ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

เตรียมพร้อมมาตรการดูแลพื้นที่สนามหลวงหลังเปิดใช้ 28 เม.ย. นี้

เตรียมพร้อมมาตรการดูแลพื้นที่สนามหลวงหลังเปิดใช้ 28 เม.ย. นี้

กทม. ประชุมมาตรการดูแลพื้นที่สนามหลวงหลังมีกำหนดแล้วเสร็จ 28 เม.ย. นี้ โดยมอบหน่วยงานกำหนดหลักเกณฑ์เข้าใช้พื้นที่ จัดเทศกิจ ตำรวจ ทหาร พร้อมติดตั้ง CCTV ดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินและประชาชนโดยรอบ พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาคนเร่ร่อนและผู้ค้ายั่งยืน ขณะเดียวกันเตรียมเสนอคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ฯ เห็นชอบสร้างรั้วป้องกันผู้บุกรุกและสร้างความเสียหายแก่ท้องสนามหลวง

(10 มี.ค. 54) ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อหารือแนวทางเตรียมการรองรับการเปิดใช้สนามหลวงซึ่งมีกำหนดจะแล้วเสร็จวันที่ 28 เม.ย. 54 ว่า กทม. ได้มอบหมายให้สำนักสิ่งแวดล้อมกำหนดหลักเกณฑ์และการอนุญาตใช้พื้นที่สนามหลวงเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในการดูแลความปลอดภัยพื้นที่ โดยเบื้องต้นได้พิจารณาจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ 60 นาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 36 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม 10 นาย และสารวัตรทหาร รวมถึงจะมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบ โดยติดตั้งซุ้มเจ้าหน้าที่และอาคารควบคุมสัญญาณชั่วคราวซึ่งออกแบบให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์โดยรอบพื้นที่สนามหลวง เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่และประชาชน ตลอดจนการป้องกันอาชญากรรมทุกประเภท และการควบคุมฝูงชน นอกจากนี้จะติดตั้งหอกระจายเสียงเพื่อแจ้งข่าวและประกาศเตือนผู้ฝ่าฝืนการเข้าใช้พื้นที่สนามหลวงอีกด้วย

สำหรับปัญหาคนเร่ร่อนโดยรอบสนามหลวงนั้น กทม. ได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาสังคมจัดโครงการบ้านอุ่นอิ่มเพื่อเป็นที่พักให้แก่คนเร่ร่อนกว่า 600 คน ซึ่งปัจจุบันย้ายจากสนามหลวงไปพักบริเวณริมคลองหลอดเป็นการชั่วคราว โดยกทม. จะร่วมกับมูลนิธิต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนดูแลและจัดสวัสดิการให้แก่คนเร่ร่อนให้มีความเป็นอยู่ถูกสุขลักษณะ อีกทั้งในส่วนของการแก้ไขปัญหาผู้ค้าบริเวณโดยรอบสนามหลวงและริมคลองหลอดได้เตรียมจัดโครงการถนนคนเดินตามแผนประชาวิวัฒน์โดยการปรับปรุงพื้นที่คลองหลอดให้เป็นแหล่งทำการค้าที่มีเสน่ห์และสวยงาม

รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการออกแบบและติดตั้งรั้วโปร่งใสไฮโดรลิกโดยรอบสนามหลวงเพื่อดูแลความปลอดภัยของพื้นที่ ป้องกันปัญหาอาชญากรรม เฝ้าระวังการบุกรุกจากเหตุชุมนุมทางการเมือง และป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นต่อพื้นที่ เนื่องจากการปรับปรุงสนามหลวงใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนถึง 180 ล้านบาท ดังนั้นทุกคนทุกภาคส่วนควรได้ใช้ประโยชน์พื้นที่สนามหลวงอย่างเท่าเทียม อย่างไรก็ตามกทม. จะต้องนำเรื่องดังกล่าวขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ฯ ถึงความเหมาะสมในการจัดสร้างต่อไป พร้อมกันนี้ กทม.ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลสนามหลวงซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินให้สวยงาม และใช้สนามหลวงร่วมกันอย่างดูแลและรับผิดชอบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น