ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

กทม.มอบชุดสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคู่สมรสเป็นของขวัญวาเลนไทน์

กทม.มอบชุดเสริมสร้างสุขภาพสำหรับคู่สมรส เป็นของขวัญแด่ทุกคู่รักที่จดทะเบียนในวันวาเลนไทน์ปีนี้ พร้อมแนะคู่สมรสใส่ใจสุขภาพและตรวจร่ายกายก่อนแต่งงาน เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์
(24 ม.ค.54) ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) : นายวสันต์ มีวงษ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 4/2554 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับการจัดทำชุดสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคู่สมรส จำนวน 20,000 ชุด เพื่อแจกจ่ายให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต มอบแก่คู่สมรสที่ไปจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไป เพื่อเผยแพร่ความรู้ แนวทางปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มชีวิตครอบครัว โดยเน้นความสำคัญของการสร้างชีวิตครอบครัวที่มีคุณภาพ พร้อมส่งเสริมให้คู่สมรสสามารถดูแลสร้างเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตนเองและครอบครัวอย่างถูกต้อง อันเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่การครองคู่บนพื้นฐานของความรัก ความอบอุ่น และสัมพันธภาพอันดีของชีวิตครอบครัวอย่างยั่งยืน
สำหรับชุดสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคู่สมรส ประกอบด้วย 1.สารของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2.คู่มือสร้างเสริมสุขภาพ “สื่อรัก..คู่สมรส” 3.คู่มือสุขภาพดีทั้งชีวิตเราดูแล 4.คู่มือกินอย่างไรให้สุขภาพดี 5.คู่มือออกกำลังกายตามสไตล์ที่คุณเลือก 6.พวงกุญแจสายวัดรอบเอวสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคู่สมรส 7.แผ่นมินิวีซีดีออกกำลังกายสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคู่สมรส 8.ถุงยางอนามัย และ 9.ชุดยาพกพาพร้อมวิธีรับประทาน
ทั้งนี้ ปัจจุบันคู่สมรสเริ่มให้ความสนใจกับการตรวจร่างกายก่อนแต่งงานเพิ่มมากขึ้น โดยได้รับข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรค และผลกระทบต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตครอบครัวจากสื่อประเภทต่างๆ แต่ยังมีคู่สมรสจำนวนไม่น้อยที่ยังละเลยต่อการเตรียมความพร้อมและตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ มีสุขภาพค่อนข้างดี หรือมีโรคประจำตัวแต่ยังไม่ปรากฏอาการ ทำให้เกิดการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ทายาทที่เกิดมามีโอกาสติดเชื้อโดยที่พ่อแม่เป็นพาหะนำโรค ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหาสังคม และขยายวงสู่ปัญหาโดยรวมของการพัฒนาประเทศได้ ซึ่งกรุงเทพมหานครคาดว่าชุดสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคู่สมรส จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ในระดับหนึ่ง

ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สวนสยามหลังพบ นร.ป่วยอาหารเป็นพิษ

(31 ม.ค.54) นายวสันต์ มีวงษ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครว่า ตามที่เกิดเหตุคณะครู นักเรียนและผู้ปกครองจาก จ.กระบี่ รวมจำนวน 348 คน เดินทางมาเข้าค่ายที่สวนสยามตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา และวานนี้ (30 ม.ค.54) เวลา 15.00 น. ขณะรอเดินทางกลับภูมิลำเนา ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง พบนักเรียนบางส่วนเกิดอาการป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยมีจำนวนผู้ป่วยรวมกว่า 122 คน จึงได้ส่งผู้ป่วยเข้าทำการรักษา ณ รพ.กลาง รพ.เลิดสิน รพ.จุฬาฯ รพ.ตำรวจ และรพ.หัวเฉียว ซึ่งขณะนี้แพทย์ได้อนุญาตให้ผู้ป่วยบางส่วนกลับบ้านได้แล้ว เหลือพักรักษาตัวที่ รพ.กลางอีก 6 คน แต่ที่รพ.อื่นๆ ยังไม่ได้รับรายงาน
จากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าอาจเกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยทางโรงเรียนได้มอบให้สวนสยามเป็นผู้จัดเตรียมทั้งอาหารเช้าและอาหารกลางวัน อย่างไรก็ตามพบว่า เกิดเหตุเช่นเดียวกันนี้ที่สวนสยามเป็นครั้งที่ 2 แล้ว กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กทม.จึงได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสถานที่ประกอบอาหาร รวมทั้งให้ความรู้ และควบคุมเกี่ยวกับการประกอบอาหารที่ถูกสุขลักษณะให้แก่ผู้ปรุงอาหารในสวนสยามต่อไป
นอกจากนี้ กทม.จะได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการที่ต้องมีการจัดเตรียมอาหารเป็นจำนวนมาก ควรคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ และการจัดเตรียมอาหารไว้ล่วงหน้าเป็นระยะเวลานานอาจทำให้อาหารเสียได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารประเภทข้าว จึงควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ปรับการจราจรแยกบรมราชชนนีเป็นลักษณะวงเวียนตั้งแต่บัดนี้ถึง 12 ก.ค. 54

นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. แจ้งว่า ตามที่สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนบรมราชชนนี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 52 กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 7 มี.ค. 55 รวมระยะเวลา 820 วัน ซึ่งการดำเนินงานก่อสร้างขณะนี้มีความจำเป็นต้องปิดล้อมพื้นที่การก่อสร้างบริเวณสี่แยกบรมราชชนนี เพื่อก่อสร้างทางลอดบริเวณสี่แยกบรมราชชนนี ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 12 ก.ค. 54 และเพื่อให้การจราจรบริเวณดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวก และคล่องตัวมากขึ้น จึงกำหนดปรับรูปแบบการจราจรบริเวณแยกบรมราชชนนีเป็นลักษณะรูปแบบวงเวียนร่วมกับการใช้สัญญาณไฟจราจรในการควบคุมการจราจร โดยให้รถทุกประเภทในทุกทิศทางต้องหยุดรอสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกบรมราชชนนีและสัญจรผ่านวงเวียนตามสัญญาณไฟเขียว ยกเลิกช่องเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดที่บริเวณแยกจากทุกทิศทาง ยกเลิกจุดกลับรถสำหรับรถสูงบริเวณใต้สะพานข้ามแยกบรมราชชนนีฝั่งเซ็นทรัลปิ่นเกล้า กรณีรถสูงเกิน 4 เมตรให้ใช้สะพานข้ามแยกหรือทางราบผ่านวงเวียนแล้วกลับรถที่แยกอรุณอัมรินทร์

นอกจากนี้ มีการเปิดช่องทางพิเศษเพิ่มเติมบริเวณใต้สะพานข้ามแยกฝั่งพาต้าปิ่นเกล้า สำหรับรถที่มีความสูงไม่เกิน 4 เมตร เพื่อเป็นช่องจราจรรอบพื้นที่วงเวียน หากรถความสูงเกิน 4 เมตร ที่มาจากตลิ่งชันหรือจากแยกบางพลัดมุ่งหน้าบางกอกน้อยหรือไปตลิ่งชันให้ไปกลับรถที่แยกอรุณอัมรินทร์เท่านั้น

ทั้งนี้ ได้มีการจัดทำแผ่นพับ ป้ายประชาสัมพันธ์ ป้ายแนะนำเส้นทาง ป้ายและสัญญาณไฟเตือนความปลอดภัยพร้อมไฟฟ้าแสงสว่างบริเวณพื้นที่ก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานกำหนดจนกว่าการดำเนินการแล้วเสร็จ หากไม่มีความจำเป็นขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรบริเวณดังกล่าว และขออภัยในความไม่สะดวก สอบถามเพิ่มเติมที่ กองควบคุมการก่อสร้าง สำนักการโยธา โทร. 0 2643 4620

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

สภากทม. พิจารณาเงินจ่ายขาด54 แนะผู้บริหารเช่าซื้อรถประหยัดเงินเน้นใช้งานระยะยาว

สภากทม. เข้มหน่วยงานใช้จ่ายงบประมาณต้องเป็นประโยชน์ เสนอกองโรงงานช่างกลเช่าซื้อรถแทนการเช่าในปัจจุบัน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมสร้างบ้านหนังสือในชุมชนให้ทั่วถึง ทั้งควรจัดสรรงบฯ ปรับปรุงศูนย์กีฬาฯ เขตทุ่งครุรองรับการให้บริการประชาชนในพื้นที่
(28 ม.ค. 54) ณ ห้องประชุม 4-6 สภากทม. : นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาจ่ายขาดเงินสะสมกรุงเทพมหานคร ประจำปีงบประมาณ 2554 ก่อนให้ความเห็นชอบ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ และคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมพิจารณาการจ่ายขาดเงินสะสมกรุงเทพมหานคร จำนวน 10,000 ล้านบาท ประจำปีงบประมาณ 2554 ก่อนให้ความเห็นชอบ โดยครั้งนี้มีสำนักการคลัง สำนักวัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา กทม. ร่วมชี้แจง

เสนอกองโรงงานช่างกลเช่าซื้อรถแทนการเช่าในปัจจุบัน พร้อมเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ที่ประชุมมีการพิจารณาและตั้งข้อสังเกตโครงการต่างฯ ของ สำนักการคลัง อาทิ โครงการเช่ารถของกองโรงงานช่างกล ควรพิจารณาเช่าซื้อแทนการเช่าในปัจจุบัน ทั้งพบว่ามีหลายหน่วยงานที่ใช้งานรถต่ำกว่าเกณฑ์ไม่ถึง 2,500 กม.ต่อเดือน ซึ่งไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไป ทั้งนี้ผู้บริหารควรพิจารณาเช่าซื้อรถเพราะจะเป็นประโยชน์ในการนำรถใช้งานในระยะยาว รวมทั้งหากวิ่งรถเกินระยะที่กำหนดก็ยังสามารถจำหน่ายเพื่อนำงบประมาณเข้ากรุงเทพมหานครได้อีกด้วย โดยการใช้งบประมาณควรคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดเป็นหลัก นอกจากนี้การซ่อมบำรุงรถยกยี่ห้อ Liebherr ขนาด 70 ตัน จำนวน 3 คัน ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่รับโอนมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยงบประมาณในการจ้างซ่อมเป็นเงินอุดหนุนรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่สามารถซ่อมแซมได้เนื่องจากรถยกถูกออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งมีความซับซ้อน อะไหล่ส่วนใหญ่ที่ชำรุดเสียหายไม่สามารถซ่อมแซมให้นำกลับมาใช้งานได้และไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด ทั้งนี้ผู้บริหารควรเร่งดำเนินการโดยจัดซื้อจากตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเร็ว รวมทั้งควรเร่งดำเนินการซ่อมบำรุงรถดูดเลนและรถเก็บมูลฝอยที่สำนักงานเขตได้ส่งเข้าซ่อมแซม ขณะนี้พบว่าระยะเวลาส่งซ่อมผ่านไป 3-4 เดือนยังไม่ได้รับการแจ้งหรือดำเนินการแต่อย่างใด อาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการในพื้นที่ ทั้งนี้ควรแจ้งหรือกำหนดระยะเวลาดำเนินการซ่อมบำรุงไปยังหน่วยงานที่ส่งซ่อมบำรุงให้ได้รับทราบเพื่อสามารถวางแผนในการให้บริการประชาชนได้ พร้อมกันนี้ผู้บริหารควรเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้นเพราะกองโรงงานช่างกล เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญและมีงานรับผิดชอบค่อนข้างมาก ควรคัดสรรบุคลากรที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อรองรับปริมาณงานที่มากขึ้นอีกด้วย

แนะสร้างบ้านหนังสือในชุมชนให้ทั่วถึง พร้อมปรับปรุงศูนย์กีฬาฯ เขตทุ่งครุรองรับการให้บริการประชาชน
สำหรับข้อสังเกตที่เกี่ยวข้องกับโครงการของสำนักวัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา อาทิ โครงการบ้านหนังสือ ผู้บริหารควรพิจารณางบประมาณเพื่อก่อสร้างบ้านหนังสือในชุมชนให้ทั่วถึงและทำการสำรวจความต้องการของชุมชนในพื้นที่เพื่อประกอบการพิจารณา รวมถึงพบว่าบ้านหนังสือบางแห่ง เจ้าหน้าที่ยังขาดคุณสมบัติบรรณารักษ์ที่ดี มีพฤติกรรมละเลยหน้าที่และไม่เอาใจใส่ในการให้บริการประชาชนหรือเด็กเยาวชนที่เข้าใช้บริการ ทั้งยังอนุญาตให้ประชาชนมาพักอาศัยและหลับนอนที่บ้านหนังสือ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การให้บริการและสูญเสียภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งนี้ผู้บริหารควรเอาใจใส่และติดตามและประเมินการทำงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งคัดเลือกบุคลากรที่มีใจรักในการให้บริการเพื่อช่วยให้เยาวชนและประชาชนที่เข้าใช้ ได้เป็นประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จนนำไปสู่นิสัยรักการอ่าน นอกจากนี้ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ มีพื้นที่ในความรับผิดชอบค่อนข้างมาก พบว่ายังประสบปัญหาขาดเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความชำนาญ ด้านไฟฟ้า ประปา และโสตทัศนูปกรณ์ ที่จะคอยปรับปรุงหรือซ่อมแซมภายในจึงเห็นควรเพิ่มบุคลากรที่สามารถรับผิดชอบงานโดยตรงเพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนในการทำงานขึ้น รวมทั้งการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียและเพิ่มพื้นที่ลานจอดรถเพื่อรองรับปริมาณผู้มาใช้บริการซึ่งมีจำนวนค่อนข้างมาก อีกทั้งบริเวณถนนประตูทางเข้าออกศูนย์กีฬาฯ ควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สะดวกมากขึ้นซึ่งจะต้องคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยในอนาคตด้วย

คณะกรรมการวิสามัญฯ สภากทม. พิจารณางบสะสมจ่ายขาดของสำนักการจราจรฯ

(28 ม.ค. 54) ที่ห้องประชุม 4-6 สภากรุงเทพมหานคร นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาญัตติความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานครจ่ายเงินสะสมกรุงเทพมหานครจำนวน 10,000,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน) เป็นประธานการประชุม ซึ่งวันนี้เป็นการพิจารณา สำนักการจราจรและขนส่ง และสำนักระบายน้ำ โดยมีคณะกรรมการวิสามัญฯ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายวินัย ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง พร้อมเจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

สำนักจราจรและขนส่ง เสนองบฯ 1,488 ล้านบาท
สำหรับงบประมาณรายจ่ายพิเศษจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของสำนักการจราจรและขนส่ง จำนวน 1,488 ล้านบาทแบ่งเป็นด้านการโยธาและระบบการจราจร แผนงานพัฒนาการใช้ที่ดินและระบบจราจร อาทิ โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร โครงการบริหารจัดการการให้บริการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) โครงการบริหารจัดการเดินรถระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตอนที่ 1 (ซอยสุขุมวิท 85 – ซอยสุขุมวิท 107) โครงการระบบรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา(Light Rail) สายบางนา – สามย่าน โครงการระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ระยะที่ 1 จากสยาม-สามย่าน และโครงการจัดหาพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด( CCTV) พร้อมเชื่อมโยงสัญญานภาพไปที่ 11 สำนักงานเขต
ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้สอบถามถึงความคืบหน้าของหลายโครงการ อาทิ โครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) เกี่ยวกับการบริหารจัดการการเดินรถในช่วงเวลาเร่งด่วน และจำนวนผู้อัตราผู้โดยสารที่ไม่คงที่ ซึ่งนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า ปัญหาการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนมีประชาชนร้องเรียนมาจำนวนมาก กทม. ได้ประชุมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ช่วยโบกรถเข้ามาในช่องรถ BRT ช่วงสถานี B10 และ B11 เพื่อลดผลกระทบการจราจรที่เคลื่อนตัวมาจากฝั่งธนบุรี มีการกำหนดจุดจอดรถ ไม่ให้มีการจอดแช่รับผู้โดยสาร ซึ่งผลการปฏิบัติงานสามารถช่วยคลี่คลายระบายรถยนต์ได้ 300–500 คัน สภาพจราจรมีความคล่องตัวขึ้น ซึ่งจะสามารถเปิดเต็มรูปแบบได้ในวันที่ 1 ก.พ. 54 นี้ โดยคาดว่าจะมีผู้โดยสารที่ใช้รถ BRT จำนวน 30,000 คน และจะเพิ่มเป็น 50,000 คน ในอนาคต

โครงการ Monorail มีความคืบหน้า
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้สอบถามความคืบหน้าของโครงการระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว(Monorail) ระยะที่ 1 จากสยาม-สามย่าน ซึ่งมีโครงการรื้อย้ายสาธารณูปโภค ก่อสร้างทางยกระดับและระบบราง ยาวประมาณ 1.5 กม. การก่อสร้างสถานี ทางเดินยกระดับ และอู่จอดรถพร้อมศูนย์ควบคุมและซ่อมบำรุง ซึ่งนายวินัย ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ชี้แจงว่า สำนักฯ ได้เจรจากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะใช้บล็อกที่ 21 เป็นอู่ซ่อมบำรุง และได้รับความเห็นชอบในหลักการแล้ว ส่วนโครงการฯ ที่บริเวณศาลาว่าการกทม.2 (ดินแดง) สำนักการจราจรและขนส่ง มีแผนที่จะเชื่อมต่อสถานี BTS อยู่แล้วโดยสถานีต้นทางจะอยู่ที่กทม.2 (ดินแดง) ผ่านถนนราชปารภ เข้าซอยรางน้ำ ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งจะทำให้ประชาชน ได้รับความสะดวก ในการใช้เส้นทางนี้ เพื่อติดต่อราชการภายในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง)

กทม. มั่นใจเนื้อสัตว์ปลอดภัย มั่นใจเขียงสะอาด

(28 ม.ค. 54) เวลา 10.00 น. นายแพทย์พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีเปิดและแถลงข่าว “โครงการประชาสัมพันธ์เนื้อสัตว์ปลอดภัย” โดยมี นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พร้อมด้วยนายปรีชา สมบูรณ์ประเสริฐ อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายแพทย์สุวัช เซียศิริวัฒนา รองอธิบดีกรมอนามัย ผู้แทนกรมควบคุมโรค สมาคมตลาดสดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการค้าตลาดยิ่งเจริญ ร่วมพิธี ณ ตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมปศุสัตว์ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และภาคเอกชน อาทิ สมาคมตลาดสดไทย ผู้ประกอบการโรงฆ่าสัตว์ และผู้จำหน่ายเนื้อสัตว์ จัด “โครงการประชาสัมพันธ์เนื้อสัตว์ปลอดภัย” ขึ้นพื่อให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหารในสินค้าปศุสัตว์ตลอดห่วงโซ่อาหาร ยกระดับคุณภาพการผลิตและการจำหน่ายเนื้อสัตว์ภายในประเทศให้ได้มาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์มีการปฏิบัติอย่างถูกสุขลักษณะ และสุขอนามัย นอกจากนี้กรมปศุสัตว์ ได้จัดทำโครงการพัฒนาสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์สะอาด(เขียงสะอาด) พร้อมสร้างตราสัญลักษณ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักและมั่นใจในตราสัญลักษณ์ “เขียงสะอาด” ทั้งนี้เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรง ได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ปลอดภัย และลดอัตราการเจ็บป่วยจากการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้คุณภาพและมาตรฐาน
รองปลัดฯ พีระพงษ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการเป็นจังหวัดแม่แบบของการประชาสัมพันธ์ โครงการดังกล่าว เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้บริโภคและเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ของผู้ประกอบการ ผู้บริหารตลาดสด รวมทั้งการศึกษาดูงาน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มีการรับรองสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์สะอาด (เขียงสะอาด) ถึงกว่า 300 แห่ง โดยคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านค้า และประชาชนทั่วประเทศ ได้ตระหนักถึงความสะอาด ปลอดภัย รู้จักเลือกเนื้อสัตว์โดยมีตราสัญลักษณ์ “เขียงสะอาด” ซึ่งแสดงถึงความสด สะอาด ปลอดภัย ที่ได้มาตรฐานจากกรมปศุสัตว์

ส่งเสริมเยาวชนทำความดีผ่านกิจกรรมลูกเสือไทย

ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด จากโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร กว่า 4,000 คน ร่วมกิจกรรมโครงการ 100 ล้านความดี 100 ปีลูกเสือไทย ทำความดีอย่างน้อยคนละ 100 ความดี ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปลุกจิตสำนึกคนไทยร่วมทำความดีต่อตนเอง และสังคม
(28 ม.ค. 54) นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมการทำความดี ตามโครงการ 100 ล้านความดี 100 ปีลูกเสือไทย เทิดไท้องค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 54 ณ โรงเรียนบ้านบางกะปิ โดยมีผู้บังคับบัญชาลูกเสือและยุวกาชาด ลูกเสือ เนตรนารี และสมาชิกยุวกาชาดจากโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านบางกะปิ โรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ โรงเรียนวัดบึงทองหลาง โรงเรียนวัดเทพลีลา โรงเรียนวัดศรีบุญเรือง โรงเรียนลำสาลี โรงเรียนไขศรีปราโมทย์อนุสรณ์ โรงเรียนสุเหร่าคลองจั่น โรงเรียนคลองกะจะ โรงเรียนสุเหร่าหัวหมากน้อย และโรงเรียนสุเหร่าวังใหญ่ รวม 4,000 คน ร่วมกิจกรรม ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนทำความดีต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคมผ่านกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการที่ทำความดีเบื้องต้นครบ 3 ความดีตามเกณฑ์ที่กำหนดถือเป็นผู้มีสิทธิได้รับ “เข็มกลัด 100 ล้านความดี 100 ปีลูกเสือไทย” และสามารถรับ “สมุดความดี” เพื่อบันทึกการทำความดีตามโครงการ 100 ล้านความดีฯ อย่างน้อยคนละ 100 ความดี โดยมีผู้ลงนามรับรองการทำความดีจะได้รับการเชิดชูเกียรติด้วยการประดับ “เข็มลูกเสือทำความดี”
สำหรับกิจกรรมส่งเสริมความดีตามโครงการ 100 ล้านความดี 100 ปีลูกเสือไทย หัวข้อ “100 ล้านความดี ทำดีเพื่อในหลวง” ประกอบด้วย นิทรรศการการทำความดีในรูปแบบต่างๆ การค้นหาความดีผ่านต้นไม้ความดี ตอบคำถาม ละครใบ้เรื่อง “ความดี” Talk Show พูดคุยกับเยาวชนหรือผู้มีชื่อเสียงและเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม กิจกรรมเข้าฐานความรู้ทำความดี อาทิ ภูเขาจำลอง ไฟฟ้าสถิตย์ วงล้อหรรษา เปเปอร์มาเช่ จิกซอว์สัมพันธ์ การแสดงมายากล Milk Magic และการแสดงบนเวทีมากมาย โดยครั้งต่อไปกำหนดจัดที่โรงเรียนประชานิเวศน์ เขตจตุจักร โรงเรียนสามเสนนอก เขตดินแดง และโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน ตามลำดับ

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

กทม. ร่วมรณรงค์ทำความสะอาดเยาวราชต้อนรับเทศกาลตรุษจีน

(28 ม.ค.54) ณ บริเวณวงเวียนเฉลิมพระเกียรติ เขตสัมพันธวงศ์ : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน “สะอาดเร็ว สะอาดนาน ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ และบริษัท ธนัทกร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำภายใต้แบรนด์เพนกวิน เพื่อทำความสะอาดโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิและถนนเยาวราช พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมกันทำความสะอาดสถานที่สาธารณะและบ้านเรือนโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลตรุษจีนปี 2554 และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน อีกทั้งยังเป็นการเตรียมสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงด้วย ในโอกาสนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้รับมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำฯ จำนวน 100 ลังหรือ 1,200 ขวด เพื่อนำไปใช้ทำความสะอาดตลอดทั้งปีด้วย

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

โรงเรียนในกรุงเทพฯ 65 แห่ง ผ่านการประเมินโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ

กทม. เดินหน้าส่งเสริมสุขภาพเด็กและเยาวชนต่อเนื่อง ชวนโรงเรียนในพื้นที่ร่วมโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ สร้างเด็กสุขภาพดีทั้งกายและใจ มีจิตสำนึกรักสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ เหมาะสมตามวัย
(21 ม.ค. 53) ณ ห้องสุโขทัย ชั้น 7 อาคาร เจเจ มอลล์ เขตจตุจักร : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานมอบเกียรติบัตรรับรองมาตรฐานโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพแก่โรงเรียนที่ผ่านการประเมินรับรองเป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับทอง จำนวน 65 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 59 โรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 2 โรงเรียน และสังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 4 โรงเรียน
กรุงเทพมหานครได้รับความร่วมมือจากสำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร และสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ดำเนินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ เห็นความสำคัญของการสร้างเสริม สนับสนุน และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีจิตสำนึกรักสุขภาพ รณรงค์การมีส่วนร่วมสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งกายและใจ มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัยและเกณฑ์ที่กำหนด
ทั้งนี้ โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2546–2553 มีโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับการประเมินรับรองเป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ รวม 313 โรงเรียน แบ่งเป็น โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 267 โรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐาน 21 โรงเรียน และสังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 25 โรงเรียน
รองผู้ว่าฯ มาลินี กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพเป็นการปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพ และเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างสุขภาพเด็กและเยาวชน โดยมีโรงเรียนเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นศูนย์กลาง ของการพัฒนาสุขภาพอนามัย ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ซึ่งดำเนินงานอย่างเป็นกระบวนการ ขั้นตอนตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดขึ้น สอดคล้องกับการดำเนินนโยบายของกรุงเทพมหานครในการส่งเสริมสุขภาพเด็ก และเยาวชนให้สมบูรณ์ แข็งแรง

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

กทม. จับมือ สนง.ทรัพย์สินฯ ร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ

กทม. ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สานเจตนารมณ์สนับสนุนและส่งเสริมงานด้านการพัฒนาตามนโยบายของทั้งสองหน่วยงาน พร้อมเร่งดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ
(21 ม.ค.54) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งสองหน่วยงานมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการสนับสนุนและส่งเสริมงานด้านการพัฒนาตามนโยบายและมีภารกิจในด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกัน เช่น การดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการศึกษา ศูนย์การเรียนรู้ ดนตรี ศิลปวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว ด้านความปลอดภัย ด้านการจราจร ด้านสุขภาพและสาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อมและกายภาพ เพื่อบูรณาการการทำงานด้านการพัฒนาประชาชน ชุมชน และสังคมโดยรวมให้มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีเจตจำนงร่วมกันที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน มีการพัฒนาด้านกายภาพ ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทุกเพศทุกวัยให้เข้าถึงการบริการของรัฐอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง มีความสมดุลในการพัฒนาทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัย การประกอบอาชีพ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม การส่งเสริมสุขภาพการรักษาพยาบาล การท่องเที่ยว การกีฬา การจราจร และการรักษาความปลอดภัย รวมถึงให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และความภาคภูมิใจในความเป็นไทย โดยน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นหลักและแนวทางในการดำเนินชีวิต ตลอดจนสนับสนุนให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาด้านต่างๆ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร
นายจิรายุ กล่าวว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และกรุงเทพมหานครได้ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพมหานครอย่างเป็นรูปธรรม โดยปรากฏผลงานที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ การเปิดสวนนาคราภิรมย์ บริเวณท่าเตียน เพื่อเป็นปอดแห่งใหม่ให้คนกรุงเทพมหานคร เปิดโครงการบ้านมั่นคงให้ประชาชนได้มีบ้านอยู่อาศัย การให้บริการศูนย์การเรียนรู้ที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ซอยพระนาง การบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชนัดดา วัดไตรมิตร ตลอดจนการจัดกิจกรรมฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมชุมชนป้อมปราบ-นางเลิ้ง และพระนคร
นอกจากนี้กรุงเทพมหานคร และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ยังมีความร่วมมือที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ ได้แก่ การก่อสร้างบ้านหนังสือ 8 แห่ง ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง การสนับสนุนพื้นที่บริเวณแสมดำจำนวน 70 ไร่ เพื่อก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนกีฬาและโรงเรียนดนตรีของกรุงเทพมหานครมีสถานที่เรียนที่ได้มาตรฐาน สนับสนุนที่ดินบริเวณซอยรามคำแหง 39 จำนวน 5 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตวังทองหลาง และสนับสนุนพื้นที่ซอยเอกชัย 101 จำนวน 100 ไร่ เพื่อสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติบางบอน และยังมีความร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะดำเนินการร่วมกัน เช่น การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงบริการและสวัสดิการของรัฐ การฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมในชุมชนและย่านเก่าแก่บนพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีกหลายแห่ง

กทม. พร้อมปรับปรุงศาลพระวิษณุและบริเวณโดยรอบ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้การต้อนรับ ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานมูลนิธิพระวิษณุ นายมหาบีร์ โกเดอร์ ประธานสมาคมฮินดูสมาช นายบัณฑิต วิทยา ประธานพิธีพราหมณ์แห่งประเทศไทย คณะจากสมาคมชาวฮินดู และผู้แทนชุมชน ที่นับถือสักการะพระวิษณุ พร้อมรับมอบของที่ระลึกเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ และร่วมหารือถึงแนวทางการปรับปรุงบริเวณศาลพระวิษณุ และบริเวณใกล้เคียง ข้างวัดสุทัศนเทพวราราม
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมแผนที่จะทำการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมโดยรอบศาลพระวิษณุ และบริเวณใกล้เคียง ข้างวัดสุทัศน์ฯ โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากคณะจากสมาคมชาวฮินดู และผู้แทนชุมชนที่นับถือสักการะพระวิษณุ โดยจะปรับปรุงเกาะกลางถนน และทัศนียภาพโดยรอบให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งสำนักผังเมืองจะได้ดูแลเรื่องการออกแบบ สำหรับโครงการจัดสร้างซุ้มท่องเที่ยวของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ซึ่งอาจบดบังทัศนียภาพบริเวณศาล กรุงเทพมหานครจะได้มีการพิจารณาหาสถานที่ตั้งใหม่ ในบริเวณใกล้เคียงที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ตามที่คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า เสนอให้กรุงเทพมหานครย้ายศาลพระวิษณุนั้น กรุงเทพมหานครไม่สามารถทำได้ เนื่องจากศาลพระวิษณุเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวฮินดูให้การเคารพบูชามาเป็นระยะเวลานาน แต่จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อร่วมในการปรับปรุงและดูแลให้มีความเป็นระเบียบร้อย และสวยงาม คู่กับวัดสุทัศน์ฯ และโบสถ์พราหมณ์ต่อไป

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ปิดสะพานข้ามคลองกะจะ ซ.รามคำแหง 24 แยก 24 ถึง 29 มี.ค. 54

นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. แจ้งว่า เนื่องจากเสาตอม่อของสะพานข้ามคลองกะจะ บริเวณ ซ.รามคำแหง 24 แยก 24 เกิดการชำรุดเสียหายไม่สามารถซ่อมแซมได้ ต้องทำการรื้อถอนแล้วสร้างใหม่ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกรวดเร็วของประชาชนในการสัญจรไปมา สำนักการโยธา มีความจำเป็นต้องปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวชั่วคราวตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 29 มี.ค. 54 ระยะเวลารวมประมาณ 70 วัน

สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยใช้เส้นทางจาก ถ.รามคำแหง ไปยัง ถ.พระราม 9 สามารถใช้เส้นทางเลี่ยงผ่านทาง ซ.รามคำแหง 24 แยก 20 ซึ่งมีระยะทางเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือเข้า ซ.รามคำแหง 24 แยก 28 ระยะทางเพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 กิโลเมตร เพื่อเข้าสู่ ถ.พระราม 9 ได้ตามปกติ

ทั้งนี้ หากการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา สำนักการโยธาจะเร่งเปิดเส้นทางให้ใช้ตามปกติ และแจ้งให้ทราบต่อไป

สั่งการทุกระดับเร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

ผู้ว่าฯกทม.ห่วงการแพร่ระบาดยาเสพติดในกรุงเทพฯ กำชับผู้บริหารทุกระดับลงพื้นที่แก้ปัญหายาเสพติดโดยด่วน พร้อมสร้างความเข้มแข็งชุมชน โรงเรียน เตรียมพร้อมสถานที่บำบัดรักษา และกำชับผู้อำนวยการเขตตรวจเยี่ยมชุมชนและสำรวจพื้นที่เสี่ยงเพื่อวางแผนแก้ปัญหา
(20 ม.ค. 54) ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบนโยบาย การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แก่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนัก และสำนักงานเขต ในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร โดยกำชับให้ผู้บริหารทุกระดับเร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยด่วน พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและครอบครัว ลดพื้นที่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติด และเพิ่มพื้นที่การทำกิจกรรมให้กับเด็กและเยาวชน ตลอดจนดำเนินการเฝ้าระวังในโรงเรียน ไม่ให้นักเรียนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยผู้บริหารโรงเรียนต้องมีทัศนคติที่ดีในการช่วยเหลือนักเรียนที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดเพื่อรองรับปฏิบัติการกวาดล้างของกองบัญชาการตำรวจนครบาล
พร้อมกันนี้ ผู้ว่าฯกทม. มอบหมายให้ผู้อำนวยการเขต ในฐานะเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดเขต (ศตส.เขต) เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ อีกทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด โดยในช่วงปฏิบัติการเร่งรัด 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.54) ให้ผู้อำนวยการเขตออกตรวจเยี่ยมชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดและตรวจพื้นที่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด รวมทั้งวางแผนงานตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

สั่งการทุกระดับเร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

ผู้ว่าฯกทม.ห่วงการแพร่ระบาดยาเสพติดในกรุงเทพฯ กำชับผู้บริหารทุกระดับลงพื้นที่แก้ปัญหายาเสพติดโดยด่วน พร้อมสร้างความเข้มแข็งชุมชน โรงเรียน เตรียมพร้อมสถานที่บำบัดรักษา และกำชับผู้อำนวยการเขตตรวจเยี่ยมชุมชนและสำรวจพื้นที่เสี่ยงเพื่อวางแผนแก้ปัญหา
(20 ม.ค. 54) ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบนโยบาย การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แก่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนัก และสำนักงานเขต ในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร โดยกำชับให้ผู้บริหารทุกระดับเร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยด่วน พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและครอบครัว ลดพื้นที่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติด และเพิ่มพื้นที่การทำกิจกรรมให้กับเด็กและเยาวชน ตลอดจนดำเนินการเฝ้าระวังในโรงเรียน ไม่ให้นักเรียนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยผู้บริหารโรงเรียนต้องมีทัศนคติที่ดีในการช่วยเหลือนักเรียนที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดเพื่อรองรับปฏิบัติการกวาดล้างของกองบัญชาการตำรวจนครบาล
พร้อมกันนี้ ผู้ว่าฯกทม. มอบหมายให้ผู้อำนวยการเขต ในฐานะเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดเขต (ศตส.เขต) เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ อีกทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด โดยในช่วงปฏิบัติการเร่งรัด 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.54) ให้ผู้อำนวยการเขตออกตรวจเยี่ยมชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดและตรวจพื้นที่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด รวมทั้งวางแผนงานตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

ผู้ว่าฯกทม. กำชับหน่วยงานในสังกัดแก้ไขปัญหาประชาชน

ผู้ว่าฯกทม. มอบหน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการ 3 เรื่องหลักตามแผนประชาวิวัฒน์ ทั้งช่วยเหลือที่ทำกินและแหล่งเงินทุนให้หาบเร่แผงลอย ขึ้นทะเบียนและพัฒนาสวัสดิการวินมอเตอร์ไซค์ ลดปัญหาอาชญากรรม 20% ใน 6 เดือน พร้อมรุกแผนแก้ปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
(20 ม.ค. 54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนัก และสำนักงานเขต ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. ซึ่งในที่ประชุม ผู้ว่าฯกทม. ได้มอบนโยบายการดำเนินงานตามมาตรการร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยในกระบวนการประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกทม. และต้องเร่งดำเนินการ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การช่วยผู้ค้าหาบเร่แผงลอยจุดผ่อนผันในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราที่เป็นธรรม โอนหนี้นอกระบบเข้าสู่ในระบบ อีกทั้งเพิ่มจุดผ่อนผันและพัฒนาจุดท่องเที่ยวหรือย่านการค้าขายที่มีชื่อเสียงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงให้จัดระบบการขึ้นทะเบียนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างให้ถูกต้องตามกฎหมายครบถ้วน 100 เปอร์เซ็นต์ และพัฒนาระบบสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ขับขี่ พร้อมทั้งเชิญชวนให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครพิทักษ์ดูแลชุมชน และการลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้อย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 6 เดือน โดยมอบหมายให้สำนักที่เกี่ยวข้องและสำนักงานเขตเร่งดำเนินงานตามแผน ตลอดจนติดตามผลให้เกิดเป็นรูปธรรมชัดเจนต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯกทม. มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบและสำนักงานเขตเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนให้เสร็จสิ้น เนื่องจากพบว่า ในปี 2553 มีเรื่องร้องทุกข์ จำนวน 39,686 เรื่อง โดยเป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ เช่น สุนัขจรจัด ยุงลาย สถานประกอบการเสียงดัง การกระทำผิดในที่สาธารณะ ท่อระบายน้ำอุดตัน ถนนชำรุด วัสดุตกหล่นบนผิวจราจร เครื่องหมายจราจรชำรุด ขยะมูลฝอยตกค้าง ไฟฟ้าแสงสว่าง น้ำท่วมขัง และต้นไม้ระสายไฟหรือหักโคน ทั้งนี้ ให้เขตฯ เร่งจัดทำแผนปฏิบัติงานในเชิงรุก เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทันท่วงที

ชวนคนกทม. ร่วมแข่งขันเต้นแอโรบิก

นายยิ่งศักดิ์ เผ่าอินจันทร์ ผู้อำนวยการกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. แจ้งว่า กรุงเทพมหานครร่วมกับบริษัทบุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด จัดการแข่งขัน “น้ำดื่มสิงห์ แอโรบิก ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนและประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยที่ดี ลดปัญหาของสังคม ตลอดจนช่วยปลูกจิตสำนึกให้มีความรักความสามัคคีในหมู่คณะ โดยเปิดรับสมัครเยาวชนและประชาชน จากลานกีฬา ชุมชน โรงเรียน และสถานศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานครเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกนักกีฬา เพื่อหาทีมชนะเลิศอันดับ 1–3 เป็นตัวแทนกรุงเทพมหานครเข้าร่วมการแข่งขัน “น้ำดื่มสิงห์ แอโรบิก ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1” โดยคุณสมบัติผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน มีอายุ 13 ปีขึ้นไป สมัครได้ทีมละ 15 คน (นักกีฬา 12 คน และสำรอง 3 คน) มีผู้ควบคุมทีม 3 คน
ผู้สนใจจะสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ให้ยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานประกอบการสมัคร ได้แก่ แผงติดรูปผู้สมัครเข้าแข่งขัน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาสูติบัตรหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ได้ที่สมาคมกีฬากรุงเทพมหานคร อาคารกีฬาเวสน์ 3 ถ.มิตรไมตรี กทม. ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 ม.ค.54 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2248 3584

คกก.การศึกษาและวัฒนธรรม สภากทม. เตรียมเสนอรายงานแก้ไขกฎหมายครูกทม. บางมาตรา

(18 ม.ค. 54) เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุม 1 สภากรุงเทพมหานคร : นายวิชัย หุตังคบดี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตธนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการศึกษาและวัฒนธรรม สภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมพิจารณาการปรับปรุงโครงสร้างโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ของคณะอนุกรรมการการศึกษาและวัฒนธรรม ชุดที่ 7 ซึ่งมีนายไสว โชติกะสุภา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตราษฎร์บูรณะ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ รายงานผลการพิจารณาต่อที่ประชุม
นายไสว โชติกะสุภา เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 7 ได้ศึกษาอุปสรรคในการดำเนินงานด้านการศึกษาและวัฒนธรรม รวมทั้งศึกษากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้านการบริหารงานของสำนักการศึกษา พร้อมทั้งลงพื้นที่ รับทราบข้อมูลและปัญหาอุปสรรคเพื่อประกอบการพิจารณา เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมส่วนราชการที่ปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการจัดการศึกษา โดยได้เชิญหน่วยงานผู้เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการศึกษา ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายการศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร หารือเรื่องในร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่...) พ.ศ.... ทำให้ทราบว่าประเด็นสำคัญที่มีความจำเป็น ต้องปรับปรุงแก้ไข คือ มาตรา 60 และ มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ซึ่งระบุให้สิทธิเฉพาะข้าราชการสามัญสามารถขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการศึกษา โดยไม่เปิดโอกาสให้ข้าราชการครูไปดำรงตำแหน่งได้ ทั้งๆ ที่การปฏิบัติงานในหน้าที่ด้านการศึกษาโดยตรง คือ ข้าราชการครู ย่อมต้องมีความรู้ ความชำนาญ โดยเฉพาะด้านมากกว่าบุคลากรสายวิชาชีพอื่นๆ จึงเป็นการบัญญัติที่ไม่สอดคล้องด้วยกฏหมายแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 สมควรปรับปรุง แก้ไข ให้ข้าราชการครู สามารถได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการศึกษาได้ และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 อีกทั้งกรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่...) พ.ศ.... ซึ่งควรนำผลการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานด้านการศึกษา ประกอบการแก้ไขเพิ่มเติม ในร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการครูในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่จะเจริญเติบโตในหน้าที่ต่อไป
สำหรับผลการรายงานการแก้ไขเพิ่มเติมส่วนราชการที่ปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของคณะกรรมการการศึกษาและวัฒนธรรม สภากทม.จะสรุปรายละเอียดนำเสนอต่อประธานสภากรุงเทพมหานคร เพื่อทราบและเสนอต่อคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่...) พ.ศ.... ที่มีนายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตลาดกระบัง เป็นประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่...) พ.ศ.... พร้อมทั้งเสนอต่อสถาบันพระปกเกล้า ในการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่...) พ.ศ.... ในส่วนของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร วันที่ 24 ม.ค. 54 เวลา 13.00-15.00 น. ณ สภากรุงเทพมหานคร

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

สภากทม. ส่งตัวแทน 3 รายเป็นคณะติดตามการปรับขึ้นเงินค่าตอบแทน ส.ก.-ส.ข.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย

(19 ม.ค. 54) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม 3 กระทรวงมหาดไทย : นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร นางนฤมล รัตนาภิบาล รองประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภาเขต เข้าพบนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่อง การปรับขึ้นเงินเดือนของ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และ สมาชิกสภาเขต (ส.ข.)
ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การเข้าพบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในครั้งนี้ เพื่อติดตามทวงถาม การขอขึ้นเงินเดือนของ ส.ก.และส.ข. ซึ่งไม่ได้ปรับขึ้นมาเป็นระยะเวลา 11 ปี แล้ว ในขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้มีการพิจารณาการขึ้นเงินเดือนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ อบต. อบจ.ไปแล้ว 2-3 ครั้ง แต่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ในระดับมหานครซึ่งมีงบประมาณเป็นของตัวเอง และมีจำนวนประชาชนมากกว่าท้องถิ่นอื่นหลายเท่า กลับไม่ได้รับการพิจารณา
ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข้อร้องเรียนของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกันสภากรุงเทพมหานครต้องเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีด้วยว่าต้องอยู่ภายใต้กรอบหน้าที่ซึ่งไม่สามารถสั่งการ หรือไปกำหนดการทำงานใดๆของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยได้ ต้องปล่อยให้การทำงานเป็นอิสระ อย่างไรก็ตามตนเองได้ตั้งคณะทำงานติดตามการปรับขึ้นเงินค่าตอบแทนของ ส.ก. ส.ข. แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทย ได้นำเรื่อง เงินค่าตอบแทน ส.ก. และ ส.ข. เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 53 ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นจึงขอให้สภากรุงเทพมหานคร ส่งรายชื่อตัวแทนเข้าเป็นคณะติดตามการปรับขึ้นเงินค่าตอบแทนของ ส.ก. และ ส.ข. ซึ่งจะทำให้รับทราบความเคลื่อนไหวของการทำงานรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ประธานสภากรุงเทพมหานคร ได้ส่งรายชื่อสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภาเขต จำนวน 3 คน เพื่อติดตามความคืบหน้าของการปรับขึ้นเงินค่าตอบแทนฯ ประกอบด้วย นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตลาดกระบัง นายวันชัย เปี่ยมสวัสดิ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตทุ่งครุ และนายจีระเสกข์ รัตนมงคล สมาชิกสภาเขตจอมทอง

กระตุ้นสำนักอนามัยเร่งจัดซื้อแว่นตาให้ทันต่อความต้องการ พร้อมติงสำนักการระบายน้ำทำงานล่าช้าไม่ต่อเนื่อง

ด้าน นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวาง กล่าวว่า การใช้จ่ายงบประมาณในสภาวะปัจจุบันควรมีความรอบคอบและคำนึงถึงสภาพการเงิน ที่กรุงเทพมหานครยังต้องแบกภาระใช้จ่ายในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่ยังรอดำเนินการ เช่น การจัดซื้อแว่นสายตาสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งให้ผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการอนุมัติจัดซื้อ เพื่อผู้สูงอายุกว่า 90,000 คน
นายพิรกร วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจองทอง กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการต่างๆ ของกรุงเทพมหานครยังไม่มีประสิทธิภาพและยังขาดความต่อเนื่องในการติดตามผล โดยเฉพาะการทำงานของสำนักการระบายน้ำบางโครงการเกิดความล่าช้า จึงควรเร่งในการดำเนินงานให้มีความต่อเนื่อง เกิดประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

สภากทม. ตั้ง คกก.วิสามัญพิจารณาการจ่ายขาดเงินสะสม 10,000 ล้านบาท ติงผู้บริหารใช้จ่ายเงินต้องรอบคอบ

สภากทม. แต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ 29 คน พิจารณาจ่ายขาดเงินสะสม 10,000 ล้านบาท ก่อนได้รับความเห็นชอบ ด้านสมาชิกสภาฯ ร่วมอภิปรายกว้างขวางกระตุ้นผู้บริหารสานต่อโครงการเดิมให้แล้วเสร็จเพื่อประโยชน์กับประชาชน พร้อมติงหน่วยงานทำงานล่าช้าไม่มีประสิทธิภาพและยังขาดความต่อเนื่องในการดำเนินการ
(19 ม.ค. 54) นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 3 ประจำปีพุทธศักราช 2554 โดยมีคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการกทม.

ผู้ว่าฯกทม. เสนอสภาเห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสม 10,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนากทม.
ในที่ประชุม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอญัตติขอความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานครจ่ายขาดเงินสะสมกรุงเทพมหานคร 10,000 ล้านบาท เนื่องด้วยกรุงเทพมหานคร มีความจำเป็นต้องจ่ายรายจ่ายพิเศษจากเงินสะสมจ่ายขาดเป็นการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ด้านโยธา ด้านระบายน้ำ ด้านการคลัง ด้านการจราจร ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการป้องกันสาธารณภัย ด้านวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวและตามที่มีภาระผูกพันที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย รวมทั้งรายจ่ายประจำที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อการบริหารจัดการตามภารกิจ โดยมิได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 หรือได้รับจัดสรรแต่ไม่เพียงพอ เช่น เงินช่วยเหลือข้าราชการและลูกจ้าง เงินสำรองสำหรับค่าสาธารณูปโภคและค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ เงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากร ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภารกิจและหรือนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล เงินสำรองสำหรับค่าวัสดุและค่าซ่อมแซมยานพาหนะ และเงินสำรองสำหรับภาระผูกพันที่ค้างจ่ายตามกฎหมาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ตามนัยข้อ 10 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม พ.ศ. 2553 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2538 กำหนดไว้ “การจ่ายขาดเงินสะสมเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร และให้กระทำได้ในกรณีที่เป็นกิจการที่มีความจำเป็นต้องจัดทำโดยรีบด่วน หรือเป็นกิจการซึ่งบำบัดความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง” และวรรคสอง “เมื่อได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร ตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้นำไปตราเป็นข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย โดยในการพิจารณาให้ยึดถือปฏิบัติเช่นเดียวกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทั้งนี้การแปรญัตติจะต้องเป็นกิจกรรมตามวรรคหนึ่ง”

เทศกาลตรุษจีนจัดใหญ่ 3–4 ก.พ. นี้ ที่เยาวราช

กทม. จับมือ ประชาคมย่านเยาวราช และภาคเอกชน จัดเทศกาลตรุษจีนยิ่งใหญ่ ชวนชาวไทยและต่างชาติร่วมเฉลิมฉลอง และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจย่านเยาวราช
(20 ม.ค. 54) เวลา 13.00 น. : ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2554 โดยมี นายประสิทธิ์ องค์วัฒนา ประธานสภาวัฒนธรรมเขตสัมพันธวงศ์ ในฐานะประธานจัดงานตรุษจีนเยาวราช นายวิศิษฏ์ ลิ้มประนะ ประธานประชาคมย่านเยาวราช นายชัชกูล รัตนวิบูลย์ ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ และพลตำรวจตรีอนันต์ ศรีหิรัญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องบอลรูม ชั้น 10 โรงแรมแกรนด์ไชน่าปริ้นเซส เขตสัมพันธ์วงศ์

ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ชาวไทยเชื้อสายจีนตลอดเส้นทาง ถ.เยาวราช
กรุงเทพมหานครโดยสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ร่วมกับ กลุ่มประชาคมเขตสัมพันธวงศ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประชาคมชาวเยาวราช และภาคเอกชน กำหนดจัดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ระหว่างวันที่ 3 – 4 ก.พ. 54 บริเวณ ถ.เยาวราช เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นให้ธำรงอยู่สืบทอดสู่อนุชนรุ่นหลังและเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ (ตรุษจีน) ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีอย่างยาวนาน โดยกิจกรรมประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เขียนคำถวายพระพรในใบโพธิ์ทอง การแสดงน้ำพุเต้นระบำประกอบแสง สี เสียงในเพลงพระราชนิพนธ์ ความบันเทิงบนเวทีจากศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดงมากมาย อาทิ ริท เดอะสตาร์ พั้นซ์ ชิน น้ำชา The bottom Blues พาราดอกซ์ Potato ดา เอ็นโดฟิน การแสดงของ 10 มณฑล 56 ชนเผ่าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน การออกบูธจำหน่ายสินค้าและอาหารที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยและดีที่สุดจากย่านเยาวราช
รองผู้ว่าฯ ธีระชน กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีน ถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวจีนทั่วโลก รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีนที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะในย่านเยาวราชถือเป็นศูนย์กลางที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และมีการจัดงานเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตลอดมา ประกอบกับปีนี้ตรงกับปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 7 รอบ 84 พรรษา ซึ่งนอกจากเป็นการเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านแล้วยังเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในย่านเยาวราชด้วย


สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ เปิดงานตรุษจีนเยาวราช 3 ก.พ. นี้
สำหรับการจัดงานเทศกาลตรุษจีนปีนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานวันที่ 3 ก.พ. 54 โดยเสด็จฯ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ขงจื้อ นมัสการพระสุวรรณมหาปฏิมากรซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม จากนั้น เวลา 17.00 น. เสด็จฯ เปิดงานบริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนยาวราช เสร็จแล้วเสด็จฯ ไปยังวัดอุภัยราชบำรุง ศาลเจ้าเซียงกง เทียนฟ้ามูลนิธิ หอศิลป์กรุงไทย และวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) ทั้งนี้ในวันที่ 4 ก.พ. 54 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเป็นประธานกล่าวอวยพรเนื่องในวันตรุษจีน เวลา 19.00 น. ณ บริเวณเวทีใหญ่ ถ.เยาวราช

ปิดถนน 1-5 ก.พ. 54
การจัดงานตรุษจีนบนถนนเยาวราช ได้มีการปิดการจราจรชั่วคราว ตั้งแต่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (วงเวียนเฉลิมพระเกียรติฯ) ถึงแยกเฉลิมบุรี โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 1 ก.พ. – เวลา 08.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ. 54 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ประชาสัมพันธ์ และจัดเส้นทางเลี่ยงให้แก่ประชาชนที่มีความจำเป็นจะต้องผ่านบริเวณดังกล่าวตลอดการจัดงาน พร้อมทั้งมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ สถานีตำรวจนครบาลใกล้เคียง และเจ้าหน้าที่เทศกิจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประจำจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ตลอดการจัดงาน เตรียมพร้อมดูแลประชาชนในด้านความปลอดภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง และหน่วยแพทย์พยาบาลต่างๆ เพื่อให้การสนับสนุนหากเกิดกรณีฉุกเฉิน
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่จะเที่ยวชมงานและร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนปีนี้ที่เยาวราช ในวันที่ 3 – 4 ก.พ. ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ หรือขนส่งมวลชนต่างๆ หรือจอดรถในบริเวณเขตใกล้เคียงเพื่อความสะดวกในการเดินทาง

คณะยุวทูตยาชิโยเดินทางเยือนกรุงเทพฯ กระชับความสัมพันธ์สองแผ่นดิน

(20 ม.ค. 54) ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ให้การต้อนรับนายเอโซะ อินางิ รองผู้อำนวยการการศึกษาเมืองยาชิโย หัวหน้าคณะยุวทูตเมืองยาชิโย ประเทศญี่ปุ่น พร้อมคณะยุวทูตเมืองยาชิโย ประเทศญี่ปุ่น รุ่นที่ 22 จำนวน 15 คน ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ ตามโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกรุงเทพมหานคร และเมืองยาชิโย ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 โดยคณะยุวทูตจากเมืองยาชิโยจะเดินทางไปแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม ณ โรงเรียนวัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี และพักค้างกับครอบครัวอุปถัมภ์ เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของครอบครัวไทยเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน พร้อมทั้งทัศนศึกษาสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า โครงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและวัฒนธรรมระหว่างกรุงเทพมหานครกับเมืองยาชิโย ถือเป็นโครงการที่สำคัญยิ่งที่ช่วยสนับสนุนส่งเสริมนโยบายด้านการจัดการศึกษาของกรุงเทพมหานครในการสร้างเครือข่ายการพัฒนาการศึกษาระหว่างประเทศ สร้างโอกาสให้นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้มีประสบการณ์ตรงในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านศิลปะ และวัฒนธรรมประเพณี ก่อให้เกิดความรัก ความผูกพัน ความเข้าใจและมิตรภาพอันดีในการอยู่ร่วมกัน สร้างความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศของตนเองได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างเด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นคนดี มีความรู้ คู่คุณธรรม รู้จักรักษาและอนุรักษ์ พร้อมทั้งส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีในประเทศของตนให้คงอยู่ตลอดไปจนถึงชนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของการจัดการศึกษาในทุกประเทศทั่วโลก
จากนั้นคณะยุวทูตจากเมืองยาชิโย ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบเพื่อคารวะ นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร นางนฤมล รัตนาภิบาล รองประธานสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครกับเมืองยาชิโย มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมายาวนานถึง 21 ปี และได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับด้านการศึกษาและวัฒนธรรม โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองเมืองให้แน่นเฟ้นยิ่งขึ้น สำหรับปีนี้คณะยุวทูตจากกรุงเทพมหานคร รุ่นที่ 20 จะเดินทางไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ณ เมืองยาชิโย ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 18–25 พ.ค. 54 โดยคณะทูตจากกรุงเทพมหานครจะมีจำนวนรุ่นน้อยกว่าคณะทูตจากเมืองยาชิโย เนื่องจากกรุงเทพมหานครส่งยุวทูตร่วมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมช้ากว่าเป็นเวลา 2 ปี

ส่ง “วิศวกรน้อย” ดูงานด้านวิศวกรรมที่เยอรมนี

(20 ม.ค. 54) เวลา 10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีให้โอวาทแก่คณะครูและนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่ชนะการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรม โครงงาน “วิศวกรน้อย” ครั้งที่ 2 ซึ่งจะเดินทางไปทัศนศึกษาและดูงาน ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยมีนายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ครูที่ปรึกษา และผู้บริหารบริษัท เอส บี ซี อินทีเกรชั่น จำกัด ร่วมพิธี ณ ห้องเจ้าพระยา กทม.
นายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. กล่าวว่า สำนักการศึกษาจัดการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรม หรือโครงงานวิศวกรน้อย สำหรับนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ในหัวข้อ “สิ่งประดิษฐ์รักษ์โลก” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกทักษะ การเรียนการสอนในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความรู้เกี่ยวกับพื้นฐานการออกแบบสร้างชิ้นงาน ตลอดจนเกิดการตั้งสมมุติฐานทางความคิด การทดลองปฏิบัติ การสรุปผล และนำเสนอผลงาน โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท เอส บี ซี อินทีเกรชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการตัดสิน และนำทีมนักเรียน พร้อมครูที่ปรึกษา ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ อันดับ 1 และอันดับ 2 ทีมละ 4 คน รวม 12 คน ไปทัศนศึกษาและดูงานด้านวิศวกรรม ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 21-26 ม.ค. 54
สำหรับโครงงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โครงงานมือกลช่วยคนพิการ ของโรงเรียนนาหลวง เขตทุ่งครุ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ โครงงานเครื่องดักจับแมลงร้าย ของโรงเรียนบำรุงรวิวรรณ เขตดอนเมือง แบะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โครงงานเครื่องพิทักษ์น้ำ พลังงานธรรมชาติ ของโรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวแสดงความยินดีและให้กำลังใจคณะครู นักเรียนที่ได้รับรางวัลการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรม “วิศวกรน้อย” โดยให้ถือว่ารางวัลนี้เป็นบันไดสำคัญในการพัฒนาความรู้ ประสบการณ์ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเป็นบันไดก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคต อีกทั้งนับเป็นโอกาสดีที่ภาคเอกชนซึ่งให้การสนับสนุนโครงการจะนำผู้ได้รับรางวัลไปศึกษาดูงาน ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จึงขอให้ใช้โอกาสนี้เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อนำกลับมาพัฒนาตนเองต่อไป

ผู้ว่าฯกทม.ให้โอวาททัพนักกีฬา ก่อนลงสู้ศึกเวสสุวัณเกมส์

(20 ม.ค. 54) เวลา 09.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีให้โอวาทแก่นักกีฬานักเรียนกรุงเทพมหานคร ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 28 ภายใต้ชื่อ “เวสสุวัณเกมส์” ซึ่งกำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 21–30 ม.ค. 54 ณ จังหวัดอุดรธานี โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน และนักกีฬา ร่วมพิธี ณ ลานหน้าองค์พระพุทธนวราชบพิตร ศาลาว่าการกทม.
กรุงเทพมหานครได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ครั้งที่ 28 ซึ่งจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 21–30 ม.ค. 54 ณ จังหวัดอุดรธานี ในปีนี้นับเป็นปีที่ 4 ที่กรุงเทพมหานครส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนมีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความสามัคคี ในหมู่คณะและมีระเบียบวินัย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพพลานามัยของเยาวชนให้แข็งแรง รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ไม่มั่วสุมอบายมุข นอกจากนี้นักเรียนจะได้พัฒนาทักษะทางด้านกีฬา มุ่งแสดงความสามารถ เสริมสร้างประสบการณ์และพัฒนาไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ
สำหรับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน “เวสสุวัณเกมส์” ในครั้งนี้ เป็นนักกีฬานักเรียนกรุงเทพมหานครที่ชนะเลิศในการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 “ช้างน้อยเกมส์” เมื่อเดือน พ.ย. 53 ที่ผ่านมา โดยกรุงเทพมหานครได้ส่งนักกีฬานักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทุกชนิดกีฬา จำนวน 13 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ฟุตบอล ฟุตซอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ แบดมินตัน กรีฑา วอลเลย์บอลชายหาด โดยมีกีฬา ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง หมากฮอส และหมากรุก เป็นกีฬาทางเลือก ส่วนผู้เข้าร่วมแข่งขันประกอบด้วยนักกีฬา จำนวน 600 คน ผู้จัดการทีม ผู้ควบคุมทีม ผู้ฝึกสอน กรรมการและเจ้าหน้าที่ จำนวน 300 คน รวมทั้งสิ้น 900 คน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้มีการแข่งขันกีฬาทุกระดับ เนื่องจากการแข่งขันกีฬาเป็นการพัฒนาคนให้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ซึ่งการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครั้งที่ผ่านมา นักกีฬาจากกรุงเทพมหานครได้สร้างชื่อเสียง และครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน ที่สำคัญ คือ ตัวนักกีฬาเองที่ได้ฝึกซ้อม เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในการแข่งขัน นักกีฬาทุกคนควรตระหนักถึงบทบาทหน้าที่อันสำคัญยิ่ง ในฐานะที่ทุกคนเป็นตัวแทนของกรุงเทพมหานคร ขอให้รักษาวินัย มีน้ำใจนักกีฬา เอื้ออาทร และมีไมตรีจิตต่อเพื่อนนักกีฬา กรรมการผู้ตัดสิน และเข้าร่วมการแข่งขันด้วยจิตวิญญาณของนักกีฬาที่แท้จริง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เพื่อนำชื่อเสียงมาสู่กรุงเทพมหานครและตนเองต่อไป

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

ระดมโรงเรียนทุกสังกัดวางรากฐานคนกรุงรักการอ่าน พร้อมเสนอชื่อเป็นเมืองหนังสือโลก ปี 2013

(17 ม.ค. 54) ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ เวลา 09.30 น. : นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมสัมมนาระดมความคิดเห็นแบบมีส่วนร่วม เพื่อรณรงค์ให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งการอ่าน ในหัวข้อ “Best Practice” ส่งเสริมการอ่านของโรงเรียน จัดโดย สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. เพื่อเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ครูได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้เทคนิคและประสบการณ์การส่งเสริมการอ่านในโรงเรียน ตลอดจนร่วมกันวางรากฐานในการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร รักการอ่าน เพื่อเสนอชื่อกรุงเทพมหานครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเมืองหนังสือโลกในปี 2556 (World Book Capital 2013) โดยมีผู้บริหารโรงเรียน และบรรณารักษ์ จากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนนานาชาติในเขตกรุงเทพมหานคร ร่วมการสัมมนา
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การรณรงค์ให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปรักการอ่าน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้มีความน่าสนใจ อีกทั้งเปิดพื้นที่การเข้าถึงการอ่านให้มากที่สุด โดยปัจจุบันกทม. มีห้องสมุดประชาชนที่ทันสมัยเพื่อการศึกษาค้นคว้ากว่า 60 แห่ง และบ้านหนังสือเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในชุมชนอีก 200 แห่ง พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้แก่ประชาชนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการอ่านในโรงเรียน เนื่องจากการอ่านเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ทำให้ผู้อ่านสามารถคิดวิเคราะห์ และต่อยอดการเรียนรู้ในอนาคต พร้อมกันนี้กทม. ขอเชิญชวนให้ประชาชนอ่านหนังสือทุกวันวันละหลายๆ เล่ม เพื่อร่วมกันทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการอ่าน และเป็นเมืองหนังสือโลกต่อไป

ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาสำรวจเส้นทาง พัฒนาโครงการกรุงเทพฯ เมืองสร้างสรรค์

(17 ม.ค. 54) นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการบริหารสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ พร้อมด้วยนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน ลงเรือ ณ ท่าเรือโรงแรมริเวอร์ไซด์ สำรวจเส้นทางสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากสะพานกรุงธนบุรี - สะพานพระราม 9 ตามโครงการเจ้าพระยาสร้างสรรค์ ซึ่งรัฐบาล กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชนมีแนวทางร่วมกันในการพัฒนาให้เป็นเส้นทางสร้างสรรค์ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงสร้างรายได้ให้กับประเทศผ่านการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการเจ้าพระยาสร้างสรรค์ เป็นการพลิกฟื้นแม่น้ำเจ้าพระยาให้สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศ เพราะแม่น้ำเจ้าพระยามีเรื่องราวเล่าขาน ตำนาน ประวัติศาสตร์ ชุมชนดั้งเดิม วิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาของชุมชน ที่ทรงคุณค่าและน่าสนใจมากมาย สามารถนำมาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชนและประเทศได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการอนุรักษ์คุณค่าดั้งเดิมไม่ให้สูญหายไป โดยหลังจากการล่องเรือในวันนี้จะจัดให้มีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 25 ม.ค. 54 เวลา 13.30 น. ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อระดมความคิดเห็นในการจัดกิจกรรมพัฒนาสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น การติดตั้งประดับไฟตามสะพาน สถานที่สำคัญต่างๆ เพื่อให้เห็นความงดงามยามค่ำคืน การจัดให้มีพื้นที่แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย อาทิ รำไทย โขน การเล่นดนตรีไทย บริเวณพื้นที่ว่างระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ เป็นต้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในการร่วมกันบูรณาการการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยพัฒนาแต่งแต้มความสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับการขนานนามจากชาวโลกว่าเป็น "เวนิสตะวันออก" เนื่องจากมีแม่น้ำ ลำคลอง ที่เป็นเส้นทางขนส่ง ค้าขาย และท่องเที่ยวมากมาย โครงการนี้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและทางวัฒนธรรมของไทย สร้างความสุขให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

กทม. จัดอบรมนักผจญเพลิง เพิ่มศักยภาพในการกู้ภัย

กทม. จัดอบรมเพิ่มขีดความสามารถนักผจญเพลิง เสริมทักษะการกู้ภัยสารเคมี วัตถุอันตราย เพิ่มศักยภาพในการดับเพลิง ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคาร เสริมเทคนิคการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และมีความรวดเร็วเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
(17 ม.ค. 54) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพในการดับเพลิง การกู้ภัยสารเคมี และการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยในอาคาร โดยมีนายพูลพันธ์ ไกรเสริม รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย คณะผู้บริหารสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมงาน ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดให้มีโครงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดับเพลิง การกู้ภัยสารเคมี และการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยในอาคารให้แก่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถในการปฏิบัติงานด้านการดับเพลิงและกู้ภัย การกู้ภัยสารเคมี วัตถุอันตราย และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคาร โดยมีเจ้าหน้าที่เข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 80 คน จัดการฝึกอบรมแบบพักค้าง จำนวน 2 รุ่นๆ ละ 5 วัน 4 คืน ดังนี้ รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 17-21 ม.ค. 54 และรุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 24-28 ม.ค. 54 ณ ศูนย์ควบคุมภาวะฉุกเฉินนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดโครงการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ และทักษะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิงและกู้ภัยจากสารเคมี วัตถุอันตราย และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคารให้กับเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเผชิญเหตุทุกระดับ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ มีทักษะ ความชำนาญ ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี ตลอดจนรู้จักการใช้วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความรวดเร็ว อีกทั้งสามารถเข้าระงับเหตุ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคารสถานประกอบการต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เกิดความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ประสบภัย
ทั้งนี้สถิติการเกิดอุบัติภัยสารเคมีและวัตถุอันตรายทั่วประเทศที่ผ่านมาในปี 2551 มีจำนวน 69 ครั้ง โดยเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครมากที่สุด จำนวน 9 ครั้ง ส่วนในปี 2552 มีจำนวน 75 ครั้ง เกิดขึ้นในจังหวัดระยองมากที่สุด จำนวน 12 ครั้ง และเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร จำนวน 11 ครั้ง

กทม. จัดอบรมนักผจญเพลิง เพิ่มศักยภาพในการกู้ภัย

กทม. จัดอบรมเพิ่มขีดความสามารถนักผจญเพลิง เสริมทักษะการกู้ภัยสารเคมี วัตถุอันตราย เพิ่มศักยภาพในการดับเพลิง ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคาร เสริมเทคนิคการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และมีความรวดเร็วเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
(17 ม.ค. 54) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพในการดับเพลิง การกู้ภัยสารเคมี และการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยในอาคาร โดยมีนายพูลพันธ์ ไกรเสริม รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย คณะผู้บริหารสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมงาน ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดให้มีโครงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดับเพลิง การกู้ภัยสารเคมี และการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยในอาคารให้แก่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถในการปฏิบัติงานด้านการดับเพลิงและกู้ภัย การกู้ภัยสารเคมี วัตถุอันตราย และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคาร โดยมีเจ้าหน้าที่เข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 80 คน จัดการฝึกอบรมแบบพักค้าง จำนวน 2 รุ่นๆ ละ 5 วัน 4 คืน ดังนี้ รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 17-21 ม.ค. 54 และรุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 24-28 ม.ค. 54 ณ ศูนย์ควบคุมภาวะฉุกเฉินนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดโครงการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ และทักษะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิงและกู้ภัยจากสารเคมี วัตถุอันตราย และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคารให้กับเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเผชิญเหตุทุกระดับ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ มีทักษะ ความชำนาญ ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี ตลอดจนรู้จักการใช้วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความรวดเร็ว อีกทั้งสามารถเข้าระงับเหตุ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอาคารสถานประกอบการต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เกิดความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ประสบภัย
ทั้งนี้สถิติการเกิดอุบัติภัยสารเคมีและวัตถุอันตรายทั่วประเทศที่ผ่านมาในปี 2551 มีจำนวน 69 ครั้ง โดยเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครมากที่สุด จำนวน 9 ครั้ง ส่วนในปี 2552 มีจำนวน 75 ครั้ง เกิดขึ้นในจังหวัดระยองมากที่สุด จำนวน 12 ครั้ง และเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร จำนวน 11 ครั้ง

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

18 ม.ค.นี้ เชิญทำข่าว งาน "บางรัก...มรดกรักแห่งแผ่นดิน"

เวลา 14.00 น.นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.)

พร้อมด้วย นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตบางรัก และประธานสภาวัฒนธรรมเขต

ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “บางรัก...มรดกรักแห่งแผ่นดิน” ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อส่งเสริม

และอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีการแต่งงานแบบไทยให้คงอยู่เป็นมรดกตกทอดสืบไป ภายใต้

แนวความคิด (theme) บุพเพสันนิวาสที่ประสาทความรักภิรมย์ โดยจำลองบรรยากาศงานย้อนยุคร่วมสมัย สร้างบรรยากาศไทยแท้ครั้งวันวาน มีกลิ่นอายของละครเรื่อง “วนิดา” ผสานเสียงเพลงขับขาน “บุพเพสันนิวาส” ที่จะดังกังวานหวานชื่นทั้งงาน และภายใจงานจะมีการจัด พิธีวิวาห์มหามงคลให้แก่คู่บ่าวสาวผู้โชคดีจำนวนทั้งสิ้น 9 คู่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา

ณ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ถ.สุรศักดิ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ

กทม. จัดงานวันครู ร่วมแสดงมุทิตาจิต และรำลึกพระคุณบูรพาจารย์

(16 ม.ค. 54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานวันครูของกรุงเทพมหานคร พร้อมมอบของที่ระลึกแก่ครูผู้จะเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2554 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย- ญี่ปุ่น) ดินแดง โดยกรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อรำลึกพระคุณบูรพาจารย์ ยกย่องเชิดชูเกียรติครู ส่งเสริมคุณค่าและความภาคภูมิใจในความเป็นครู และธำรงไว้ซึ่งประเพณีอันดีงาม โดยมีนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการศึกษา ร่วมพิธีเปิดงาน
กรุงเทพมหานครจัดงานวันครู ตั้งแต่ปี 2531 ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 24 ด้วยตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทหน้าที่และความเสียสละซึ่งครูเป็นกำลังหลักในการพัฒนาการศึกษาชาติให้ได้มาตรฐาน อีกทั้งพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมีกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป พิธีแสดงมุทิตาจิต และพิธีถวายพระราชสมัญญานาม “พระผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา จากนั้นเป็น พิธีมอบพวงมาลัยแก่ครูอาวุโส พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ พิธีมอบรางวัลคุรุสดุดี รางวัลครูผู้สอนดีเด่น การประกวดบทร้อยกรอง และเรียงความ และชมวีดีทัศน์ชุด “พระผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน”
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กรุงเทพมหานครตระหนักถึงความสำคัญของครูเป็นอย่างดี และพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ครู โดยการสนับสนุนให้ครูมีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น จัดสร้างบ้านพักครูเพิ่มเติม อบรมครูเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและนำหนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเข้าในระบบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ตลอดจนส่งเสริมพลังความสามัคคีในการมีส่วนร่วมด้านการจัดการศึกษา เพื่อพัฒนาเด็กนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครมีความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ต่อไป

วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

กทม.จัดงานวันครู ร่วมแสดงมุทิตาจิต รำลึกพระคุณบูรพาจารย์

(16 ม.ค.54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานวันครูกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2554ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)ดินแดง ซึ่งกรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อรำลึกพระคุณบูรพาจารย์ ยกย่องเชิดชูเกียรติครู ส่งเสริมคุณค่าและความภาคภูมิใจในความเป็นครู รวมถึงส่งเสริมพลังความสามัคคีในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเช้าและทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป พิธีแสดงมุทิตาจิตแก่ครูซึ่งจะครบเกษียณอายุในเดือนกันยายน 2554 และพิธีถวายพระราชสมัญญานาม “พระผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา พิธีมอบพวงมาลัยแก่ครูอาวุโส พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ พิธีมอบรางวัลคุรุสดุดี รางวัลครูผู้สอนดีเด่น การประกวดบทร้อยกรองและเรียงความ และชมวีดีทัศน์ชุด “พระผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน” โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบของที่ระลึกเพื่อแสดงมุทิตาจิตแก่ครูที่จะเกษียณอายุราชการในประจำปี 2554
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

พุธนี้ สภากทม. เปิดประชุม สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2554

พุธนี้ สภากทม. เปิดประชุม สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2554

น.ส.กาญจนา สมวงศ์ เลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 12 ม.ค. 54 เวลา 10.00 น. สภากรุงเทพมหานคร ได้กำหนดประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2554 โดยมีวาระการประชุมเพื่อพิจารณาดังนี้ ญัตติด้วยวาจาของนายพิรกร วีนกุลสุนทร เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครส่งเสริมให้ความรู้ด้านอนามัยครอบครัวเพื่อช่วยลดปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ญัตติของนายวิรัช คงคาเขตร เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครวางแนวทางแก้ไขปัญหาครูกรุงเทพมหานครโอนกลับภูมิลำเนาเดิม ญัตติของนายคำรณ บำรุงรักษ์ เรื่องขอให้กรุงเทพมหานครเพิ่มการเปิดสอนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ญัตติของนายประเดิม บุญช่วยเหลือ และนายพิรกร วีรกุลสุนทร เรื่อง ขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญเร่งรัดการดำเนินโครงการเช่าระบบและพัฒนาห้องคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้ ญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพย์สินที่ประชาชนทั่วไปใช้สอยร่วมกัน (ฉบับที่...) พ.ศ.... และญัตติขอความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร จ่ายขาดเงินสะสมกรุงเทพมหานคร จำนวน 10,000,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน) เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้านต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา การโยธา การระบายน้ำ การคลัง การจราจร ด้านสิ่งแวดล้อม การป้องกันสาธารณภัย วัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว และตามที่มีภาระผูกพันที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย รวมทั้งรายจ่ายประจำที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อการบริหารจัดการตามภารกิจ โดยมิได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 หรือได้รับจัดสรรแต่ไม่เพียงพอ

สภากทม. ติดตามปัญหารุกล้ำทางเดินเท้าซอยสุขุมวิท 36 เขตคลองเตย

สภากทม. ติดตามปัญหารุกล้ำทางเดินเท้าซอยสุขุมวิท 36 เขตคลองเตย

สภากทม. ติดตามปัญหาผู้ประกอบการรุกล้ำที่สาธารณะและทางเดินเท้าภายในซอยสุขุมวิท 36 เตรียมหารือสำนักการโยธาและสำนักงานเขตขอความร่วมมือในการปรับพื้นที่และปรับปรุงทางเดินเท้าสาธารณะให้เกิดความสะดวกกับประชาชน

(7 ม.ค. 54) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตคลองเตย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม ชุดที่ 1 พร้อมคณะกรรมการฯ ร่วมประชุมและติดตามปัญหาการร้องเรียนกรณีสถานประกอบการรุกล้ำที่สาธารณะ รวมถึงปัญหาถนนและทางเดินเท้าภายในซอยสุขุมวิท 36 เขตคลองเตย โดยเจ้าหน้าที่ ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ และฝ่ายโยธา สำนักงานเขตคลองเตย ร่วมชี้แจง ณ ซอยสุขุมวิท 36 เขตคลองเตย

ประธานคณะกรรมการฯ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามปัญหาภายในซอยสุขุมวิท 36 พบว่า มีผู้ประกอบการบางรายลักลอบใช้สิ่งกีดขวางรุกล้ำที่สาธารณะและทางเดินเท้า อีกทั้งลักลอบปรับพื้นที่เป็นสถานที่จอดรถและประกอบการค้า ส่งผลกระทบทำให้ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในซอยไม่มีทางเดิน ประกอบกับเส้นทางดังกล่าวมีการจราจรมากและช่องทางจราจรแคบไม่สะดวกในการสัญจรเท่าที่ควรอีกด้วย ซึ่งคณะกรรมการฯจะประสานไปยังสำนักงานเขตเพื่อให้ตรวจสอบหลักฐานการขออนุญาต การประกอบการกิจการ และประชุมร่วมกับสำนักการโยธาเพื่อตรวจสอบอาคารบริเวณซอยสุขุมวิท 36 ว่าปลูกสร้างติดถนนมากเกินไปและเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ เพื่อขอความร่วมมือในการปรับพื้นที่และปรับปรุงทางเดินเท้าสาธารณะให้เกิดความสะดวกกับประชาชน ทั้งนี้ทางคณะกรรมการฯจะเร่งติดตามความคืบหน้าและประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขให้เป็นรูปธรรมต่อไป

ปั้นนักบริหารมหานครช่วยขับเคลื่อนกทม. ในยุคโลกาภิวัตน์

ปั้นนักบริหารมหานครช่วยขับเคลื่อนกทม. ในยุคโลกาภิวัตน์

(7 ม.ค. 54) นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร บรรยายหัวข้อ “นโยบาย/ทิศทางการบริหารราชการกรุงเทพมหานครในยุคการเปลี่ยนแปลง” ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารมหานครระดับต้น รุ่นที่ 12 ณ ห้องเทพประทาน โรงแรมเวียงใต้ บางลำพู

ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร มีนโยบายในการบริหารจัดการ และพัฒนากรุงเทพฯ สู่เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน 6 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขภาพ ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ได้รับบริการทางสาธารณสุขที่ดีและทั่วถึง ด้านการศึกษา ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนเกิดการเรียนรู้ คิดเป็น ทำเป็น พูดเป็น รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม มีระเบียบวินัย ด้านเศรษฐกิจ เปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการค้าและการท่องเที่ยวของภูมิภาค บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนดำรงชีพได้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ด้านความปลอดภัย ดูแลสภาพแวดล้อมให้ประชาชนมีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ห่างไกลจากปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด ด้านจราจร มีการพัฒนาระบบโครงข่ายและบริการระบบขนส่งมวลชนให้มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพทั้งทางน้ำและทางบก และด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งจัดระเบียบกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่สะอาดปราศจากขยะ มลพิษ ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูสภาพแม่น้ำ ลำคลอง และแหล่งน้ำต่างๆ ให้ใสสะอาดอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกคนบริหารและปฏิบัติราชการอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี มีแนวคิดและทัศนคติที่ถูกต้องเหมาะสม คล่องตัว สะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ยึดหลักความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ ไม่เลือกปฏิบัติ โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นสำคัญ ซึ่งดำเนินการตามเป้าหมายและทิศทางในการพัฒนาระบบราชการของกรุงเทพมหานคร 4 ประการ ประกอบด้วย การเป็นองค์กรชั้นเลิศด้านการให้บริการ พัฒนารูปแบบ วิธีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่า ลดขั้นตอนการทำงาน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็ว มีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล ยึดความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและมีส่วนร่วมในการดำเนินการกับกรุงเทพมหานคร เป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง บริหารแบบบูรณาการ มีแผนรองรับชัดเจน บุคลากรมีคุณภาพ และบริหารงานบุคคลโดยใช้ระบบคุณธรรม ให้โอกาสผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ได้รับขวัญ กำลังใจ มีความมั่นคง ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกออกจากราชการโดยไม่มีความผิด

กทม. เตรียมสถานที่รองรับผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา

กทม. เตรียมสถานที่รองรับผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา

กรุงเทพมหานครเตรียมรองรับผู้เสพผู้ติดยาเสพติดเข้ารับบำบัดรักษาในโครงการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับชาติ “ปฏิบัติการประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3”

พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดกรุงเทพมหานครชี้แจงว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาลเพื่อรองรับผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา ซึ่งจากสถิติการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดในปี 2553 ของสถานบำบัดยาเสพติดในกรุงเทพมหานคร พบว่าผู้เข้ารับการบำบัดรักษาเป็นผู้เสพยาเสพติดชนิดยาบ้ามากที่สุดเกือบร้อยละ 90 โดยผู้เข้ารับการบำบัดร้อยละ 80 เป็นผู้ติดยาเสพติดที่ถูกจับคุมและดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่กรุงเทพมหานครมีความประสงค์ให้ผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดเกิดด้วยความสมัครใจโดยให้คนในครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการชักชวน จูงใจให้ผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา รวมทั้งมีส่วนช่วยดูแล ติดตาม การฟื้นฟูสภาพทางร่างกายและจิตใจให้ผู้ติดยาเสพติดกลับไปดำเนินชีวิตในสังคมอย่างปกติ

กรุงเทพมหานครได้เตรียมสถานบำบัดฟื้นฟูรักษาผู้ติดยาเสพติดทั้งระบบบังคับบำบัดและระบบสมัครใจในการรองรับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งขอรับบริการได้ที่ศูนย์ซับน้ำตาของสำนักการแพทย์ คลินิกยาเสพติด 18 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่งของสำนักอนามัย โดยให้การบำบัด รักษา ฟื้นฟูสภาพผู้ติดยาเสพติดแบบระบบผู้ป่วยนอก รวมทั้งการบำบัด รักษา ฟื้นฟูสภาพผู้ติดยาเสพติดระบบผู้ป่วยใน ณ สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (บ้านพิชิตใจ) ของสำนักอนามัย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ติดยาเสพติดได้รับการดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพแบบครบวงจร รวมทั้งฝึกทักษะอาชีพเบื้องต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้สมาชิกสามารถกลับไปดำเนินชีวิตในสังคมตามปกติ สามารถรับคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2329 1353, 0 2329 1566

ในส่วนของการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่นั้นศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดระดับเขตได้เร่งรัดการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับพื้นที่เพื่อลดปัญหายาเสพติดให้ปรากฏเป็นรูปธรรมในทุกพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเน้นการมีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร

กทม. เตรียมจัดงานคนพิการส่งเสริมศักยภาพและการอยู่ร่วมกันในสังคม

กทม. เตรียมจัดงานคนพิการส่งเสริมศักยภาพและการอยู่ร่วมกันในสังคม

นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า กรุงเทพมหานครกำหนดจัดงานคนพิการ ในวันที่ 14 ก.พ. 54 เวลา 10.00–15.30 น. ณ สยามนิรมิต เขตห้วยขวาง ภายใต้ชื่องาน “ปันรัก...ปันน้ำใจ มอบความห่วงใยแด่คนพิการ” โดยเชิญผู้แทนองค์กรคนพิการและสมาชิก สภาคนพิการทุกประเภท สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาคมเพื่อคนหูหนวกแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ปกครองออทิซึม (ไทย) โรงเรียนเศรษฐเสถียรในพระราชูปถัมภ์ สำนักงานองค์กรคนพิการสากลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอดจนชมรม มูลนิธิต่างๆ และคนพิการรวมถึงผู้ดูแลในพื้นที่ 50 เขตของกรุงเทพมหานคร กว่า 2,000 คน ร่วมงาน ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมการแสดงของคนพิการ การจัดนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ การรับสมัครงาน บริการซุ้มอาหาร พร้อมชมการแสดงของสยามนิรมิต ทั้งนี้กทม. จะแถลงข่าวรายละเอียดการจัดงานและกิจกรรมที่น่าสนใจ ในวันที่ 19 ม.ค. 54 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า)

สำหรับการจัดงานเพื่อคนพิการของกรุงเทพมหานคร เป็นการสร้างความตระหนักในการอยู่ร่วมกันในครอบครัว ชุมชนและสังคมระหว่างคนพิการและคนทั่วไป อีกทั้งส่งเสริมศักยภาพ สนับสนุนอาชีพ และเผยแพร่ผลงานคนพิการให้เป็นที่ปรากฏแก่สาธารณชนตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

สมัครประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดีถึง 7 ม.ค. นี้ ที่ ศบส. 68 แห่ง

นางดวงพร ปิณจิเสคิกุล ผู้อำนวยการกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กทม. แจ้งว่า กองสร้างเสริมสุขภาพ กำหนดจัดประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดี ประจำปี 2554 เพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร และสนับสนุนให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยจัดการคัดเลือก ประกวดและตัดสินที่ศูนย์บริการสาธารณสุขซึ่งเป็นศูนย์ประสานงาน 12 แห่ง ในระหว่างวันที่ 15 ม.ค. – 19 ก.พ. 54 ได้แก่ วันที่ 28 ม.ค. ณ ศูนย์บริการสาธารณสุข 6 ประชาธิปไตย ศูนย์บริการสาธารณสุข 43 มีนบุรี และศูนย์บริการสาธารณสุข 42 ถนอม ทองสิมา วันที่ 9 ก.พ. ศูนย์บริการสาธารณสุข 7 บุญมี ปุรุราชรังสรรค์ และศูนย์บริการสาธารณสุข 21 วัดธาตุทอง วันที่ 11 ก.พ. ศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน ศูนย์บริการสาธารณสุข 19 วงศ์สว่าง และศูนย์บริการสาธารณสุข 29 ช่วง นุชเนตร วันที่ 12 ก.พ. ศูนย์บริการสาธารณสุข 40 บางแค และวันที่ 16 ก.พ. ศูนย์บริการสาธารณสุข 56 ทับเจริญ และศูนย์บริการสาธารณสุข 33 วัดหงส์รัตนาราม ซึ่งจะมีพิธีมอบโล่พร้อมเงินรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด ในเดือน เม.ย. 54
ทั้งนี้ แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ กลุ่มอายุ 65–75 ปี และกลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไป นับอายุถึงวันที่ 31 ธ.ค. 53 ซึ่งผู้เข้าประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลการประกวดสุขภาพผู้สูงอายุของสำนักอนามัยยกเว้นเปลี่ยนรุ่นการประกวด เคยเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์บริการสาธารณสุขสาขาของสำนักอนามัย หรือสถานบริการสุขภาพภาครัฐ/เอกชนก่อนถึงวันประกวด โดยนำสำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมัครเข้าร่วมการประกวดได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 7 ม.ค. 54 ที่ ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง สอบถามเพิ่มเติมที่ กลุ่มงานสร้างเสริมสุขภาพบุคคลและครอบครัว กองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย โทร. 0 2247 6026

กทม. จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี 54

ชวนเด็กและเยาวชนร่วมฉลองวันเด็กแห่งชาติทั่วกรุง ร่วมแข่งขันเกม กีฬา การละเล่นต่างๆ และของรางวัลมากมาย พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษา ฉลองวันเด็กแห่งชาติ 500 ทุน
(4 ม.ค. 54) เวลา 13.00 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ กทม. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานวันเด็กแห่งชาติของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2554 ซึ่งกรุงเทพมหานครกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 8 ม.ค. 54 ตั้งแต่เวลา 08.30–17.00 น. ณ สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร
กรุงเทพมหานคร กำหนดจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติขึ้น เพื่อให้ประชาชนเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนอันเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต โดยสนับสนุนให้เด็ก และเยาวชนได้รับความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ต่างๆ จากการเข้าร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย สามารถนำไปประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้กรุงเทพมหานคร จะได้มอบทุนการศึกษา จำนวน 500 ทุน ให้แก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ด้วย
สำหรับกิจกรรมภายในงาน ณ สวนวชิรเบญจทัศ ประกอบด้วย กิจกรรมภายใต้แนวคิด “Kid Power” แบ่งออกเป็น 6 ฐาน ได้แก่ ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจสุขภาพ เป็นการทดสอบพัฒนาการของเด็ก โดยให้บริการตรวจสุขภาพโดยสำนักอนามัย สำนักการแพทย์ ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม กิจกรรมร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ สำนักผังเมือง และสำนักการคลัง ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจความปลอดภัย ให้เด็กและเยาวชนได้ร่วมในการสร้างความปลอดภัยให้แก่สังคม โดยสำนักการจราจรและขนส่ง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักการโยธา ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจการเรียนรู้ กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ โดยสำนักการศึกษา ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจความพอเพียงให้เด็ก เยาวชนได้เรียนรู้วิถีทางการใช้ชีวิตด้วยความพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยสำนักพัฒนาสังคม สำนักเทศกิจ และสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร และฐานพลังเด็กไทยใส่ใจวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ให้เด็กและเยาวชนได้ร่วมสืบสานวัฒนธรรมและภาคภูมิใจในความเป็นไทย โดยสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ เด็กและเยาวชนสามารถร่วมกิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์ กิจกรรมการแข่งขันเกม กีฬา การละเล่นต่างๆ การตอบปัญหาชิงรางวัล การแสดงบนเวที สวนสนุก และอื่นๆ อีกมากมายได้ ตลอดทั้งสัปดาห์วันเด็ก 7-15 ม.ค. 54 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ศูนย์เยาวชนของกรุงเทพมหานครทั้ง 37 แห่ง ศูนย์กีฬา 10 แห่ง ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ 34 แห่ง และพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนผู้ปกครองพาบุตรหลานร่วมกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติกรุงเทพมหานคร ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว