและสถานทูต มาสาธิตอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่มนานาชาติ ส่วนที่ 3 กิจกรรมและการแสดง พบกับการแสดงดนตรีและความบันเทิง อาทิ ติ๊ก ชีโร่, Ska Chance, Flash และ Street Performance Show และส่วนที่ 4 ชมนิทรรศการเกี่ยวกับวิวัฒนาการของอาหารไทย ตั้งแต่ยุคสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับอาหารนานาชาติ
รองผู้ว่าฯ ทยา กล่าวว่า อาหารนับเป็นเสน่ห์ด้านหนึ่งของกรุงเทพมหานครที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ จึงเชิญชวนประชาชนที่สนใจร่วมชิมอาหารไทยและอาหารนานาชาติ พร้อมชมการสาธิตการทำอาหารเพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมภายในครอบครัวและกระตุ้นเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร

28 มี.ค. นี้ คนกรุงเทพฯ ร่วมส่งใจห่วงใยชาวญี่ปุ่น “Together We Care - Bangkok For Japan”

28 มี.ค. นี้ คนกรุงเทพฯ ร่วมส่งใจห่วงใยชาวญี่ปุ่น “Together We Care - Bangkok For Japan”

นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม. เตรียมจัดกิจกรรมกรุงเทพมหานคร รวมใจห่วงใยชาวญี่ปุ่น “Together We Care - Bangkok For Japan” ในวันที่ 28 มี.ค. 54 เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เพื่อส่งความห่วงใยและกำลังใจจากชาวกรุงเทพมหานครให้แก่ชาวญี่ปุ่น อีกทั้งแสดงความรู้สึกและระลึกถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรุงเทพมหานครและประเทศญี่ปุ่น โดยในงานจะมีการรับบริจาคและส่งมอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่นให้แก่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กิจกรรมจุดเทียนรูปหัวใจและกล่าวคำไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ตลอดจนการพับนกกระดาษเพื่อส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยญี่ปุ่นและประดับไว้รอบบริเวณลานคนเมือง ซึ่งในกิจกรรมดังกล่าว กทม. ได้เชิญคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้าราชการ ลูกจ้าง นักเรียน เยาวชน ทูตและสมาคมต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทย สื่อมวลชน และประชาชนชาวกรุงเทพฯ ร่วมงาน
สำหรับกิจกรรม “Together We Care - Bangkok For Japan” ในวันที่ 28 มี.ค. 54 ผู้ร่วมกิจกรรมจะร่วมกันร้องเพลงชาติในเวลา 18.00 น. จากนั้นกทม. จะฉายวิดีทัศน์ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและประเทศญี่ปุ่นในฐานะบ้านพี่เมืองน้องและมิตรประเทศที่ดีต่อกัน เวลา 18.15 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจต่อประเทศญี่ปุ่น จากนั้นนักเรียนกทม. มอบเงินบริจาคซึ่งรวบรวมจากโรงเรียนในสังกัดให้แก่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบให้แก่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เวลา 18.50 น. นักเรียนกทม.ร่วมกันร้องเพลงฮานา และผู้เข้าร่วมงานจุดเทียนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิ
ทั้งนี้กทม. ขอเชิญชวนประชาชนร่วมพับนกกระดาษส่งมาที่ 50 สำนักงานเขต หรือศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ภายในวันที่ 25 มี.ค. 54 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการส่งกำลังใจไปให้ชาวญี่ปุ่น

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

เชิญชมนิทรรศการศิลปะผลงานครูและนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

เชิญชมนิทรรศการศิลปะผลงานครูและนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

(23 มี.ค. 54) นายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา เป็นประธานเปิดนิทรรศการศิลปะ “ครูศิลป์สร้างสรรค์” และนิทรรศการจิตรกรน้อยกรุงเทพมหานคร “วาดฝันรักประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 27 มี.ค. 54 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อเปิดโอกาสให้ครูศิลปศึกษาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครได้แสดงผลงานศิลปะในแนวทางสร้างสรรค์ โดยประกอบด้วย ผลงานภาพวาดระบายสี งานปั้น งานพิมพ์ งานออกแบบ งานโครงสร้าง ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้สาระทัศนศิลป์อย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการศิลปะ “ครูศิลป์สร้างสรรค์” และนิทรรศการจิตรกรน้อยกรุงเทพมหานคร “วาดฝันรักประเทศไทย” ได้ตั้งแต่บัดนี้ – 27 มี.ค.54 ณ หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน

กทม. ติวเข้มข้าราชการและลูกจ้าง พร้อมป้องกันอัคคีภัยในอาคาร

กทม. ติวเข้มข้าราชการและลูกจ้าง พร้อมป้องกันอัคคีภัยในอาคาร

(23 มี.ค. 54) เวลา 09.00 น. : ณ ห้องเจ้าพระยา กทม. นางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมการป้องกันอัคคีภัยในอาคาร ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ข้าราชการและลูกจ้างตระหนักถึงความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยและการป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยมี นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารและวิทยากรจากกองปฏิบัติการดับเพลิง 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร รวม 125 คน ร่วมอบรม

กรุงเทพมหานคร โดยกองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร จัดโครงการฝึกอบรมการป้องกันอัคคีภัยในอาคาร ศาลาว่าการกทม. เพื่อให้ข้าราชการและลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในศาลาว่าการกรุงเทพมหานครตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอัคคีภัย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และสถานที่ราชการ และเพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัย โดยมีข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 125 คน การฝึกอบรมแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาคเช้าอบรมเกี่ยวกับสาเหตุและประเภทของการเกิดอัคคีภัย และภาคบ่ายอบรมภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอัคคีภัย และการใช้อุปกรณ์ป้องกันและระงับอัคคีภัยอย่างถูกต้องเหมาะสม โดยวิทยากรจากกองปฏิบัติการดับเพลิง 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้บรรยายและฝึกปฏิบัติ

รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยและการป้องกันการเกิดอัคคีภัยมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการฝึกอบรมในครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นเตือนผู้เข้ารับการอบรมได้ตระหนักและรู้จักเฝ้าระวังอัคคีภัย รวมทั้งเข้าใจวิธีการใช้งานอุปกรณ์การป้องกันภัยได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และทันต่อเหตุการณ์ โดยให้ถือว่าการรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแล และปฏิบัติตามกฎระเบียบและการป้องกันอัคคีภัยที่กำหนดขึ้น อาทิ การให้ความร่วมมือ ในการตรวจสอบวัตถุที่อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอัคคีภัย และการติดบัตรอนุญาตหรือบัตรแสดงตัวในการผ่านเข้าพื้นที่ศาลาว่าการกทม. เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการอย่างเคร่งครัด

ครูกทม. ยุคใหม่ต้องทุ่มเท เสียสละ ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี

ครูกทม. ยุคใหม่ต้องทุ่มเท เสียสละ ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี

(23 มี.ค. 54) เวลา 10.00 น. : นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการปฐมนิเทศข้าราชการครูกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2554 ณ ห้องปรี๊นซ์บอลรูม โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อให้ข้าราชการครูกรุงเทพมหานครที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งใหม่มีเจตคติ ความรู้ และทักษะที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติงานในวิชาชีพครูตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู แนวทางการสร้างวัฒนธรรมทางวิชาชีพครู และการเป็นข้าราชการครูในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทั้งนี้ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวแสดงความยินดีแก่ข้าราชการครูกรุงเทพมหานครที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งใหม่ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกคนตระหนักและภูมิใจในอาชีพครู ทุ่มเทแรงกายแรงใจปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ ขยัน อดทน ซึ่งอาชีพครูถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และได้รับการยอมรับในสังคม เนื่องจากครูเป็นผู้ที่ต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้แก่ศิษย์ สร้างและพัฒนาเยาวชนให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีทัศนคติที่ดี ประพฤติตนให้อยู่ในกรอบ ระเบียบที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และคนรอบข้าง โดยเฉพาะการอบรมสั่งสอนวิชาต่างๆ แก่เยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของชาติให้เติบใหญ่เป็นพลเมืองดี มีคุณภาพ ร่วมกันพัฒนาชาติ บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

สำหรับกิจกรรมการอบรม ประกอบด้วย การบรรยายหัวข้อ “นโยบายการจัดการศึกษาและโครงการสนับสนุนด้านการศึกษา ของกรุงเทพมหานคร โดยนายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา การบรรยายหัวข้อ “คุณธรรมสำหรับข้าราชการครู” โดยพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม วรวิหาร และการฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตรผู้นำลูกเสือและยุวกาชาด ณ ค่ายลูกเสือกรุงเทพมหานคร

กทม. ร่วมเชิดชูเกียรติ อปพร. ทั่วประเทศ

กทม. ร่วมเชิดชูเกียรติ อปพร. ทั่วประเทศ

(22 มี.ค. 54) ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต้อนรับ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานพิธีชุมนุมสวนสนามของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวม 13,000 คน ในพิธีชุมนุมสวนสนามของอาสาสมัครป้องกัน ภัยฝ่ายพลเรือน ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง กทม. เพื่อเผยแพร่กิจการของ อปพร. และเชิดชูเกียรติสมาชิก อปพร.

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกลาง กำหนดให้วันที่ 22 มี.ค. ของทุกปีเป็นวันอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อเชิดชูเกียรติและคุณงามความดีแก่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนได้เสียสละเวลา อุทิศกำลังกายและกำลังทรัพย์ ในการช่วยเหลือสังคมและผู้ประสบสาธารณภัย โดยมิหวังสิ่งตอบแทน ซึ่งปัจจุบันมีอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 1,180,745 คน สำหรับพิธีชุมนุมสวนสนามในปี 2554 มีอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจากกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมชุมนุมสวนสนามและกล่าวคำปฏิญาณตน จำนวน 13,000 คน กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ศูนย์ อปพร.ดีเด่น จำนวน 46 ศูนย์ พิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณแก่ อปพร.ดีเด่น จำนวน 177 คน การเดินสวนสนามของ อปพร.แต่ละจังหวัด การแสดงดนตรีและร่วมเล่นเกมส์บนเวที การสาธิตการช่วยเหลือผู้ประสบภัย กีฬากู้ภัย และนิทรรศการเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

กทม. ชี้แจงกรณีใบเสร็จปลอมเขตบางรัก

กทม. ชี้แจงกรณีใบเสร็จปลอมเขตบางรัก

(23 มี.ค. 54) ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวกรณีที่นายทวิชพล บุญมายน หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตบางรัก ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกรณีที่มีเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตบางรักได้ปลอมใบเสร็จรับเงิน รวมถึงข้อร้องเรียนการเรียกเก็บเงินจากผู้ค้าจำนวนหลายราย นอกจากนี้ยังถูกข่มขู่ที่จะเอาชีวิตหากนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผย โดยกล่าวว่า กรณีดังกล่าวต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนก่อน เพื่อดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้หากมีข้าราชการหรือลูกจ้างของกรุงเทพมหานครเข้าไปมีส่วนในการทุจริตหรือข่มขู่จะถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อเอาความผิดทางวินัยต่อไป

รองผู้ว่าฯ ธีระชน กล่าวอีกว่า กรุงเทพมหานครได้ตั้งคณะ กรรมการสอบสวนจำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการชุดที่ 1 มีนายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้ค้าทำหนังสือร้องเรียนหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลเรียกเก็บเงินจากผู้ค้าย่านสีลม ซึ่งขณะนี้พ้นกำหนดระยะเวลาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และกรุงเทพมหานครจะเร่งติดตามความคืบหน้าพร้อมทั้งแจ้งให้ทราบต่อไป ในส่วนของคณะกรรมการชุดที่ 2 เป็นคณะกรรมการระดับเขตซึ่งจะตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีใบเสร็จรับเงินปลอมของฝ่ายเทศกิจสำนักงานเขตบางรัก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือวันที่ 3 เม.ย. นี้

ทั้งนี้ในวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. นี้ กรุงเทพมหานครจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนการทุจริต และประพฤติมิชอบในการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร หรือ สสท.กทม.ให้เป็นวาระเร่งด่วน เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปเรื่องทั้งหมดโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่ดีให้เกิดต่อสังคมและองค์กรต่อไป

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ชวนคนกรุงพับนกกระดาษส่งกำลังใจให้ญี่ปุ่น

ชวนคนกรุงพับนกกระดาษส่งกำลังใจให้ญี่ปุ่น

นายมนัส ปสาทรัตน์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. กล่าวว่า กทม.เตรียมจัดกิจกรรม “กทม.รวมใจห่วงใยชาวญี่ปุ่น : Together We Care Bangkok For Japan” ในวันที่ 28 มี.ค.54 เวลา 17.45 น. เป็นต้นไป ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) โดยในงานจะมีการรับบริจาคและส่งมอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่นให้แก่ผู้แทนสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมจุดเทียนและกล่าวคำไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ตลอดจนการพับนกกระดาษเพื่อส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยญี่ปุ่น ซึ่งในกิจกรรมดังกล่าว กทม.ขอเชิญชวนประชาชนร่วมพับนกกระดาษส่งมาที่ 50 สำนักงานเขต หรือ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ภายในวันที่ 25 มี.ค.54 เพื่อร่วมกันแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัย

สภากรุงเทพมหานครเยือนกรุงฮานอยกระชับความสัมพันธ์

สภากรุงเทพมหานครเยือนกรุงฮานอยกระชับความสัมพันธ์

ประธานสภากทม. เดินทางเยือนกรุงฮานอย ฟื้นความสัมพันธ์สภาพี่สภาน้อง พร้อมผลักดันโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนหวังพัฒนาการศึกษานักเรียนกทม.

(21 มี.ค. 54) เวลา 11.00 น. นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย นายชูชาติ ประเสริฐการ นายเอก จึงเลิศศิริ นายวิรัช อินช่วย และนายสุไหง แสวงสุข เดินทางเยือนสภาประชาชน ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยมีนางโหงว ที โด๋น ธาน ประธานสภาประชาชนกรุงฮานอยให้การต้อนรับ

นายสุทธิชัย วีระกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สภากรุงเทพมหานครและสภาประชาชนกรุงฮานอยได้เซ็นสัญญาการเป็นสภาพี่สภาน้องกันมากว่า 12 ปี การเดินทางมาเยือนในครั้งนี้เพื่อเป็นการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังจากไม่มีการพบกันของตัวแทนระหว่างสภาทั้ง 2 เมือง เป็นเวลากว่า 4 ปี ล่าสุดคือการที่สภากรุงฮานอยได้ส่งคณะการแสดงวัฒนธรรมมาร่วมแสดงในโอกาสที่สภากรุงเทพมหานครฉลองครบรอบ 36 ปี เมื่อพ.ศ. 2552 โดยเบื้องต้นให้ความสนใจในเรื่องของการทอผ้าไหมของหมู่บ้าน วาน ฟุ๊ก ซึ่งกรุงฮานอยได้อนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน และส่งเสริมให้ประชากรที่มีอยู่กว่า 6,000 คนสามารถประกอบอาชีพเกี่ยวกับการทอผ้าไหมได้ถึง 400 ครอบครัว โดยผ้าไหมที่ผลิตจากหมู่บ้านแห่งนี้ได้ส่งจำหน่ายทางตอนเหนือของประเทศเวียดนามรวมถึงส่งไปขายยังต่างประเทศด้วย ซึ่งเห็นว่าสามารถจะไปปรับใช้ในการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมพื้นบ้านในกรุงเทพมหานครได้

นอกจากนี้คณะสภากรุงเทพมหานครยังให้ความสนใจในเรื่องการศึกษาของเวียดนามเป็นพิเศษเนื่องจากในการแข่งขันทางด้านการศึกษาระหว่างประเทศ เวียดนามมักมีผลการแข่งขันที่ดี อยู่ในระดับที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในหลายสาขา ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับด้านการศึกษาของประเทศเวียดนาม ในเบื้องต้นประธานสภากรุงเทพมหานครและสภาประชาชนกรุงฮานอยมีความเห็นร่วมกันในการแลกเปลี่ยนเยาวชนระดับมัธยมศึกษาและครูเพื่อศึกษาด้านภาษาของแต่ละประเทศพร้อมทั้งยังเป็นทูตสัมพันธไมตรีเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 เมืองสืบไป

ด้านนางโหงว ที โด๋น ธาน กล่าวว่า สภาประชาชนกรุงฮานอยมีความยินดีในการมากระชับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นนิมิตหมายอันดี ในการพัฒนาความร่วมมือกันเพื่อให้ทั้ง 2 เมืองก้าวเป็นเมืองใหญ่ในอาเซียน และยินดีให้ความร่วมมือกับสภากรุงเทพมหานครในทุกๆ ด้าน สำหรับแนวทางในการพัฒนาเมืองของกรุงฮานอยในช่วงปี 2010-2011 จะพัฒนาในด้านของการคมนาคมขนส่ง จะเห็นได้จากขณะนี้จะมีการสร้างและขยายถนนทั่วพื้นที่กรุงฮานอย ส่วนในปี 2011-2016 จะเร่งดำเนินการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ

------------------

กทม. เปิดอบรมหลักสูตรสุขาภิบาลอาหาร

กทม. เปิดอบรมหลักสูตรสุขาภิบาลอาหาร

(22 มี.ค. 54) เวลา 09.00 น. นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการอบรม 3 หลักสูตรเกี่ยวกับการสุขาภิบาลอาหารฯ ณ ห้องประชุมไนติงเกล อาคารอนุสรณ์ 100 ปี โรงพยาบาลกลาง

รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้มีนโยบายในการเฝ้าระวังความปลอดภัยของอาหารในโรงพยาบาล ในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยได้จัดโครงการอบรมจำนวน 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการสุขาภิบาลอาหารสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ ให้แก่บุคลากรสังกัดโรงพยาบาลของสำนักการแพทย์และมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร จำนวน 178 คน ซึ่งเป็นการอบรมแบบไป-กลับ แบ่งออกเป็น 3 รุ่น หลักสูตรการใช้ชุดทดสอบอาหารเบื้องต้นสำหรับบุคลากรที่รับผิดชอบด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร มีผู้เข้าร่วมการอบรม 42 คน และหลักสูตรการสุขาภิบาลอาหารสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร สโมสรในโรงพยาบาล ผู้เข้าร่วมอบรม 72 คน ทั้งนี้เพื่อเป็นการให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับหลักการสุขาภิบาลอาหาร การใช้ชุดทดสอบอาหารเบื้องต้น รวมถึงเรื่องการปฏิบัติตัว เพื่อให้สามารถประกอบการปรุงอาหารได้อย่างถูกสุขลักษณะต่อไป

ปฐมนิเทศเยาวชนค่ายอาสาพัฒนาชนบทปี 2554

ปฐมนิเทศเยาวชนค่ายอาสาพัฒนาชนบทปี 2554

กทม. จัดปฐมนิเทศเยาวชนค่ายอาสาพัฒนาชนบท ปี 54 นำเยาวชนผู้มีจิตอาสาร่วม 200 คน ออกค่ายพัฒนาชนบท สร้างจิตสำนึกในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม

(22 มี.ค. 54) ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดการปฐมนิเทศผู้เข้าร่วมโครงการค่ายอาสาพัฒนาชนบท ปี 2554 ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีจิตอาสาในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม และเป็นกิจกรรมที่ปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนรู้รักสามัคคี มีความรักชาติ เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และแสดงออกในทางที่ถูกต้องเหมาะสม โดยจัดกิจกรรมค่ายพักแรมแบบพักค้าง 7 วัน 6 คืน ระหว่างวันที่ 17–23 เม.ย. 54 ณ บ้านรวมไทย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในปีนี้มีเยาวชนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ เข้าร่วมโครงการจำนวน 198 คน

รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการค่ายอาสาพัฒนาชนบทเป็นโครงการที่มีคุณค่าและคุณประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกรุงเทพมหานครที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของเยาวชน เพื่อเข้ามาแสดงความคิดเห็นในฐานะคณะทำงานในพื้นที่ และเป็นกระบอกเสียงส่งผ่านความคิดเห็นไปสู่ผู้บริหารในการผลักดันสู่การปฏิบัติจริง ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีและมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม

นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของเยาวชน ด้วยการจัดโครงการสภาเยาวชนกรุงเทพมหานคร เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองของเยาวชนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนจากทุกภาคส่วนในสังคมได้แสดงพลังของกลุ่มเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชุมชน การป้องกันยาเสพติดในกลุ่มเพื่อน การบำเพ็ญประโยชน์ ส่งเสริมสนับสนุนการรวมกลุ่มของเยาวชนให้มีการแสดงออกในแนวทางที่เหมาะสมสามารถพัฒนาระบบความคิด และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการท้องถิ่นของตน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อไปในอนาคต

กทม. ติวเข้มผู้ตรวจราชการ เพิ่มศักยภาพหลังปรับโครงสร้างใหม่

กทม. ติวเข้มผู้ตรวจราชการ เพิ่มศักยภาพหลังปรับโครงสร้างใหม่

กทม. จัดอบรมผู้ตรวจราชการ พัฒนาศักยภาพในการทำงาน ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งภายในประเทศและสังคมโลก ทั้งด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ นำความรู้ไปปรับกระบวนทัศน์ และวิธีคิดในการปฏิบัติงาน เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

(22 มี.ค. 54) นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดอบรมและสัมมนาเพื่อพัฒนา การตรวจราชการของกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานครและเจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการ ร่วมอบรม ณ ห้องราชดำเนิน โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

การอบรมและสัมมนาการตรวจราชการของกรุงเทพมหานคร กำหนดให้มีกิจกรรมภาควิชาการเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 22-24 มี.ค. 54 เวลา 09.00-16.00 น. และกิจกรรมการศึกษาดูงาน ณ จังหวัดกระบี่ และจังหวัดตรัง เป็นเวลา 4 วัน ในการอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ระดับสูงของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ดร.พิจิตต รัตตกุล พ.อ.วินัย สมพงษ์ พล.อ เอกชัย ศรีวิลาส ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นายชาญวิทย์ ไกรฤกษ์ ดร.ศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ และนายจาดุร อภิชาตบุตร ร่วมอภิปรายเสวนา ตอบข้อซักถาม เพื่อให้ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งภายใน ประเทศและสังคมโลก ในด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ สามารถนำความรู้ไปปรับกระบวนทัศน์ และวิธีคิดในการปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2554 กรุงเทพมหานครโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครได้มีมติ ก.ก.ครั้งที่ 8/2553 เมือวันที่ 16 ธ.ค. 2553 ปรับปรุงโครงสร้างของผู้ตรวจ ราชการกรุงเทพมหานครใหม่ จากเดิมที่มีอยู่จำนวน 44 อัตรา ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการ 10 จำนวน 10 อัตรา ผู้ตรวจราชการ 9 จำนวน 6 อัตรา และผู้ตรวจราชการ 8 จำนวน 28 อัตรา คงเหลือผู้ตรวจราชการตามโครงสร้างใหม่จำนวน 24 อัตรา ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการ 10 จำนวน 10 อัตรา ผู้ตรวจราชการ 9 จำนวน 14 อัตรา จึงต้องปรับปรุงแนวทางและแผนการตรวจราชการใหม่ในเชิงบูรณาการตามภารกิจของหน่วยงานระดับสำนักและสำนักงานเขตเข้าด้วยกัน โดยเน้นการตรวจราชการในงานปฏิบัติการภาคสนาม ปรับปรุงระบบการตรวจราชการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ รวมทั้งการปรับลดการตรวจติดตาม รายงานผลการตรวจราชการให้สอดคล้องกับโครงสร้างของผู้ตรวจราชการใหม่อย่างเต็มกำลังความสามารถ

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานครมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนและดูแลแก้ไขปัญหาพัฒนางานการให้บริการประชาชน หรืองานโครงการสำคัญที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตลอดจนงานเฉพาะกิจที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชน รวมถึงความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง จนทำให้กรุงเทพมหานครได้รับการคัดเลือกจากเวทีโลกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่น่าท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งเพื่อช่วยขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินกิจกรรมและโครงการของกรุงเทพมหานครได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด รวมถึงเป็นกำลังหลัก เป็นหูเป็นตา และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยผู้บริหารกรุงเทพมหานครพัฒนากรุงเทพมหานครให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมต่อไป

กทม. เชิญผู้ทรงคุณวุฒิร่วมให้ข้อคิดเห็นแนวทางสร้างกรุงเทพฯ เมืองแห่งคุณค่า

กทม. เชิญผู้ทรงคุณวุฒิร่วมให้ข้อคิดเห็นแนวทางสร้างกรุงเทพฯ เมืองแห่งคุณค่า

(21 มี.ค.54) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ : ม.ร.ว.เปรมศิริ เกษมสันต์ รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กทม. กล่าวถึงการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ในการพัฒนากรุงเทพมหานคร โครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 3) “กรุงเทพฯ เมืองแห่งคุณค่า” ว่า สำนักผังเมือง ร่วมกับ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด จัดประชุมหารือโครงการวางและจัดทำผังเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างกรุงเทพฯ เมืองแห่งคุณค่า โดยเบื้องต้นเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อาทิ บริเวณกรุงรัตนโกสินทร์และพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพื้นที่เริ่มต้นของการก่อตั้งกรุงเทพมหานคร มีสิ่งก่อสร้างที่ทรงคุณค่าหลายแห่งรวมถึงวิถีชีวิตของประชาชน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีกฎหมายผังเมืองเพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์ผังเมืองและที่ดิน รวมถึงการอนุญาตปลูกสร้างอาคารต่างๆ ไว้ แต่การควบคุมเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งคุณค่าได้ กทม.จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิร่วมให้ข้อคิดเห็นในการจัดระเบียบพื้นที่ การปรับปรุงภูมิทัศน์ และสร้างทัศนียภาพของเมืองให้มีความสวยงาม

ทั้งนี้ สำนักผังเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 3) เพื่อประกาศใช้บังคับแทนกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2549 ซึ่งได้ขยายเวลาบังคับใช้ไปถึงวันที่ 15 พ.ค.55 โดยที่ผ่านมาสำนักผังเมืองได้ร่วมกับที่ปรึกษาดำเนินการรวบรวม ประมวล และวิเคราะห์ข้อมูลครอบคลุมเนื้อหา 8 ด้าน ได้แก่ การศึกษาด้านประชากรและสภาพทางสังคม ด้านเศรษฐกิจและการจ้างงาน ด้านผังเมืองและการใช้ประโยชน์ที่ดิน ด้านการคมนาคมและขนส่ง ด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณูปโภค ด้านสาธารณูปการ ด้านการออกแบบชุมชนและภูมิทัศน์เมือง และด้านกฎหมายและมาตรการทางผังเมือง อีกทั้งจัดประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของประชาชนเป็นรายกลุ่มเขต การประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกกรุงเทพมหานคร ตลอดจนหน่วยงานราชการของจังหวัดโดยรอบ และได้นำผลการศึกษาและข้อคิดเห็นที่ได้จากการประชุมมาพิจารณาประกอบหลักการทางวิชาการด้านการวางผังเมือง เพื่อเป็นกรอบในการกำหนดแผนผังและมาตรการในการนำผังไปปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการเป็นเมืองน่าอยู่ มีสภาพแวดล้อมของการอยู่อาศัยที่ดี มีระบบคมนาคมขนส่งที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ มีสาธารณูปการที่เพียงพอและได้มาตรฐาน เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การบริหารและการปกครองของประเทศ ส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ ส่งเสริมและรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเพื่อลดผลกระทบของปัญหาโลกร้อนในปัจจุบัน

สนท. จัดโครงการสร้างความสุข พัฒนา รักษาสุขภาพฯ ของเจ้าหน้าที่เทศกิจ

สนท. จัดโครงการสร้างความสุข พัฒนา รักษาสุขภาพฯ ของเจ้าหน้าที่เทศกิจ

นายกระมล โอฬาระวัต ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. กล่าวว่า สำนักเทศกิจจัดโครงการสร้างความสุข พัฒนา รักษาสุขภาพ และลดความเครียดในการทำงานของเจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ จำนวน 400 คน ในวันที่ 22 มี.ค. 54 ณ ห้องประชุมกรุงธน 3 สำนักเทศกิจ

เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้ข้าราชการและลูกจ้างสำนักเทศกิจ ในการปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ตลอดจนได้รับการตรวจทางจิตเวชเบื้องต้นเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของบุคลากรในองค์กรแล้ว ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาหน่วยงานและการให้บริการ ประชาชนอีกด้วย การบรรยายประกอบด้วยหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้ การบริหารจัดการกับความเครียด การประเมินความเครียดด้วยตนเอง และฝึกปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความเครียด โดย ดร.ธีระยุทธ์ วระพินิจ นักพฤติกรรมศาสตร์ (ด้านจิตวิทยา)

ห่วงพายุฤดูร้อนพ่นพิษ กทม. เข้มมาตรการป้องกันอันตรายป้ายโฆษณาล้ม

ห่วงพายุฤดูร้อนพ่นพิษ กทม. เข้มมาตรการป้องกันอันตรายป้ายโฆษณาล้ม

นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งอาจจะเกิดฝนตกและมีลมกรรโชกแรง อันเนื่องมาจากพายุฤดูร้อน จึงได้กำชับให้สำนักการโยธา และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เร่งเฝ้าระวังและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากป้ายโฆษณาหักและโค่นล้มทับที่อยู่อาศัยหรือทำลายทรัพย์สินของประชาชนเสียหายได้ โดยให้สำนักงานเขตแจ้งเจ้าของป้ายทำการตรวจสอบการใช้งาน และความมั่นคงแข็งแรงของป้าย ขณะเดียวกันให้เร่งรัดรื้อถอนป้ายที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยในบริเวณที่ใกล้เคียงกับป้ายทราบถึงอันตรายที่อาจจะเกิดจากป้ายล้ม และช่วยเป็นหูเป็นตาหากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือเกรงว่าจะเป็นอันตรายให้รีบแจ้ง สายด่วน กทม. 1555 เพื่อเขตจะเข้าไปแก้ไขได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ทางสำนักการโยธาพร้อมที่จะสนับสนุนเครื่องมือหนักหรือเบาในกรณีที่เขตจะทำการรื้อถอนหรือปลดแผ่นป้ายเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

ข้อมูลจากสำนักการโยธาระบุว่า ณ 1 มี.ค. 54 ในจำนวน 50 เขต ปรากฏว่าเขตจตุจักรมีป้ายมากที่สุด จำนวน 86 ป้าย เขตราชเทวี 85 ป้าย เขตประเวศ 50 ป้าย เขตคลองเตย 45 ป้าย เขตดอนเมือง ห้วยขวาง และสะพานสูง จำนวน 36 ป้าย รวมทั้ง 50 เขตมีจำนวนป้ายที่ถูกกฎหมาย จำนวน 847 ป้าย และมีป้ายผิดกฎหมาย จำนวน 146 ป้าย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีและการรื้อถอน ทั้งนี้ทางสำนักการโยธาจะประสานกับสมาคมธุรกิจป้ายโฆษณาให้ประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบธุรกิจ หน่วยงาน หรือประชาชนที่ประสงค์จะโฆษณาบนป้ายต่างๆ ไม่ให้สนับสนุนหรือลงโฆษณาในป้ายที่ผิดกฎหมายต่อไปด้วย

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

สร้างเด็กไทยหัวใจสีขาว “โตไปไม่โกง”

สร้างเด็กไทยหัวใจสีขาว “โตไปไม่โกง”

กทม. เดินหน้าสร้างบุคลากรคุณภาพปลูกฝังความรู้ความเข้าใจ และค่านิยมใหม่แก่เด็กนักเรียนในสังกัดตั้งแต่อนุบาล ถึง ป.3 มุ่งมั่นเติบโตเป็นผู้ใหญ่หัวใจใสสะอาด ร่วมมือร่วมแรงป้องกันแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

(21 มี.ค. 54) เวลา 09.30 น. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรคบเด็กสร้างชาติ “โตไปไม่โกง” ตามโครงการโรงเรียนสีขาว โดยมีครูสังกัดกทม. ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1–2 เข้ารับการอบรม ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด ณ ห้องประชุมจีระ บุญมาก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

นางทยา กล่าวว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกคนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันและแก้ไข โดยเฉพาะการปลูกฝังให้เด็กมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความรู้สึกนึกคิดอยากคดโกงตั้งแต่เล็กๆ เพื่อที่จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต โดยกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ องค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย และศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ NIDA จัดทำโครงการโรงเรียนสีขาวหลักสูตรคบเด็กสร้างชาติ “โตไปไม่โกง” เพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยม และธรรมาภิบาลที่ถูกต้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นสำหรับนักเรียนระดับอนุบาล ถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 3 โดยมีการบรรจุเป็นหลักสูตรพร้อมทั้งจัดการเรียนการสอนแก่เด็กนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 280 แห่ง และจะขยายให้ครบทั้ง 436 แห่งต่อไป สำหรับหลักสูตร “โตไปไม่โกง” มีเนื้อหาครอบคลุม 5 ด้าน ประกอบด้วย ความซื่อสัตย์ การมีจิตสาธารณะ ความเป็นธรรมทางสังคม กระทำอย่างรับผิดชอบ และเป็นอยู่อย่างพอเพียง โดยมีการสอดแทรกเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ เน้นการเรียนการสอนด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ไม่ให้เด็กเกิดความเบื่อหน่าย ซึ่งตนเชื่อมั่นในศักยภาพของครูในสังกัดกรุงเทพมหานครที่จะสามารถถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ปลูกฝังสิ่งดีๆ แก่เด็ก เป็นการฉีดวัคซีนเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่เด็กไม่ให้เห็นการคดโกงเป็นเรื่องปกติ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในสังคม แม้แต่เป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม

ทั้งนี้หลักสูตรการฝึกอบรม ประกอบด้วย กิจกรรมค้นหาคุณค่าความเป็นครู สร้างชาติด้วยความดี 5 ประการ การเสวนาหัวข้อ “คุณค่าความเป็นครูกับการสร้างชาติ” กรณีศึกษาความดี 5 ประการ สรุปการเรียนรู้และแนวทางการใช้เครื่องมือการเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความดี 5 ประการ กิจกรรมกลุ่มการอบรมเชิงปฏิบัติการเครื่องมือการเรียนรู้ และอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิคการใช้เครื่องมือการเรียนรู้ หากครู หรือสถานศึกษาใดสนใจนำหลักสูตรไปปรับใช้กับสถานศึกษาของตน สามารถดาวน์โหลดบทเรียน เพลง รวมถึงข้อมูลต่างๆ ได้ทาง www.growinggood.org และติดตามความคืบหน้าทาง www.facebook.com/growing good และ http://twiiter.com/growinggood

กทม. ร่วมปูกระเบื้องถนนสายกลางท้องสนามหลวง

กทม. ร่วมปูกระเบื้องถนนสายกลางท้องสนามหลวง

(18 มี.ค. 54) ณ ท้องสนามหลวง : นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ และดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดโครงการ ราษฎร์รวมใจ ใต้เบื้องพระยุคลบาท เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา องค์ราชัน โดยมี พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชน ร่วมงาน

กรุงเทพ มหานคร ร่วมกับกองพลพัฒนาที่ 1 จัดทำโครงการราษฎร์รวมใจ ใต้เบื้องพระยุคลบาท เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา องค์ราชัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 รวมทั้งเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ของพสกนิกรชาวไทย โดยการมีส่วนร่วมในการปูกระเบื้องบริเวณถนนสายกลางท้องสนามหลวง ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 4,200 ตารางเมตร ใช้สำหรับเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ในการเสด็จมาประกอบพระราชกรณียกิจ อนึ่ง กิจกรรมนี้เปรียบเสมือนการเตรียมลาดพระบาทถวายพระองค์ และเป็นการแสดงถึงการทำงานในลักษณะบูรณาการที่ภาคส่วนได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกัน รวมทั้งร่วมกันบันทึกประวัติศาสตร์ นับเป็นครั้งแรกที่ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการปรับปรุงสถานที่สำคัญของชาติ