Let's Bring Happiness Back to Bangkok :) "ข้อมูลข่าวจาก กองประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร":D
ค้นหาบล็อกนี้
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สาทรรายงานจำนวนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
นางกองกาญจน์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการเขตสาทร กทม. แจ้งว่า เขตฯ ประกอบด้วยแขวงจำนวน 3 แขวง คือ แขวงทุ่งวัดดอน แขวงทุ่งมหาเมฆ และแขวงยานนาวา มีจำนวนราษฎร และผู้มีสิทธิเลือกตั้งของสำนักงานเขตสาทร ประจำเดือน ต.ค. 53 ตามข้อมูลจากศูนย์ประมวลผลการทะเบียนราษฎร (ศปท.) ดังนี้ แขวงทุ่งวัดดอน จำนวนราษฎร ชาย 20,616 ราย หญิง 23,103 ราย รวม 43,719 ราย จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ชาย 15,529 ราย หญิง 18,488 ราย รวม 34,017 ราย จำนวนบ้าน 15,844 หลัง แขวงยานนาวา จำนวนราษฎร ชาย 11,492 ราย หญิง 12,572 ราย รวม 23,967 ราย จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ชาย 8,205 ราย หญิง 9,695 ราย รวม 17,900 ราย จำนวนบ้าน 9,061 หลัง แขวงทุ่งมหาเมฆ จำนวนราษฎร ชาย 10,201 ราย หญิง 10,446 ราย รวม 20,647 ราย จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ชาย 7,412 ราย หญิง 8,177 ราย รวม 15,589 ราย จำนวนบ้าน 12,063 หลัง
บางคอแหลมแจ้งสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้า
นายบัณฑิต สิทธินามสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม กทม. แจ้งว่า ตามที่มีกำหนดการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 2 โดยเปิดให้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 4-5 ธ.ค. 53 และกำหนดวันเลือกตั้ง ในวันที่ 12 ธ.ค. 53 นั้น เขตฯ ได้กำหนดสถานที่ให้ประชาชนมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 4 - 5 ธ.ค. 53 เวลา 08.00-17.00 น. ณ บริเวณลานจอดรถ ชั้น 1 อาคารสำนักงานเขตบางคอแหลม ถ.พระรามที่ 3 ซ.
ชวนผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 2 ประกาศเจตนารมณ์หาเสียงเลือกตั้งสมานฉันท์
น.ส.กุลกันยา ศุขะพันธุ์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. แจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร กำหนดจัดโครงการการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร (ส.ส.กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง ในวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. 53 เวลา 08.30–16.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานเขตยานนาวา ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ 28 เขตยานนาวา โดย นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง จะเป็นประธานเปิดโครงการพร้อมทั้งบรรยายพิเศษ ให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วย หมายเลข 1 นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย หมายเลข 2 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3 นายจำรัส อินทุมาร ผู้สมัครจากพรรคไทยพอเพียง และหมายเลข 4 นายธันวา ไกรฤกษ์ ผู้สมัครจากพรรคธรรมาธิปัตย์ เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติในการเลือกตั้ง อีกทั้งชี้แจงให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะความผิด และบทกำหนดโทษเพื่อใช้เป็นแนวทางในการหาเสียงตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจนวิธีการหรือลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2551 เพื่อสร้างความรัก ความเข้าใจในการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ พ.ศ. 2550
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยบริสุทธิ์ยุติธรรม เกิดความสมานฉันท์ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี และรักษาไว้ ซึ่งความเป็นมิตร เป็นญาติ เป็น เพื่อนบ้านที่ดีต่อกันทั้งก่อน และหลังการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยบริสุทธิ์ยุติธรรม เกิดความสมานฉันท์ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี และรักษาไว้ ซึ่งความเป็นมิตร เป็นญาติ เป็น เพื่อนบ้านที่ดีต่อกันทั้งก่อน และหลังการเลือกตั้ง
ตรวจความคืบหน้าก่อสร้างสภากทม.
(29 พ.ย. 53) นายบำรุง รัตนะ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตวังทองหลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่สภากทม. ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้าง อาคารสภากรุงเทพมหานครแห่งใหม่ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
นายบำรุง กล่าวภายหลังตรวจการก่อสร้างอาคารสภากรุงเทพมหานครแห่งใหม่ว่า ขณะนี้โครงสร้างอาคารดำเนินการคืบหน้าไปแล้วเกือบ 100 % ส่วนภายในอาคารยังมีการปรับเปลี่ยนแบบและแก้ไขรายละเอียด เช่น เก้าอี้นั่งของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในห้องประชุมสภาแห่งใหม่ ซึ่งมีจำนวน 179 ที่นั่ง ยังไม่ได้มาตรฐานและไม่ตรงตามเนื้องานที่กำหนดไว้ อีกทั้งห้องประจำตำแหน่งของประธานสภากทม. และรองประธานสภากทม. มีความคับแคบจนเกินไป ต้องปรับปรุงให้มีความกว้างขวางเหมาะสมกับการใช้งาน ในส่วนของห้องประชุมคณะกรรมการสภากทม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตกแต่ง คาดว่าการก่อสร้างอาคารสภากทม. แห่งใหม่จะแล้วเสร็จและสามารถเข้าใช้งานได้ภายปลายปี 2555
นายบำรุง กล่าวภายหลังตรวจการก่อสร้างอาคารสภากรุงเทพมหานครแห่งใหม่ว่า ขณะนี้โครงสร้างอาคารดำเนินการคืบหน้าไปแล้วเกือบ 100 % ส่วนภายในอาคารยังมีการปรับเปลี่ยนแบบและแก้ไขรายละเอียด เช่น เก้าอี้นั่งของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในห้องประชุมสภาแห่งใหม่ ซึ่งมีจำนวน 179 ที่นั่ง ยังไม่ได้มาตรฐานและไม่ตรงตามเนื้องานที่กำหนดไว้ อีกทั้งห้องประจำตำแหน่งของประธานสภากทม. และรองประธานสภากทม. มีความคับแคบจนเกินไป ต้องปรับปรุงให้มีความกว้างขวางเหมาะสมกับการใช้งาน ในส่วนของห้องประชุมคณะกรรมการสภากทม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตกแต่ง คาดว่าการก่อสร้างอาคารสภากทม. แห่งใหม่จะแล้วเสร็จและสามารถเข้าใช้งานได้ภายปลายปี 2555
ปิดฉากกีฬานักเรียนกทม. “ช้างน้อยเกมส์” กรุงเทพเหนือคว้าคะแนนรวม
กทม. ปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร “ช้างน้อยเกมส์” กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือคว้าคะแนนรวมกีฬาเป็นที่ 1 ขณะที่กรุงเทพตะวันออกซิวกองเชียร์ กรุงธนใต้ครองขบวนพาเหรด พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกายเล่นกีฬา สนับสนุนจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนอย่างต่อเนื่องทุกปี
(30 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 หรือ “ช้างน้อยเกมส์” พร้อมมอบโล่รางวัลให้แก่ทีมชนะเลิศการแข่งขัน โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้อำนวยการเขต ผู้บริหารโรงเรียน คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดงโดยการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่า กลุ่มเขตที่ได้รับโล่รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมกีฬาทุกประเภท ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ โล่รางวัลชนะเลิศการประกวดกองเชียร์ ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก และโล่รางวัลชนะเลิศการประกวดขบวนพาเหรด ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงธนใต้
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้จัดให้มีการแข่งขันเป็น 3 ระดับ คือการแข่งขันระดับเขต ระดับกลุ่มเขต และระดับกรุงเทพมหานคร สำหรับการแข่งขันระดับกรุงเทพมหานคร ได้จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 22-30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” โดยมีชนิดกีฬาที่ใช้แข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานการตัดสินเช่นเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กีฬามีความสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาตนเอง อีกทั้งยังช่วยฝึกฝนความมีระเบียบวินัย เคารพกฎ กติกา มารยาท และสร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ส่งผลให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อทรัพยากรบุคคลของชาติ ซึ่งการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทุกองค์กรที่เข้ามามีส่วนร่วมสร้างพลังความสามัคคี ภายใต้คำขวัญที่ว่า “เสริมสร้างพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพฯ” ในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน และขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขอให้หมั่นฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและ เล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อชัยชนะในครั้งต่อไป นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่องทุกปี
(30 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 หรือ “ช้างน้อยเกมส์” พร้อมมอบโล่รางวัลให้แก่ทีมชนะเลิศการแข่งขัน โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้อำนวยการเขต ผู้บริหารโรงเรียน คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดงโดยการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่า กลุ่มเขตที่ได้รับโล่รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมกีฬาทุกประเภท ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ โล่รางวัลชนะเลิศการประกวดกองเชียร์ ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก และโล่รางวัลชนะเลิศการประกวดขบวนพาเหรด ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงธนใต้
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้จัดให้มีการแข่งขันเป็น 3 ระดับ คือการแข่งขันระดับเขต ระดับกลุ่มเขต และระดับกรุงเทพมหานคร สำหรับการแข่งขันระดับกรุงเทพมหานคร ได้จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 22-30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” โดยมีชนิดกีฬาที่ใช้แข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานการตัดสินเช่นเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กีฬามีความสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาตนเอง อีกทั้งยังช่วยฝึกฝนความมีระเบียบวินัย เคารพกฎ กติกา มารยาท และสร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ส่งผลให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อทรัพยากรบุคคลของชาติ ซึ่งการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทุกองค์กรที่เข้ามามีส่วนร่วมสร้างพลังความสามัคคี ภายใต้คำขวัญที่ว่า “เสริมสร้างพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพฯ” ในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน และขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขอให้หมั่นฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและ เล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อชัยชนะในครั้งต่อไป นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่องทุกปี
จัดอบรมครูสังกัดกทม. ร่วมตระหนักและป้องกันปัญหาเพศสัมพันธ์ในเยาวชน
กทม. ห่วงใยนักเรียนในสังกัด จัดอบรมเชิงปฏิบัติการผู้เกี่ยวข้อง เร่งตระหนักถึงปัญหาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ทำแท้ง พร้อมทั้งหาทางออก และให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็กและเยาวชน ป้องกันปัญหาสังคมในอนาคต
(30 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักการศึกษา กทม. จัดขึ้น ณ ห้องศรีสุริยวงศ์ บอลรูม โรงแรมตวันนา เขตบางรัก เพื่อฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ ครูผู้สอนการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียน ศึกษานิเทศก์ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสิ้น 320 คน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน อีกทั้งสอนให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันการใช้ชีวิตทางเพศ การรักนวลสงวนตัว หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ตลอดจนเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมทางด้านพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมวัฒนธรรมไทย
กทม. ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิผู้หญิง องค์การแพธ (PATH) เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และสูตินารีแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ในการให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องตามโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในสังกัดกทม. และตระหนักถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และทำแท้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงสภาพจิตใจและพฤติกรรมทางเพศที่เสื่อมถอยของบุคคล ประกอบกับเรื่องเพศศึกษาในสังคมไทยเป็นเรื่องไม่ควรเปิดเผย ทำให้การให้ความรู้แก่เยาวชนอยู่ในวงจำกัด ส่งผลให้เยาวชนแสวงหาความรู้ ความเข้าใจที่ผิด จนถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และเกิดปัญหาการทำแท้งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ การฝึกอบรมดังกล่าว จะทำให้ผู้ดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในสังกัดกทม. นำความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษาและสุขศึกษาอย่างถูกต้องไปให้ความรู้แก่นักเรียนในสังกัดและเยาวชนอย่างถูกต้องต่อไป
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนนี้ เรื่องเพศสัมพันธ์มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางยากที่จะปิดกั้นการรับรู้ของเด็กและเยาวชนได้ ดังนั้นครู จึงมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้องแก่นักเรียน รวมถึงสร้างตระหนักแก่เด็กและเยาวชนถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง รวมไปถึงเฝ้าระวังนักเรียนในความดูแลไม่ให้มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร โดยชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างการเหตุการณ์พบศพทารกจากการทำแท้ง 2002 ศพ ซึ่งจะทำให้เห็นปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
(30 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักการศึกษา กทม. จัดขึ้น ณ ห้องศรีสุริยวงศ์ บอลรูม โรงแรมตวันนา เขตบางรัก เพื่อฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ ครูผู้สอนการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียน ศึกษานิเทศก์ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสิ้น 320 คน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน อีกทั้งสอนให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันการใช้ชีวิตทางเพศ การรักนวลสงวนตัว หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ตลอดจนเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมทางด้านพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมวัฒนธรรมไทย
กทม. ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิผู้หญิง องค์การแพธ (PATH) เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และสูตินารีแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ในการให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องตามโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในสังกัดกทม. และตระหนักถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และทำแท้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงสภาพจิตใจและพฤติกรรมทางเพศที่เสื่อมถอยของบุคคล ประกอบกับเรื่องเพศศึกษาในสังคมไทยเป็นเรื่องไม่ควรเปิดเผย ทำให้การให้ความรู้แก่เยาวชนอยู่ในวงจำกัด ส่งผลให้เยาวชนแสวงหาความรู้ ความเข้าใจที่ผิด จนถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และเกิดปัญหาการทำแท้งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ การฝึกอบรมดังกล่าว จะทำให้ผู้ดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในสังกัดกทม. นำความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษาและสุขศึกษาอย่างถูกต้องไปให้ความรู้แก่นักเรียนในสังกัดและเยาวชนอย่างถูกต้องต่อไป
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนนี้ เรื่องเพศสัมพันธ์มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางยากที่จะปิดกั้นการรับรู้ของเด็กและเยาวชนได้ ดังนั้นครู จึงมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้องแก่นักเรียน รวมถึงสร้างตระหนักแก่เด็กและเยาวชนถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง รวมไปถึงเฝ้าระวังนักเรียนในความดูแลไม่ให้มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร โดยชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างการเหตุการณ์พบศพทารกจากการทำแท้ง 2002 ศพ ซึ่งจะทำให้เห็นปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
เตือนผู้ประกอบการ จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ต้องมีคุณภาพ และเป็นธรรม
กทม. ออกมาตรการคุมเข้มผู้จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ เลือกสินค้าคุณภาพ ปลอดภัย ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ค้าติดป้ายให้คืนสินค้าหากไม่พอใจ และป้ายเข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าของ กทม. เตรียมลงพื้นที่สุ่มตรวจกระเช้าของขวัญทั่วกรุง ตั้งแต่ ธ.ค. นี้ – ก.พ. ปีหน้า ป้องกันการเอาเปรียบ และสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค หากพบฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย
(30 พ.ย.53) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมชี้แจงและแถลงข่าวการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2554 โดยมี นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พญ.มนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย ผู้ประกอบการร้านค้า และห้างสรรพสินค้า ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เพื่อควบคุมดูแลการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยการแจ้งรายละเอียดของสินค้าในกระเช้า และข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้บริโภคทั้งบนกระเช้าและบริเวณที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ
กรุงเทพมหานครได้กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ 2554 ดังนี้ กระเช้าของขวัญประเภทอาหารบรรจุภัณฑ์ ให้เลือกสินค้าที่คุณภาพดี มี อย. รับรอง สินค้าที่นำมาบรรจุลงกระเช้าต้องมีระยะเวลาก่อนหมดอายุอย่างน้อย 6 เดือน แสดงรายละเอียดวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุดบนกระเช้า แสดงตราสัญลักษณ์ หรือชื่อสถานประกอบการบนกระเช้าของขวัญ และแสดงวันที่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าหากผู้บริโภคไม่พอใจ โดยสามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ภายใน 28 ก.พ. 54 กระเช้าของขวัญประเภทผัก ผลไม้ เลือกสินค้าที่ใหม่ สด มาจัดลงกระเช้า แสดงวัน เดือน ปี ที่บรรจุลงกระเช้า ตั้งกระเช้ารอจำหน่ายไม่เกิน 3 วัน แสดงสัญลักษณ์ของห้างและสถานประกอบการ แสดงวัน เดือน ปี ที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนหากไม่พอใจสินค้า กระเช้าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ให้ผู้ประกอบการกำหนดพื้นที่ตั้งวางกระเช้าให้ชัดเจน แยกจากกระเช้าประเภทอื่นๆ จัดทำป้ายบอกบริเวณที่จำหน่ายว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น” แสดงวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุด แสดงวัน เดือน ปี ที่ผู้บริโภคนำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหรือคืนก่อนวันหมดอายุของสินค้าที่อายุสั้นที่สุดบนกระเช้าหากไม่พึงพอใจสินค้า กระเช้าสินค้าทางเลือกอื่นๆ เช่น กระเช้าขนมไทย กระเช้าเครื่องสำอาง กระเช้าเพื่อสุขภาพ กำหนดพื้นที่ตั้งวางและแสดงประเภทของกระเช้าให้ชัดเจน จำหน่ายวันต่อวันหากเป็นอาหารพร้อมบริโภค หรือเป็นสินค้าที่มีอายุสั้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แสดงสัญลักษณ์หรือตราของห้างบนกระเช้า สำหรับกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้จัดและจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 30 (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 32 กรณีที่มีการกระทำที่เป็นการโฆษณาหรือสื่อสารการตลาดร่วมด้วย
พญ.มาลินี กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ประสานไปยังผู้ประกอบการที่จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ให้ติดป้ายประกาศข้อความ “หากผู้บริโภคไม่พึงพอใจในสินค้าให้นำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ ภายใน 28 ก.พ. 54” และขอความร่วมมือผู้ประกอบการแสดงป้ายข้อความ “กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” บริเวณที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อกระเช้าของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 53 ถึงเดือน ก.พ. 54 ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักอนามัย และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต จะลงพื้นที่สุ่มตรวจการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ในพื้นที่ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ตลาดสด อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการในการดำเนินการจัดและจำหน่ายกระเช้าตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง สำหรับประชาชนที่เลือกซื้อกระเช้าของขวัญปีใหม่ ให้สังเกตป้ายข้อความ "กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” ที่แสดง ณ จุดจำหน่ายกระเช้า เพื่อมั่นใจได้ว่า กระเช้านี้มีคุณภาพ และปลอดภัย
(30 พ.ย.53) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมชี้แจงและแถลงข่าวการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2554 โดยมี นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พญ.มนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย ผู้ประกอบการร้านค้า และห้างสรรพสินค้า ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เพื่อควบคุมดูแลการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยการแจ้งรายละเอียดของสินค้าในกระเช้า และข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้บริโภคทั้งบนกระเช้าและบริเวณที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ
กรุงเทพมหานครได้กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ 2554 ดังนี้ กระเช้าของขวัญประเภทอาหารบรรจุภัณฑ์ ให้เลือกสินค้าที่คุณภาพดี มี อย. รับรอง สินค้าที่นำมาบรรจุลงกระเช้าต้องมีระยะเวลาก่อนหมดอายุอย่างน้อย 6 เดือน แสดงรายละเอียดวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุดบนกระเช้า แสดงตราสัญลักษณ์ หรือชื่อสถานประกอบการบนกระเช้าของขวัญ และแสดงวันที่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าหากผู้บริโภคไม่พอใจ โดยสามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ภายใน 28 ก.พ. 54 กระเช้าของขวัญประเภทผัก ผลไม้ เลือกสินค้าที่ใหม่ สด มาจัดลงกระเช้า แสดงวัน เดือน ปี ที่บรรจุลงกระเช้า ตั้งกระเช้ารอจำหน่ายไม่เกิน 3 วัน แสดงสัญลักษณ์ของห้างและสถานประกอบการ แสดงวัน เดือน ปี ที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนหากไม่พอใจสินค้า กระเช้าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ให้ผู้ประกอบการกำหนดพื้นที่ตั้งวางกระเช้าให้ชัดเจน แยกจากกระเช้าประเภทอื่นๆ จัดทำป้ายบอกบริเวณที่จำหน่ายว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น” แสดงวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุด แสดงวัน เดือน ปี ที่ผู้บริโภคนำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหรือคืนก่อนวันหมดอายุของสินค้าที่อายุสั้นที่สุดบนกระเช้าหากไม่พึงพอใจสินค้า กระเช้าสินค้าทางเลือกอื่นๆ เช่น กระเช้าขนมไทย กระเช้าเครื่องสำอาง กระเช้าเพื่อสุขภาพ กำหนดพื้นที่ตั้งวางและแสดงประเภทของกระเช้าให้ชัดเจน จำหน่ายวันต่อวันหากเป็นอาหารพร้อมบริโภค หรือเป็นสินค้าที่มีอายุสั้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แสดงสัญลักษณ์หรือตราของห้างบนกระเช้า สำหรับกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้จัดและจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 30 (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 32 กรณีที่มีการกระทำที่เป็นการโฆษณาหรือสื่อสารการตลาดร่วมด้วย
พญ.มาลินี กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ประสานไปยังผู้ประกอบการที่จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ให้ติดป้ายประกาศข้อความ “หากผู้บริโภคไม่พึงพอใจในสินค้าให้นำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ ภายใน 28 ก.พ. 54” และขอความร่วมมือผู้ประกอบการแสดงป้ายข้อความ “กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” บริเวณที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อกระเช้าของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 53 ถึงเดือน ก.พ. 54 ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักอนามัย และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต จะลงพื้นที่สุ่มตรวจการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ในพื้นที่ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ตลาดสด อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการในการดำเนินการจัดและจำหน่ายกระเช้าตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง สำหรับประชาชนที่เลือกซื้อกระเช้าของขวัญปีใหม่ ให้สังเกตป้ายข้อความ "กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” ที่แสดง ณ จุดจำหน่ายกระเช้า เพื่อมั่นใจได้ว่า กระเช้านี้มีคุณภาพ และปลอดภัย
กทม.จับมือประปานครหลวงติดตั้งแท่นน้ำดื่ม ณ ลานกีฬากรุงเทพมหานคร
กทม.จับมือการประปานครหลวงติดตั้งแท่นน้ำดื่ม ณ ลานกีฬากรุงเทพมหานคร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาใช้บริการ ตั้งเป้าติดตั้งแท่นน้ำดื่ม 123 แห่ง ภายใน 5 ปี พร้อมเดินหน้าโครงการยกระดับมาตรฐานลานกีฬาสู่ศูนย์กีฬาชุมชน
(30 พ.ย.53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการการประปานครหลวง ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงการติดตั้งแท่นน้ำดื่ม ณ ลานกีฬากรุงเทพมหานคร ระหว่างกรุงเทพมหานคร และการประปานครหลวง ณ ห้องปิยราษฎร์ สำนักงานใหญ่ การประปานครหลวง ถนนประชาชื่น โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการอำนวยประโยชน์ให้แก่สังคม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่มาใช้ลานกีฬากรุงเทพมหานครในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ได้มีน้ำดื่มที่มีคุณภาพตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาใช้บริการด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยได้ออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นนโยบายที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้คนกรุงเทพฯมีพฤติกรรมการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นกิจวัตร จึงจัดให้มีสถานที่ให้บริการในการออกกำลังกายและเล่นกีฬากระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ อาทิ ศูนย์กีฬา ศูนย์เยาวชน สวนสาธารณะ และลานกีฬา ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้ที่พักอาศัย อยู่ในชุมชนมีความสะดวกในการมาใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ จำนวน 1,251 แห่ง และเพื่อเป็นการปรับปรุงด้านกายภาพและยกระดับลานกีฬาประเภท A ให้เป็นศูนย์กีฬาชุมชนที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาใช้บริการ จึงจัดทำโครงการพัฒนาลานกีฬาเพื่อยกระดับมาตรฐานเป็นศูนย์กีฬาชุมชน โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนและพัฒนายกระดับมาตรฐานลานกีฬาให้เป็นศูนย์กีฬาชุมชน
ผู้ว่าการการประปานครหลวง กล่าวว่า การประปานครหลวงได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนาลานกีฬาเพื่อยกระดับมาตรฐานเป็นศูนย์กีฬาชุมชน โดยติดตั้งแท่นน้ำดื่มในลานกีฬากรุงเทพมหานคร พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาทุกปี เพื่อให้ประชาชนที่มาใช้ลานกีฬากรุงเทพมหานครในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ได้มีน้ำดื่มที่มีคุณภาพตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณขยะ ขวดพลาสติก ซึ่งเป็นตัวการของปัญหาภาวะโลกร้อนด้วย โดยตั้งเป้าติดตั้งแท่นน้ำดื่มให้ได้ จำนวน 123 แห่งๆ ละ 1 แท่น ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลง ซึ่งจะทยอยติดตั้งปีละประมาณ 25 จุด ใช้งบประมาณกว่า 5 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งแท่นน้ำดื่มแต่ละแท่นแล้วเสร็จ การประปานครหลวงจะมอบแท่นน้ำดื่มดังกล่าวให้เป็นทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ประโยชน์ในลานกีฬาตามโครงการพัฒนาลานกีฬาเพื่อยกระดับมาตรฐานเป็นศูนย์กีฬาชุมชนต่อไป ทั้งนี้ การประปานครหลวงได้มีการส่งมอบแท่นน้ำดื่มในลานกีฬาจุดแรกที่ศูนย์กีฬาชุมชนสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แล้วเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา
(30 พ.ย.53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการการประปานครหลวง ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงการติดตั้งแท่นน้ำดื่ม ณ ลานกีฬากรุงเทพมหานคร ระหว่างกรุงเทพมหานคร และการประปานครหลวง ณ ห้องปิยราษฎร์ สำนักงานใหญ่ การประปานครหลวง ถนนประชาชื่น โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการอำนวยประโยชน์ให้แก่สังคม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่มาใช้ลานกีฬากรุงเทพมหานครในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ได้มีน้ำดื่มที่มีคุณภาพตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาใช้บริการด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยได้ออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นนโยบายที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้คนกรุงเทพฯมีพฤติกรรมการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นกิจวัตร จึงจัดให้มีสถานที่ให้บริการในการออกกำลังกายและเล่นกีฬากระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ อาทิ ศูนย์กีฬา ศูนย์เยาวชน สวนสาธารณะ และลานกีฬา ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้ที่พักอาศัย อยู่ในชุมชนมีความสะดวกในการมาใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ จำนวน 1,251 แห่ง และเพื่อเป็นการปรับปรุงด้านกายภาพและยกระดับลานกีฬาประเภท A ให้เป็นศูนย์กีฬาชุมชนที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาใช้บริการ จึงจัดทำโครงการพัฒนาลานกีฬาเพื่อยกระดับมาตรฐานเป็นศูนย์กีฬาชุมชน โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนและพัฒนายกระดับมาตรฐานลานกีฬาให้เป็นศูนย์กีฬาชุมชน
ผู้ว่าการการประปานครหลวง กล่าวว่า การประปานครหลวงได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนาลานกีฬาเพื่อยกระดับมาตรฐานเป็นศูนย์กีฬาชุมชน โดยติดตั้งแท่นน้ำดื่มในลานกีฬากรุงเทพมหานคร พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาทุกปี เพื่อให้ประชาชนที่มาใช้ลานกีฬากรุงเทพมหานครในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ได้มีน้ำดื่มที่มีคุณภาพตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณขยะ ขวดพลาสติก ซึ่งเป็นตัวการของปัญหาภาวะโลกร้อนด้วย โดยตั้งเป้าติดตั้งแท่นน้ำดื่มให้ได้ จำนวน 123 แห่งๆ ละ 1 แท่น ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลง ซึ่งจะทยอยติดตั้งปีละประมาณ 25 จุด ใช้งบประมาณกว่า 5 ล้านบาท และเมื่อติดตั้งแท่นน้ำดื่มแต่ละแท่นแล้วเสร็จ การประปานครหลวงจะมอบแท่นน้ำดื่มดังกล่าวให้เป็นทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ประโยชน์ในลานกีฬาตามโครงการพัฒนาลานกีฬาเพื่อยกระดับมาตรฐานเป็นศูนย์กีฬาชุมชนต่อไป ทั้งนี้ การประปานครหลวงได้มีการส่งมอบแท่นน้ำดื่มในลานกีฬาจุดแรกที่ศูนย์กีฬาชุมชนสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แล้วเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา
กทม.จับมือภาครัฐและเอกชน รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี
(30 พ.ย.53) นางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2553 พร้อมประชาสัมพันธ์โครงการกองทุนป้องกันและแก้ไขการใช้ความรุนแรงในครอบครัว โดยมีนางอารุณี รัศมิทัต ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. และตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มูลนิธิเพื่อนหญิง เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมเรดิสัน พระราม 9
วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
เปิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนราชทรัพย์ตามโครงการบ้านมั่นคง
เปิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนราชทรัพย์ตามโครงการบ้านมั่นคง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน “เปิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนราชทรัพย์(สังขปาน)” ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบางซื่อ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) และหน่วยงานภาคีต่างๆ พร้อมด้วยชาวชุมชน ร่วมกันจัดสร้างขึ้นตามนโยบายการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวชุมชน เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคโดยให้ชาวชุมชนเป็นศูนย์กลางและมีส่วนร่วม ในการวางแผน การตัดสินใจและการบริหารพื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับชุมชนราชทรัพย์เป็นชุมชนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงตั้งแต่ปี 2551 ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของชาวชุมชน และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชาวชุมชนจากสำนักงานทรัพย์สิน ฯ ส่งผลให้ชาวชุมชนราชทรัพย์มีการบริหารจัดการชุมชนที่แข็งแกร่ง ด้วยการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ชาวชุมชนราชทรัพย์ขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของชาวชุมชน ที่สามารถยืนหยัดพึ่งพาตนเอง ตลอดจนสามารถวางแผนจัดการพัฒนาปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและระบบสาธารณูปโภคภายในชุมชนได้เป็นอย่างดี
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน “เปิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนราชทรัพย์(สังขปาน)” ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบางซื่อ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) และหน่วยงานภาคีต่างๆ พร้อมด้วยชาวชุมชน ร่วมกันจัดสร้างขึ้นตามนโยบายการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวชุมชน เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคโดยให้ชาวชุมชนเป็นศูนย์กลางและมีส่วนร่วม ในการวางแผน การตัดสินใจและการบริหารพื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับชุมชนราชทรัพย์เป็นชุมชนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงตั้งแต่ปี 2551 ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของชาวชุมชน และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชาวชุมชนจากสำนักงานทรัพย์สิน ฯ ส่งผลให้ชาวชุมชนราชทรัพย์มีการบริหารจัดการชุมชนที่แข็งแกร่ง ด้วยการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ชาวชุมชนราชทรัพย์ขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของชาวชุมชน ที่สามารถยืนหยัดพึ่งพาตนเอง ตลอดจนสามารถวางแผนจัดการพัฒนาปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและระบบสาธารณูปโภคภายในชุมชนได้เป็นอย่างดี
สรุปข่าวบริการสำนักงานเขต
สรุปข่าวบริการสำนักงานเขต
สำนักงานเขตต่างๆ ของกรุงเทพมหานครพร้อมบริการทุ่มเทการทำงาน เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ดังนี้
เขตภาษีเจริญ น.ส.วิภาวี พงศ์พิริยะวนิช ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ กทม. แจ้งว่า ในวันที่ 2 ธ.ค. 53 เวลา 09.00 น. เขตฯ จะดำเนินการพัฒนาทำความสะอาดบริเวณวัดนิมมานรดี เขตภาษีเจริญ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 โดยจะมีการพัฒนาเก็บกวาดศาสนสถาน เช่น อุโบสถ ลานวัด การทำความสะอาดพระพุทธรูป ประติมากรรมต่างๆ รวมไปถึงการเก็บกวาด ใบไม้ กิ่งไม้ ขยะมูลฝอย ตัดแต่งกิ่งไม้ เก็บวัสดุและสิ่งของไม่ประสงค์ใช้ภายในบริเวณวัด การขัดล้างห้องสุขาและตัดแต่งกิ่งไม้เพื่อปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบวัดดูสะอาดร่มรื่นเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม
เขตสวนหลวง นายประเวศ เพียรธรรม ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง กทม. กล่าวว่า ในวันที่ 2 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป เขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ตัดแต่งต้นชาดัดบริเวณเกาะกลางถนนศรีนครินทร์ เตรียมพื้นที่เพื่อจัดทำสวนหย่อม ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ บริเวณถนนพระรามเก้าตัดกับถนนกรุงเทพ-ชลบุรี เพื่อความสวยงามเป็นระเบียบ สร้างทัศนียภาพให้แก่ผู้ที่ใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวและเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามนโยบายของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร / เวลา 16.00-18.00 น. เขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เข้าตรวจเยี่ยมชุมชนพัฒนาคลองสะแก ซ.พัฒนาการ 20 แยก 1 เพื่อรับทราบและหาทางแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ขยะตกค้าง ท่อระบายน้ำอุดตัน ไม่มีไฟฟ้าสาธารณะ ถนนชำรุด เป็นต้น รวมทั้งจัดหน่วยบริการตัดผมฟรี ทำหมันสุนัข-แมวฟรีแก่ประชาชนในชุมชนและละแวกใกล้เคียงด้วย
เขตบางซื่อ นายธัชชัย ลิ้มพิบูลย์ ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมแอโรบิคเพื่อสุขภาพสำหรับประชาชนในพื้นที่ ดังนี้ ลานกีฬามาเวลล์ จัดกิจกรรมแอโรบิควันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ เวลา 08.00-19.00 น. ลานกีฬาชุมชนบ้านพักรถไฟก่อสร้าง จัดกิจกรรมแอโรบิควันจันทร์–ศุกร์ เวลา 07.30-18.30 น. ลานกีฬาชุมชนบุญเหลือ 1 จัดกิจกรรมวันอังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ เวลา 17.30-18.30 น. และลานเอนกประสงค์ชุมชนหัวรถจักรตึกแดง จัดกิจกรรมวันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ เวลา 17.00-18.00 น.
สำนักงานเขตต่างๆ ของกรุงเทพมหานครพร้อมบริการทุ่มเทการทำงาน เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ดังนี้
เขตภาษีเจริญ น.ส.วิภาวี พงศ์พิริยะวนิช ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ กทม. แจ้งว่า ในวันที่ 2 ธ.ค. 53 เวลา 09.00 น. เขตฯ จะดำเนินการพัฒนาทำความสะอาดบริเวณวัดนิมมานรดี เขตภาษีเจริญ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 โดยจะมีการพัฒนาเก็บกวาดศาสนสถาน เช่น อุโบสถ ลานวัด การทำความสะอาดพระพุทธรูป ประติมากรรมต่างๆ รวมไปถึงการเก็บกวาด ใบไม้ กิ่งไม้ ขยะมูลฝอย ตัดแต่งกิ่งไม้ เก็บวัสดุและสิ่งของไม่ประสงค์ใช้ภายในบริเวณวัด การขัดล้างห้องสุขาและตัดแต่งกิ่งไม้เพื่อปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบวัดดูสะอาดร่มรื่นเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม
เขตสวนหลวง นายประเวศ เพียรธรรม ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง กทม. กล่าวว่า ในวันที่ 2 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป เขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ตัดแต่งต้นชาดัดบริเวณเกาะกลางถนนศรีนครินทร์ เตรียมพื้นที่เพื่อจัดทำสวนหย่อม ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ บริเวณถนนพระรามเก้าตัดกับถนนกรุงเทพ-ชลบุรี เพื่อความสวยงามเป็นระเบียบ สร้างทัศนียภาพให้แก่ผู้ที่ใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวและเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามนโยบายของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร / เวลา 16.00-18.00 น. เขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เข้าตรวจเยี่ยมชุมชนพัฒนาคลองสะแก ซ.พัฒนาการ 20 แยก 1 เพื่อรับทราบและหาทางแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ขยะตกค้าง ท่อระบายน้ำอุดตัน ไม่มีไฟฟ้าสาธารณะ ถนนชำรุด เป็นต้น รวมทั้งจัดหน่วยบริการตัดผมฟรี ทำหมันสุนัข-แมวฟรีแก่ประชาชนในชุมชนและละแวกใกล้เคียงด้วย
เขตบางซื่อ นายธัชชัย ลิ้มพิบูลย์ ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมแอโรบิคเพื่อสุขภาพสำหรับประชาชนในพื้นที่ ดังนี้ ลานกีฬามาเวลล์ จัดกิจกรรมแอโรบิควันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ เวลา 08.00-19.00 น. ลานกีฬาชุมชนบ้านพักรถไฟก่อสร้าง จัดกิจกรรมแอโรบิควันจันทร์–ศุกร์ เวลา 07.30-18.30 น. ลานกีฬาชุมชนบุญเหลือ 1 จัดกิจกรรมวันอังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ เวลา 17.30-18.30 น. และลานเอนกประสงค์ชุมชนหัวรถจักรตึกแดง จัดกิจกรรมวันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ เวลา 17.00-18.00 น.
เขตบางซื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทาง e-mail
เขตบางซื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทาง e-mail
นายธัชชัย ลิ้มพิบูลย์ ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม. แจ้งว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนที่รวดเร็วและทันสมัย เขตฯ เปิดให้บริการประชาชนในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทาง e-mail หากต้องการแสดงความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะใดๆ ต่อสำนักงานเขตบางซื่อ โปรดส่งข้อคิดเห็นของท่านมาที่ cknjanap@bangkok.go.th เพื่อสำนักงานเขตจะได้นำมาพัฒนาองค์กรต่อไป
นายธัชชัย ลิ้มพิบูลย์ ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม. แจ้งว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนที่รวดเร็วและทันสมัย เขตฯ เปิดให้บริการประชาชนในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทาง e-mail หากต้องการแสดงความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะใดๆ ต่อสำนักงานเขตบางซื่อ โปรดส่งข้อคิดเห็นของท่านมาที่ cknjanap@bangkok.go.th เพื่อสำนักงานเขตจะได้นำมาพัฒนาองค์กรต่อไป
บางพลัดรณรงค์ต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ
บางพลัดรณรงค์ต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ
น.ส.สุรีย์ วัชนะประพันธ์ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้จัดรณรงค์ต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกและสร้างวัฒนธรรมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ให้ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์สร้างราชการใสสะอาดของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ได้รณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อลดการทุจริตและประพฤติมิชอบ อีกทางหนึ่งด้วย หากผู้ใดพบเห็นการทุจริตสามารถแจ้งโดยตรงกับผู้อำนวยการเขตบางพลัด โทร. 0 2433 4295
น.ส.สุรีย์ วัชนะประพันธ์ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้จัดรณรงค์ต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกและสร้างวัฒนธรรมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ให้ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์สร้างราชการใสสะอาดของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ได้รณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อลดการทุจริตและประพฤติมิชอบ อีกทางหนึ่งด้วย หากผู้ใดพบเห็นการทุจริตสามารถแจ้งโดยตรงกับผู้อำนวยการเขตบางพลัด โทร. 0 2433 4295
หลายเขตจัดงานเทิดพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช
หลายเขตจัดงานเทิดพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช
เขตคลองสามวา นายนราธิป ภัทรวิมล ผู้อำนวยการเขตคลองสามวา กทม. เปิดเผยว่า เขตฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่จัดงาน “เฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช” ขึ้น ในวันที่ 3 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 น. โดยมีหน่วยงาน สถานประกอบการ สถานศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขต ตัวแทนชุมชน สมาชิก อปพร. และประชาชนทั่วไป ร่วมพิธีลงนามถวายพระพร และวางพานพุ่มหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ สำนักงานเขตคลองสามวา
เขตบางซื่อ นายธัชชัย ลิ้มพิบูลย์ ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ร่วมกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตบางซื่อ สภาวัฒนธรรมเขตบางซื่อ สมาชิกสภาเขตบางซื่อ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่กำหนดจัดงาน “วันพ่อ” ประจำปี 2553 ในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ณ บริเวณสี่แยกบางโพ ถ.ประชาราษฎร์ สาย 1 เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีกิจกรรม ดังนี้ เวลา 17.30 น. เดินเทิดพระเกียรติจากบริเวณหน้าห้างเทสโก้โลตัส สาขาประชาชื่น ไปสิ้นสุดที่สี่แยกบางโพ เวลา 18.30 น. พิธีถวายเครื่องราชสักการะ เวลา 19.00 น. พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณพ่อตัวอย่างเขตบางซื่อ จำนวน 45 ราย และเวลา 19.29 น. พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล
เขตตลิ่งชัน นายวรภาส รุจิโภชน์ ผู้อำนวยการเขตตลิ่งชัน กทม. เปิดเผยว่า เขตฯ ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครเขต 12 สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตตลิ่งชัน สมาชิกสภาเขตตลิ่งชัน ประชาคมตลาดน้ำตลิ่งชัน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มมวลชนในพื้นที่ ได้กำหนดจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา “5 ธันวามหาราช” เพื่อแสดงแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ณ บริเวณสำนักงานเขตตลิ่งชัน ตั้งแต่เวลา 06.30 เป็นต้นไป สำหรับกิจกรรมประกอบด้วย การทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ จำนวน 89 รูป การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การประกวดเรียงความคำประพันธ์เทิดพระคุณพ่อ การคัดเลือกพ่อตัวอย่าง การแสดงเทิดพระเกียรติของนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตตลิ่งชัน พิธีถวายพานพุ่มเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร
เขตบางพลัด น.ส.สุรีย์ วัชนะประพันธ์ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กทม. แจ้งว่า เขตฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาคมเขตบางพลัด กำหนดจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติวันพ่อแห่งชาติ เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และมีส่วนร่วมในการถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา โดยกำหนดจัดในวันที่ 3 ธ.ค. 53 ณ บริเวณลานหน้าอาคารสำนักงานเขตบางพลัด กิจกรรมประกอบด้วย เวลา 06.30 น. พิธีตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง พระสงฆ์ จำนวน 84 รูป เวลา 15.30 น. ขบวนเชิญพานพุ่มเดินเทิดพระเกียรติจากโรงเรียนบูรณวิทย์ มายังสำนักงานเขตบางพลัด และเวลา 19.29 น. พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร
เขตบางขุนเทียน นายโสภณ โพธิสป ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน กทม. แจ้งว่า เขตฯ ร่วมกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนาพระราม 2 จำกัด สภาวัฒนธรรมเขตบางขุนเทียน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 06.30 น. เป็นต้นไป ณ สวนเซ็นทรัล พาร์ค พระราม 2 กิจกรรมประกอบด้วย การตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ จำนวน 84 รูป พิธีถวายพานพุ่ม หน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ กล่าวอาเศียรวาท และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา และในช่วงเวลา 19.19 น. ร่วมพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล พร้อมมลฑลพิธีท้องสนามหลวง
เขตดอนเมือง น.ส.อภิญญา ภาวสุทธิการ ผู้อำนวยการเขตดอนเมือง กทม. เปิดเผยว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม 2553 เขตฯ กำหนดจัดงาน “5 ธันวามหาราช” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายราชสักการะ และถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีภาครัฐ ภาคเอกชน พ่อค้าประชาชน ผู้แทนชุมชน พร้อมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขตดอนเมือง ร่วมจัดงานเพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกใน พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ โดยในวันที่ 3-5 ธ.ค. 53 เวลา 10.00–22.00 น. เขตฯ ได้กำหนดจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ ได้แก่ การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การเต้นแอโรบิคของ ชมรมแอโรบิคเขตดอนเมือง การจำลองงานวัดฟื้นตำนานรำวงย้อนยุค การเลือกซื้อสินค้าราคาถูก สินค้า OTOP พร้อมกับเลือกชิมอาหารอร่อยขึ้นชื่อ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจภายในชุมชน และวันที่ 5 ธ.ค. 53 เวลา 19.19 น. กำหนดจัดพิธีวางพานพุ่ม จุดเทียนชัยถวายพระพร ณ สำนักงานเขตดอนเมือง
เขตคลองสามวา นายนราธิป ภัทรวิมล ผู้อำนวยการเขตคลองสามวา กทม. เปิดเผยว่า เขตฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่จัดงาน “เฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช” ขึ้น ในวันที่ 3 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 น. โดยมีหน่วยงาน สถานประกอบการ สถานศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขต ตัวแทนชุมชน สมาชิก อปพร. และประชาชนทั่วไป ร่วมพิธีลงนามถวายพระพร และวางพานพุ่มหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ สำนักงานเขตคลองสามวา
เขตบางซื่อ นายธัชชัย ลิ้มพิบูลย์ ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ร่วมกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตบางซื่อ สภาวัฒนธรรมเขตบางซื่อ สมาชิกสภาเขตบางซื่อ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่กำหนดจัดงาน “วันพ่อ” ประจำปี 2553 ในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ณ บริเวณสี่แยกบางโพ ถ.ประชาราษฎร์ สาย 1 เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีกิจกรรม ดังนี้ เวลา 17.30 น. เดินเทิดพระเกียรติจากบริเวณหน้าห้างเทสโก้โลตัส สาขาประชาชื่น ไปสิ้นสุดที่สี่แยกบางโพ เวลา 18.30 น. พิธีถวายเครื่องราชสักการะ เวลา 19.00 น. พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณพ่อตัวอย่างเขตบางซื่อ จำนวน 45 ราย และเวลา 19.29 น. พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล
เขตตลิ่งชัน นายวรภาส รุจิโภชน์ ผู้อำนวยการเขตตลิ่งชัน กทม. เปิดเผยว่า เขตฯ ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครเขต 12 สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตตลิ่งชัน สมาชิกสภาเขตตลิ่งชัน ประชาคมตลาดน้ำตลิ่งชัน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มมวลชนในพื้นที่ ได้กำหนดจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา “5 ธันวามหาราช” เพื่อแสดงแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ณ บริเวณสำนักงานเขตตลิ่งชัน ตั้งแต่เวลา 06.30 เป็นต้นไป สำหรับกิจกรรมประกอบด้วย การทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ จำนวน 89 รูป การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การประกวดเรียงความคำประพันธ์เทิดพระคุณพ่อ การคัดเลือกพ่อตัวอย่าง การแสดงเทิดพระเกียรติของนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตตลิ่งชัน พิธีถวายพานพุ่มเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร
เขตบางพลัด น.ส.สุรีย์ วัชนะประพันธ์ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กทม. แจ้งว่า เขตฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาคมเขตบางพลัด กำหนดจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติวันพ่อแห่งชาติ เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และมีส่วนร่วมในการถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา โดยกำหนดจัดในวันที่ 3 ธ.ค. 53 ณ บริเวณลานหน้าอาคารสำนักงานเขตบางพลัด กิจกรรมประกอบด้วย เวลา 06.30 น. พิธีตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง พระสงฆ์ จำนวน 84 รูป เวลา 15.30 น. ขบวนเชิญพานพุ่มเดินเทิดพระเกียรติจากโรงเรียนบูรณวิทย์ มายังสำนักงานเขตบางพลัด และเวลา 19.29 น. พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร
เขตบางขุนเทียน นายโสภณ โพธิสป ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน กทม. แจ้งว่า เขตฯ ร่วมกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนาพระราม 2 จำกัด สภาวัฒนธรรมเขตบางขุนเทียน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 06.30 น. เป็นต้นไป ณ สวนเซ็นทรัล พาร์ค พระราม 2 กิจกรรมประกอบด้วย การตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ จำนวน 84 รูป พิธีถวายพานพุ่ม หน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ กล่าวอาเศียรวาท และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา และในช่วงเวลา 19.19 น. ร่วมพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล พร้อมมลฑลพิธีท้องสนามหลวง
เขตดอนเมือง น.ส.อภิญญา ภาวสุทธิการ ผู้อำนวยการเขตดอนเมือง กทม. เปิดเผยว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม 2553 เขตฯ กำหนดจัดงาน “5 ธันวามหาราช” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายราชสักการะ และถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีภาครัฐ ภาคเอกชน พ่อค้าประชาชน ผู้แทนชุมชน พร้อมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขตดอนเมือง ร่วมจัดงานเพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกใน พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ โดยในวันที่ 3-5 ธ.ค. 53 เวลา 10.00–22.00 น. เขตฯ ได้กำหนดจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ ได้แก่ การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การเต้นแอโรบิคของ ชมรมแอโรบิคเขตดอนเมือง การจำลองงานวัดฟื้นตำนานรำวงย้อนยุค การเลือกซื้อสินค้าราคาถูก สินค้า OTOP พร้อมกับเลือกชิมอาหารอร่อยขึ้นชื่อ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจภายในชุมชน และวันที่ 5 ธ.ค. 53 เวลา 19.19 น. กำหนดจัดพิธีวางพานพุ่ม จุดเทียนชัยถวายพระพร ณ สำนักงานเขตดอนเมือง
สภากทม. เร่งรัดการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตแห่งใหม่
สภากทม. เร่งรัดการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตแห่งใหม่
สภากรุงเทพมหานคร เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญติดตามเร่งรัดการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขต ด้าน นายคำรณ บำรุงรักษ์ ส.ก.เขตบางนา และนายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย กระตุ้นผู้บริหารกทม. เร่งดำเนินการก่อสร้างสำนักงานเขตที่มีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการอาคารสถานที่ทั้ง 28 สำนักงานเขต
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร เมื่อวันพุธที่ 24 พ.ย. 53 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบต่อญัตติของนายบำรุง รัตนะ ส.ก.เขตวังทองหลาง ที่ขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญติดตามเร่งรัดการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขต สืบเนื่องจากสภากรุงเทพมหานครได้ลงมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อพิจารณาญัตติขอให้กรุงเทพมหานครจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขต ก่อนให้ความเห็นชอบ ในคราวประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่1) ประจำปี 2550 จากการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ พบว่าสำนักงานเขตที่มีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการอาคารสถานที่มีจำนวน 28 สำนักงานเขต ได้แก่ สำนักงานเขตบางขุนเทียน พระโขนง ลาดกระบัง บางพลัด จอมทอง พญาไท หลักสี่ บางนา บางกอกน้อย ธนบุรี จตุจักร ลาดพร้าว วัฒนา สัมพันธวงศ์ ทวีวัฒนา ป้อมปราบศัตรูพ่าย คลองสามวา ตลิ่งชัน ราษฎร์บูรณะ บางรัก บางกอกใหญ่ คลองเตย วังทองหลาง มีนบุรี บางซื่อ ดุสิต ห้วยขวาง และภาษีเจริญ ทั้งนี้จากการพิจารณาคณะกรรมการฯ เห็นว่ากรุงเทพมหานครควรเร่งพิจารณาจัดหาที่ดินให้สำนักงานเขตได้ก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่ และสภากรุงเทพมหานครได้ลงมติเห็นชอบกับญัตติดังกล่าว ประกอบกับขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการพัฒนาที่ดินและอาคารของกรุงเทพมหานคร (กทอ.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุและที่ดินของกรุงเทพมหานครเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตบางรัก เห็นชอบในหลักการในการให้ใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ริมถนนบางขุนนนท์ กว่า 7 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตบางกอกน้อยแห่งใหม่ และเห็นชอบในหลักการให้ใช้ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตำบลวังทองหลาง เนื้อที่ 928.94 ตารางวา และที่ดิน เนื้อที่ 362.34 ตารางวา บริเวณ ซอยรามคำแหง 39 เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตวังทองหลางแห่งใหม่
กระตุ้นผู้บริหารกทม. ให้ความสำคัญ เร่งก่อสร้างเขตใหม่ ให้บริการประชาชน
ด้านนายคำรณ บำรุงรักษ์ ส.ก.เขตบางนา กล่าวว่า ผู้บริหารควรเร่งจัดสรรงบประมาณและดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้สำนักงานเขตมีอาคารสำหรับปฏิบัติงาน และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้านนายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า การออกแบบสำนักงานเขตแห่งใหม่ควรให้ความสำคัญในพื้นที่ใช้สอยเพียงพอและตรงตามความต้องการ รวมถึงวัสดุก่อสร้างต้องมีคุณภาพและควรควบคุมให้ตรงตามเนื้องานที่ออกแบบ ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตควรให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเหมาะสมในการออกแบบที่ตรงตามลักษณะการใช้งาน และต้องมีความรับผิดชอบกับเนื้องานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างเสร็จตามกำหนด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกรุงเทพมหานครในการให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตรงตามนโยบายอีกด้วย
กทม. พร้อมเดินหน้าระดมเงินเอกชน แก้ไขปัญหาสำนักงานเขตไร้ที่อยู่
จากนั้น ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้บริหารกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญและรับทราบถึงปัญหาและความจำเป็นในการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตแห่งใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีสำนักงานเขตที่กำลังประสบปัญหาในการบริการ เนื่องจากยังต้องเช่าพื้นที่เอกชนเป็นสำนักงานเขตเพื่อให้บริการประชาชน ทำให้ประชาชนไม่สะดวกในการมาติดต่อราชการ ทั้งนี้จากปัญหาที่เกิดขึ้นผู้บริหารพร้อมที่จะเดินหน้าในการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงสรรหาแหล่งเงินทุนจากเอกชน โดยการทำสัญญาผ่อนชำระ เพื่อนำเงินงบประมาณมาเร่งดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะต้องดูความเหมาะสมและความจำเป็นเร่งด่วนของสำนักงานเขตที่ประสบปัญหาอีกด้วย
สภากรุงเทพมหานคร เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญติดตามเร่งรัดการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขต ด้าน นายคำรณ บำรุงรักษ์ ส.ก.เขตบางนา และนายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย กระตุ้นผู้บริหารกทม. เร่งดำเนินการก่อสร้างสำนักงานเขตที่มีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการอาคารสถานที่ทั้ง 28 สำนักงานเขต
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร เมื่อวันพุธที่ 24 พ.ย. 53 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบต่อญัตติของนายบำรุง รัตนะ ส.ก.เขตวังทองหลาง ที่ขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญติดตามเร่งรัดการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขต สืบเนื่องจากสภากรุงเทพมหานครได้ลงมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อพิจารณาญัตติขอให้กรุงเทพมหานครจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขต ก่อนให้ความเห็นชอบ ในคราวประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่1) ประจำปี 2550 จากการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ พบว่าสำนักงานเขตที่มีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการอาคารสถานที่มีจำนวน 28 สำนักงานเขต ได้แก่ สำนักงานเขตบางขุนเทียน พระโขนง ลาดกระบัง บางพลัด จอมทอง พญาไท หลักสี่ บางนา บางกอกน้อย ธนบุรี จตุจักร ลาดพร้าว วัฒนา สัมพันธวงศ์ ทวีวัฒนา ป้อมปราบศัตรูพ่าย คลองสามวา ตลิ่งชัน ราษฎร์บูรณะ บางรัก บางกอกใหญ่ คลองเตย วังทองหลาง มีนบุรี บางซื่อ ดุสิต ห้วยขวาง และภาษีเจริญ ทั้งนี้จากการพิจารณาคณะกรรมการฯ เห็นว่ากรุงเทพมหานครควรเร่งพิจารณาจัดหาที่ดินให้สำนักงานเขตได้ก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่ และสภากรุงเทพมหานครได้ลงมติเห็นชอบกับญัตติดังกล่าว ประกอบกับขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการพัฒนาที่ดินและอาคารของกรุงเทพมหานคร (กทอ.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุและที่ดินของกรุงเทพมหานครเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตบางรัก เห็นชอบในหลักการในการให้ใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ริมถนนบางขุนนนท์ กว่า 7 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตบางกอกน้อยแห่งใหม่ และเห็นชอบในหลักการให้ใช้ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตำบลวังทองหลาง เนื้อที่ 928.94 ตารางวา และที่ดิน เนื้อที่ 362.34 ตารางวา บริเวณ ซอยรามคำแหง 39 เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตวังทองหลางแห่งใหม่
กระตุ้นผู้บริหารกทม. ให้ความสำคัญ เร่งก่อสร้างเขตใหม่ ให้บริการประชาชน
ด้านนายคำรณ บำรุงรักษ์ ส.ก.เขตบางนา กล่าวว่า ผู้บริหารควรเร่งจัดสรรงบประมาณและดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้สำนักงานเขตมีอาคารสำหรับปฏิบัติงาน และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้านนายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า การออกแบบสำนักงานเขตแห่งใหม่ควรให้ความสำคัญในพื้นที่ใช้สอยเพียงพอและตรงตามความต้องการ รวมถึงวัสดุก่อสร้างต้องมีคุณภาพและควรควบคุมให้ตรงตามเนื้องานที่ออกแบบ ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตควรให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเหมาะสมในการออกแบบที่ตรงตามลักษณะการใช้งาน และต้องมีความรับผิดชอบกับเนื้องานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างเสร็จตามกำหนด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกรุงเทพมหานครในการให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตรงตามนโยบายอีกด้วย
กทม. พร้อมเดินหน้าระดมเงินเอกชน แก้ไขปัญหาสำนักงานเขตไร้ที่อยู่
จากนั้น ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้บริหารกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญและรับทราบถึงปัญหาและความจำเป็นในการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตแห่งใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีสำนักงานเขตที่กำลังประสบปัญหาในการบริการ เนื่องจากยังต้องเช่าพื้นที่เอกชนเป็นสำนักงานเขตเพื่อให้บริการประชาชน ทำให้ประชาชนไม่สะดวกในการมาติดต่อราชการ ทั้งนี้จากปัญหาที่เกิดขึ้นผู้บริหารพร้อมที่จะเดินหน้าในการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงสรรหาแหล่งเงินทุนจากเอกชน โดยการทำสัญญาผ่อนชำระ เพื่อนำเงินงบประมาณมาเร่งดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะต้องดูความเหมาะสมและความจำเป็นเร่งด่วนของสำนักงานเขตที่ประสบปัญหาอีกด้วย
เขตจอมทองจัดยิ่งใหญ่เทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช 3-5 ธ.ค. 53 นี้
เขตจอมทองจัดยิ่งใหญ่เทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช 3-5 ธ.ค. 53 นี้
สำนักงานเขตจอมทองร่วมกับภาครัฐและเอกชน รวมใจจัดงานยิ่งใหญ่ เทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช สืบสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2553 ณ สำนักงานเขตจอมทอง
(29 พ.ย. 53) เวลา 10.00 น. : นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีแถลงข่าวการจัดงานเทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช สืบสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2553 ณ สำนักงานเขตจอมทอง โดยมีนายจรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตจอมทอง และผู้เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า งานเทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช สืบสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยสำนักงานเขตจอมทอง มีวัตถุประสงค์จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเป็นนักคิดและนักปฏิบัติ ทรงเป็นทั้งแรงบันดาลใจและความหวังของคนไทยทั้งในยามปกติ ในยามปิติยินดี ในยามประสบทุกข์ พระปรีชาสามารถของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่พสกนิกรชาวไทย จนถึงนานาประเทศทั่วโลก ทั้งในด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ดนตรี กีฬา เทคโนโลยี การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่เปี่ยมล้นด้วยพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาญาณ พระเมตตากรุณาและพระวิริยภาพที่งดงามสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน
สำหรับการจัดงานเทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2553 ณ สำนักงานเขตจอมทอง โดยภายในงานได้มีการจัดแสดงมากมาย อาทิ ศิลปวัฒนธรรมชุด พ่อแห่งแผ่นดิน ระบำทักษิณนารี ระบำศรีวิชัย การแสดงดนตรีของศิลปินชั้นนำ หญิง ธิติกาญจน์, นาตาลี สรีเพชร, กวาง สุภาวดี และกาญจนา มาศิริ ทั้งมีการแข่งขันชกมวยไทย รุ่นเด็ก รุ่นเยาวชน รุ่นประชาชนทั่วไป และการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยจากเยาวชน นอกจากนี้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 จะมีพิธีถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 85 รูป พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนและประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งการพัฒนาศาสนสถานในพื้นที่เขต ประกอบด้วย วัด 17 แห่ง โบสถ์แม่พระประจักษ์และมัสยิดนูรุ้ลยากีน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งนี้ตลอดวันงานจะมีการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP ชุมชนและสินค้าราคาถูกจากผู้ผลิตในพื้นที่ จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงาน ในวันและเวลาดังกล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2427 6672
สำนักงานเขตจอมทองร่วมกับภาครัฐและเอกชน รวมใจจัดงานยิ่งใหญ่ เทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช สืบสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2553 ณ สำนักงานเขตจอมทอง
(29 พ.ย. 53) เวลา 10.00 น. : นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีแถลงข่าวการจัดงานเทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช สืบสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2553 ณ สำนักงานเขตจอมทอง โดยมีนายจรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตจอมทอง และผู้เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า งานเทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช สืบสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยสำนักงานเขตจอมทอง มีวัตถุประสงค์จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเป็นนักคิดและนักปฏิบัติ ทรงเป็นทั้งแรงบันดาลใจและความหวังของคนไทยทั้งในยามปกติ ในยามปิติยินดี ในยามประสบทุกข์ พระปรีชาสามารถของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่พสกนิกรชาวไทย จนถึงนานาประเทศทั่วโลก ทั้งในด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ดนตรี กีฬา เทคโนโลยี การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่เปี่ยมล้นด้วยพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาญาณ พระเมตตากรุณาและพระวิริยภาพที่งดงามสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน
สำหรับการจัดงานเทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2553 ณ สำนักงานเขตจอมทอง โดยภายในงานได้มีการจัดแสดงมากมาย อาทิ ศิลปวัฒนธรรมชุด พ่อแห่งแผ่นดิน ระบำทักษิณนารี ระบำศรีวิชัย การแสดงดนตรีของศิลปินชั้นนำ หญิง ธิติกาญจน์, นาตาลี สรีเพชร, กวาง สุภาวดี และกาญจนา มาศิริ ทั้งมีการแข่งขันชกมวยไทย รุ่นเด็ก รุ่นเยาวชน รุ่นประชาชนทั่วไป และการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยจากเยาวชน นอกจากนี้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 จะมีพิธีถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 85 รูป พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนและประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งการพัฒนาศาสนสถานในพื้นที่เขต ประกอบด้วย วัด 17 แห่ง โบสถ์แม่พระประจักษ์และมัสยิดนูรุ้ลยากีน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งนี้ตลอดวันงานจะมีการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP ชุมชนและสินค้าราคาถูกจากผู้ผลิตในพื้นที่ จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงาน ในวันและเวลาดังกล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2427 6672
กทม. จัดคาราวานสร้างความสุขถ้วนหน้า ที่ 10 เขตน้ำท่วมริมเจ้าพระยา
กทม. จัดคาราวานสร้างความสุขถ้วนหน้า ที่ 10 เขตน้ำท่วมริมเจ้าพระยา
ส่งขบวนคาราวานความสุข ฟื้นฟูสภาพจิตใจชาวกรุงฯ ริมเจ้าพระยา ที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม ทั้ง 10 เขต ใน ธ.ค. นี้ หลังจากส่งนักเรียนอาชีวะช่วยซ่อมแซม ฟื้นฟูด้านกายภาพแล้ว
(29 พ.ย. 53) นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชกรุงเพทมหานคร ด้วยความห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากเหตุการณ์อุทกภัยระหว่างเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา จึงกำหนดจัด “โครงการคาราวานความสุข”ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้การฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และเพื่อเป็นการฟื้นฟูจิตใจและบริการทางด้านสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม 10 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ ดุสิต พระนคร สัมพันธวงศ์ บางคอแหลม บางพลัด บางกอกน้อย ธนบุรี ทั้งนี้กรุงเทพมหานครจะระดมทุกหน่วยงานเข้าไปจัดคาราวานแห่งความสุขในพื้นที่ โดยสำนักการโยธา จะจัดเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมพื้นอาคาร วงกบ ประตู หน้าต่าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าของอาคารที่ถูกน้ำท่วม สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว จัดกิจกรรมการแสดง และจัดหาเครื่องกีฬาให้โรงเรียนที่ได้รับความเดือดร้อน สำนักอนามัย จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ สำนักการศึกษา จัดหาถุงขนม เครื่องเขียนแบบเรียน สำนักพัฒนาสังคม จัดบริการตัดผมฟรี ฝึกอาชีพ 3-5 วิชาชีพ ตามความต้องการของประชาชน และซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีอีกด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดำเนินการซ่อมแซมพื้นอาคาร วงกบประตูหน้าต่างตลอดจนอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการฟื้นฟูทางด้านกายภาพให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในเบื้องต้น แก่ประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (นอกแนวป้องกัน) ที่เดือดร้อนเนื่องจากพื้นอาคารประตูหน้าต่างได้รับความเสียหาย
ส่งขบวนคาราวานความสุข ฟื้นฟูสภาพจิตใจชาวกรุงฯ ริมเจ้าพระยา ที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม ทั้ง 10 เขต ใน ธ.ค. นี้ หลังจากส่งนักเรียนอาชีวะช่วยซ่อมแซม ฟื้นฟูด้านกายภาพแล้ว
(29 พ.ย. 53) นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชกรุงเพทมหานคร ด้วยความห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากเหตุการณ์อุทกภัยระหว่างเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา จึงกำหนดจัด “โครงการคาราวานความสุข”ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้การฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และเพื่อเป็นการฟื้นฟูจิตใจและบริการทางด้านสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม 10 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ ดุสิต พระนคร สัมพันธวงศ์ บางคอแหลม บางพลัด บางกอกน้อย ธนบุรี ทั้งนี้กรุงเทพมหานครจะระดมทุกหน่วยงานเข้าไปจัดคาราวานแห่งความสุขในพื้นที่ โดยสำนักการโยธา จะจัดเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมพื้นอาคาร วงกบ ประตู หน้าต่าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าของอาคารที่ถูกน้ำท่วม สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว จัดกิจกรรมการแสดง และจัดหาเครื่องกีฬาให้โรงเรียนที่ได้รับความเดือดร้อน สำนักอนามัย จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ สำนักการศึกษา จัดหาถุงขนม เครื่องเขียนแบบเรียน สำนักพัฒนาสังคม จัดบริการตัดผมฟรี ฝึกอาชีพ 3-5 วิชาชีพ ตามความต้องการของประชาชน และซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีอีกด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดำเนินการซ่อมแซมพื้นอาคาร วงกบประตูหน้าต่างตลอดจนอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการฟื้นฟูทางด้านกายภาพให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในเบื้องต้น แก่ประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (นอกแนวป้องกัน) ที่เดือดร้อนเนื่องจากพื้นอาคารประตูหน้าต่างได้รับความเสียหาย
กทม. เปิดบ้านยิ้ม 2 เพิ่มเติมเป็นของขวัญรับปีใหม่ให้ข้าราชการ ลูกจ้าง
กทม. เปิดบ้านยิ้ม 2 เพิ่มเติมเป็นของขวัญรับปีใหม่ให้ข้าราชการ ลูกจ้าง
ขรก. ลูกจ้างกทม. ยิ้มรับปีใหม่ หลังผู้บริหารอนุมัติเปิดโครงการบ้านยิ้ม 2 (เพิ่มเติม) วงเงิน 1,090 ล้านบาท เป็นของขวัญ โดยจะเปิดให้ยื่นเอกสารในเดือน ก.พ. 54 และประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิในเดือน มี.ค. 54 คาดมีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000 ราย
(29 พ.ย. 53) ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 30/2553 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับโครงการบ้านยิ้ม 2 (เพิ่มเติม) ซึ่งทีประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการจัดสวัสดิการที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันพุธที่ 17 พ.ย.53 ได้มีมติให้เปิดโครงการบ้านยิ้ม 2 (เพิ่มเติม) โดยมียอดวงเงินสำหรับโครงการ จำนวน 1,090 ล้านบาท เพื่อให้ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครได้เลือกซื้อที่อยู่อาศัย ปลูกบ้าน ซ่อมบ้าน หรือทำสัญญาเงินกู้ใหม่ (Refinance) ในวงเงินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 30 ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือข้าราชการและลูกจ้างกทม. ให้ได้รับการช่วยเหลือเป็นสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ราย
โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้จัดให้มีโครงการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร โครงการบ้านยิ้ม 1 และ 2 มีผู้ได้รับสิทธิขอสินเชื่อ จำนวน 4,944 ราย ได้รับอนุมัติสินเชื่อ จำนวน 2,294 ราย ไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ จำนวน 2,650 ราย วงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 1,859.85 ล้านบาท จากวงวงเงินที่ตั้งไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งในครั้งนี้มียอดวงเงินสำหรับโครงการ จำนวน 1,090 ล้านบาท ที่จะเปิดให้ข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร สามารถขอใช้สิทธิได้ในครั้งนี้ โดยจะยังคงใช้หลักเกณฑ์และแนวทางในการให้สิทธิเหมือนโครงการเดิม ซี่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน (ธ.ค. 53 – ม.ค. 54) ในการประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานครทุกหน่วยงานทราบ
ทั้งนี้ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการยื่นเอกสารหลักฐานประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง หนังสือรับรองเงินเดือน และสำเนาใบเสร็จรับเงินการผ่อนค่างวดเดือนล่าสุด (กรณี Refinance) ได้ที่สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย ตั้งแต่เดือน ก.พ. 54 เป็นต้นไป และคาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิขอสินเชื่อโครงการฯ ได้ในเดือน มี.ค. 54 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย กทม. โทร. 0 2538 9538, 0 2538 8067
ขรก. ลูกจ้างกทม. ยิ้มรับปีใหม่ หลังผู้บริหารอนุมัติเปิดโครงการบ้านยิ้ม 2 (เพิ่มเติม) วงเงิน 1,090 ล้านบาท เป็นของขวัญ โดยจะเปิดให้ยื่นเอกสารในเดือน ก.พ. 54 และประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิในเดือน มี.ค. 54 คาดมีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000 ราย
(29 พ.ย. 53) ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 30/2553 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับโครงการบ้านยิ้ม 2 (เพิ่มเติม) ซึ่งทีประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการจัดสวัสดิการที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันพุธที่ 17 พ.ย.53 ได้มีมติให้เปิดโครงการบ้านยิ้ม 2 (เพิ่มเติม) โดยมียอดวงเงินสำหรับโครงการ จำนวน 1,090 ล้านบาท เพื่อให้ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครได้เลือกซื้อที่อยู่อาศัย ปลูกบ้าน ซ่อมบ้าน หรือทำสัญญาเงินกู้ใหม่ (Refinance) ในวงเงินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 30 ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือข้าราชการและลูกจ้างกทม. ให้ได้รับการช่วยเหลือเป็นสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ราย
โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้จัดให้มีโครงการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร โครงการบ้านยิ้ม 1 และ 2 มีผู้ได้รับสิทธิขอสินเชื่อ จำนวน 4,944 ราย ได้รับอนุมัติสินเชื่อ จำนวน 2,294 ราย ไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ จำนวน 2,650 ราย วงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 1,859.85 ล้านบาท จากวงวงเงินที่ตั้งไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งในครั้งนี้มียอดวงเงินสำหรับโครงการ จำนวน 1,090 ล้านบาท ที่จะเปิดให้ข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร สามารถขอใช้สิทธิได้ในครั้งนี้ โดยจะยังคงใช้หลักเกณฑ์และแนวทางในการให้สิทธิเหมือนโครงการเดิม ซี่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน (ธ.ค. 53 – ม.ค. 54) ในการประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานครทุกหน่วยงานทราบ
ทั้งนี้ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการยื่นเอกสารหลักฐานประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง หนังสือรับรองเงินเดือน และสำเนาใบเสร็จรับเงินการผ่อนค่างวดเดือนล่าสุด (กรณี Refinance) ได้ที่สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย ตั้งแต่เดือน ก.พ. 54 เป็นต้นไป และคาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิขอสินเชื่อโครงการฯ ได้ในเดือน มี.ค. 54 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย กทม. โทร. 0 2538 9538, 0 2538 8067
กทม. ขยาย “แบบบ้านยิ้ม” โครงการ 2 บริการครบวงจรเป็นของขวัญชาวกรุงเทพฯ
กทม. ขยาย “แบบบ้านยิ้ม” โครงการ 2 บริการครบวงจรเป็นของขวัญชาวกรุงเทพฯ
ของขวัญปีใหม่สำหรับชาวกรุงเทพฯ ที่เตรียมสร้างบ้านใหม่ กทม. จับมือสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านแจกแบบบ้านเพิ่มอีก 50 แบบ พร้อมเสนอผู้รับเหมาคุณภาพ และ 5 แบงก์พร้อมปล่อยกู้ เริ่มมีนาคมปีหน้า
(29 พ.ย. 53) นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักพัฒนาที่อยู่อาศัย(สพอ.) ร่วมกับสำนักการโยธา ได้จัดทำ “บ้านยิ้ม...เพื่อประชาชน” จำนวน 100 แบบ โดยรวบรวมแบบบ้านจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาให้บริการแก่ประชาชน ตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั้น ปรากฏว่ามีผู้สนใจมาติดต่อขอรับแบบบ้านฟรีจากสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย และสำนักการโยธา ระหว่าง 15 พ.ค. - 4 มิ.ย. 53 จำนวน 480 ราย และติดต่อขอรับที่สำนักงานเขต ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา จำนวน 213 ราย
เพื่อเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับสมาคมธุรกิจ-รับสร้างบ้าน ขยายผลเพิ่มเติมในการทำแบบบ้านเพื่อแจกให้ประชาชนอีก จำนวน 50 แบบ พร้อมทั้งเตรียมผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ เพื่อรับปลูกสร้างบ้านคุณภาพในราคาเหมาะสม จำนวน 45 ราย พร้อมทั้งประสานสถาบันการเงินรองรับการปลูกสร้างบ้าน และปล่อยสินเชื่อในเงื่อนไขพิเศษ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ธ. ไทยพาณิชย์ ธ.กสิกรไทย ธ.กรุงเทพ ธ.ออมสิน และธ.กรุงศรีอยุธนา ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มแจกแบบบ้านให้ประชาชนได้ในเดือนมีนาคม 2554
สำหรับแบบบ้านยิ้มที่ออกมาจะมีหน้าตาและรูปแบบที่ทันสมัย สามารถเลือกได้ตามการใช้สอยของพื้นที่ หรือตามขนาดพื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่น้อยกว่า 80 ตารางเมตร, ขนาด 80-150 ตารางเมตร และมากกว่า 150 ตารางเมตร หรือเลือกแบบตามระดับราคาค่าก่อสร้างของบ้าน มีตั้งแต่ระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท – 5 ล้านบาท เป้าหมายจะขยายต่อไปให้ครบถึง 500 แบบในปี 2555
ของขวัญปีใหม่สำหรับชาวกรุงเทพฯ ที่เตรียมสร้างบ้านใหม่ กทม. จับมือสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านแจกแบบบ้านเพิ่มอีก 50 แบบ พร้อมเสนอผู้รับเหมาคุณภาพ และ 5 แบงก์พร้อมปล่อยกู้ เริ่มมีนาคมปีหน้า
(29 พ.ย. 53) นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักพัฒนาที่อยู่อาศัย(สพอ.) ร่วมกับสำนักการโยธา ได้จัดทำ “บ้านยิ้ม...เพื่อประชาชน” จำนวน 100 แบบ โดยรวบรวมแบบบ้านจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาให้บริการแก่ประชาชน ตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั้น ปรากฏว่ามีผู้สนใจมาติดต่อขอรับแบบบ้านฟรีจากสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย และสำนักการโยธา ระหว่าง 15 พ.ค. - 4 มิ.ย. 53 จำนวน 480 ราย และติดต่อขอรับที่สำนักงานเขต ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา จำนวน 213 ราย
เพื่อเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับสมาคมธุรกิจ-รับสร้างบ้าน ขยายผลเพิ่มเติมในการทำแบบบ้านเพื่อแจกให้ประชาชนอีก จำนวน 50 แบบ พร้อมทั้งเตรียมผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ เพื่อรับปลูกสร้างบ้านคุณภาพในราคาเหมาะสม จำนวน 45 ราย พร้อมทั้งประสานสถาบันการเงินรองรับการปลูกสร้างบ้าน และปล่อยสินเชื่อในเงื่อนไขพิเศษ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ธ. ไทยพาณิชย์ ธ.กสิกรไทย ธ.กรุงเทพ ธ.ออมสิน และธ.กรุงศรีอยุธนา ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มแจกแบบบ้านให้ประชาชนได้ในเดือนมีนาคม 2554
สำหรับแบบบ้านยิ้มที่ออกมาจะมีหน้าตาและรูปแบบที่ทันสมัย สามารถเลือกได้ตามการใช้สอยของพื้นที่ หรือตามขนาดพื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่น้อยกว่า 80 ตารางเมตร, ขนาด 80-150 ตารางเมตร และมากกว่า 150 ตารางเมตร หรือเลือกแบบตามระดับราคาค่าก่อสร้างของบ้าน มีตั้งแต่ระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท – 5 ล้านบาท เป้าหมายจะขยายต่อไปให้ครบถึง 500 แบบในปี 2555
ตรวจมะเร็งเต้านมฟรี 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. นี้ ที่ รพ.ตากสิน
ตรวจมะเร็งเต้านมฟรี 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. นี้ ที่ รพ.ตากสิน
กทม. ส่งเสริมและสนับสนุนประชาชนตรวจ ป้องกัน รู้เท่าทันมะเร็งเต้านม จัดกิจกรรมตรวจ คัดกรอง และรณรงค์ให้ดูแล รักษาสุขภาพอย่างถูกวิธีเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ร่วมกิจกรรมฟรี 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. 53 ที่โรงพยาบาลตากสิน
(29 พ.ย. 53) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันรู้ทันมะเร็งเต้านม เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 5 ธ.ค. 53 ณ ห้องประชุมลิมอักษร อาคารอำนวยการ โรงพยาบาลตากสิน โดยกิจกรรมดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. 53 เวลา 07.30–15.00 น. อาทิ ประชุมวิชาการรู้ทันมะเร็งเต้านม บริการตรวจหาความผิดปกติของเต้านมโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วยมือ คัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม สาธิตการทำเต้านมเทียม และจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง เช่น การตรวจหาความผิดปกติของเต้านมด้วยตนเอง การปฏิบัติตนหลังผ่าตัด คัดกรองและค้นหาโรคมะเร็งตั้งแต่ยังไม่ปรากฏอาการ ป้องกันและลดความเสี่ยงต่อภาวะโรคมะเร็งเต้านม เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ดูแลรักษาและปฏิบัติตนเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างถูกวิธี อีกทั้งส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม
พญ.มาลินี กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรงมะเร็งเต้านมมียอดสูงขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการจัดโครงการรู้ทันมะเร็งเต้านม เฉลิมพระเกียรติ ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่สร้างเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง ส่งเสริมให้มีการป้องกันและลดจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยในการรักษาพยาบาล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแม้จะมีการตรวจพบมะเร็งเต้านมน้อยกว่ามะเร็งปากมดลูก แต่อัตราการเสียชีวิตมีมากกว่า ซึ่งสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมเกิดจากพันธุกรรม มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม การไม่มีบุตร ทำงานดึก เครียด ออกกำลังกายน้อย รับประทานอาหารที่มีไขมันมาก อ้วน ดื่มสุรา มีประจำเดือนเร็วกว่า 12 ปี หมดหลัง 55 ปี ซึ่งประชาชนสามารถตรวจเต้านมด้วยตัวเอง ร่วมกับการทำแมมโมแกรมเพื่อป้องกันและรู้เท่าทันโรคมะเร็งด้วยตนเองได้
ปัจจุบันพบผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเป็นอันดับ 1 แซงหน้าโรคมะเร็งปากมดลูก โดยองค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency forResearch on Cancer : IARC) คาดการณ์ว่า ในปี 2553 ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านม จำนวน 13,184 คน เสียชีวิตประมาณ 4,665 ราย หรือ 12 รายต่อวัน ในขณะที่มะเร็งปากมดลูกคาดว่าจะมีผู้ป่วยปีนี้ 10,465 ราย เสียชีวิต 5,517 ราย หรือ 15 รายต่อวัน
กทม. ส่งเสริมและสนับสนุนประชาชนตรวจ ป้องกัน รู้เท่าทันมะเร็งเต้านม จัดกิจกรรมตรวจ คัดกรอง และรณรงค์ให้ดูแล รักษาสุขภาพอย่างถูกวิธีเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ร่วมกิจกรรมฟรี 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. 53 ที่โรงพยาบาลตากสิน
(29 พ.ย. 53) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันรู้ทันมะเร็งเต้านม เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 5 ธ.ค. 53 ณ ห้องประชุมลิมอักษร อาคารอำนวยการ โรงพยาบาลตากสิน โดยกิจกรรมดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. 53 เวลา 07.30–15.00 น. อาทิ ประชุมวิชาการรู้ทันมะเร็งเต้านม บริการตรวจหาความผิดปกติของเต้านมโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วยมือ คัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม สาธิตการทำเต้านมเทียม และจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง เช่น การตรวจหาความผิดปกติของเต้านมด้วยตนเอง การปฏิบัติตนหลังผ่าตัด คัดกรองและค้นหาโรคมะเร็งตั้งแต่ยังไม่ปรากฏอาการ ป้องกันและลดความเสี่ยงต่อภาวะโรคมะเร็งเต้านม เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ดูแลรักษาและปฏิบัติตนเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างถูกวิธี อีกทั้งส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม
พญ.มาลินี กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรงมะเร็งเต้านมมียอดสูงขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการจัดโครงการรู้ทันมะเร็งเต้านม เฉลิมพระเกียรติ ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่สร้างเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง ส่งเสริมให้มีการป้องกันและลดจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยในการรักษาพยาบาล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแม้จะมีการตรวจพบมะเร็งเต้านมน้อยกว่ามะเร็งปากมดลูก แต่อัตราการเสียชีวิตมีมากกว่า ซึ่งสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมเกิดจากพันธุกรรม มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม การไม่มีบุตร ทำงานดึก เครียด ออกกำลังกายน้อย รับประทานอาหารที่มีไขมันมาก อ้วน ดื่มสุรา มีประจำเดือนเร็วกว่า 12 ปี หมดหลัง 55 ปี ซึ่งประชาชนสามารถตรวจเต้านมด้วยตัวเอง ร่วมกับการทำแมมโมแกรมเพื่อป้องกันและรู้เท่าทันโรคมะเร็งด้วยตนเองได้
ปัจจุบันพบผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเป็นอันดับ 1 แซงหน้าโรคมะเร็งปากมดลูก โดยองค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency forResearch on Cancer : IARC) คาดการณ์ว่า ในปี 2553 ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านม จำนวน 13,184 คน เสียชีวิตประมาณ 4,665 ราย หรือ 12 รายต่อวัน ในขณะที่มะเร็งปากมดลูกคาดว่าจะมีผู้ป่วยปีนี้ 10,465 ราย เสียชีวิต 5,517 ราย หรือ 15 รายต่อวัน
โบว์ลิ่งการกุศลชิงถ้วยพระราชทานพระองค์เจ้าโสมสวลี
โบว์ลิ่งการกุศลชิงถ้วยพระราชทานพระองค์เจ้าโสมสวลี
(27 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันโบว์ลิ่งชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และถ้วยเกียรติยศ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในรายการ LMM RACING โดยมี ดร.วีระเดช จิตศักดานนท์ ประธานกรรมการจัดการแข่งขัน พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ ประธานที่ปรึกษาชมรมคริสเตียนชีวิตมหัศจรรย์ และนายซีรอซันคาร ปาทาน ผู้อำนวยการเขตบางกะปิ ร่วมพิธีเปิด ณ SF Strike Bowl BKP ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งรายได้จากการแข่งขันทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระกุศลตามพระราชอัธยาศัย สนับสนุนโครงการสมานฉันท์ พัฒนาจริยธรรมในสังคม และสนับสนุนกิจกรรมของชมรมคริสเตียนชีวิตมหัศจรรย์
ทั้งนี้การแข่งขันเป็นประเภททีม 3 คนไม่จำกัดเพศและอายุ แข่งขันระบบคู่สไตร์ท–คี่สแปร์ พินล้มเหลือคู่เป็นสไตร์ท เหลือคี่เป็นสแปร์ โดยทีมชนะเลิศได้รับถ้วยประทานเกียรติยศ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 และอันดับ 2 ประเภทคะแนนรวม 2 เกมสูงสุดบุคคลชายและหญิง และประเภทคะแนนรวมเกมเดียวสูงสุดบุคคลชายและหญิง ได้รับถ้วยเกียรติยศของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ทีมที่ทำคะแนนได้อันดับรองสุดท้าย รับรางวัลปลอบใจประเภทบู้บี้ เป็นถ้วยแห่งกำลังใจของ ม.ร.ว.สมลาภ กิติยากร ราชเลขาธิการฯ ในกองงานพระวรราชาทินัดดามาตุ
(27 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันโบว์ลิ่งชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และถ้วยเกียรติยศ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในรายการ LMM RACING โดยมี ดร.วีระเดช จิตศักดานนท์ ประธานกรรมการจัดการแข่งขัน พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ ประธานที่ปรึกษาชมรมคริสเตียนชีวิตมหัศจรรย์ และนายซีรอซันคาร ปาทาน ผู้อำนวยการเขตบางกะปิ ร่วมพิธีเปิด ณ SF Strike Bowl BKP ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งรายได้จากการแข่งขันทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระกุศลตามพระราชอัธยาศัย สนับสนุนโครงการสมานฉันท์ พัฒนาจริยธรรมในสังคม และสนับสนุนกิจกรรมของชมรมคริสเตียนชีวิตมหัศจรรย์
ทั้งนี้การแข่งขันเป็นประเภททีม 3 คนไม่จำกัดเพศและอายุ แข่งขันระบบคู่สไตร์ท–คี่สแปร์ พินล้มเหลือคู่เป็นสไตร์ท เหลือคี่เป็นสแปร์ โดยทีมชนะเลิศได้รับถ้วยประทานเกียรติยศ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 และอันดับ 2 ประเภทคะแนนรวม 2 เกมสูงสุดบุคคลชายและหญิง และประเภทคะแนนรวมเกมเดียวสูงสุดบุคคลชายและหญิง ได้รับถ้วยเกียรติยศของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ทีมที่ทำคะแนนได้อันดับรองสุดท้าย รับรางวัลปลอบใจประเภทบู้บี้ เป็นถ้วยแห่งกำลังใจของ ม.ร.ว.สมลาภ กิติยากร ราชเลขาธิการฯ ในกองงานพระวรราชาทินัดดามาตุ
วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สถานพยาบาลราชการนอกสังกัดกรุงเทพมหานครพร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงเพิ่มเติม
สถานพยาบาลราชการนอกสังกัดกรุงเทพมหานครพร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงเพิ่มเติม
นายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. แจ้งว่า สถานพยาบาลนอกสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครให้แก่สถานพยาบาลด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ เพิ่มอีกจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1. โรงพยาบาลแคนดง จ.บุรีรัมย์ 2. โรงพยาบาลลำดวน จ.สุรินทร์ และ 3. โรงพยาบาลนาหว้า จ.นครพนม
โดยข้าราชการ ลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร และข้าราชการบำนาญ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเพื่อเข้าสู่ระบบการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กรณีผู้ป่วยนอกสามารถใช้บริการได้หลังจากลงทะเบียน 15 วัน สำหรับผู้ป่วยในสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันทีที่สมัครลงทะเบียน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2224 0486 หรือโทร. 1663
นายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. แจ้งว่า สถานพยาบาลนอกสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครให้แก่สถานพยาบาลด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ เพิ่มอีกจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1. โรงพยาบาลแคนดง จ.บุรีรัมย์ 2. โรงพยาบาลลำดวน จ.สุรินทร์ และ 3. โรงพยาบาลนาหว้า จ.นครพนม
โดยข้าราชการ ลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร และข้าราชการบำนาญ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเพื่อเข้าสู่ระบบการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กรณีผู้ป่วยนอกสามารถใช้บริการได้หลังจากลงทะเบียน 15 วัน สำหรับผู้ป่วยในสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันทีที่สมัครลงทะเบียน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2224 0486 หรือโทร. 1663
มอบป้ายรับรองตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย
มอบป้ายรับรองตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย
นางวันทนีย์ วัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. แจ้งว่า กองสุขาภิบาลอาหาร สำนักอนามัย กำหนดจัดประชุมผู้ประกอบการตลาดและสำนักงานเขต ในวันที่ 2 ธ.ค. 53 เวลา 13.00–16.00 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เพื่อชี้แจงและติดตามเกี่ยวกับการแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาตลาดตามกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะของตลาด พ.ศ. 2551 กระตุ้นให้ผู้ประกอบการเร่งรัด พัฒนา แก้ไขปรับปรุงตลาดให้สอดคล้องตามกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะของตลาด พ.ศ. 2551 ที่ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 51 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 ม.ค. 54 และพัฒนาตลาดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งจัดพิธีมอบป้ายรับรองตลาดสะอาดให้มาตรฐานอาหารปลอดภัยแก่ผู้ประกอบการตลาดที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย เป็นการปลูกจิตสำนึก และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการตระหนัก ให้ความสำคัญในการดูแลพัฒนาตลาดมากขึ้น อีกทั้งร่วมส่งเสริม ประชาสัมพันธ์โครงการกรุงเทพฯ เมืองอาหารปลอดภัย
โครงการประกวดตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย มีเกณฑ์การประเมิน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม เช่น มีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ มีการจัดการ ดูแล และควบคุมบริเวณแผงทางเดินถนน ที่ตั้งรองรับมูลฝอยสาธารณะ ห้องน้ำห้องส้วมไม่มีกลิ่นเหม็น ด้านความปลอดภัยของอาหาร โดยการตรวจเฝ้าระวังสารเคมีปนเปื้อนในอาหาร 5 ชนิด ได้แก่ บอร์แรกซ์ ซาลิซิลิค สารฟอกขาว ฟอร์มาลิน และยาฆ่าแมลง ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ จัดให้มีสถานที่จัดบอร์ดให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในเรื่องอาหารปลอดภัย โภชนาการ สุขลักษณะตลาด และข่าวสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีเครื่องชั่งกลางที่ได้มาตรฐานไว้บริการผู้บริโภคในตลาดอย่างน้อย 1 จุด ติดป้ายแสดงราคาสินค้า
ทั้งนี้มีตลาดผ่านเกณฑ์การประเมินเพื่อรับป้ายรับรองตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย จำนวน 102 แห่ง ประกอบด้วย ตลาดประเภทที่ 1 ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของอาหารและการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 46 แห่ง แบ่งเป็น ระดับเพชร 17 แห่ง ระดับทอง 29 แห่ง ตลาดประเภทที่ 2 ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของอาหาร จำนวน 56 แห่ง แบ่งเป็น ระดับเงิน 27 แห่ง และระดับทองแดง 29 แห่ง
นางวันทนีย์ วัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. แจ้งว่า กองสุขาภิบาลอาหาร สำนักอนามัย กำหนดจัดประชุมผู้ประกอบการตลาดและสำนักงานเขต ในวันที่ 2 ธ.ค. 53 เวลา 13.00–16.00 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เพื่อชี้แจงและติดตามเกี่ยวกับการแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาตลาดตามกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะของตลาด พ.ศ. 2551 กระตุ้นให้ผู้ประกอบการเร่งรัด พัฒนา แก้ไขปรับปรุงตลาดให้สอดคล้องตามกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะของตลาด พ.ศ. 2551 ที่ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 51 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 ม.ค. 54 และพัฒนาตลาดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งจัดพิธีมอบป้ายรับรองตลาดสะอาดให้มาตรฐานอาหารปลอดภัยแก่ผู้ประกอบการตลาดที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย เป็นการปลูกจิตสำนึก และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการตระหนัก ให้ความสำคัญในการดูแลพัฒนาตลาดมากขึ้น อีกทั้งร่วมส่งเสริม ประชาสัมพันธ์โครงการกรุงเทพฯ เมืองอาหารปลอดภัย
โครงการประกวดตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย มีเกณฑ์การประเมิน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม เช่น มีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ มีการจัดการ ดูแล และควบคุมบริเวณแผงทางเดินถนน ที่ตั้งรองรับมูลฝอยสาธารณะ ห้องน้ำห้องส้วมไม่มีกลิ่นเหม็น ด้านความปลอดภัยของอาหาร โดยการตรวจเฝ้าระวังสารเคมีปนเปื้อนในอาหาร 5 ชนิด ได้แก่ บอร์แรกซ์ ซาลิซิลิค สารฟอกขาว ฟอร์มาลิน และยาฆ่าแมลง ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ จัดให้มีสถานที่จัดบอร์ดให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในเรื่องอาหารปลอดภัย โภชนาการ สุขลักษณะตลาด และข่าวสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีเครื่องชั่งกลางที่ได้มาตรฐานไว้บริการผู้บริโภคในตลาดอย่างน้อย 1 จุด ติดป้ายแสดงราคาสินค้า
ทั้งนี้มีตลาดผ่านเกณฑ์การประเมินเพื่อรับป้ายรับรองตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย จำนวน 102 แห่ง ประกอบด้วย ตลาดประเภทที่ 1 ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของอาหารและการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 46 แห่ง แบ่งเป็น ระดับเพชร 17 แห่ง ระดับทอง 29 แห่ง ตลาดประเภทที่ 2 ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของอาหาร จำนวน 56 แห่ง แบ่งเป็น ระดับเงิน 27 แห่ง และระดับทองแดง 29 แห่ง
กทม. เชิญร่วมกิจกรรมยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี 30 พ.ย. นี้
กทม. เชิญร่วมกิจกรรมยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี 30 พ.ย. นี้
นายนภดล สะวิคามิน รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. แจ้งว่า สำนักพัฒนาสังคม กำหนดจัดกิจกรรม “รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2553” ในวันที่ 30 พ.ย. 53 เวลา 08.00–13.00 น. ณ ห้องเรดิสัน บอลรูม โรงแรมเรดิสัน เขตห้วยขวาง เพื่อสร้างความเข้าใจ ให้ความรู้ และตระหนักถึงสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว ตลอดจนประชาสัมพันธ์กองทุนป้องกันและแก้ไขการใช้ความรุนแรงในครอบครัวให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชน และกลุ่มเป้าหมาย โดยมีประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 500 คน ร่วมงาน
สำหรับกิจกรรมในงานประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่อง กองทุนป้องกันและแก้ไขการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และการอภิปราย “เราจะร่วมกันหยุดความรุนแรงในครอบครัวของคนกทม.ได้อย่างไร” โดยวิทยากรจากสถาบันการอุดมศึกษา และคณะ
อนี่ง มติ ครม. เห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” เพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจและร่วมมือกันขจัดปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นมา โดยกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ได้ใช้ริบบิ้นสีขาวเป็นสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้ชายทุกคน รวมทั้งคนในสังคมได้ปรับเปลี่ยนเจตคติ และพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา และร่วมแสดงตน เป็นเครือข่ายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรง ในครอบครัวอย่างจริงจัง
นายนภดล สะวิคามิน รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. แจ้งว่า สำนักพัฒนาสังคม กำหนดจัดกิจกรรม “รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2553” ในวันที่ 30 พ.ย. 53 เวลา 08.00–13.00 น. ณ ห้องเรดิสัน บอลรูม โรงแรมเรดิสัน เขตห้วยขวาง เพื่อสร้างความเข้าใจ ให้ความรู้ และตระหนักถึงสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว ตลอดจนประชาสัมพันธ์กองทุนป้องกันและแก้ไขการใช้ความรุนแรงในครอบครัวให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชน และกลุ่มเป้าหมาย โดยมีประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 500 คน ร่วมงาน
สำหรับกิจกรรมในงานประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่อง กองทุนป้องกันและแก้ไขการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และการอภิปราย “เราจะร่วมกันหยุดความรุนแรงในครอบครัวของคนกทม.ได้อย่างไร” โดยวิทยากรจากสถาบันการอุดมศึกษา และคณะ
อนี่ง มติ ครม. เห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” เพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจและร่วมมือกันขจัดปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นมา โดยกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ได้ใช้ริบบิ้นสีขาวเป็นสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้ชายทุกคน รวมทั้งคนในสังคมได้ปรับเปลี่ยนเจตคติ และพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา และร่วมแสดงตน เป็นเครือข่ายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรง ในครอบครัวอย่างจริงจัง
18–19 ธ.ค. นี้ เชิญชมมหกรรมดนตรี Bangkok City Music Fest 2010
18–19 ธ.ค. นี้ เชิญชมมหกรรมดนตรี Bangkok City Music Fest 2010
กลับมาอีกครั้งมหกรรมดนตรีในสวน Bangkok City Music Fest 2010 โดยกทม. ร่วมกับ KPN Music และรีโวล์ มิวสิค ครีเอชั่น มอบของขวัญให้คนเมืองผ่านเสียงดนตรี 18–19 ธ.ค. นี้ ที่อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย
น.ส.ปราณี สัตยประกอบ รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. แจ้งว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถาบันดนตรีเคพีเอ็น และรีโวล์ มิวสิค ครีเอชั่น จัดงานมหกรรมดนตรีในสวน “Bangkok City Music Fest 2010” (แบงค์คอก ซิตี้ มิวสิค เฟสท์ 2010) ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 เพื่อมอบของขวัญผ่านเสียงดนตรีให้กับคนกรุงเทพฯ โดยในปีนี้ก็จะจัดขึ้น 2 วัน คือในวันที่ 18-19 ธันวาคม 2553 ณ อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. สนใจสอบถามรายละเอีดเพิ่มเติม ได้ที่ กองการสังคีต สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. โทร. 0 2246 0287
กลับมาอีกครั้งมหกรรมดนตรีในสวน Bangkok City Music Fest 2010 โดยกทม. ร่วมกับ KPN Music และรีโวล์ มิวสิค ครีเอชั่น มอบของขวัญให้คนเมืองผ่านเสียงดนตรี 18–19 ธ.ค. นี้ ที่อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย
น.ส.ปราณี สัตยประกอบ รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. แจ้งว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถาบันดนตรีเคพีเอ็น และรีโวล์ มิวสิค ครีเอชั่น จัดงานมหกรรมดนตรีในสวน “Bangkok City Music Fest 2010” (แบงค์คอก ซิตี้ มิวสิค เฟสท์ 2010) ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 เพื่อมอบของขวัญผ่านเสียงดนตรีให้กับคนกรุงเทพฯ โดยในปีนี้ก็จะจัดขึ้น 2 วัน คือในวันที่ 18-19 ธันวาคม 2553 ณ อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. สนใจสอบถามรายละเอีดเพิ่มเติม ได้ที่ กองการสังคีต สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. โทร. 0 2246 0287
สปภ. รายงานการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
สปภ. รายงานการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ผ่านมา สำนักป้องกันฯ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นไปอย่างเรียบร้อยและทันท่วงที โดยได้นำถุงยังชีพไปมอบให้ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยแล้ว 12 เขต ดังนี้ เขตพระนคร จำนวน 758 ครอบครัว เขตดุสิต จำนวน 583 ครอบครัว เขตบางกอกน้อย จำนวน 61 ครอบครัว เขตบางกอกใหญ่ จำนวน 51 ครอบครัว เขตบางพลัด จำนวน 167 ครอบครัว เขตธนบุรี จำนวน 18 ครอบครัว เขตคลองสาน จำนวน 17 ครอบครัว เขตทวีวัฒนา จำนวน 35 ครอบครัว เขตมีนบุรี จำนวน 553 ครอบครัว เขตบางเขน จำนวน 280 ครอบครัว เขตตลิ่งชัน จำนวน 20 ครอบครัว และเขตลาดกระบัง จำนวน 1,376 ครอบครัว รวม 3,919 ถุง
ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นเหตุสาธารณภัย โทรแจ้งได้ที่สายด่วน สปภ.กทม. 199
นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ผ่านมา สำนักป้องกันฯ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นไปอย่างเรียบร้อยและทันท่วงที โดยได้นำถุงยังชีพไปมอบให้ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยแล้ว 12 เขต ดังนี้ เขตพระนคร จำนวน 758 ครอบครัว เขตดุสิต จำนวน 583 ครอบครัว เขตบางกอกน้อย จำนวน 61 ครอบครัว เขตบางกอกใหญ่ จำนวน 51 ครอบครัว เขตบางพลัด จำนวน 167 ครอบครัว เขตธนบุรี จำนวน 18 ครอบครัว เขตคลองสาน จำนวน 17 ครอบครัว เขตทวีวัฒนา จำนวน 35 ครอบครัว เขตมีนบุรี จำนวน 553 ครอบครัว เขตบางเขน จำนวน 280 ครอบครัว เขตตลิ่งชัน จำนวน 20 ครอบครัว และเขตลาดกระบัง จำนวน 1,376 ครอบครัว รวม 3,919 ถุง
ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นเหตุสาธารณภัย โทรแจ้งได้ที่สายด่วน สปภ.กทม. 199
ชวนประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี
ชวนประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี
กทม. จัดประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี ส่งเสริมสุขภาพเด็กและผู้สูงอายุ ประเภทผู้สูงอายุสุขภาพดีรับสมัคร 7 ธ.ค. 53 – 7 ม.ค. 54 เด็กสุขภาพดีรับสมัคร 7–31 มี.ค. 54 ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง
นางมนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. เปิดเผยว่า กองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัยกำหนดจัดการประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี ประจำปี 2554 เพื่อส่งเสริมสุขภาพเด็กและผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร อีกทั้งสนับสนุนให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งการประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดีแบ่งเป็น 2 กลุ่มอายุ ได้แก่ กลุ่มอายุ 65–75 ปี และกลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไป นับอายุถึงวันที่ 31 ธ.ค. 53 ไม่เคยได้รับรางวัลการประกวดสุขภาพผู้สูงอายุของสำนักอนามัยยกเว้นเปลี่ยนรุ่นการประกวด เคยเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์บริการสาธารณสุขสาขาของสำนักอนามัย หรือสถานบริการสุขภาพภาครัฐ/เอกชนก่อนถึงวันประกวด โดยนำสำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมัครเข้าร่วมการประกวดได้ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 53 – 7 ม.ค. 54
สำหรับการประกวดเด็กสุขภาพดี แบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ ได้แก่ กลุ่มอายุตั้งแต่ 9 เดือนถึงต่ำกว่า 18 เดือน กลุ่มอายุ 18 เดือนถึงต่ำกว่า 36 เดือน และกลุ่มอายุ 36 เดือนถึง 72 เดือน นับอายุถึงวันที่ 31 มี.ค. 54 เป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับรางวัลการประกวดสุขภาพเด็กของสำนักอนามัยยกเว้นเปลี่ยนรุ่นการประกวด มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครหรืออาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครไม่น้อยกว่า 1 เดือน (มีผู้ลงนามรับรอง เช่น ผู้ปกครอง ผู้เลี้ยงดู พยาบาลเยี่ยมบ้านของศูนย์บริการสาธารณสุข) เคยรับบริการตรวจสุขภาพที่คลินิกเด็กสุขภาพดีของศูนย์บริการ หรือสถานบริการสุขภาพภาครัฐ/เอกชนก่อนถึงวันเข้าประกวด โดยให้นำสำเนาสูติบัตร พร้อมรับรองสำเนา และสมุดสุขภาพเด็กยื่นสมัครได้ระหว่างวันที่ 7–31 มี.ค. 54
ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมการประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี ติดต่อยื่นเอกสารการสมัครได้ที่ ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง สอบถามเพิ่มเติมที่ กลุ่มงานสร้างเสริมสุขภาพบุคคลและครอบครัว กองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย โทร. 0 2247 6026
กทม. จัดประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี ส่งเสริมสุขภาพเด็กและผู้สูงอายุ ประเภทผู้สูงอายุสุขภาพดีรับสมัคร 7 ธ.ค. 53 – 7 ม.ค. 54 เด็กสุขภาพดีรับสมัคร 7–31 มี.ค. 54 ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง
นางมนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. เปิดเผยว่า กองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัยกำหนดจัดการประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี ประจำปี 2554 เพื่อส่งเสริมสุขภาพเด็กและผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร อีกทั้งสนับสนุนให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งการประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดีแบ่งเป็น 2 กลุ่มอายุ ได้แก่ กลุ่มอายุ 65–75 ปี และกลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไป นับอายุถึงวันที่ 31 ธ.ค. 53 ไม่เคยได้รับรางวัลการประกวดสุขภาพผู้สูงอายุของสำนักอนามัยยกเว้นเปลี่ยนรุ่นการประกวด เคยเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์บริการสาธารณสุขสาขาของสำนักอนามัย หรือสถานบริการสุขภาพภาครัฐ/เอกชนก่อนถึงวันประกวด โดยนำสำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมัครเข้าร่วมการประกวดได้ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 53 – 7 ม.ค. 54
สำหรับการประกวดเด็กสุขภาพดี แบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ ได้แก่ กลุ่มอายุตั้งแต่ 9 เดือนถึงต่ำกว่า 18 เดือน กลุ่มอายุ 18 เดือนถึงต่ำกว่า 36 เดือน และกลุ่มอายุ 36 เดือนถึง 72 เดือน นับอายุถึงวันที่ 31 มี.ค. 54 เป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับรางวัลการประกวดสุขภาพเด็กของสำนักอนามัยยกเว้นเปลี่ยนรุ่นการประกวด มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครหรืออาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครไม่น้อยกว่า 1 เดือน (มีผู้ลงนามรับรอง เช่น ผู้ปกครอง ผู้เลี้ยงดู พยาบาลเยี่ยมบ้านของศูนย์บริการสาธารณสุข) เคยรับบริการตรวจสุขภาพที่คลินิกเด็กสุขภาพดีของศูนย์บริการ หรือสถานบริการสุขภาพภาครัฐ/เอกชนก่อนถึงวันเข้าประกวด โดยให้นำสำเนาสูติบัตร พร้อมรับรองสำเนา และสมุดสุขภาพเด็กยื่นสมัครได้ระหว่างวันที่ 7–31 มี.ค. 54
ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมการประกวดเด็กและผู้สูงอายุสุขภาพดี ติดต่อยื่นเอกสารการสมัครได้ที่ ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง สอบถามเพิ่มเติมที่ กลุ่มงานสร้างเสริมสุขภาพบุคคลและครอบครัว กองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย โทร. 0 2247 6026
กทม. ชวนเยาวชนร่วมทำความ 100 ความดี ถวายในหลวง
กทม. ชวนเยาวชนร่วมทำความ 100 ความดี ถวายในหลวง
ร่วมฉลองปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา และเป็นวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการสถาปนากิจการลูกเสือไทย ชวนลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดร่วมทำความดี 100 ความดี ให้ครบ 100 ล้าน ตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของลูกเสือไทย
(26 พ.ย. 53) เวลา 10.00 น. นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวโครงการ 100 ล้านความดี 100 ปี ลูกเสือไทย เทิดไท้องค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ โดยมี รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เนตรนารีเขต โรงเรียน ร่วมพิธี ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมแอมบาสเดอร์
กรุงเทพมหานครจัดโครงการ 100 ล้านความดี 100 ปี ลูกเสือไทย เทิดไท้องค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ ขึ้น เนื่องในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา และเป็นวาระครบรอบ 100 ปีแห่งการสถาปนากิจการลูกเสือไทย โดยคาดว่าจะสามารถเป็นแนวทางให้เยาวชนสร้างจริยธรรม คุณธรรม และประพฤติปฏิบัติตนอยู่บนพื้นฐานของความดีตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของลูกเสือ ซึ่งกรุงเทพมหานครจะรณรงค์ให้ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาดของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 436 แห่ง ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 200,000 คน ได้ร่วมกันกระทำความดีทั้งแก่ตนเอง ครอบครัวโรงเรียน ชุมชน และสังคม
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นอกจากโครงการลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดทำความดีคนละอย่างน้อย 100 ความดีด้วยความสมัครใจแล้ว กรุงเทพมหานครยังได้เตรียมจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างกระแสกระตุ้นการทำความดี เพื่อให้ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาดเกิดความศรัทธาและความมุ่งมั่นที่จะทำความดี อาทิ การประกาศผลการทำความดีโครงการ 100 ล้านความดีฯ การเดินสวนสนามในวันสถาปนาลูกเสือไทย การจัดให้ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดเดินทางไปถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลา 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป ทุกวันๆ ละ 2 โรงเรียน การจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ 50 เขตของกทม. โดยโครงการดังกล่าวจะมีการขยายผลไปยังโรงเรียนสังกัดอื่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และขยายต่อไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป
สำหรับพิธีมอบสมุดความดีอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 3 ธ.ค. 53 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 (หน้าสวนลุมพินี) โดยลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดที่กำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถขอรับสมุดทำความดีได้ที่โรงเรียน โดยเมื่อทำความดีในแต่ละครั้งจะมีผู้ลงชื่อรับรองในสมุดความดี และหากทำความดีครบ 100 ความดี จะได้รับมอบเข็มเชิดชูความดีเพื่อเชิดชูเกียรติต่อไป
ร่วมฉลองปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา และเป็นวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการสถาปนากิจการลูกเสือไทย ชวนลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดร่วมทำความดี 100 ความดี ให้ครบ 100 ล้าน ตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของลูกเสือไทย
(26 พ.ย. 53) เวลา 10.00 น. นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวโครงการ 100 ล้านความดี 100 ปี ลูกเสือไทย เทิดไท้องค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ โดยมี รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เนตรนารีเขต โรงเรียน ร่วมพิธี ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมแอมบาสเดอร์
กรุงเทพมหานครจัดโครงการ 100 ล้านความดี 100 ปี ลูกเสือไทย เทิดไท้องค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ ขึ้น เนื่องในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา และเป็นวาระครบรอบ 100 ปีแห่งการสถาปนากิจการลูกเสือไทย โดยคาดว่าจะสามารถเป็นแนวทางให้เยาวชนสร้างจริยธรรม คุณธรรม และประพฤติปฏิบัติตนอยู่บนพื้นฐานของความดีตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของลูกเสือ ซึ่งกรุงเทพมหานครจะรณรงค์ให้ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาดของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 436 แห่ง ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 200,000 คน ได้ร่วมกันกระทำความดีทั้งแก่ตนเอง ครอบครัวโรงเรียน ชุมชน และสังคม
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นอกจากโครงการลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดทำความดีคนละอย่างน้อย 100 ความดีด้วยความสมัครใจแล้ว กรุงเทพมหานครยังได้เตรียมจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างกระแสกระตุ้นการทำความดี เพื่อให้ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาดเกิดความศรัทธาและความมุ่งมั่นที่จะทำความดี อาทิ การประกาศผลการทำความดีโครงการ 100 ล้านความดีฯ การเดินสวนสนามในวันสถาปนาลูกเสือไทย การจัดให้ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดเดินทางไปถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลา 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป ทุกวันๆ ละ 2 โรงเรียน การจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ 50 เขตของกทม. โดยโครงการดังกล่าวจะมีการขยายผลไปยังโรงเรียนสังกัดอื่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และขยายต่อไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป
สำหรับพิธีมอบสมุดความดีอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 3 ธ.ค. 53 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 (หน้าสวนลุมพินี) โดยลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดที่กำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถขอรับสมุดทำความดีได้ที่โรงเรียน โดยเมื่อทำความดีในแต่ละครั้งจะมีผู้ลงชื่อรับรองในสมุดความดี และหากทำความดีครบ 100 ความดี จะได้รับมอบเข็มเชิดชูความดีเพื่อเชิดชูเกียรติต่อไป
ข้าราชการกทม. เป็นกลางในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 2
ข้าราชการกทม. เป็นกลางในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 2
ผว.กทม. เน้นย้ำข้าราชการวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 2 วันที่ 12 ธ.ค. ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา และให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม
(25 พ.ย. 53) เวลา 14.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 8/2553 โดยมีคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการกทม. ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
มอบรางวัลสำนักทะเบียนดีเด่น
ก่อนการประชุมตามวาระ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบรางวัลโครงการคัดเลือกสำนักทะเบียนดีเด่นของกรมการปกครอง และโครงการจัดอันดับมาตรฐานสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขต และฝ่ายปกครอง พ.ศ. 2553 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อคัดเลือกสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเขต ที่ผ่านผลการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน และพัฒนาให้ทุกสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเขตต่างๆ พัฒนาให้มีมาตรฐานเดียวกันต่อไป โดยรางวัลโครงการคัดเลือกสำนักทะเบียนดีเด่นของกรมการปกครอง มีจำนวน 8 สำนักทะเบียน รางวัลชนะเลิศได้แก่ เขตบางเขน รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ เขตพระโขนง รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ หนองแขม รางวัลชมเชย ได้แก่ พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางขุนเทียน และดอนเมือง นอกจากนี้ยังมีรางวัลสำนักทะเบียนระดับดีเยี่ยม จำนวน 21 สำนักทะเบียน และรางวัลเข็มเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณบุคลากรดีเด่นประจำสำนักทะเบียน และฝ่ายปกครอง สำนักงานเขต จำนวน 12 คน
เตรียมจัดงานวันสถาปนากทม. 38 ปี
เนื่องในวันที่ 14 ธ.ค. ของทุกปี ถือเป็นวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ซึ่งปีนี้ครบ 38 ปี โดยกรุงเทพมหานครกำหนดจัดงานภายใต้ชื่อ “กทม. ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” และจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ อาทิ พิธีทำบุญตักบาตร พิธีสักการะพระพุทธนวราชบพิตร พิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ และมอบประกาศเกียรติคุณและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติให้กับผู้ทำคุณประโยชน์แก่กรุงเทพมหานคร การจัดหน่วยบริการรับบริจาคโลหิตและจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำหรับบริการประชาชน นอกจากนี้ยังมีการจัดการแข่งขันกีฬาข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 14 ธ.ค. 53 ณ อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)
เน้นย้ำข้าราชการวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 กทม. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. 53 นั้น เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และโปร่งใส ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ระมัดเรื่องการวางตัวเป็นพิเศษ ให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่ให้เกิดการร้องเรียนว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากมีผู้สมัคร ที่เป็นผู้เคยดำรงตำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อครหาได้
ผว.กทม. เน้นย้ำข้าราชการวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 2 วันที่ 12 ธ.ค. ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา และให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม
(25 พ.ย. 53) เวลา 14.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 8/2553 โดยมีคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการกทม. ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
มอบรางวัลสำนักทะเบียนดีเด่น
ก่อนการประชุมตามวาระ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบรางวัลโครงการคัดเลือกสำนักทะเบียนดีเด่นของกรมการปกครอง และโครงการจัดอันดับมาตรฐานสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขต และฝ่ายปกครอง พ.ศ. 2553 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อคัดเลือกสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเขต ที่ผ่านผลการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน และพัฒนาให้ทุกสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเขตต่างๆ พัฒนาให้มีมาตรฐานเดียวกันต่อไป โดยรางวัลโครงการคัดเลือกสำนักทะเบียนดีเด่นของกรมการปกครอง มีจำนวน 8 สำนักทะเบียน รางวัลชนะเลิศได้แก่ เขตบางเขน รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ เขตพระโขนง รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ หนองแขม รางวัลชมเชย ได้แก่ พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางขุนเทียน และดอนเมือง นอกจากนี้ยังมีรางวัลสำนักทะเบียนระดับดีเยี่ยม จำนวน 21 สำนักทะเบียน และรางวัลเข็มเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณบุคลากรดีเด่นประจำสำนักทะเบียน และฝ่ายปกครอง สำนักงานเขต จำนวน 12 คน
เตรียมจัดงานวันสถาปนากทม. 38 ปี
เนื่องในวันที่ 14 ธ.ค. ของทุกปี ถือเป็นวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ซึ่งปีนี้ครบ 38 ปี โดยกรุงเทพมหานครกำหนดจัดงานภายใต้ชื่อ “กทม. ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” และจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ อาทิ พิธีทำบุญตักบาตร พิธีสักการะพระพุทธนวราชบพิตร พิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ และมอบประกาศเกียรติคุณและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติให้กับผู้ทำคุณประโยชน์แก่กรุงเทพมหานคร การจัดหน่วยบริการรับบริจาคโลหิตและจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำหรับบริการประชาชน นอกจากนี้ยังมีการจัดการแข่งขันกีฬาข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 14 ธ.ค. 53 ณ อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)
เน้นย้ำข้าราชการวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 กทม. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. 53 นั้น เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และโปร่งใส ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ระมัดเรื่องการวางตัวเป็นพิเศษ ให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่ให้เกิดการร้องเรียนว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากมีผู้สมัคร ที่เป็นผู้เคยดำรงตำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อครหาได้
อุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย เฉลิมพระเกียรติในหลวง
อุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย เฉลิมพระเกียรติในหลวง
(26 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีปลงผมนาค จำนวน 84 รูป ตามโครงการ "อุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย ถวายพ่อหลวง (อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 12)" ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท เบญจจินดาโฮลดิ้ง จำกัด จัดขึ้น ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรณา 5 ธันวาคม 2553
สำหรับโครงการ "อุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย ถวายพ่อหลวง (อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 12)" นี้จะจัดให้มีพิธีอุปสมบทขึ้นพร้อมกันใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เชียงราย, พิษณุโลก, ชัยนาท, จันทบุรี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, ชุมพร และนครศรีธรรมราช
ในกรุงเทพมหานครจัดพิธีปลงผมโดยช่างตัดผมจากสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร และพิธีสมโภชนาคในวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. 53 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในวันที่ 27 พ.ย. 53 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. จะมีพิธีแห่นาคจากลานคนเมือง มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เข้าถนนดินสอ สู่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อทำพิธีบรรพชาต่อไป โดยหลังเสร็จพิธีบรรพชาคณะผู้อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ จะเดินทางไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช แล้วเดินทางไปปฏิบัติธรรม ณ สถานปฏิบัติธรรมอรุณเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 6 ธ.ค. 53
(26 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีปลงผมนาค จำนวน 84 รูป ตามโครงการ "อุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย ถวายพ่อหลวง (อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 12)" ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท เบญจจินดาโฮลดิ้ง จำกัด จัดขึ้น ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรณา 5 ธันวาคม 2553
สำหรับโครงการ "อุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย ถวายพ่อหลวง (อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 12)" นี้จะจัดให้มีพิธีอุปสมบทขึ้นพร้อมกันใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เชียงราย, พิษณุโลก, ชัยนาท, จันทบุรี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, ชุมพร และนครศรีธรรมราช
ในกรุงเทพมหานครจัดพิธีปลงผมโดยช่างตัดผมจากสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร และพิธีสมโภชนาคในวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. 53 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในวันที่ 27 พ.ย. 53 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. จะมีพิธีแห่นาคจากลานคนเมือง มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เข้าถนนดินสอ สู่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อทำพิธีบรรพชาต่อไป โดยหลังเสร็จพิธีบรรพชาคณะผู้อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ จะเดินทางไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช แล้วเดินทางไปปฏิบัติธรรม ณ สถานปฏิบัติธรรมอรุณเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 6 ธ.ค. 53
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สมเด็จพระบรมฯ ทรงวางพวงมาลาถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 6 ที่สวนลุมพินี
สมเด็จพระบรมฯ ทรงวางพวงมาลาถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 6 ที่สวนลุมพินี
(25 พ.ย. 53) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ และทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เนื่องในวันมหาธีรราชเจ้า วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เฝ้ารับเสด็จฯ และร่วมถวายพวงมาลา เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จเสวยราชสมบัติเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2468 รวมพระชนมพรรษา 46 พรรษา เสด็จดำรงราชสมบัติรวม 16 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2485 ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน เพื่อจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์แสดงสินค้าไทยแก่ชาวโลกเป็นครั้งแรก เพื่อบำรุงเศรษฐกิจและพาณิชยกรรมของประเทศ ใน พ.ศ. 2524 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมในฐานะที่ทรงเป็นนักปราชญ์ นักประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไว้เป็นจำนวนมาก โดยในวันคล้ายวันสวรรคตของทุกปี วันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินีแห่งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยาวัตรนานัปการ ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น ทางราชการจึงได้กำหนดให้วันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น "วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า"
(25 พ.ย. 53) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ และทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เนื่องในวันมหาธีรราชเจ้า วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เฝ้ารับเสด็จฯ และร่วมถวายพวงมาลา เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จเสวยราชสมบัติเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2468 รวมพระชนมพรรษา 46 พรรษา เสด็จดำรงราชสมบัติรวม 16 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2485 ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน เพื่อจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์แสดงสินค้าไทยแก่ชาวโลกเป็นครั้งแรก เพื่อบำรุงเศรษฐกิจและพาณิชยกรรมของประเทศ ใน พ.ศ. 2524 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมในฐานะที่ทรงเป็นนักปราชญ์ นักประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไว้เป็นจำนวนมาก โดยในวันคล้ายวันสวรรคตของทุกปี วันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินีแห่งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยาวัตรนานัปการ ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น ทางราชการจึงได้กำหนดให้วันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น "วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า"
สภากทม. เห็นชอบตั้ง คกก. ศึกษาโครงก่อสร้างทางลอดถ.จรัญสนิทวงศ์-พรานนก
สภากทม. เห็นชอบตั้ง คกก. ศึกษาโครงก่อสร้างทางลอดถ.จรัญสนิทวงศ์-พรานนก
ส.ก.บางกอกน้อย เสนอตั้ง คกก.ศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอด บริเวณ ถ.จรัญสนิทวงศ์-พรานนก หวั่นการก่อสร้างส่งผลกระทบต่อประชาชน อีกทั้งในอนาคตบริเวณนี้จะสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอีกด้วย ด้านสภากทม. เห็นชอบตั้ง คกก. 13 คน ศึกษาโครงการฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปีพุทธศักราช 2553 เมื่อวันพุธที่ 24 พ.ย. 53 นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางกอกน้อย ได้เสนอญัตติขอให้กรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนก โดยกล่าวว่า โครงการก่อสร้างทางลอดถนนจริญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนกเป็นแนวคิดตั้งแต่อดีตเมื่อประมาณ 20-30 ปีมาแล้ว และกรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 โดยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลทั้งหมด ลักษณะการก่อสร้างเป็นทางลอดขนาด 3 ช่องจราจรในแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ ความยาวประมาณ 1,250 เมตร ซึ่งปัจจุบันแนวเส้นทางมีจุดตัดหลายแห่ง ประกอบกับมีเส้นทางรถไฟสายธนบุรีตัดผ่านทำให้รถเกิดการชะลอตัว และในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หากกรุงเทพมหานครก่อสร้างทางลอดเท่ากับเป็นการลดช่องจราจรและไม่สามารถรองรับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้ อีกทั้งรูปแบบโครงการยังส่งผลกระทบกับประชาชนที่ประกอบอาชีพค้าขายในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย
ทั้งนี้ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนก 13 คน โดยไม่กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา
ส.ก.บางกอกน้อย เสนอตั้ง คกก.ศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอด บริเวณ ถ.จรัญสนิทวงศ์-พรานนก หวั่นการก่อสร้างส่งผลกระทบต่อประชาชน อีกทั้งในอนาคตบริเวณนี้จะสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอีกด้วย ด้านสภากทม. เห็นชอบตั้ง คกก. 13 คน ศึกษาโครงการฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปีพุทธศักราช 2553 เมื่อวันพุธที่ 24 พ.ย. 53 นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางกอกน้อย ได้เสนอญัตติขอให้กรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนก โดยกล่าวว่า โครงการก่อสร้างทางลอดถนนจริญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนกเป็นแนวคิดตั้งแต่อดีตเมื่อประมาณ 20-30 ปีมาแล้ว และกรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 โดยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลทั้งหมด ลักษณะการก่อสร้างเป็นทางลอดขนาด 3 ช่องจราจรในแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ ความยาวประมาณ 1,250 เมตร ซึ่งปัจจุบันแนวเส้นทางมีจุดตัดหลายแห่ง ประกอบกับมีเส้นทางรถไฟสายธนบุรีตัดผ่านทำให้รถเกิดการชะลอตัว และในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หากกรุงเทพมหานครก่อสร้างทางลอดเท่ากับเป็นการลดช่องจราจรและไม่สามารถรองรับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้ อีกทั้งรูปแบบโครงการยังส่งผลกระทบกับประชาชนที่ประกอบอาชีพค้าขายในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย
ทั้งนี้ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนก 13 คน โดยไม่กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา
สภากทม. ตั้ง คกก. พิจารณากำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง รอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
สภากทม. ตั้ง คกก. พิจารณากำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง รอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
สภากรุงเทพมหานครเห็นชอบตั้ง คกก. พิจารณากำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทฯ โดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร เมื่อวันพุธที่ 24 พ.ย. 53 ที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ...) พ.ศ....
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2532 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2532 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างและสถานที่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ในด้านสถาปัตยกรรม ในฐานะที่เป็นศูนย์วัฒนธรรมของประเทศ จึงกำหนดห้ามมิให้มีการก่อสร้างอาคารบางชนิดหรือบางประเภทที่อาจส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ และบดบังความโดดเด่นของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ข้อบัญญัติกทม. ดังกล่าวได้ใช้ขอบเขตพื้นที่ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเป็นกรอบ หรือจุดเริ่มต้นในการควบคุมการก่อสร้าง ปัจจุบันกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นจำนวน 35 ไร่ เพื่อขยายและพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ให้เป็นพื้นที่บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ รองรับการให้บริการและการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการถาวรของกระทรวงวัฒนธรรมด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครฉบับดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทฯ รอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จำนวน 13 ท่าน โดยไม่กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา
สภากรุงเทพมหานครเห็นชอบตั้ง คกก. พิจารณากำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทฯ โดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร เมื่อวันพุธที่ 24 พ.ย. 53 ที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ...) พ.ศ....
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2532 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2532 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างและสถานที่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ในด้านสถาปัตยกรรม ในฐานะที่เป็นศูนย์วัฒนธรรมของประเทศ จึงกำหนดห้ามมิให้มีการก่อสร้างอาคารบางชนิดหรือบางประเภทที่อาจส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ และบดบังความโดดเด่นของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ข้อบัญญัติกทม. ดังกล่าวได้ใช้ขอบเขตพื้นที่ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเป็นกรอบ หรือจุดเริ่มต้นในการควบคุมการก่อสร้าง ปัจจุบันกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นจำนวน 35 ไร่ เพื่อขยายและพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ให้เป็นพื้นที่บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ รองรับการให้บริการและการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการถาวรของกระทรวงวัฒนธรรมด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครฉบับดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทฯ รอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จำนวน 13 ท่าน โดยไม่กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา
สถานพยาบาลราชการนอกสังกัดกรุงเทพมหานครพร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงเพิ่มเติม 7 แห่ง
สถานพยาบาลราชการนอกสังกัดกรุงเทพมหานครพร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงเพิ่มเติม 7 แห่ง
นายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. แจ้งว่า สถานพยาบาลนอกสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครให้แก่สถานพยาบาลด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ เพิ่มอีกจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ 1. โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กรุงเทพฯ 2. โรงพยาบาลสระโนด จ.สงขลา 3. โรงพยาบาลโกรกพระ จ.ตาก 4. โรงพยาบาลไพศาลี จ.นครสวรรค์ 5. โรงพยาบาลหนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี 6. โรงพยาบาลปากคาด จ.หนองคาย และ 7. โรงพยาบาลมหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยข้าราชการ ลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร และข้าราชการบำนาญ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเพื่อเข้าสู่ระบบการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 53 เป็นต้นไป กรณีผู้ป่วยนอกสามารถใช้บริการได้หลังจากลงทะเบียน 15 วัน สำหรับผู้ป่วยในสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันทีที่สมัครลงทะเบียน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2224 0486 หรือโทร. 1663
นายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. แจ้งว่า สถานพยาบาลนอกสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครให้แก่สถานพยาบาลด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ เพิ่มอีกจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ 1. โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กรุงเทพฯ 2. โรงพยาบาลสระโนด จ.สงขลา 3. โรงพยาบาลโกรกพระ จ.ตาก 4. โรงพยาบาลไพศาลี จ.นครสวรรค์ 5. โรงพยาบาลหนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี 6. โรงพยาบาลปากคาด จ.หนองคาย และ 7. โรงพยาบาลมหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยข้าราชการ ลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร และข้าราชการบำนาญ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเพื่อเข้าสู่ระบบการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 53 เป็นต้นไป กรณีผู้ป่วยนอกสามารถใช้บริการได้หลังจากลงทะเบียน 15 วัน สำหรับผู้ป่วยในสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันทีที่สมัครลงทะเบียน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2224 0486 หรือโทร. 1663
ตลาดนัดจตุจักรจัดงานเทิดพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช
ตลาดนัดจตุจักรจัดงานเทิดพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช
นายอรุณ ศรีจรูญ ผู้อำนวยการตลาดนัด กทม. เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (ตลาดนัดจตุจักร) กำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย โดยในวันที่ 1-5 ธ.ค. 53 ขอเชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (ตลาดนัดจตุจักร) และในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 08.00-0900 น.ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสามเณร จำนวน 90 รูป เวลา 09.00 -16.00 น. กิจกรรมบริการตรวจสุขภาพฟรี ตรวจฟันฟรี ตัดผมฟรี บริการรับปรึกษาข้อกฎหมายโดยทนายความอาสาจากสภาทนายความ เวลา 18.19 น. จุดเทียนชัยถวายพระพร, การลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงขอเชิญชวนผู้ค้า ประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดนัดจตุจักรเข้าร่วมโครงการเทิดพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช ในวัน และเวลาดังกล่าว ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานส่งเสริมกิจการตลาดนัดจตุจักร กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร โทร. 0 2 272 4440-1 ต่อ 110 และ 103
นายอรุณ ศรีจรูญ ผู้อำนวยการตลาดนัด กทม. เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (ตลาดนัดจตุจักร) กำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย โดยในวันที่ 1-5 ธ.ค. 53 ขอเชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (ตลาดนัดจตุจักร) และในวันที่ 5 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 08.00-0900 น.ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสามเณร จำนวน 90 รูป เวลา 09.00 -16.00 น. กิจกรรมบริการตรวจสุขภาพฟรี ตรวจฟันฟรี ตัดผมฟรี บริการรับปรึกษาข้อกฎหมายโดยทนายความอาสาจากสภาทนายความ เวลา 18.19 น. จุดเทียนชัยถวายพระพร, การลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงขอเชิญชวนผู้ค้า ประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดนัดจตุจักรเข้าร่วมโครงการเทิดพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช ในวัน และเวลาดังกล่าว ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานส่งเสริมกิจการตลาดนัดจตุจักร กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร โทร. 0 2 272 4440-1 ต่อ 110 และ 103
กทม. พัฒนาผู้บริหารมหานครระดับต้น รุ่นที่ 12
กทม. พัฒนาผู้บริหารมหานครระดับต้น รุ่นที่ 12
ดร.หรรษารมย์ โกมุทผล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร กทม. แจ้งว่า สถาบันฯ จะดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารมหานครระดับต้น รุ่นที่ 12 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 53 – 17 ก.พ. 54 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร ระดับ 6 และระดับ 7 (7ว หรือ 7 วช.) จำนวน 60 คน โดยกำหนดพิธีเปิดการฝึกอบรมในวันที่ 1 ธ.ค. 53 เวลา 09.30 น. ณ ห้องเทพประทาน ชั้น 7 โรงแรมเวียงใต้ เขตพระนคร โดยได้เรียนเชิญปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธีฯ ดังกล่าว
ผู้อำนวยการสถาบันฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 7-9 ธ.ค. 53 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะเข้ารับการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือระดับผู้นำ ขั้นความรู้ชั้นต้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกทักษะการใช้กระบวนการกลุ่มเพื่อสร้างและพัฒนาทีมงาน ตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรมการทำงาน สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้เข้ารับการฝึกอบรมและหน่วยงาน เพื่อประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานของกรุงเทพมหานครให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
ดร.หรรษารมย์ โกมุทผล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร กทม. แจ้งว่า สถาบันฯ จะดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารมหานครระดับต้น รุ่นที่ 12 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 53 – 17 ก.พ. 54 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร ระดับ 6 และระดับ 7 (7ว หรือ 7 วช.) จำนวน 60 คน โดยกำหนดพิธีเปิดการฝึกอบรมในวันที่ 1 ธ.ค. 53 เวลา 09.30 น. ณ ห้องเทพประทาน ชั้น 7 โรงแรมเวียงใต้ เขตพระนคร โดยได้เรียนเชิญปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธีฯ ดังกล่าว
ผู้อำนวยการสถาบันฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 7-9 ธ.ค. 53 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะเข้ารับการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือระดับผู้นำ ขั้นความรู้ชั้นต้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกทักษะการใช้กระบวนการกลุ่มเพื่อสร้างและพัฒนาทีมงาน ตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรมการทำงาน สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้เข้ารับการฝึกอบรมและหน่วยงาน เพื่อประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานของกรุงเทพมหานครให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
สปภ. ห่วงใย เฝ้าระวังภัยให้ประชาชน
สปภ. ห่วงใย เฝ้าระวังภัยให้ประชาชน
นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า สำนักป้องกันฯ ให้บริการประชาชนผู้ใช้บริการที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (จุดที่ 2) ที่อาจไม่ได้รับความปลอดภัยในการใช้บริการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะการใช้ทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าและพื้นที่บริการลานจอดรถ เพราะอาจมีมิจฉาชีพทำการโจรกรรมทรัพย์สินในรถยนต์ส่วนตัวบริเวณลานจอดรถ เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าดังกล่าวมีแสงสว่างไม่เพียงพอ เพราะเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
สำนักป้องกันฯ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จำนวน 5 คนพร้อมรถไฟฟ้าส่องสว่างและเครื่องบอลลูนไลท์จากสถานีดับเพลิงในสังกัดเพื่อประจำสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (สถานีที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 เป็นต้นมา เป็นการอำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ มีภัย โทร 199
นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า สำนักป้องกันฯ ให้บริการประชาชนผู้ใช้บริการที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (จุดที่ 2) ที่อาจไม่ได้รับความปลอดภัยในการใช้บริการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะการใช้ทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าและพื้นที่บริการลานจอดรถ เพราะอาจมีมิจฉาชีพทำการโจรกรรมทรัพย์สินในรถยนต์ส่วนตัวบริเวณลานจอดรถ เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าดังกล่าวมีแสงสว่างไม่เพียงพอ เพราะเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
สำนักป้องกันฯ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จำนวน 5 คนพร้อมรถไฟฟ้าส่องสว่างและเครื่องบอลลูนไลท์จากสถานีดับเพลิงในสังกัดเพื่อประจำสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (สถานีที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 เป็นต้นมา เป็นการอำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ มีภัย โทร 199
สปภ. ห่วงใย เฝ้าระวังภัยให้ประชาชน
สปภ. ห่วงใย เฝ้าระวังภัยให้ประชาชน
นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า สำนักป้องกันฯ ให้บริการประชาชนผู้ใช้บริการที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (จุดที่ 2) ที่อาจไม่ได้รับความปลอดภัยในการใช้บริการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะการใช้ทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าและพื้นที่บริการลานจอดรถ เพราะอาจมีมิจฉาชีพทำการโจรกรรมทรัพย์สินในรถยนต์ส่วนตัวบริเวณลานจอดรถ เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าดังกล่าวมีแสงสว่างไม่เพียงพอ เพราะเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
สำนักป้องกันฯ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จำนวน 5 คนพร้อมรถไฟฟ้าส่องสว่างและเครื่องบอลลูนไลท์จากสถานีดับเพลิงในสังกัดเพื่อประจำสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (สถานีที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 เป็นต้นมา เป็นการอำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ มีภัย โทร 199
นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า สำนักป้องกันฯ ให้บริการประชาชนผู้ใช้บริการที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (จุดที่ 2) ที่อาจไม่ได้รับความปลอดภัยในการใช้บริการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะการใช้ทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าและพื้นที่บริการลานจอดรถ เพราะอาจมีมิจฉาชีพทำการโจรกรรมทรัพย์สินในรถยนต์ส่วนตัวบริเวณลานจอดรถ เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าดังกล่าวมีแสงสว่างไม่เพียงพอ เพราะเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
สำนักป้องกันฯ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จำนวน 5 คนพร้อมรถไฟฟ้าส่องสว่างและเครื่องบอลลูนไลท์จากสถานีดับเพลิงในสังกัดเพื่อประจำสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link) สถานีลาดกระบัง (สถานีที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 เป็นต้นมา เป็นการอำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ มีภัย โทร 199
เปิดศึกชิงชัยกีฬานักเรียนกทม. ครั้งที่ 24 “ช้างน้อยเกมส์”
เปิดศึกชิงชัยกีฬานักเรียนกทม. ครั้งที่ 24 “ช้างน้อยเกมส์”
กทม. เปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร “ช้างน้อยเกมส์” โดยนักกีฬากว่า 9,000 ชีวิต จาก 436 โรงเรียน ร่วมชิงชัย ใน 19 ชนิดกีฬา ภายใต้คำขวัญ “เสริมพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพ” ร่วมให้กำลังใจนักกีฬาได้ถึง 30 พ.ย. นี้ ที่สนามกีฬาศูนย์เยาวชนฯ และสนามกีฬามาตรฐานในกทม. พร้อมหาตัวแทนเสริมทัพนักกีฬา เพื่อร่วมแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อุดรธานีต้นปีหน้า
(25 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 หรือ“ช้างน้อยเกมส์” โดยมีนายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา พร้อมด้วยผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดง
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เริ่มจัดการแข่งขันขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2521 และได้ดำเนินการแข่งขันต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นครั้งที่ 24 โดยใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” โดยในปีนี้มีคำขวัญในการแข่งขันว่า “เสริมพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพ” และมีนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียน เข้าร่วมการแข่งขันประมาณ 9,000 คน รวมทั้งหมด 19 ชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาเป็นส่งเสริมให้นักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ สุขภาพดี มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้กฎกติกา มารยาทของการเป็นนักกีฬาตลอดจนการเป็นผู้ชมกีฬาที่ดี และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อีกทั้งเพื่อคัดตัวนักกีฬาที่มีความสามารถสูงสุด เป็นตัวแทนกรุงเทพมหานครในการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ครั้งที่ 28 ซึ่งจะจัดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี ในเดือน ม.ค. 54
สำหรับชนิดกีฬาที่ใช้แข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานการตัดสินเช่นเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค ด้านสนามที่ใช้ในการแข่งขันมีทั้งหมด 10 สนาม ประกอบด้วยศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ศูนย์กีฬาเยาวชนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งครุ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ศูนย์กีฬา 72 พรรษา มีนบุรี ศูนย์กีฬาวชิรเบญทัศ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ สนามกอล์ฟกองทัพบก โรงเรียนวัดดอกไม้ เขตยานนาวา โรงเรียนวิชากร โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง และสโมสรจินตนายิม
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งร่วมชม ร่วมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ตามกำหนดการแข่งขัน ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักการศึกษาโทร. 0 2437 6631–5 ต่อ 3469, 3430 หรือ www.bangkokedu.in.th ส่วนพิธีปิดการแข่งขันจะจัดขึ้นวันที่ 30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้มีการแข่งขันกีฬาทุกระดับ ตั้งแต่วัยเด็กเล็กจนถึงวัยสูงอายุ เนื่องจากการแข่งขันกีฬาเป็นการพัฒนาคนให้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม อีกทั้งกีฬาฝึกให้เยาวชน มีจิตใจอดทน เข้มแข็ง กล้าหาญ มีน้ำใจนักกีฬา สร้างสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง เสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย และจิตใจที่ดี ก่อให้เกิดความรัก ในหมู่เพื่อน เกิดการทำงานเป็นทีม เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ มีความสมานฉันท์ อยู่ในระเบียบวินัย ซึ่งเด็กและเยาวชนจะต้องได้รับการฝึกฝนให้เข้าร่วมการแข่งขันด้วยความสมารถ บริสุทธิ์ ยุติธรรม ด้วยเทคนิคของการกีฬา เมื่อเติบโตขึ้นจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี สามารถสร้างประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
กทม. เปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร “ช้างน้อยเกมส์” โดยนักกีฬากว่า 9,000 ชีวิต จาก 436 โรงเรียน ร่วมชิงชัย ใน 19 ชนิดกีฬา ภายใต้คำขวัญ “เสริมพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพ” ร่วมให้กำลังใจนักกีฬาได้ถึง 30 พ.ย. นี้ ที่สนามกีฬาศูนย์เยาวชนฯ และสนามกีฬามาตรฐานในกทม. พร้อมหาตัวแทนเสริมทัพนักกีฬา เพื่อร่วมแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อุดรธานีต้นปีหน้า
(25 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 หรือ“ช้างน้อยเกมส์” โดยมีนายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา พร้อมด้วยผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดง
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เริ่มจัดการแข่งขันขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2521 และได้ดำเนินการแข่งขันต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นครั้งที่ 24 โดยใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” โดยในปีนี้มีคำขวัญในการแข่งขันว่า “เสริมพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพ” และมีนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียน เข้าร่วมการแข่งขันประมาณ 9,000 คน รวมทั้งหมด 19 ชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาเป็นส่งเสริมให้นักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ สุขภาพดี มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้กฎกติกา มารยาทของการเป็นนักกีฬาตลอดจนการเป็นผู้ชมกีฬาที่ดี และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อีกทั้งเพื่อคัดตัวนักกีฬาที่มีความสามารถสูงสุด เป็นตัวแทนกรุงเทพมหานครในการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ครั้งที่ 28 ซึ่งจะจัดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี ในเดือน ม.ค. 54
สำหรับชนิดกีฬาที่ใช้แข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานการตัดสินเช่นเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค ด้านสนามที่ใช้ในการแข่งขันมีทั้งหมด 10 สนาม ประกอบด้วยศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ศูนย์กีฬาเยาวชนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งครุ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ศูนย์กีฬา 72 พรรษา มีนบุรี ศูนย์กีฬาวชิรเบญทัศ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ สนามกอล์ฟกองทัพบก โรงเรียนวัดดอกไม้ เขตยานนาวา โรงเรียนวิชากร โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง และสโมสรจินตนายิม
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งร่วมชม ร่วมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ตามกำหนดการแข่งขัน ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักการศึกษาโทร. 0 2437 6631–5 ต่อ 3469, 3430 หรือ www.bangkokedu.in.th ส่วนพิธีปิดการแข่งขันจะจัดขึ้นวันที่ 30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้มีการแข่งขันกีฬาทุกระดับ ตั้งแต่วัยเด็กเล็กจนถึงวัยสูงอายุ เนื่องจากการแข่งขันกีฬาเป็นการพัฒนาคนให้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม อีกทั้งกีฬาฝึกให้เยาวชน มีจิตใจอดทน เข้มแข็ง กล้าหาญ มีน้ำใจนักกีฬา สร้างสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง เสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย และจิตใจที่ดี ก่อให้เกิดความรัก ในหมู่เพื่อน เกิดการทำงานเป็นทีม เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ มีความสมานฉันท์ อยู่ในระเบียบวินัย ซึ่งเด็กและเยาวชนจะต้องได้รับการฝึกฝนให้เข้าร่วมการแข่งขันด้วยความสมารถ บริสุทธิ์ ยุติธรรม ด้วยเทคนิคของการกีฬา เมื่อเติบโตขึ้นจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี สามารถสร้างประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
อบรมวิทยากรเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 2
อบรมวิทยากรเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 2
(25 พ.ย. 53) นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมวิทยากรการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร (ส.ส. กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยมีหัวหน้าฝ่าย และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานเขตคลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา สาทร และวัฒนา เข้ารับการอบรม และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเลือกตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นวิทยากรให้ความรู้ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ถ่ายทอดขั้นตอนการปฏิบัติงาน และให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งแก่เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้
ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ วางตัวเป็นกลางทางการเมือง ป้องกันข้อครหาหรือลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ การแก้ข้อโต้แย้งหรือข้อร้องเรียนต่างๆ ให้ยึดคำวินิจฉัยของ กกต. เป็นหลัก ไม่ใช้ความคิดเห็นหรือความรู้สึกของตัวเองในการพิจารณา
สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 2 กกต. กำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 15.00 น. และลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า วันที่ 4 - 5 ธ.ค. นี้ เวลา 08.00 – 17.00 น.
(25 พ.ย. 53) นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมวิทยากรการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร (ส.ส. กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยมีหัวหน้าฝ่าย และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานเขตคลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา สาทร และวัฒนา เข้ารับการอบรม และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเลือกตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นวิทยากรให้ความรู้ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ถ่ายทอดขั้นตอนการปฏิบัติงาน และให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งแก่เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้
ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ วางตัวเป็นกลางทางการเมือง ป้องกันข้อครหาหรือลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ การแก้ข้อโต้แย้งหรือข้อร้องเรียนต่างๆ ให้ยึดคำวินิจฉัยของ กกต. เป็นหลัก ไม่ใช้ความคิดเห็นหรือความรู้สึกของตัวเองในการพิจารณา
สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 2 กกต. กำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 15.00 น. และลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า วันที่ 4 - 5 ธ.ค. นี้ เวลา 08.00 – 17.00 น.
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
กทม. “รณรงค์ป้องกันโรคเอดส์” ตรวจ HIV ฟรี ถึง 1 ธ.ค.
กทม. “รณรงค์ป้องกันโรคเอดส์” ตรวจ HIV ฟรี ถึง 1 ธ.ค.
กทม. จัดกิจกรรมเนื่องในวันเอดส์โลก กระตุ้นเยาวชนตระหนักถึงปัญหาเอดส์ และเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างจริงจัง เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกทม. อย่างยั่งยืน พร้อมให้บริการตรวจ HIV ฟรี ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม. ทั้ง 68 แห่ง
(23 พ.ย. 53) เวลา 10.30 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “รณรงค์ป้องกันโรคเอดส์” เนื่องในวันเอดส์โลก ภายใต้ชื่องาน “เติมเต็มความหวังยับยั้งเอดส์” โดยมี พญ.มนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.
พญ.มาลินี เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครตระหนักถึงความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเอดส์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพของชีวิตของประชาชน จึงได้จัดให้มีการทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ โดยเน้นบูรณาการงานด้านเอดส์ร่วมกันระหว่างหลายภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และกลุ่มผู้ติดเชื้อจากหลายองค์กร ทั้งนี้ได้จัดทำแผนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทุกๆ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2527 ที่มีการพบผู้ป่วยโรคเอดส์ในประเทศไทยครั้งแรกเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันเป็นฉบับที่ 4 โดยมุ่งเน้นให้กรุงเทพมหานครเป็นต้นแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แบบบูรณาการ และยั่งยืน
สถิติโรคเอดส์ในกรุงเทพมหานคร
จากสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ถึง 31 ต.ค. 53 สรุปจำนวนผู้ป่วยเอดส์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเอดส์สะสม 41,710 ราย ยังมีชีวิตอยู่ 32,403 ราย เสียชีวิต 9,307 ราย ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ในอัตราส่วน 2.7 : 1 ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ร้อยละ 79.35 และส่วนใหญ่ร้อยละ 31.75 มีอายุระหว่าง 25-39 ปี เป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยแรงงาน และร้อยละ 40.20 มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รองลงมา คือ อาชีพผู้ว่างานร้อยละ 13.24 กลุ่มอายุที่พบว่ามีการเสี่ยงชีวิตมากที่สุดคือ 30-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 22.34 สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี ป่วยเป็นเอดส์ 1,068 ราย เสียชีวิตแล้ว 278 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.99 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยเอดส์สูงสุดในปี 2549 จำนวน 3,689 ราย และโรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่พบในผู้ป่วยเอดส์มากที่สุด คือ โรควัณโรคปอด ทั้งนี้จำนวนผู้ป่วยเอดส์ในพื้นที่กทม.ที่เป็นรายใหม่ซึ่งได้รับการรายงานในเดือน ม.ค. ถึง ต.ค.53 ที่พบมากที่สุด ได้แก่ เขตจตุจักรจำนวน 132 ราย เนื่องจากได้รับรายงานจากทัณฑสถานโรงพยาบาลกลางกรมราชทัณฑ์
กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมป้องกันโรคเอดส์
นอกจากนี้ในส่วนของกทม. ได้จัดกิจกรรมป้องกันโรคเอดส์ เนื่องในวันเอดส์โลก ภายใต้ชื่องาน Stop AIDS : Hope Help & Share เติมเต็มความหวัง ยับยั้งเอดส์ เพื่อส่งเสริมให้สังคมมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ในกทม. โดยกิจกรรมหลัก อาทิ การจัด Road Show ในสถานศึกษาเพื่อสร้างแกนนำด้านเอดส์ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนวัดทองเพลง โรงเรียนวัดสุทธาราม โรงเรียนวัดบุณยประดิษฐ์ โรงเรียนวัดราษฎร์บำรุง โรงเรียนวัดแสมดำ โรงเรียนวัดกก โรงเรียนวัดหัวกระบือ โรงเรียนลอยสายอนุสรณ์ การจัดเสวนาด้านเอดส์ การประกวดหนังสั้นด้านเอดส์ในกลุ่มเยาวชน รวมทั้งให้บริการเจาะเลือดหาการติดเชื้อเอช ไอ วี ฟรี ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 1 ธ.ค. 53 ในเวลาราชการ ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขของสำนักอนามัยทั้ง 68 แห่ง
กทม. จัดกิจกรรมเนื่องในวันเอดส์โลก กระตุ้นเยาวชนตระหนักถึงปัญหาเอดส์ และเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างจริงจัง เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกทม. อย่างยั่งยืน พร้อมให้บริการตรวจ HIV ฟรี ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม. ทั้ง 68 แห่ง
(23 พ.ย. 53) เวลา 10.30 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “รณรงค์ป้องกันโรคเอดส์” เนื่องในวันเอดส์โลก ภายใต้ชื่องาน “เติมเต็มความหวังยับยั้งเอดส์” โดยมี พญ.มนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.
พญ.มาลินี เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครตระหนักถึงความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเอดส์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพของชีวิตของประชาชน จึงได้จัดให้มีการทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ โดยเน้นบูรณาการงานด้านเอดส์ร่วมกันระหว่างหลายภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และกลุ่มผู้ติดเชื้อจากหลายองค์กร ทั้งนี้ได้จัดทำแผนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทุกๆ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2527 ที่มีการพบผู้ป่วยโรคเอดส์ในประเทศไทยครั้งแรกเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันเป็นฉบับที่ 4 โดยมุ่งเน้นให้กรุงเทพมหานครเป็นต้นแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แบบบูรณาการ และยั่งยืน
สถิติโรคเอดส์ในกรุงเทพมหานคร
จากสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ถึง 31 ต.ค. 53 สรุปจำนวนผู้ป่วยเอดส์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเอดส์สะสม 41,710 ราย ยังมีชีวิตอยู่ 32,403 ราย เสียชีวิต 9,307 ราย ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ในอัตราส่วน 2.7 : 1 ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ร้อยละ 79.35 และส่วนใหญ่ร้อยละ 31.75 มีอายุระหว่าง 25-39 ปี เป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยแรงงาน และร้อยละ 40.20 มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รองลงมา คือ อาชีพผู้ว่างานร้อยละ 13.24 กลุ่มอายุที่พบว่ามีการเสี่ยงชีวิตมากที่สุดคือ 30-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 22.34 สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี ป่วยเป็นเอดส์ 1,068 ราย เสียชีวิตแล้ว 278 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.99 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยเอดส์สูงสุดในปี 2549 จำนวน 3,689 ราย และโรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่พบในผู้ป่วยเอดส์มากที่สุด คือ โรควัณโรคปอด ทั้งนี้จำนวนผู้ป่วยเอดส์ในพื้นที่กทม.ที่เป็นรายใหม่ซึ่งได้รับการรายงานในเดือน ม.ค. ถึง ต.ค.53 ที่พบมากที่สุด ได้แก่ เขตจตุจักรจำนวน 132 ราย เนื่องจากได้รับรายงานจากทัณฑสถานโรงพยาบาลกลางกรมราชทัณฑ์
กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมป้องกันโรคเอดส์
นอกจากนี้ในส่วนของกทม. ได้จัดกิจกรรมป้องกันโรคเอดส์ เนื่องในวันเอดส์โลก ภายใต้ชื่องาน Stop AIDS : Hope Help & Share เติมเต็มความหวัง ยับยั้งเอดส์ เพื่อส่งเสริมให้สังคมมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ในกทม. โดยกิจกรรมหลัก อาทิ การจัด Road Show ในสถานศึกษาเพื่อสร้างแกนนำด้านเอดส์ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนวัดทองเพลง โรงเรียนวัดสุทธาราม โรงเรียนวัดบุณยประดิษฐ์ โรงเรียนวัดราษฎร์บำรุง โรงเรียนวัดแสมดำ โรงเรียนวัดกก โรงเรียนวัดหัวกระบือ โรงเรียนลอยสายอนุสรณ์ การจัดเสวนาด้านเอดส์ การประกวดหนังสั้นด้านเอดส์ในกลุ่มเยาวชน รวมทั้งให้บริการเจาะเลือดหาการติดเชื้อเอช ไอ วี ฟรี ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 1 ธ.ค. 53 ในเวลาราชการ ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขของสำนักอนามัยทั้ง 68 แห่ง
วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ปลัดฯ เจริญรัตน์ ตรวจการรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 วันแรก
ปลัดฯ เจริญรัตน์ ตรวจการรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 วันแรก
(22 พ.ย. 53) นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการเปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 2 กทม. ที่สำนักงานเขตยานนาวา ว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 2 ในครั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้รับผิดชอบจัดการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งกรุงเทพมหานครมีความพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง เขต 2 ในวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคมนี้ โดยได้ตั้งศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งเพื่อประสานงานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ส่วนการรับสมัครเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 26 พ.ย. 53 ระหว่างเวลา 08.30–16.30 น. โดยใช้สำนักงานเขตยานนาวา เป็นสถานที่รับสมัคร ด้านการรับสมัครในวันนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัครเป็นจำนวนมาก มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยพอเพียง และพรรคธรรมาธิปัตย์
จากนั้นเวลา 08.30 น. น.ส.ใสศรี หิรัญประเสริฐวุฒิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตวัฒนา ฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 กทม. ได้ดำเนินการจัดการตามขั้นตอนจับหมายเลขผู้สมัคร โดยได้ประชุมกับผู้สมัครทั้ง 3 คน ซึ่งได้มาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. ตามกฎหมายให้ถือว่ามาพร้อมกัน ดังนั้นต้องให้ผู้สมัครตกลงกันว่าจะให้ใครจับฉลากก่อนหลัง แต่ผู้สมัครไม่สามารถตกลงได้ จึงต้องดำเนินการจับฉลากเพื่อเรียงลำดับการจับฉลากก่อนหลัง ซึ่งผลที่ได้มีดังนี้ นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้หมายเลข 1 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 2 นายจำรัส อินทุมาร ผู้สมัครจากพรรคไทยพอเพียง ได้หมายเลข 3 และนายธันวา ไกรฤกษ์ ผู้สมัครจากพรรคธรรมาธิปัตย์ ซึ่งมาหลังเวลา 08.30 น. ได้หมายเลข 4
(22 พ.ย. 53) นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการเปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 2 กทม. ที่สำนักงานเขตยานนาวา ว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 2 ในครั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้รับผิดชอบจัดการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งกรุงเทพมหานครมีความพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง เขต 2 ในวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคมนี้ โดยได้ตั้งศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งเพื่อประสานงานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ส่วนการรับสมัครเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 26 พ.ย. 53 ระหว่างเวลา 08.30–16.30 น. โดยใช้สำนักงานเขตยานนาวา เป็นสถานที่รับสมัคร ด้านการรับสมัครในวันนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัครเป็นจำนวนมาก มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยพอเพียง และพรรคธรรมาธิปัตย์
จากนั้นเวลา 08.30 น. น.ส.ใสศรี หิรัญประเสริฐวุฒิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตวัฒนา ฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 กทม. ได้ดำเนินการจัดการตามขั้นตอนจับหมายเลขผู้สมัคร โดยได้ประชุมกับผู้สมัครทั้ง 3 คน ซึ่งได้มาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. ตามกฎหมายให้ถือว่ามาพร้อมกัน ดังนั้นต้องให้ผู้สมัครตกลงกันว่าจะให้ใครจับฉลากก่อนหลัง แต่ผู้สมัครไม่สามารถตกลงได้ จึงต้องดำเนินการจับฉลากเพื่อเรียงลำดับการจับฉลากก่อนหลัง ซึ่งผลที่ได้มีดังนี้ นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้หมายเลข 1 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 2 นายจำรัส อินทุมาร ผู้สมัครจากพรรคไทยพอเพียง ได้หมายเลข 3 และนายธันวา ไกรฤกษ์ ผู้สมัครจากพรรคธรรมาธิปัตย์ ซึ่งมาหลังเวลา 08.30 น. ได้หมายเลข 4
สภากทม. ตื่นแก้กฎหมายใช้ที่ดิน-ก่อสร้าง รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สภากทม. ตื่นแก้กฎหมายใช้ที่ดิน-ก่อสร้าง รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประธานสภากทม.ปลุกทุกฝ่ายตื่นตัวรับมือภัยพิบัติ น้ำท่วมรุนแรงยิ่งขึ้น ชี้ผลวิจัยหลายสำนักระบุตรงกัน กรุงเทพฯ เจอวิกฤติแน่ เร่งตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบพร้อมทบทวนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องการใช้ที่ดิน และการก่อสร้าง ระบุต้องมีกฎหมายกำหนดสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เสี่ยงพร้อมรับสถานการณ์
(22 พ.ย. 53) เวลา 10.30 น. นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ ประธานคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ รองประธานคณะกรรมการโยธาและผังเมือง สภากรุงเทพมหานคร นำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อการพัฒนาเมือง เพื่อทบทวนและผลักดันการปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินและการก่อสร้างให้รองรับภัยพิบัติซึ่งเป็นผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันหลายจังหวัดในประเทศไทย รวมทั้งกรุงเทพฯ ได้รับภัยพิบัติ ด้านอุทกภัยรุนแรงขึ้นทุกๆ ปี เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อันเนื่องมาจากผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และทุกครั้งเมื่อเกิดภัยนำมาซึ่งความสูญเสียจำนวนมาก ทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงงบประมาณจากทางภาครัฐและเอกชนที่ต้องทุ่มลงไปเพื่อให้ความช่วยเหลือ และฟื้นฟูเยียวยาทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจเพื่อให้กลับสภาพสู่ปกติ ขณะเดียวกันผลการวิจัยของหลายองค์กรทั่วโลกชี้ชัดตรงกันว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ใน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไปด้วยระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยที่เพิ่มสูงขึ้นปีละ 3 มม. และแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดลง ปีละ 15 มม.
“ทุกวันนี้เราพูดถึงการป้องกันน้ำท่วมหรือภัยพิบัติในแง่การดำเนินการสร้างระบบป้องกัน เฝ้าระวัง และการฟื้นฟูเยียวยาเท่านั้น แต่ยังไม่มีข้อบัญญัติ และกฎหมายใดๆ ที่ระบุถึงการใช้ประโยชน์ที่ดิน หรือการก่อสร้างต่างๆ ให้ต้องคำนึงถึงภัยพิบัติที่จะต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้เลย ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก ” นายสุทธิชัย กล่าวพร้อมทั้งย้ำว่า การมีกฎหมายใช้บังคับจะช่วยควบคุมและลดความสูญเสียได้ โดยเฉพาะพื้นที่ในจุดเสี่ยงจะต้องเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ การขออนุญาตก่อสร้างหรือใช้ประโยชน์ที่ดินจะต้องอยู่ในเงื่อนไขด้านการป้องกันภัยพิบัติด้วย ตัวอย่างเช่น ชายทะเลบางขุนเทียนซึ่งมีปัญหาน้ำกัดเซาะ การก่อสร้างใดๆ อาจจะกำหนดให้ต้องทำใต้ถุนสูง โครงการบ้านจัดสรรบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำในกรุงเทพฯ จะต้องมีบึงรับน้ำ เป็นต้น
ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า สภากรุงเทพมหานครในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเห็นความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทันรับกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยสภากรุงเทพมหานครจะจัดตั้ง “คณะกรรมการศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อการพัฒนาเมือง” เพื่อทบทวนและผลักดันการปรับปรุงข้อบัญญัติ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินและการก่อสร้างให้รองรับภัยพิบัติ โครงสร้างคณะกรรมการฯจะประกอบด้วย คณะกรรมการการโยธาและผังเมือง สภากทม. ฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดึงผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาช่วยระดมความคิดเห็นด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 90-120 วัน
ประธานสภากทม.ปลุกทุกฝ่ายตื่นตัวรับมือภัยพิบัติ น้ำท่วมรุนแรงยิ่งขึ้น ชี้ผลวิจัยหลายสำนักระบุตรงกัน กรุงเทพฯ เจอวิกฤติแน่ เร่งตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบพร้อมทบทวนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องการใช้ที่ดิน และการก่อสร้าง ระบุต้องมีกฎหมายกำหนดสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เสี่ยงพร้อมรับสถานการณ์
(22 พ.ย. 53) เวลา 10.30 น. นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ ประธานคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ รองประธานคณะกรรมการโยธาและผังเมือง สภากรุงเทพมหานคร นำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อการพัฒนาเมือง เพื่อทบทวนและผลักดันการปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินและการก่อสร้างให้รองรับภัยพิบัติซึ่งเป็นผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันหลายจังหวัดในประเทศไทย รวมทั้งกรุงเทพฯ ได้รับภัยพิบัติ ด้านอุทกภัยรุนแรงขึ้นทุกๆ ปี เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อันเนื่องมาจากผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และทุกครั้งเมื่อเกิดภัยนำมาซึ่งความสูญเสียจำนวนมาก ทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงงบประมาณจากทางภาครัฐและเอกชนที่ต้องทุ่มลงไปเพื่อให้ความช่วยเหลือ และฟื้นฟูเยียวยาทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจเพื่อให้กลับสภาพสู่ปกติ ขณะเดียวกันผลการวิจัยของหลายองค์กรทั่วโลกชี้ชัดตรงกันว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ใน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไปด้วยระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยที่เพิ่มสูงขึ้นปีละ 3 มม. และแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดลง ปีละ 15 มม.
“ทุกวันนี้เราพูดถึงการป้องกันน้ำท่วมหรือภัยพิบัติในแง่การดำเนินการสร้างระบบป้องกัน เฝ้าระวัง และการฟื้นฟูเยียวยาเท่านั้น แต่ยังไม่มีข้อบัญญัติ และกฎหมายใดๆ ที่ระบุถึงการใช้ประโยชน์ที่ดิน หรือการก่อสร้างต่างๆ ให้ต้องคำนึงถึงภัยพิบัติที่จะต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้เลย ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก ” นายสุทธิชัย กล่าวพร้อมทั้งย้ำว่า การมีกฎหมายใช้บังคับจะช่วยควบคุมและลดความสูญเสียได้ โดยเฉพาะพื้นที่ในจุดเสี่ยงจะต้องเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ การขออนุญาตก่อสร้างหรือใช้ประโยชน์ที่ดินจะต้องอยู่ในเงื่อนไขด้านการป้องกันภัยพิบัติด้วย ตัวอย่างเช่น ชายทะเลบางขุนเทียนซึ่งมีปัญหาน้ำกัดเซาะ การก่อสร้างใดๆ อาจจะกำหนดให้ต้องทำใต้ถุนสูง โครงการบ้านจัดสรรบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำในกรุงเทพฯ จะต้องมีบึงรับน้ำ เป็นต้น
ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า สภากรุงเทพมหานครในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเห็นความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทันรับกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยสภากรุงเทพมหานครจะจัดตั้ง “คณะกรรมการศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อการพัฒนาเมือง” เพื่อทบทวนและผลักดันการปรับปรุงข้อบัญญัติ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินและการก่อสร้างให้รองรับภัยพิบัติ โครงสร้างคณะกรรมการฯจะประกอบด้วย คณะกรรมการการโยธาและผังเมือง สภากทม. ฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดึงผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาช่วยระดมความคิดเห็นด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 90-120 วัน
25 พ.ย. สภากทม. ประชุมติดตามสร้างโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยหนองแขม
25 พ.ย. สภากทม. ประชุมติดตามสร้างโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยหนองแขม
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร แจ้งว่า สภากรุงเทพมหานครจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 2) ประจำปี พ.ศ. 2553 ในวันที่ 25 พ.ย. 53 เวลา 10.00 น. โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร
การประชุมสภาครั้งนี้มีการเสนอญัตติขอความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร ผูกพันงบประมาณในการเปลี่ยนแปลงวงเงินโครงการ โดยการเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยจากโรงงานกำจัดมูลฝอยหนองแขม และนำไปทำลายโดยวิธีฝังกลบอย่างถูกสุขลักษณะ (แบบใหม่) ระยะที่ 2 และโครงการจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยและนำไปทำลาย โดยวิธีฝังกลบอย่างถูกสุขลักษณะ โดยการอัดและห่อมูลฝอยด้วยแผ่นพลาสติก (Wrapping) อีกทั้งมีการเสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวง/เขตห้วยขวาง กทม. (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมทั้งญัตติของนางสาวรัตติกาล แก้วเกิดมี เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครย้ายประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ไปติดตามแนวคลองหกวาสายล่างสุดเขตกรุงเทพมหานคร และญัตติของนายนภาพล จีระกุล เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนก
อย่างไรก็ตามอาจมีญัตติด่วนด้วยวาจาที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งต้องติดตามรายละเอียดตามความจำเป็นต่อไป
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร แจ้งว่า สภากรุงเทพมหานครจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 2) ประจำปี พ.ศ. 2553 ในวันที่ 25 พ.ย. 53 เวลา 10.00 น. โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร
การประชุมสภาครั้งนี้มีการเสนอญัตติขอความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร ผูกพันงบประมาณในการเปลี่ยนแปลงวงเงินโครงการ โดยการเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยจากโรงงานกำจัดมูลฝอยหนองแขม และนำไปทำลายโดยวิธีฝังกลบอย่างถูกสุขลักษณะ (แบบใหม่) ระยะที่ 2 และโครงการจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยและนำไปทำลาย โดยวิธีฝังกลบอย่างถูกสุขลักษณะ โดยการอัดและห่อมูลฝอยด้วยแผ่นพลาสติก (Wrapping) อีกทั้งมีการเสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวง/เขตห้วยขวาง กทม. (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมทั้งญัตติของนางสาวรัตติกาล แก้วเกิดมี เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครย้ายประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ไปติดตามแนวคลองหกวาสายล่างสุดเขตกรุงเทพมหานคร และญัตติของนายนภาพล จีระกุล เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาโครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์ กับถนนพรานนก
อย่างไรก็ตามอาจมีญัตติด่วนด้วยวาจาที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งต้องติดตามรายละเอียดตามความจำเป็นต่อไป
เห็นชอบจัดซื้อรถส่วนกลางแทนการเช่า หลังพบใช้งานต่ำกว่าเกณฑ์ความคุ้มค่า
เห็นชอบจัดซื้อรถส่วนกลางแทนการเช่า หลังพบใช้งานต่ำกว่าเกณฑ์ความคุ้มค่า
กทม. เห็นชอบจัดซื้อรถส่วนกลางไว้ใช้ในราชการแทนการเช่า หลังพบหลายหน่วยงานใช้งานต่ำกว่าเกณฑ์ความคุ้มค่า ไม่ถึง 2,500 กม.ต่อเดือน พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกหน่วยงานดำเนินการจัดซื้อได้ด้วยตนเอง
(22 พ.ย. 53) ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 29/2553 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับผลการสำรวจการใช้งานรถเช่าของหน่วยงานกรุงเทพมหานคร พบว่าส่วนใหญ่จะใช้งานรถเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ความคุ้มค่าในการเช่ารถยนต์ ที่คณะกรรมการกำหนดวิธีการจัดหารถไว้ใช้ในราชการกรุงเทพมหานครได้พิจารณาไว้ คือต่ำกว่า 2,500 กิโลเมตรต่อเดือน และจากข้อมูลของกองโรงงานช่างกล พบว่าการจัดซื้อรถไว้ใช้ในราชการจะคุ้มค่ากว่าเนื่องจากอัตราค่าเช่ารถระยะเวลา 3 ปี กับราคาจัดซื้อรถใกล้เคียงกัน แต่รถซื้อสามารถใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 7 ปี และค่าซ่อมบำรุงรถใน 3 ปีแรกจะน้อยมาก จึงเห็นควรกำหนดแนวทางการจัดหารถส่วนกลาง ปีงบประมาณ 2554 ตามแนวทางเดียวกับปี 2552-2553
สำหรับแนวทางการจัดหารถส่วนกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ประเภทรถโดยสาร (ดีเซล) ขนาด 12 ที่นั่ง รถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด 1 ตัน แบบต่างๆ และรถนั่งส่วนกลาง ให้ดำเนินการจัดหาโดยวิธีการจัดซื้อ ยกเว้นหน่วยงานที่มีการใช้รถเฉลี่ย 2,500 กิโลเมตรต่อเดือนขึ้นไป ให้ดำเนินการจัดหาโดยวิธีการจัดซื้อหรือการเช่าได้ โดยหน่วยงานดำเนินการจัดซื้อได้เอง และมิต้องโอนงบประมาณไปตั้งจ่ายที่กองทะเบียนทรัพย์สินและพัสดุ สำนักการคลัง กรณีหน่วยงานที่มีการใช้รถเฉลี่ย 2,500 กิโลเมตรต่อเดือนขึ้นไป และประสงค์จะดำเนินการจัดหาโดยวิธีการเช่า ให้หน่วยงานเสนอขอตั้งงบประมาณในหมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ (ค่าใช้สอย) รายการค่าเช่ารถ หรือขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงบประมาณเป็นรายการค่าเช่ารถให้เรียบร้อยก่อนการโอนงบประมาณไปตั้งจ่ายที่กองทะเบียนทรัพย์สินและพัสดุ สำนักการคลัง
กทม. เห็นชอบจัดซื้อรถส่วนกลางไว้ใช้ในราชการแทนการเช่า หลังพบหลายหน่วยงานใช้งานต่ำกว่าเกณฑ์ความคุ้มค่า ไม่ถึง 2,500 กม.ต่อเดือน พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกหน่วยงานดำเนินการจัดซื้อได้ด้วยตนเอง
(22 พ.ย. 53) ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 29/2553 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับผลการสำรวจการใช้งานรถเช่าของหน่วยงานกรุงเทพมหานคร พบว่าส่วนใหญ่จะใช้งานรถเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ความคุ้มค่าในการเช่ารถยนต์ ที่คณะกรรมการกำหนดวิธีการจัดหารถไว้ใช้ในราชการกรุงเทพมหานครได้พิจารณาไว้ คือต่ำกว่า 2,500 กิโลเมตรต่อเดือน และจากข้อมูลของกองโรงงานช่างกล พบว่าการจัดซื้อรถไว้ใช้ในราชการจะคุ้มค่ากว่าเนื่องจากอัตราค่าเช่ารถระยะเวลา 3 ปี กับราคาจัดซื้อรถใกล้เคียงกัน แต่รถซื้อสามารถใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 7 ปี และค่าซ่อมบำรุงรถใน 3 ปีแรกจะน้อยมาก จึงเห็นควรกำหนดแนวทางการจัดหารถส่วนกลาง ปีงบประมาณ 2554 ตามแนวทางเดียวกับปี 2552-2553
สำหรับแนวทางการจัดหารถส่วนกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ประเภทรถโดยสาร (ดีเซล) ขนาด 12 ที่นั่ง รถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด 1 ตัน แบบต่างๆ และรถนั่งส่วนกลาง ให้ดำเนินการจัดหาโดยวิธีการจัดซื้อ ยกเว้นหน่วยงานที่มีการใช้รถเฉลี่ย 2,500 กิโลเมตรต่อเดือนขึ้นไป ให้ดำเนินการจัดหาโดยวิธีการจัดซื้อหรือการเช่าได้ โดยหน่วยงานดำเนินการจัดซื้อได้เอง และมิต้องโอนงบประมาณไปตั้งจ่ายที่กองทะเบียนทรัพย์สินและพัสดุ สำนักการคลัง กรณีหน่วยงานที่มีการใช้รถเฉลี่ย 2,500 กิโลเมตรต่อเดือนขึ้นไป และประสงค์จะดำเนินการจัดหาโดยวิธีการเช่า ให้หน่วยงานเสนอขอตั้งงบประมาณในหมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ (ค่าใช้สอย) รายการค่าเช่ารถ หรือขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงบประมาณเป็นรายการค่าเช่ารถให้เรียบร้อยก่อนการโอนงบประมาณไปตั้งจ่ายที่กองทะเบียนทรัพย์สินและพัสดุ สำนักการคลัง
คนกรุงตื่นตัวใช้กระทงวัสดุธรรมชาติ 81.06%
คนกรุงตื่นตัวใช้กระทงวัสดุธรรมชาติ 81.06%
กทม. เผยยอดจัดเก็บกระทง ปี 53 พบคนกรุงตื่นตัวใช้วัสดุธรรมชาติมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมนำไปฝังกลบอย่างถูกวิธี ส่วนกระทงโฟมเตรียมแยกส่วนนำไปรีไซเคิลแปรรูปเป็นของใช้ ขณะที่ยอดอุบัติเหตุวันลอยกระทง 13 ราย เหตุเล่นประทัดและพลุไฟ ไม่มีผู้เสียชีวิต
(22 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สรุปผลการจัดเก็บกระทงเนื่องในเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2553 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 53 ว่า สำนักการระบายน้ำ สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันจัดเก็บกระทงในแหล่งน้ำต่างๆ อาทิ แม่น้ำเจ้าพระยา คู คลอง และสวนสาธารณะ 22 แห่งซึ่งกรุงเทพมหานครเปิดให้ประชาชนเข้าไปร่วมลอยกระทง โดยดำเนินการตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 21 พ.ย. และเสร็จสิ้นในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 22 พ.ย. 53
ทั้งนี้กระทงที่จัดเก็บได้มีจำนวนทั้งสิ้น 946,868 ใบ แยกเป็นกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ 767,533 ใบ คิดเป็นร้อยละ 81.06 กระทงโฟม 118,575 ใบ คิดเป็นร้อยละ 12.52 และกระทงจากวัสดุอื่นๆ เช่น ขนมปัง จำนวน 60,730 ใบ คิดเป็นร้อยละ 6.42 ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 5,721 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.80 โดยเขตที่จัดเก็บกระทงมากที่สุด ได้แก่ เขตลาดกระบัง จำนวน 41,582 ใบ เขตคลองเตย 37,900 ใบ และเขตธนบุรี 23,599 ใบ ส่วนเขตที่มีจำนวนกระทงน้อยที่สุด ได้แก่ เขตราชเทวี จำนวน 500 ใบ
สำหรับกระทงที่จัดเก็บได้ กทม.จะส่งไปทำลายอย่างถูกสุขลักษณะ โดยกระทงขนมปังได้ละลายเป็นอาหารปลา กระทงวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้จะถูกนำไปฝังกลบ ส่วนกระทงโฟมนั้นจะนำส่งโรงงานรีไซเคิลเพื่อแปรรูปเป็นของใช้ต่างๆ ต่อไป
ในส่วนของอุบัติเหตุวันลอยกระทง พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 13 ราย ส่วนใหญ่เป็นอุบัติเหตุจากการเล่นประทัดและพลุไฟ นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลื่นล้มบริเวณท่าน้ำ และเหยียบเศษแก้ว โดยไม่มีผู้เสียชีวิต
กทม. เผยยอดจัดเก็บกระทง ปี 53 พบคนกรุงตื่นตัวใช้วัสดุธรรมชาติมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมนำไปฝังกลบอย่างถูกวิธี ส่วนกระทงโฟมเตรียมแยกส่วนนำไปรีไซเคิลแปรรูปเป็นของใช้ ขณะที่ยอดอุบัติเหตุวันลอยกระทง 13 ราย เหตุเล่นประทัดและพลุไฟ ไม่มีผู้เสียชีวิต
(22 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สรุปผลการจัดเก็บกระทงเนื่องในเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2553 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 53 ว่า สำนักการระบายน้ำ สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันจัดเก็บกระทงในแหล่งน้ำต่างๆ อาทิ แม่น้ำเจ้าพระยา คู คลอง และสวนสาธารณะ 22 แห่งซึ่งกรุงเทพมหานครเปิดให้ประชาชนเข้าไปร่วมลอยกระทง โดยดำเนินการตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 21 พ.ย. และเสร็จสิ้นในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 22 พ.ย. 53
ทั้งนี้กระทงที่จัดเก็บได้มีจำนวนทั้งสิ้น 946,868 ใบ แยกเป็นกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ 767,533 ใบ คิดเป็นร้อยละ 81.06 กระทงโฟม 118,575 ใบ คิดเป็นร้อยละ 12.52 และกระทงจากวัสดุอื่นๆ เช่น ขนมปัง จำนวน 60,730 ใบ คิดเป็นร้อยละ 6.42 ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 5,721 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.80 โดยเขตที่จัดเก็บกระทงมากที่สุด ได้แก่ เขตลาดกระบัง จำนวน 41,582 ใบ เขตคลองเตย 37,900 ใบ และเขตธนบุรี 23,599 ใบ ส่วนเขตที่มีจำนวนกระทงน้อยที่สุด ได้แก่ เขตราชเทวี จำนวน 500 ใบ
สำหรับกระทงที่จัดเก็บได้ กทม.จะส่งไปทำลายอย่างถูกสุขลักษณะ โดยกระทงขนมปังได้ละลายเป็นอาหารปลา กระทงวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้จะถูกนำไปฝังกลบ ส่วนกระทงโฟมนั้นจะนำส่งโรงงานรีไซเคิลเพื่อแปรรูปเป็นของใช้ต่างๆ ต่อไป
ในส่วนของอุบัติเหตุวันลอยกระทง พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 13 ราย ส่วนใหญ่เป็นอุบัติเหตุจากการเล่นประทัดและพลุไฟ นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลื่นล้มบริเวณท่าน้ำ และเหยียบเศษแก้ว โดยไม่มีผู้เสียชีวิต
กทม.เร่งฟื้นฟูทุกพื้นที่หลังน้ำลดคาดแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
กทม.เร่งฟื้นฟูทุกพื้นที่หลังน้ำลดคาดแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
(20 พ.ย.53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบริเวณชุมชนวัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต ชุมชนท่าวัง เขตพระนคร โดยนำนักเรียนอาชีวะตามโครงการฟื้นฟูชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร ระหว่างกรุงเทพมหานครกับสำนักงานนคณะกรรมการอาชีวศึกษา เข้าซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ โดยคาดว่าจะสามารถซ่อมแซมและบูรณะแล้วเสร็จกลับคืนสู่สภาพปกติภายในระยะเวลา 1 เดือน
ในส่วนของความเสียหายอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ คงไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ แต่ได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในการช่วยเหลือฟื้นฟูในทุกๆ ด้าน พร้อมสั่งการให้สำนักอนามัยกรุงเทพมหานครเข้าดูแล ฟื้นฟูสภาพจิตใจแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย นอกจากนี้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว กรุงเทพมหานครจะได้เร่งสร้างแนวคันกั้นน้ำใน
จุดฟันหลอระยะทางงยาวรวม 1.2 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จในวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งจะได้เร่งเจรจากับประชาชนให้ย้ายออกจากพื้นที่โดยสมัครใจเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
(20 พ.ย.53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบริเวณชุมชนวัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต ชุมชนท่าวัง เขตพระนคร โดยนำนักเรียนอาชีวะตามโครงการฟื้นฟูชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร ระหว่างกรุงเทพมหานครกับสำนักงานนคณะกรรมการอาชีวศึกษา เข้าซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ โดยคาดว่าจะสามารถซ่อมแซมและบูรณะแล้วเสร็จกลับคืนสู่สภาพปกติภายในระยะเวลา 1 เดือน
ในส่วนของความเสียหายอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ คงไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ แต่ได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในการช่วยเหลือฟื้นฟูในทุกๆ ด้าน พร้อมสั่งการให้สำนักอนามัยกรุงเทพมหานครเข้าดูแล ฟื้นฟูสภาพจิตใจแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย นอกจากนี้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว กรุงเทพมหานครจะได้เร่งสร้างแนวคันกั้นน้ำใน
จุดฟันหลอระยะทางงยาวรวม 1.2 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จในวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งจะได้เร่งเจรจากับประชาชนให้ย้ายออกจากพื้นที่โดยสมัครใจเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
เปิดแล้ว “สวนนวมินทร์ภิรมย์” เขตบึงกุ่มเป็นแห่งที่ 27 ของคนเมือง
เปิดแล้ว “สวนนวมินทร์ภิรมย์” เขตบึงกุ่มเป็นแห่งที่ 27 ของคนเมือง
ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ เปิดสวนสาธารณะแห่งใหม่ย่านบึงกุ่ม “นวมินทร์ภิรมย์” ในเนื้อที่กว่า 70 ไร่ พร้อมใช้ประโยชน์เต็มรูปแบบของคนทุกวัย ทั้งพักผ่อน – ออกกำลังกาย- สันทนาการ เผยคืบหน้า 2 ปี เพิ่มพื้นที่สีเขียวแล้วกว่า 2 พันไร่ เดินหน้าขยายต่อให้ครบ 5 พันไร่ ภายในปี 55
(21 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นางนฤมล รัตนาภิบาล รองประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ทำพิธีเปิดสวนสาธารณะแห่งใหม่ “สวนนวมินทร์ภิรมย์” เขตบึงกุ่ม
สวนนวมินทร์ภิรมย์ ได้เปิดอย่างเป็นทางการให้ประชาชนเข้าใช้แล้วตั้งแต่บัดนี้ ตามนโยบายของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มีแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้ 5,000 ไร่ ภายใน 4 ปี (พ.ศ. 2555) ซึ่งขณะนี้เพิ่มได้แล้วกว่า 2,000 ไร่ ทำให้ในกรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนต่อประชากร 4.13 ตารางเมตร/คน นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองด้วยการปลูกต้นไม้ภายในบริเวณบ้าน หรือพื้นที่ว่าง เพื่อสร้างความร่มรื่นและฟอกอากาศให้กับเมือง
สำหรับสวนนวมินทร์ภิรมย์ จัดสร้างขึ้นบนพื้นที่ 76 ไร่ 39.3 ตารางวา ตั้งอยู่รอบทะเลสาบคลองจั่น เขตบึงกุ่ม จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปี 2549 ได้รับการอนุเคราะห์จากการเคหะแห่งชาติให้กรุงเทพมหานครเข้าพัฒนาปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะที่มีประโยชน์ใช้สอยครบถ้วน ดำเนินแล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม 2553 ขณะนี้เปิดให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และที่ออกกำลังกาย ประกอบด้วย ศาลาพักผ่อนเป็นซุ้มไม้เลื้อยและศาลานั่งริมน้ำ น้ำพุกลางบึงน้ำ สนามเด็กเล่น ลานอเนกประสงค์ เวทีกลางแจ้ง สถานีออกกำลังกาย12 สถานี ทางเดิน-วิ่งออกกำลังกาย สะพานข้ามบึงน้ำ ห้องสุขาสาธารณะ จุดจอดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีเรือนเพาะชำกล้าไม้ มีการปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและปรับภูมิทัศน์ด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ที่สำคัญยังมีบึงกักเก็บน้ำโครงการแก้มลิงตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจอันเกี่ยวเนื่องกับโครงการแก้มลิงอีกด้วย
ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ เปิดสวนสาธารณะแห่งใหม่ย่านบึงกุ่ม “นวมินทร์ภิรมย์” ในเนื้อที่กว่า 70 ไร่ พร้อมใช้ประโยชน์เต็มรูปแบบของคนทุกวัย ทั้งพักผ่อน – ออกกำลังกาย- สันทนาการ เผยคืบหน้า 2 ปี เพิ่มพื้นที่สีเขียวแล้วกว่า 2 พันไร่ เดินหน้าขยายต่อให้ครบ 5 พันไร่ ภายในปี 55
(21 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นางนฤมล รัตนาภิบาล รองประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ทำพิธีเปิดสวนสาธารณะแห่งใหม่ “สวนนวมินทร์ภิรมย์” เขตบึงกุ่ม
สวนนวมินทร์ภิรมย์ ได้เปิดอย่างเป็นทางการให้ประชาชนเข้าใช้แล้วตั้งแต่บัดนี้ ตามนโยบายของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มีแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้ 5,000 ไร่ ภายใน 4 ปี (พ.ศ. 2555) ซึ่งขณะนี้เพิ่มได้แล้วกว่า 2,000 ไร่ ทำให้ในกรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนต่อประชากร 4.13 ตารางเมตร/คน นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองด้วยการปลูกต้นไม้ภายในบริเวณบ้าน หรือพื้นที่ว่าง เพื่อสร้างความร่มรื่นและฟอกอากาศให้กับเมือง
สำหรับสวนนวมินทร์ภิรมย์ จัดสร้างขึ้นบนพื้นที่ 76 ไร่ 39.3 ตารางวา ตั้งอยู่รอบทะเลสาบคลองจั่น เขตบึงกุ่ม จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปี 2549 ได้รับการอนุเคราะห์จากการเคหะแห่งชาติให้กรุงเทพมหานครเข้าพัฒนาปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะที่มีประโยชน์ใช้สอยครบถ้วน ดำเนินแล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม 2553 ขณะนี้เปิดให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และที่ออกกำลังกาย ประกอบด้วย ศาลาพักผ่อนเป็นซุ้มไม้เลื้อยและศาลานั่งริมน้ำ น้ำพุกลางบึงน้ำ สนามเด็กเล่น ลานอเนกประสงค์ เวทีกลางแจ้ง สถานีออกกำลังกาย12 สถานี ทางเดิน-วิ่งออกกำลังกาย สะพานข้ามบึงน้ำ ห้องสุขาสาธารณะ จุดจอดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีเรือนเพาะชำกล้าไม้ มีการปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและปรับภูมิทัศน์ด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ที่สำคัญยังมีบึงกักเก็บน้ำโครงการแก้มลิงตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจอันเกี่ยวเนื่องกับโครงการแก้มลิงอีกด้วย
กทม.เตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ 83 พรรษา 5 ธันวามหาราชอย่างยิ่งใหญ่
กทม.เตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ 83 พรรษา 5 ธันวามหาราชอย่างยิ่งใหญ่
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกของกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (22 พ.ย.53) ว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวามหาราช ระหว่างวันที่ 4-6 ธันวาคม 53 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. โดยมี กิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การลงนามถวายพระพร กิจกรรมสาธารณประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ การจัดซุ้มจำหน่ายสินค้าของดี 50 เขต กิจกรรมมหรสพสมโภช และการแสดงพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียนจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันที่ 5 ธันวาคม มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระราชาคณะ 10 รูป พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 284 รูป การถวายเครื่องราชสักการะ การจุดเทียนชัยถวายพระพร โดยในปีนี้รัฐบาลกำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติระหว่างวันที่ 1-9 ธันวาคม ณ ลานพระราชวังดุสิต (สนามเสือป่า)
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกของกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (22 พ.ย.53) ว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวามหาราช ระหว่างวันที่ 4-6 ธันวาคม 53 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. โดยมี กิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การลงนามถวายพระพร กิจกรรมสาธารณประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ การจัดซุ้มจำหน่ายสินค้าของดี 50 เขต กิจกรรมมหรสพสมโภช และการแสดงพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียนจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันที่ 5 ธันวาคม มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระราชาคณะ 10 รูป พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 284 รูป การถวายเครื่องราชสักการะ การจุดเทียนชัยถวายพระพร โดยในปีนี้รัฐบาลกำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติระหว่างวันที่ 1-9 ธันวาคม ณ ลานพระราชวังดุสิต (สนามเสือป่า)
เตรียมจัดงานวันสถาปนากทม. “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้"
เตรียมจัดงานวันสถาปนากทม. “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้”
นายเจตน์ โสภิษฐ์พงศธร โฆษกของกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (22 พ.ย.53) ว่า วันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ซึ่งในปีนี้ครบรอบปีที่ 38 ปี กรุงเทพมหานคร จึงกำหนดจัดกิจกรรมภายใต้ชื่องาน “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” ในวันที่ 14 ธันวาคม 53 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมต่าง ประกอบด้วย กิจกรรมด้านศาสนา ได้แก่ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 139 รูป พระราชาคณะ จำนวน 9 รูป ณ บริเวณลานคนเมือง ในเวลา 06.45 น. โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธี จากนั้นในเวลา 08.19 น. เป็นพิธีสักการะพระพุทธนวราชบพิตร และพิธีถวายเทวบรรณาการ ณ บริเวณหน้าหอพระพุทธนวราชบพิตร อีกทั้งพิธีถวายเทวบรรณาการ ณ ศาลพระภูมิ และศาลจีน ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในเวลา 09.00 น จัดให้มีพิธีรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์และมอบประกาศเกียรติคุณและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติให้กับผู้ทำคุณประโยชน์แก่กรุงเทพมหานคร ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
14 ธันวา ตรวจสุขภาพแก่ประชาชน ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง ฟรี
ในโอกาสวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ครบรอบ 38 ปี ได้จัดหน่วยบริการรับบริจาคโลหิต ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 08.00-12.00 น. จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ตรวจสุขภาพ ณ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 06.00-10.00 น. และบริการตรวจสุขภาพฟรีแก่ประชาชนทั่วไป ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครทุกแห่งได้แก่ การตรวจสุขภาพทั่วไป การคัดกรองโรคเบาหวาน การคัดกรองโรคความดันโลหิตสูง การประเมินความเครียด การตรวจวัดดัชนีมวลกาย การตรวจหากรุ๊ปเลือด การตรวจสุขภาพฟัน การแจกเจลล้างมือ และการแจกหน้ากากอนามัย
สำหรับช่วงเย็นจะเป็นกิจกรรมพบปะสังสรรค์ ซึ่งจะจัดขึ้นอย่างเป็นกันเอง ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ตั้งแต่เวลา 17.50 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬากรุงเทพมหานครจะมีการมอบถ้วยรางวัลแก่นักกีฬากรุงเทพมหานครที่ชนะการแข่งขันกีฬาแต่ละประเภท อาทิ ฟุตซอล เทเบิลเทนนิส กรีฑา ปิดท้ายด้วยการแสดงดนตรี ศิลปวัฒนธรรม และการแสดงตลก เป็นต้น
ร่วมกับชุมชนพัฒนาพื้นที่และแจกกล้าไม้แก่ประชาชน ณ สำนักงานเขต
สำนักสิ่งแวดล้อมได้กำหนดจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ (ไม้ยืนต้น) จำนวน 50 ต้น ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมกล้าไม้ เช่น เหลืองหลวง หูกระจง ไม้ใบสี และพืชผักสวนครัว เช่น กะเพรา โหระพา แจกให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ ณ สำนักงานเขตให้แก่สำนักงานเขตๆ ละ 1,000 ต้น ทั้ง 50 เขต ในวันที่ 14 ธันวาคม 53
ในระหว่างวันที่ 6 - 13 ธ.ค. 53 สำนักงานเขต 50 เขตจะร่วมกับชุมชนในพื้นที่พัฒนา ทำความสะอาดและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในสถานที่ต่างๆ ได้แก่ ทำความสะอาดศาสนสถาน ตลาดสด ถนนสายหลัก ตลอดจน เก็บขยะในคูคลองต่าง ๆ
นายเจตน์ โสภิษฐ์พงศธร โฆษกของกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (22 พ.ย.53) ว่า วันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ซึ่งในปีนี้ครบรอบปีที่ 38 ปี กรุงเทพมหานคร จึงกำหนดจัดกิจกรรมภายใต้ชื่องาน “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” ในวันที่ 14 ธันวาคม 53 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมต่าง ประกอบด้วย กิจกรรมด้านศาสนา ได้แก่ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 139 รูป พระราชาคณะ จำนวน 9 รูป ณ บริเวณลานคนเมือง ในเวลา 06.45 น. โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธี จากนั้นในเวลา 08.19 น. เป็นพิธีสักการะพระพุทธนวราชบพิตร และพิธีถวายเทวบรรณาการ ณ บริเวณหน้าหอพระพุทธนวราชบพิตร อีกทั้งพิธีถวายเทวบรรณาการ ณ ศาลพระภูมิ และศาลจีน ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในเวลา 09.00 น จัดให้มีพิธีรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์และมอบประกาศเกียรติคุณและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติให้กับผู้ทำคุณประโยชน์แก่กรุงเทพมหานคร ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
14 ธันวา ตรวจสุขภาพแก่ประชาชน ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง ฟรี
ในโอกาสวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ครบรอบ 38 ปี ได้จัดหน่วยบริการรับบริจาคโลหิต ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 08.00-12.00 น. จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ตรวจสุขภาพ ณ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 06.00-10.00 น. และบริการตรวจสุขภาพฟรีแก่ประชาชนทั่วไป ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครทุกแห่งได้แก่ การตรวจสุขภาพทั่วไป การคัดกรองโรคเบาหวาน การคัดกรองโรคความดันโลหิตสูง การประเมินความเครียด การตรวจวัดดัชนีมวลกาย การตรวจหากรุ๊ปเลือด การตรวจสุขภาพฟัน การแจกเจลล้างมือ และการแจกหน้ากากอนามัย
สำหรับช่วงเย็นจะเป็นกิจกรรมพบปะสังสรรค์ ซึ่งจะจัดขึ้นอย่างเป็นกันเอง ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ตั้งแต่เวลา 17.50 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬากรุงเทพมหานครจะมีการมอบถ้วยรางวัลแก่นักกีฬากรุงเทพมหานครที่ชนะการแข่งขันกีฬาแต่ละประเภท อาทิ ฟุตซอล เทเบิลเทนนิส กรีฑา ปิดท้ายด้วยการแสดงดนตรี ศิลปวัฒนธรรม และการแสดงตลก เป็นต้น
ร่วมกับชุมชนพัฒนาพื้นที่และแจกกล้าไม้แก่ประชาชน ณ สำนักงานเขต
สำนักสิ่งแวดล้อมได้กำหนดจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ (ไม้ยืนต้น) จำนวน 50 ต้น ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมกล้าไม้ เช่น เหลืองหลวง หูกระจง ไม้ใบสี และพืชผักสวนครัว เช่น กะเพรา โหระพา แจกให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ ณ สำนักงานเขตให้แก่สำนักงานเขตๆ ละ 1,000 ต้น ทั้ง 50 เขต ในวันที่ 14 ธันวาคม 53
ในระหว่างวันที่ 6 - 13 ธ.ค. 53 สำนักงานเขต 50 เขตจะร่วมกับชุมชนในพื้นที่พัฒนา ทำความสะอาดและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในสถานที่ต่างๆ ได้แก่ ทำความสะอาดศาสนสถาน ตลาดสด ถนนสายหลัก ตลอดจน เก็บขยะในคูคลองต่าง ๆ
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สภามหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร แต่งตั้งอธิการบดีแล้ว
(19 พ.ย.53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2553 ณ ห้องเอราวัณ ชั้น 2 ศาลาว่าการ กทม. ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่มีสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร นั้น พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2553 กำหนดให้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ปลัดกรุงเทพมหานครเป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัย ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และผู้ทรงคุณวุฒิที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้งจำนวน 6 คน เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาลเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ทั้งนี้จนกว่าจะมีสภามหาวิทยาลัยตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งต้องไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้บังคับ
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้แต่งตั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 76 ประกอบด้วย นายธรรมนูญ วินิยะพงศ์ ศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ รองศาสตราจารย์บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองศาสตราจารย์กำจร ตติยกวี รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ และน.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.53 ที่ผ่านมา และที่ประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัยได้คัดเลือกให้ นายธรรมนูญ วินิยะพงศ์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีไปจนกว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดี ซึ่งต้องไม่เกิน 180 วันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้แต่งตั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 76 ประกอบด้วย นายธรรมนูญ วินิยะพงศ์ ศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ รองศาสตราจารย์บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองศาสตราจารย์กำจร ตติยกวี รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ และน.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.53 ที่ผ่านมา และที่ประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัยได้คัดเลือกให้ นายธรรมนูญ วินิยะพงศ์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีไปจนกว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดี ซึ่งต้องไม่เกิน 180 วันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้
สภา กทม. ติดตามการดำเนินงานของศูนย์เครื่องมือกลและกองโรงงานช่างกล
สภากทม. ลงพื้นที่ติดตามปัญหาและอุปสรรคการดำเนินงานของศูนย์เครื่องมือกลและกองโรงงานช่างกล โดยเสนอแนะให้ผู้บริหารกทม.จัดตั้งศูนย์เครื่องมือกลให้เป็นศูนย์กลางเพื่อความสะดวกในการให้บริการประชาชน พร้อมเสนอปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นระบบ แบ่งภารกิจและหน้าที่ของหน่วยงานอย่างชัดเจน เพื่อปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามปัญหาและอุปสรรค การดำเนินงาน ของศูนย์เครื่องมือกล สำนักการโยธา และกองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมชี้แจง ณ ศูนย์เครื่องมือกลและโรงงานช่างกล ศาลาว่าการ กทม.2 (ดินแดง)
สำหรับศูนย์เครื่องมือกล สำนักงานก่อสร้างและบูรณะ มีหน้าที่สนับสนุนงานซ่อมแซม และดูแล ถนน ทางเท้า สะพาน และไฟฟ้าส่องสว่าง อีกทั้งช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยต่างๆ ตลอดจนปฏิบัติงานเร่งด่วนฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และบางภารกิจต้องออกปฏิบัติหน้าที่นอกเขตกรุงเทพฯ กรณีเกิดอุบัติภัยหรือได้รับการร้องขอจากหน่วยงานต่างพื้นที่ ซึ่งทางศูนย์เครื่องมือกลดำเนินการในภารกิจดังกล่าวได้ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเครื่องจักรกลที่ใช้ในการทำงานมีสภาพชำรุด ทำงานได้ล่าช้า อีกทั้งการให้บริการที่เกี่ยวกับการไฟฟ้าส่องสว่าง ยังมีปัญหาเรื่องแบ่งพื้นที่รับผิดชอบระหว่างกรุงเทพมหานครกับการไฟฟ้านครหลวง เช่น ในกรณีที่ประชาชนมีปัญหาเดือดร้อนและต้องการรับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนนั้นทางศูนย์เครื่องมือกลจะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปดูแลทันที แต่หากปัญหาที่หนักจริง ๆ จำเป็นขอความช่วยเหลือจากการไฟฟ้านครหลวง อาจมีระยะเวลาเพิ่มขึ้น จึงทำให้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการขโมยสายไฟจากเสาไฟฟ้าในเขตของพื้นที่ที่กทม.ดูแล เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดพื้นที่เสี่ยงและได้รับแสงสว่างไม่เพียงพอ ส่วนบริเวณที่ตั้งของศูนย์ฯต้องถูกเวนคืนที่ดินจะต้องจัดหาพื้นที่ก่อตั้งศูนย์ใหม่ ในส่วนของกองโรงงานช่างกล มีภารกิจในการซ่อมแซมและบำรุงเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งรถของสำนักงานและสำนักงานเขต บริการติดตั้งอุปกรณ์ก๊าซเอ็นจีวีให้แก่รถบริการ ศูนย์ผลิตพลังงานทดแทน (น้ำมันไบโอดีเซล) นอกจากนี้ยังมีการส่งหน่วย BEST เพื่อให้บริการประชาชน แต่ปัญหาของกองโรงงานช่างกลยังขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญอีกหลายด้าน อีกทั้งยังมีความล้าสมัยของระบบสารสนเทศ
ประธานสภากรุงเทพมหานครกล่าวว่า กรุงเทพมหานครควรจัดตั้งศูนย์เครื่องมือกลให้เป็นศูนย์กลางเพื่อความสะดวกในการให้บริการประชาชน อีกทั้งควรปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นระบบโดยแบ่งภารกิจและหน้าที่ของหน่วยงานอย่างชัดเจน ทั้งนี้สภากรุงเทพมหานครจะผลักดันและสนับสนุนงบประมาณที่จำเป็นเพื่อทำให้หน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิยิ่งขึ้นต่อไป
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามปัญหาและอุปสรรค การดำเนินงาน ของศูนย์เครื่องมือกล สำนักการโยธา และกองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมชี้แจง ณ ศูนย์เครื่องมือกลและโรงงานช่างกล ศาลาว่าการ กทม.2 (ดินแดง)
สำหรับศูนย์เครื่องมือกล สำนักงานก่อสร้างและบูรณะ มีหน้าที่สนับสนุนงานซ่อมแซม และดูแล ถนน ทางเท้า สะพาน และไฟฟ้าส่องสว่าง อีกทั้งช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยต่างๆ ตลอดจนปฏิบัติงานเร่งด่วนฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และบางภารกิจต้องออกปฏิบัติหน้าที่นอกเขตกรุงเทพฯ กรณีเกิดอุบัติภัยหรือได้รับการร้องขอจากหน่วยงานต่างพื้นที่ ซึ่งทางศูนย์เครื่องมือกลดำเนินการในภารกิจดังกล่าวได้ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเครื่องจักรกลที่ใช้ในการทำงานมีสภาพชำรุด ทำงานได้ล่าช้า อีกทั้งการให้บริการที่เกี่ยวกับการไฟฟ้าส่องสว่าง ยังมีปัญหาเรื่องแบ่งพื้นที่รับผิดชอบระหว่างกรุงเทพมหานครกับการไฟฟ้านครหลวง เช่น ในกรณีที่ประชาชนมีปัญหาเดือดร้อนและต้องการรับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนนั้นทางศูนย์เครื่องมือกลจะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปดูแลทันที แต่หากปัญหาที่หนักจริง ๆ จำเป็นขอความช่วยเหลือจากการไฟฟ้านครหลวง อาจมีระยะเวลาเพิ่มขึ้น จึงทำให้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการขโมยสายไฟจากเสาไฟฟ้าในเขตของพื้นที่ที่กทม.ดูแล เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดพื้นที่เสี่ยงและได้รับแสงสว่างไม่เพียงพอ ส่วนบริเวณที่ตั้งของศูนย์ฯต้องถูกเวนคืนที่ดินจะต้องจัดหาพื้นที่ก่อตั้งศูนย์ใหม่ ในส่วนของกองโรงงานช่างกล มีภารกิจในการซ่อมแซมและบำรุงเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งรถของสำนักงานและสำนักงานเขต บริการติดตั้งอุปกรณ์ก๊าซเอ็นจีวีให้แก่รถบริการ ศูนย์ผลิตพลังงานทดแทน (น้ำมันไบโอดีเซล) นอกจากนี้ยังมีการส่งหน่วย BEST เพื่อให้บริการประชาชน แต่ปัญหาของกองโรงงานช่างกลยังขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญอีกหลายด้าน อีกทั้งยังมีความล้าสมัยของระบบสารสนเทศ
ประธานสภากรุงเทพมหานครกล่าวว่า กรุงเทพมหานครควรจัดตั้งศูนย์เครื่องมือกลให้เป็นศูนย์กลางเพื่อความสะดวกในการให้บริการประชาชน อีกทั้งควรปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นระบบโดยแบ่งภารกิจและหน้าที่ของหน่วยงานอย่างชัดเจน ทั้งนี้สภากรุงเทพมหานครจะผลักดันและสนับสนุนงบประมาณที่จำเป็นเพื่อทำให้หน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิยิ่งขึ้นต่อไป
กทม. เปิดงาน กะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 หวังสืบสานงานประเพณีชุมชนย่านกะดีจีน
กรุงเทพมหานครเปิดงานกะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 หวังสืบสานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมย่านกะดีจีน มุ่งหวังให้ชุมชนเกิดความภาคภูมิใจ เป็นการเพิ่มคุณค่าและรักษาประเพณีให้ยาวนานคู่กรุงธนบุรีสืบไป
(19 พ.ย. 53) เวลา 17.00 น. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดงาน กะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 เพื่อกระตุ้นให้ชุมชนและสาธารณะหันมาสนใจงานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมมากขึ้น โดยมีนายกระมล โอฬาระรัต ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ คณะผู้บริหารสมาคมสถาปนิกสยาม ศาสนสถาน พี่น้องชาวชุมชนวัดกัลนาณ์ ชุมชนกุฎีจีน ชุมชนกุฎีขาว ชุมชนวัดประยุรวงศ์ ชุมชนวัดบุปผาราม และชุมชนโรงคราม ร่วมให้การต้อนรับ ณ ลานหน้าเทศกิจ สำนักเทศกิจกรุงเทพมหานคร
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า งานกะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ชุมชนและสาธารณะหันมาสนใจงานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมมากขึ้น โดยใช้ศิลปะและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ โดยมุ่งหวังชาวชุมชนจะเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมในถิ่นที่อยู่ของตนเอง สำหรับโครงการพัฒนาชุมชนย่านกะดีจีน จะเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนที่ท้องที่อื่นๆ สามารถนำไปเป็นแนวทางของการพัฒนาชุมชนของตัวเองต่อไป โดยกรุงเทพมหานครพร้อมที่จะให้การสนับสนุนโครงการลักษณะเช่นนี้ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นชุมชนที่น่าอยู่อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งกรุงเทพมหานครมีนโยบาย กรุงเทพเมืองสร้างสรรค์ (Bangkok Creative City) ซึ่งหลักสำคัญในการที่จะทำให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้น จำเป็นต้องพัฒนาเมืองหรือชุมชนของเราเป็นอันดับแรก ทั้งนี้การพัฒนาชุมชนจำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนตามเมืองใหญ่ที่จะต้องให้ความสำคัญในการอนุรักษณ์มรดกวัฒนธรรมให้ยาวนานคู่กรุงเทพมหานครต่อไป
สำหรับงานกะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด ศิลปะระเบียงธรรม 3 ศาสนา ที่มุ่งเน้นส่งเสริมความสำคัญของ 3 ศาสนาอันเป็นเอกลักษณ์ของย่านกะดีจีนและศูนย์กลางความสมัครสมานกลมเกลียวของชุมชน โดยสื่อผ่านทางงานศิลปะทั้งจิตกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย ดนตรีและการแสดงที่สะท้อนถึงคุณค่าและเอกลักษณ์ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ การแห่พระบรมสารีริกธาตุทางน้ำ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรื้อฟื้นประเพณีอันเก่าแก่อันทรงคุณค่าของกรุงธนบุรี โดยจะบรรจุกิจกรรมนี้ให้เป็นงานเทศกาลประจำปีของย่านกะดีจีนอีกด้วย โดยงานกะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2
(19 พ.ย. 53) เวลา 17.00 น. : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดงาน กะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 เพื่อกระตุ้นให้ชุมชนและสาธารณะหันมาสนใจงานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมมากขึ้น โดยมีนายกระมล โอฬาระรัต ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ คณะผู้บริหารสมาคมสถาปนิกสยาม ศาสนสถาน พี่น้องชาวชุมชนวัดกัลนาณ์ ชุมชนกุฎีจีน ชุมชนกุฎีขาว ชุมชนวัดประยุรวงศ์ ชุมชนวัดบุปผาราม และชุมชนโรงคราม ร่วมให้การต้อนรับ ณ ลานหน้าเทศกิจ สำนักเทศกิจกรุงเทพมหานคร
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า งานกะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ชุมชนและสาธารณะหันมาสนใจงานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมมากขึ้น โดยใช้ศิลปะและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ โดยมุ่งหวังชาวชุมชนจะเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมในถิ่นที่อยู่ของตนเอง สำหรับโครงการพัฒนาชุมชนย่านกะดีจีน จะเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนที่ท้องที่อื่นๆ สามารถนำไปเป็นแนวทางของการพัฒนาชุมชนของตัวเองต่อไป โดยกรุงเทพมหานครพร้อมที่จะให้การสนับสนุนโครงการลักษณะเช่นนี้ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นชุมชนที่น่าอยู่อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งกรุงเทพมหานครมีนโยบาย กรุงเทพเมืองสร้างสรรค์ (Bangkok Creative City) ซึ่งหลักสำคัญในการที่จะทำให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้น จำเป็นต้องพัฒนาเมืองหรือชุมชนของเราเป็นอันดับแรก ทั้งนี้การพัฒนาชุมชนจำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนตามเมืองใหญ่ที่จะต้องให้ความสำคัญในการอนุรักษณ์มรดกวัฒนธรรมให้ยาวนานคู่กรุงเทพมหานครต่อไป
สำหรับงานกะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด ศิลปะระเบียงธรรม 3 ศาสนา ที่มุ่งเน้นส่งเสริมความสำคัญของ 3 ศาสนาอันเป็นเอกลักษณ์ของย่านกะดีจีนและศูนย์กลางความสมัครสมานกลมเกลียวของชุมชน โดยสื่อผ่านทางงานศิลปะทั้งจิตกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย ดนตรีและการแสดงที่สะท้อนถึงคุณค่าและเอกลักษณ์ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ การแห่พระบรมสารีริกธาตุทางน้ำ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรื้อฟื้นประเพณีอันเก่าแก่อันทรงคุณค่าของกรุงธนบุรี โดยจะบรรจุกิจกรรมนี้ให้เป็นงานเทศกาลประจำปีของย่านกะดีจีนอีกด้วย โดยงานกะดีจีน ศิลป์ในซอย ครั้งที่ 2
เปิดศึกกีฬานักเรียนกทม. “ช้างน้อยเกมส์” เฟ้นหาช้างเผือก 22-30 พ.ย. นี้
กทม. เตรียมพร้อมเปิดศึกกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียน ใน “ช้างน้อยเกมส์” ภายใต้คำขวัญ “เสริมพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพ” ระหว่างวันที่ 22–30 พ.ย. นี้ ที่สนามกีฬาศูนย์เยาวชนฯ และสนามกีฬามาตรฐานในกทม. พร้อมค้นหาช้างเผือกเสริมกองทัพนักกีฬา เพื่อร่วมแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “เวสสุวัณเกมส์” รอบชิงชนะเลิศ 20-30 ม.ค. 54 ที่อุดรธานี
(19 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการแถลงข่าวการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 “ช้างน้อยเกมส์” โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ประจำปีการศึกษา 2553 ครั้งที่ 24 กำหนดจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระหว่างวันที่ 22–30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” มีคำขวัญในการแข่งขันว่า “เสริมพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพ” การแข่งขันกีฬาเป็นการส่งเสริมสุขภาพนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 436 โรงเรียน ให้มีสุขภาพแข็งแรง รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และรู้กฎกติกามารยาทของการเป็นนักกีฬาตลอดจนการเป็นผู้ชมกีฬาที่ดี
เตรียมชิงชัย 15 ชนิดกีฬา ใน 10 สนามมาตรฐาน
สำหรับชนิดกีฬาที่ใช้การแข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค ด้านสนามที่ใช้ในการแข่งขันมีทั้งหมด 10 สนาม ประกอบด้วยศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ศูนย์กีฬาเยาวชนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งครุ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ศูนย์กีฬา 72 พรรษา มีนบุรี ศูนย์กีฬาวชิรเบญทัศ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ สนามกอล์ฟกองทัพบก โรงเรียนวัดดอกไม้ เขตยานนาวา โรงเรียนวิชากร โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง และสโมสรจินตนายิม
ร่วมชมพิธีเปิดการแข่งขัน ร่วมเชียร์พร้อมให้กำลังใจนักกีฬา
สำหรับพิธีเปิดการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย. 53 เวลา 10.00 น. ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมนิทรรศการประเภทแข่งขันกีฬาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ขบวนพาเหรดนักเรียน การประกวดกองเชียร์ของกลุ่มเขต และกิจกรรมการแสดงประกอบพิธีเปิดการแข่งขันจากนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และพิธีปิดได้จัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. 53 เวลา 13.00 น. ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง โดยมีกิจกรรมประกอบด้วยการมอบถ้วยรางวัลคะแนนรวม การประกวดกองเชียร์และพาเหรด การมอบโล่รางวัลนักกีฬาเด่น ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งร่วมชม ร่วมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ตามกำหนดการแข่งขัน ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักการศึกษาโทร. 0 2437 6631–5 ต่อ 3469, 3430 หรือ www.bangkokedu.in.th
สร้างสุขภาพพลานามัย พร้อมค้นหาช้างเผือกเสริมกองทัพ
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน “ช้างน้อยเกมส์” นอกจากจะเป็นการส่งเสริมนักเรียน ให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงแล้ว ยังเป็นการรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนเป็นการค้นหาช้างเผือกที่มีความสามารถพิเศษด้านการกีฬาที่จะมาเสริมกองทัพนักกีฬาของกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมในการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ครั้งที่ 28 ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 20-30 ม.ค. 54 โดยมีชื่อการแข่งขันว่า “เวสสุวัณเกมส์” ซึ่งนักกีฬาที่ได้จากการแข่งขันครั้งนี้ จะเป็นกำลังสำคัญอีกทางหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพมหานครได้เป็นเจ้าเหรียญทองอีกครั้งหนึ่ง
(19 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการแถลงข่าวการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 “ช้างน้อยเกมส์” โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายอรรถพร สุวัธนเดชา ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ประจำปีการศึกษา 2553 ครั้งที่ 24 กำหนดจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระหว่างวันที่ 22–30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” มีคำขวัญในการแข่งขันว่า “เสริมพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพ” การแข่งขันกีฬาเป็นการส่งเสริมสุขภาพนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 436 โรงเรียน ให้มีสุขภาพแข็งแรง รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และรู้กฎกติกามารยาทของการเป็นนักกีฬาตลอดจนการเป็นผู้ชมกีฬาที่ดี
เตรียมชิงชัย 15 ชนิดกีฬา ใน 10 สนามมาตรฐาน
สำหรับชนิดกีฬาที่ใช้การแข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค ด้านสนามที่ใช้ในการแข่งขันมีทั้งหมด 10 สนาม ประกอบด้วยศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ศูนย์กีฬาเยาวชนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งครุ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ศูนย์กีฬา 72 พรรษา มีนบุรี ศูนย์กีฬาวชิรเบญทัศ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ สนามกอล์ฟกองทัพบก โรงเรียนวัดดอกไม้ เขตยานนาวา โรงเรียนวิชากร โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง และสโมสรจินตนายิม
ร่วมชมพิธีเปิดการแข่งขัน ร่วมเชียร์พร้อมให้กำลังใจนักกีฬา
สำหรับพิธีเปิดการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย. 53 เวลา 10.00 น. ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมนิทรรศการประเภทแข่งขันกีฬาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ขบวนพาเหรดนักเรียน การประกวดกองเชียร์ของกลุ่มเขต และกิจกรรมการแสดงประกอบพิธีเปิดการแข่งขันจากนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และพิธีปิดได้จัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. 53 เวลา 13.00 น. ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง โดยมีกิจกรรมประกอบด้วยการมอบถ้วยรางวัลคะแนนรวม การประกวดกองเชียร์และพาเหรด การมอบโล่รางวัลนักกีฬาเด่น ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งร่วมชม ร่วมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ตามกำหนดการแข่งขัน ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักการศึกษาโทร. 0 2437 6631–5 ต่อ 3469, 3430 หรือ www.bangkokedu.in.th
สร้างสุขภาพพลานามัย พร้อมค้นหาช้างเผือกเสริมกองทัพ
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน “ช้างน้อยเกมส์” นอกจากจะเป็นการส่งเสริมนักเรียน ให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงแล้ว ยังเป็นการรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนเป็นการค้นหาช้างเผือกที่มีความสามารถพิเศษด้านการกีฬาที่จะมาเสริมกองทัพนักกีฬาของกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมในการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ครั้งที่ 28 ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 20-30 ม.ค. 54 โดยมีชื่อการแข่งขันว่า “เวสสุวัณเกมส์” ซึ่งนักกีฬาที่ได้จากการแข่งขันครั้งนี้ จะเป็นกำลังสำคัญอีกทางหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพมหานครได้เป็นเจ้าเหรียญทองอีกครั้งหนึ่ง
ชวนร่วมงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” 1–12 ธ.ค. นี้
มหกรรมพันธุ์ไม้นานาชาติกว่า 30 ชนิด พร้อมอวดโฉมให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชน 1–12 ธ.ค. 53 ณ สวนหลวง ร.9 ตั้งแต่ 08.00–19.00 น. ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และร่วมกิจกรรมบันเทิงมากมายตลอดงาน
(18 พ.ย. 53) เวลา 15.00น. ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ถ.พระราม 1 : พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิสวนหลวง ร.9 ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมหลวงชนะพันธุ์ กฤดากร ประธานกรรมการดำเนินงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นายอุทยาน อุทยานะกะ กรรมการดำเนินการ “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 และนางเยียรยง ไชยรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงข่าว การจัดงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ มูลนิธิสวนหลวง ร.9 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1–12 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 08.00–19.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 84 ปี ในวันที่ 5 ธ.ค. 53
ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้เตรียมพรรณไม้ดอก 32 ชนิด รวม 560,000 ต้น หลากหลายสายพรรณ อาทิ พิทูเนีย ดาวเรือง สร้อยหิมะ และผีเสื้อ ประดับตกแต่งสถานที่ทั่วบริเวณงานให้ประชาชนได้ชื่นชมความงาม ด้านความบันเทิง จัดการแสดง แสง สี เสียง และการแสดงดนตรีรูปแบบต่างๆ รวมถึงจัดรถมาลัย รถราง รถไฟฟ้า ให้บริการประชาชนในงาน จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลความปลอดภัย จัดหน่วยแพทย์จากสำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน อีกทั้งประสานความร่วมมือไปยัง 14 หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการร่วมจัดภูมิทัศน์ และออกร้านภายในงาน
นอกจากนี้ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “ตามรอยพระราชดำริ : สู่ประโยชน์สุข” นิทรรศการตัวอย่างผลงานผู้ได้รับรางวัลจากการประกวดเศรษฐกิจพอเพียง การประกวดสุนทรพจน์ และการประกวดวาดภาพสำหรับเยาวชน จากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นิทรรศการ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการสื่อสาร” จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) นิทรรศการวิทยาศาสตร์ผสมผสานกับสวนสนุก จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม “หมู่บ้านวัฒนธรรม” เช่น การจำลองตลาดโบราณ (ตลาดน้ำ ตลาดบก) สาธิตหัตถกรรมพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงทางวัฒนธรรม การจัดแสดงโคมไฟเฉลิมพระเกียรติฯ 12 นักษัตร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การประกวดดราซีน่าชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การประกวดบอนสี และการพยากรณ์ดวงชะตา
สำหรับวันที่ 4 ธ.ค. 53 ชวนร่วมกิจกรรม “เดิน–วิ่ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” โดยสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและที่หน้างาน เวลา 04.00–06.00 น. สอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ มูลนิธิสวนหลวง ร.9 โทร. 0 2328 1385 และ 0 2328 1392 ชมรมวิ่งสวนหลวง ร.9 โทร. 08 9980 9922 และ 08 7904 4099 และสมาพันธ์ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพไทย โทร. 0 2455 9149 และ 08 1658 4704 โดยไฮไลต์สำคัญในวันที่ 5 ธ.ค. 53 เวลา 19.29 น. ร่วมพิธีจุดเทียนถวายพระพรพร้อมกันทั่วประเทศ บริเวณหน้าหอรัชมงคล พลุเฉลิมพระเกียรติ พลุประกอบดนตรี ตลอดจนชมศิลปวัฒนธรรมประยุกต์ผสมผสานการแสดงนาฏศิลป์ไทย 4 ภาค การแสดงดนตรี 4 เหล่าทัพ วงโยธวาทิต หุ่นสายเฉลิมพระเกียรติ ชุดรามเกียรติ์ เรื่อง “พระรามตามกวาง”
ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 ในวันที่ 1–12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00–19.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 84 ปี ในวันที่ 5 ธ.ค. 53
(18 พ.ย. 53) เวลา 15.00น. ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ถ.พระราม 1 : พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิสวนหลวง ร.9 ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมหลวงชนะพันธุ์ กฤดากร ประธานกรรมการดำเนินงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นายอุทยาน อุทยานะกะ กรรมการดำเนินการ “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 และนางเยียรยง ไชยรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงข่าว การจัดงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ มูลนิธิสวนหลวง ร.9 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1–12 ธ.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 08.00–19.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 84 ปี ในวันที่ 5 ธ.ค. 53
ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้เตรียมพรรณไม้ดอก 32 ชนิด รวม 560,000 ต้น หลากหลายสายพรรณ อาทิ พิทูเนีย ดาวเรือง สร้อยหิมะ และผีเสื้อ ประดับตกแต่งสถานที่ทั่วบริเวณงานให้ประชาชนได้ชื่นชมความงาม ด้านความบันเทิง จัดการแสดง แสง สี เสียง และการแสดงดนตรีรูปแบบต่างๆ รวมถึงจัดรถมาลัย รถราง รถไฟฟ้า ให้บริการประชาชนในงาน จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลความปลอดภัย จัดหน่วยแพทย์จากสำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน อีกทั้งประสานความร่วมมือไปยัง 14 หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการร่วมจัดภูมิทัศน์ และออกร้านภายในงาน
นอกจากนี้ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “ตามรอยพระราชดำริ : สู่ประโยชน์สุข” นิทรรศการตัวอย่างผลงานผู้ได้รับรางวัลจากการประกวดเศรษฐกิจพอเพียง การประกวดสุนทรพจน์ และการประกวดวาดภาพสำหรับเยาวชน จากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นิทรรศการ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการสื่อสาร” จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) นิทรรศการวิทยาศาสตร์ผสมผสานกับสวนสนุก จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม “หมู่บ้านวัฒนธรรม” เช่น การจำลองตลาดโบราณ (ตลาดน้ำ ตลาดบก) สาธิตหัตถกรรมพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงทางวัฒนธรรม การจัดแสดงโคมไฟเฉลิมพระเกียรติฯ 12 นักษัตร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การประกวดดราซีน่าชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การประกวดบอนสี และการพยากรณ์ดวงชะตา
สำหรับวันที่ 4 ธ.ค. 53 ชวนร่วมกิจกรรม “เดิน–วิ่ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” โดยสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและที่หน้างาน เวลา 04.00–06.00 น. สอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ มูลนิธิสวนหลวง ร.9 โทร. 0 2328 1385 และ 0 2328 1392 ชมรมวิ่งสวนหลวง ร.9 โทร. 08 9980 9922 และ 08 7904 4099 และสมาพันธ์ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพไทย โทร. 0 2455 9149 และ 08 1658 4704 โดยไฮไลต์สำคัญในวันที่ 5 ธ.ค. 53 เวลา 19.29 น. ร่วมพิธีจุดเทียนถวายพระพรพร้อมกันทั่วประเทศ บริเวณหน้าหอรัชมงคล พลุเฉลิมพระเกียรติ พลุประกอบดนตรี ตลอดจนชมศิลปวัฒนธรรมประยุกต์ผสมผสานการแสดงนาฏศิลป์ไทย 4 ภาค การแสดงดนตรี 4 เหล่าทัพ วงโยธวาทิต หุ่นสายเฉลิมพระเกียรติ ชุดรามเกียรติ์ เรื่อง “พระรามตามกวาง”
ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ครั้งที่ 23 ในวันที่ 1–12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00–19.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 84 ปี ในวันที่ 5 ธ.ค. 53
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)