(27 ธ.ค.53) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม.: นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลปีใหม่กรุงเทพมหานคร พุทธศักราช 2554 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.53-9 ม.ค.54 ณ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยที่สืบทอดกันมาให้คงอยู่สืบต่อไป รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร และร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ของชาวไทยและต่างประเทศ กิจกรรม ประกอบด้วย วันที่ 30 ธ.ค.53 เวลา 14.30 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร จากบริเวณหอพระภายในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไปประดิษฐานบนมณฑป ณ บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม. ให้ประชาชนได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล วันที่ 31 ธ.ค.53 เวลา 19.00 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทำพิธีเปิดงานเทศกาลปีใหม่กรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ โดยมีการแสดงรื่นเริงและการแสดงบนเวที อาทิ โขน ลิเก ลำตัด การแสดงดนตรีไทยสากล/ลุกทุ่งของศิลปิน ดารา นักร้อง การฉายภาพยนตร์กลางแปลง ตั้งแต่เวลา 18.00 จนถึง เวลา 24.00 น. และส่งท้ายร่วมฉลองคืนข้ามปีด้วยการจุดดอกไม้ไฟจำนวน 2,554 นัด
วันที่ 1 ม.ค.54 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 284 รูป จากนั้น เวลา 08.30 น. พิธีปล่อยขบวนรถรางไหว้พระ 9 วัด 9 วัน ซึ่งกทม.ได้จัดรถรางจำนวน 4 คัน ระหว่างวันที่ 1-9 ม.ค.54 บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางไหว้พระในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ มีจุดบริการ ณ บริเวณลานคนเมือง ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามโทร. 0 2225 7612-4 นอกจากนี้ ทุกๆ วันของการจัดงานผู้ร่วมงานจะได้ร่วมเลือกซื้อสินค้า อาหารและผลิตภัณฑ์ชุมชนจาก 50 สำนักงาน ของกรุงเทพมหานคร พร้อมชมกิจกรรมบันเทิงต่างๆ บนเวทีมากมาย ตั้งแต่เวลา 16.00 - 24.00 น.
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย กทม.ได้สั่งการให้สำนักการจราจรและขนส่ง สำนักเทศกิจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจความปลอดภัยในสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดงานทั่วกรุงเทพฯ ตลอดทั้งคืน พร้อมประสานกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยว และสถานีตำรวจพื้นที่ ร่วมกันดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ตลอดช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองด้วย
Let's Bring Happiness Back to Bangkok :) "ข้อมูลข่าวจาก กองประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร":D
ค้นหาบล็อกนี้
วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553
รายได้ศาลเจ้าปีที่แล้ว 8.8 ล้านบาท
ศาลเจ้าที่อย่ในกำกัูบของกรงเทพมหานคร มีทั้งสิ้นุ79 ศาลเจ้า ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานเขตในการกำกับดูแลและนำส่งเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ให้สำนักงานปกครองและทะเบียนเป็นผู้รวบรวมส่งไปเก็บรักษาที่กรมการปกครอง เป็นประจำทุกเดือน่็
ในปีงบประมาณ 2552 ตั้งแต่วันที่ 1 ตลาคมุ 2551 ถึง 30 กันยายน 2552 กรุงเทพมหานครนำเงินรายได้ศาลเจ้าสงไปเก็บรักษาที่่็กรมการปกครองเป็นเงินทังสิ้น 8,827,880.41 บาท ทังนี้ เงินรายได้ศาลเจ้าในเขตกรุงเ้้ทพมหานครที่นำสงไปเก็บรักษาที่กรมการปกครอง่็ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มียอดรวมทั้งสิ้น 273,019,510.83 บาท
ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เงินรายได้ของศาลเจ้าจะนำไปใช้ได้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น และจะนำไปใช้ได้เฉพาะกิจการที่้ิ่้เกี่ยวกับการบริหารศาลเจ้าเท่านั้น
ในปีงบประมาณ 2552 ตั้งแต่วันที่ 1 ตลาคมุ 2551 ถึง 30 กันยายน 2552 กรุงเทพมหานครนำเงินรายได้ศาลเจ้าสงไปเก็บรักษาที่่็กรมการปกครองเป็นเงินทังสิ้น 8,827,880.41 บาท ทังนี้ เงินรายได้ศาลเจ้าในเขตกรุงเ้้ทพมหานครที่นำสงไปเก็บรักษาที่กรมการปกครอง่็ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มียอดรวมทั้งสิ้น 273,019,510.83 บาท
ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เงินรายได้ของศาลเจ้าจะนำไปใช้ได้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น และจะนำไปใช้ได้เฉพาะกิจการที่้ิ่้เกี่ยวกับการบริหารศาลเจ้าเท่านั้น
เสนอแบ่งพื้นที่เขตบางแค เพิ่มอีก 1 เขต
สำนักงานเขตบางแค โดยมติของคณะกรรมการพิจารณาแบ่งพื้นที่เขตบางแค ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนของหน่วยงานของรัฐในพื้นที่เขต และฝ่ายการเมืองในพื้นที่ ได้นำเสนอผ้ว่าราชการกรงเทพมหานครให้แบ่งพื้นที่การปกครองของเขตบางแค เป็นูุ2 เขต โดยให้เหตุผลวา่ พื้นที่เขตบางแคมีพื้นที่กว้างและมีประชาชนอาศัยอย่จำนวนมาก สำนักงานเขตบริการไม่ทั่วถึง เจ้าหน้าที่ ครภัณฑ์ มีน้อยไม่เพียงพอกับการให้บริการูุประชาชน
ผ้ว่าราชการกรงเทพมหานครูุจึงได้แตงตังคณะกรรมการดำเนินการแบงเขตและจัดตังเขตใหม เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ใน่่่้้การตังเขตใหม้่ โดยมีรองปลัดกรงเทพมหานครุ(นายทวีศักดิ์ เดชเดโช) เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงาน ก.ก. ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง สำนักการโยธา สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล สำนักงบประมาณกรุงเทพมหานคร สำนักงานกฎหมายและคดี ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการเขตพืนที่ ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการสวนการปกครองและเลือกตัง้่้สำนักงานปกครองและทะเบียน เป็นกรรมการและผู้ชวยเลขานุการ่
ปัจจบันเขตบางแคมีพื้นทีุ่44.456 ตร.กม. แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 4 แขวง คือ แขวงบางแคเหนือ แขวงบางไผ่ แขวงบางแค และ แขวงหลักสอง มีประชากร 193,478 คน มีบ้าน 47,476 หลังคาเรือน (31 ธันวาคม 2552)
ข้อเสนอของคณะกรรมการฯ เขตบางแค ให้แบ่งพื้นที่เขตบางแคออกเป็น 2 เขต ได้แก่ พื้นที่แขวงบางแคกับแขวงหลักสอง เป็น 1 เขต และแขวงบางแคเหนือกับแขวงบางไผ่ อีกหนึ่งเขต
ขันตอนการตังเขตใหม ถ้าผานเห็นชอบของผู้บริหารกรุงเทพมหานครแล้ว กรุงเทพมหานครจะต้องจัดทำเป็นประกาศกระทรวง้้่่ มหาดไทย เสนอให้รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย่ลงนามในประกาศ และประกาศในราชกจจานุเบกษาิจึงจะมีผลสมบรณ์ู ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการพอสมควร อาจไม่ทันในการเลือกตั้งสมาชิกสภากรงเทพมหานครุ(ส.ก.) ในปี 2553 ซึ่งในการดำเนินการแบงพืนที่เขต่้ในครัง้ที่ผานมา่ จะมีการตังสำนักงานเขต้สาขาขึนกอน เพื่อเตรียมความพร้อม ทังนี้่้้กรงเทพมหานครต้องนำุเสนอ ก.ก. ในการอนมัติกรอบุอัตรากำลังด้วย (ขอบคุณข้อมูลข่าวจากสปท.กทม.)
ผ้ว่าราชการกรงเทพมหานครูุจึงได้แตงตังคณะกรรมการดำเนินการแบงเขตและจัดตังเขตใหม เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ใน่่่้้การตังเขตใหม้่ โดยมีรองปลัดกรงเทพมหานครุ(นายทวีศักดิ์ เดชเดโช) เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงาน ก.ก. ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง สำนักการโยธา สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล สำนักงบประมาณกรุงเทพมหานคร สำนักงานกฎหมายและคดี ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการเขตพืนที่ ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการสวนการปกครองและเลือกตัง้่้สำนักงานปกครองและทะเบียน เป็นกรรมการและผู้ชวยเลขานุการ่
ปัจจบันเขตบางแคมีพื้นทีุ่44.456 ตร.กม. แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 4 แขวง คือ แขวงบางแคเหนือ แขวงบางไผ่ แขวงบางแค และ แขวงหลักสอง มีประชากร 193,478 คน มีบ้าน 47,476 หลังคาเรือน (31 ธันวาคม 2552)
ข้อเสนอของคณะกรรมการฯ เขตบางแค ให้แบ่งพื้นที่เขตบางแคออกเป็น 2 เขต ได้แก่ พื้นที่แขวงบางแคกับแขวงหลักสอง เป็น 1 เขต และแขวงบางแคเหนือกับแขวงบางไผ่ อีกหนึ่งเขต
ขันตอนการตังเขตใหม ถ้าผานเห็นชอบของผู้บริหารกรุงเทพมหานครแล้ว กรุงเทพมหานครจะต้องจัดทำเป็นประกาศกระทรวง้้่่ มหาดไทย เสนอให้รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย่ลงนามในประกาศ และประกาศในราชกจจานุเบกษาิจึงจะมีผลสมบรณ์ู ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการพอสมควร อาจไม่ทันในการเลือกตั้งสมาชิกสภากรงเทพมหานครุ(ส.ก.) ในปี 2553 ซึ่งในการดำเนินการแบงพืนที่เขต่้ในครัง้ที่ผานมา่ จะมีการตังสำนักงานเขต้สาขาขึนกอน เพื่อเตรียมความพร้อม ทังนี้่้้กรงเทพมหานครต้องนำุเสนอ ก.ก. ในการอนมัติกรอบุอัตรากำลังด้วย (ขอบคุณข้อมูลข่าวจากสปท.กทม.)
วันวาเลนไทน์บริการจดทะเบียนสมรส 25 สำนักงานเขต
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรัก ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของฝ่ายทะเบียน และตรงกับวันตรษจีนุุอีกด้วย สำนักงานปกครองและทะเบียนได้รับแจ้งจากสำนักงานเขตในการเปิดบริการเป็นพิเศษให้ประชาชน ในการรับจดทะเบียนสมรส จำนวน 25 สำนักงานเขต ได้แก่ (1) ราชเทวี (2) ห้วยขวาง (3) บางพลัด (4) สาทร (5) ตลิ่งชัน (6) บางกอกใหญ่ (7) ป้อมปราบศัตรพ่ายู (8) ดินแดง (9) ทวีวัฒนา (10) ลาดกระบัง (11) พระโขนง (12) บางซื่อ (13) ดุสิต(14) บางกอกน้อย (15) บางนา (16) บางบอน (17) หนองจอก (18) ประเวศ (19) สะพานสูง(20) หลักสี่ (21) มีนบุรีุ (22) ภาษีเจริญ (23) บางรัก (24) ปทุมวัน และ (25) บางขุนเทียน
มี 4 สำนักงานเขต ที่ให้บริการจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ ได้แก่
(1) สำนักงานเขตบางรัก จัด ณ อาคารสำนักงานบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัดุ ถนนสุรศักดิ์ แขวงสีลม เขตบางรัก จะเริ่มแจกคำร้อง ตั้งแต่เวลา่้่ 06.00 - 15.00 น. และรับจำนวนไม่เกิน 1,500 คู่ ในเวลา่ 07.00 น. จะจับสลากเพื่อหาคู่สมรสที่จะจดทะเบียนสมรส่เป็นคู่แรก ซึ่งจะได้รับทะเบียนสมรสทองคำ่ 99.99% จากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทย และเครื่องประดับพร้อมกรมธรรม์ประกนอุบัติเหตุจากบริษัทั AIA จำกัด มูลค่าั่ 1,000,000 บาท และของที่ระลึกต่าง ๆ จากผู้ให้การสนับสนุน นอกจากนี้ผู้จดทะเบียนสมรสทุกคู่จะได้รับของที่ระลึกต่าง่ ๆ พร้อมกรมธรรม์ประกันชีวิต คู่ละั่ 100,000 บาท เช่นกัน และทุก ๆ 40 นาที จะจับสลากคู่ที่โชคดีเพื่อรับทะเบียนสมรสทองคำอีก 11 ใบ และของรางวัลต่าง ๆ อาทิ่บัตรรับประทานอาหารจากร้านค้า โรงแรม ในพืนที่เขตบางรัก พิเศษสุด! เพื่อเป็นการคืนกำไรสู่สังคม ในเวํ่ลา 17.00 น. บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(บสก.) จะได้มอบทาวน์เฮ้าส์พร้อมอยู่ มูลคากว่า่่่ 1 ล้านบาท แก่ผู้จดทะเบียนสมรสที่โชคดี่
(2) สำนักงานเขตปทมวัน จัด ณ บริเวณลานกิจกรรมระหว่างชานชาลาทีุ่ 4 และ 5 สถานีรถไฟกรงเทพ(หัวลำโพง) เขตปทุมวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 19.30 น.
(3) สำนักงานเขตบางขุนเทียน จัด ณ บริเวณลานลิฟท์แก้ว ชั้น 1 ศูนย์การค้าูเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เวลา 08.00 - 16.00 น.
(4) สำนักงานเขตภาษีเจริญ จัด ณ ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตภาษีเจริญ และ ตลาดนํ้าวัดนิมมานนรดี (หลังตลาดบางแค) แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ เวลา 08.00 - 16.00 น. (ข่าวจากสปท.)
มี 4 สำนักงานเขต ที่ให้บริการจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ ได้แก่
(1) สำนักงานเขตบางรัก จัด ณ อาคารสำนักงานบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัดุ ถนนสุรศักดิ์ แขวงสีลม เขตบางรัก จะเริ่มแจกคำร้อง ตั้งแต่เวลา่้่ 06.00 - 15.00 น. และรับจำนวนไม่เกิน 1,500 คู่ ในเวลา่ 07.00 น. จะจับสลากเพื่อหาคู่สมรสที่จะจดทะเบียนสมรส่เป็นคู่แรก ซึ่งจะได้รับทะเบียนสมรสทองคำ่ 99.99% จากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทย และเครื่องประดับพร้อมกรมธรรม์ประกนอุบัติเหตุจากบริษัทั AIA จำกัด มูลค่าั่ 1,000,000 บาท และของที่ระลึกต่าง ๆ จากผู้ให้การสนับสนุน นอกจากนี้ผู้จดทะเบียนสมรสทุกคู่จะได้รับของที่ระลึกต่าง่ ๆ พร้อมกรมธรรม์ประกันชีวิต คู่ละั่ 100,000 บาท เช่นกัน และทุก ๆ 40 นาที จะจับสลากคู่ที่โชคดีเพื่อรับทะเบียนสมรสทองคำอีก 11 ใบ และของรางวัลต่าง ๆ อาทิ่บัตรรับประทานอาหารจากร้านค้า โรงแรม ในพืนที่เขตบางรัก พิเศษสุด! เพื่อเป็นการคืนกำไรสู่สังคม ในเวํ่ลา 17.00 น. บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(บสก.) จะได้มอบทาวน์เฮ้าส์พร้อมอยู่ มูลคากว่า่่่ 1 ล้านบาท แก่ผู้จดทะเบียนสมรสที่โชคดี่
(2) สำนักงานเขตปทมวัน จัด ณ บริเวณลานกิจกรรมระหว่างชานชาลาทีุ่ 4 และ 5 สถานีรถไฟกรงเทพ(หัวลำโพง) เขตปทุมวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 19.30 น.
(3) สำนักงานเขตบางขุนเทียน จัด ณ บริเวณลานลิฟท์แก้ว ชั้น 1 ศูนย์การค้าูเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เวลา 08.00 - 16.00 น.
(4) สำนักงานเขตภาษีเจริญ จัด ณ ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตภาษีเจริญ และ ตลาดนํ้าวัดนิมมานนรดี (หลังตลาดบางแค) แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ เวลา 08.00 - 16.00 น. (ข่าวจากสปท.)
วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ปี 52 ให้บริการด้านทะเบียน 4.1 ล้านราย เขตบางเขนมากที่สุด
สำนักงานปกครองและทะเบียนได้รวบรวมสถิติผู้ไปขอรับบริการงานทะเบียนของ 50 สำนักงานเขต ประจำปี 2552 (ตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2552) ปรากฏวา่มีผู้ขอรับบริการทั้งสิ้น 4,146,469 ราย แยกเป็นผู้ขอรับบริการที่มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 3,056,340 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.71 และตางจังหวัด่จำนวน 1,090,129 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.29
สำนักงานเขตที่มีผ้ขอรับบริการมาก 5 อันดับแรก ได้แก่(1) สำนักงานเขตบางเขน 159,254 ราย (2) สำนักงานเขตจตจักร155,070 ราย (3) สำนักงานเขตบางขนเทียน 149,129 ราย (4) สำนักงานเขตประเวศ 115,600 ราย (5) สำนักงานเขตสายไหม 110,775 ราย
สำนักงานเขตที่มีผู้ขอรับบริการน้อยที่สดูุ 5 อันดับ ได้แก่(1) สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ 21,669 ราย (2) สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรพ่ายู 47,425 ราย (3) สำนักงานเขตพระนคร 50,987 ราย (4) สำนักงานเขตทวีวัฒนา 53,405 ราย (5) สำนักงานเขตยานนาวา 56,758 ราย
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ด้านทะเบียน สามารถจัดเก็บได้ 36,486,703 บาท แยกเป็น (1) คาธรรมเนียมทะเบียนราษฎร์13,046,299 บาท (2) ค่าธรรมเนียมบัตรประจำตัวประชาชน่ 15,695,391 บาท และ (3) คาธรรมเนียมทะเบียนทั่วไป่่7,745,013 บาท
ข้อมูลการบริการของฝ่ายทะเบียนดังกลาว สำนักงานปกครองและทะเบียนได้นำเรียนปลัดกรุงเทพมหานครเพื่อรับทราบ และแจ้ง่สำนักงาน ก.ก. เพื่อใช้ในการวางแผนอัตรากำลังคนตอไปแล้ว (ข้อมูลจากสปท.)
สำนักงานเขตที่มีผ้ขอรับบริการมาก 5 อันดับแรก ได้แก่(1) สำนักงานเขตบางเขน 159,254 ราย (2) สำนักงานเขตจตจักร155,070 ราย (3) สำนักงานเขตบางขนเทียน 149,129 ราย (4) สำนักงานเขตประเวศ 115,600 ราย (5) สำนักงานเขตสายไหม 110,775 ราย
สำนักงานเขตที่มีผู้ขอรับบริการน้อยที่สดูุ 5 อันดับ ได้แก่(1) สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ 21,669 ราย (2) สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรพ่ายู 47,425 ราย (3) สำนักงานเขตพระนคร 50,987 ราย (4) สำนักงานเขตทวีวัฒนา 53,405 ราย (5) สำนักงานเขตยานนาวา 56,758 ราย
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ด้านทะเบียน สามารถจัดเก็บได้ 36,486,703 บาท แยกเป็น (1) คาธรรมเนียมทะเบียนราษฎร์13,046,299 บาท (2) ค่าธรรมเนียมบัตรประจำตัวประชาชน่ 15,695,391 บาท และ (3) คาธรรมเนียมทะเบียนทั่วไป่่7,745,013 บาท
ข้อมูลการบริการของฝ่ายทะเบียนดังกลาว สำนักงานปกครองและทะเบียนได้นำเรียนปลัดกรุงเทพมหานครเพื่อรับทราบ และแจ้ง่สำนักงาน ก.ก. เพื่อใช้ในการวางแผนอัตรากำลังคนตอไปแล้ว (ข้อมูลจากสปท.)
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553
เปิดโครงการบ้านมั่นคงในพื้นที่ 4 ชุมชน เขตบางบอน
กทม. ร่วมกับ สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ พอช. เปิดโครงการบ้านมั่นคงใน 4 ชุมชนของเขตบางบอน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยของคนในชุมชน
(24 ธ.ค. 53) ณ ชุมชนทรัพย์สินพัฒนา เขตบางบอน : แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ชัยเดชสุริยะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นประธานเปิดโครงการ “บ้านมั่นคงแสมดำชุมชนชานเมือง สู่วิถีพอเพียง” ตามนโยบายการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวชุมชน โดยทำการเปิดโครงการบ้านมั่นคงบนพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในพื้นที่ 4 ชุมชนของเขตบางบอน ประกอบด้วย ชุมชนเชื่อมสัมพันธ์ ชุมชนโฟรโมสต์ ชุมชนดอกรักริมทางรถไฟ และชุมชนทรัพย์สินพัฒนา เพื่อเป็นอาคารที่พักอาศัยหลังใหม่ให้แก่ประชาชน 4 ชุมชน ได้มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม มีความมั่นคงแข็งแรงและถูกสุขลักษณะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
ทั้งนี้ โครงการบ้านมั่นคงเกิดขึ้นจากความร่วมมือของกรุงเทพมหานคร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ที่ต้องการส่งเสริมงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสภาพการอยู่อาศัยของคนในชุมชนให้มีความมั่นคง โดยมีชุมชนเป็นแกนหลักและมีส่วนร่วมในการะบวนการพัฒนา ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมที่จะส่งผลต่อการพัฒนาสังคมโดยรวม ซึ่งเน้นการพัฒนาด้านความมั่นคงในที่อยู่อาศัย และการพึ่งตนเองสำหรับผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก
(24 ธ.ค. 53) ณ ชุมชนทรัพย์สินพัฒนา เขตบางบอน : แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ชัยเดชสุริยะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นประธานเปิดโครงการ “บ้านมั่นคงแสมดำชุมชนชานเมือง สู่วิถีพอเพียง” ตามนโยบายการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวชุมชน โดยทำการเปิดโครงการบ้านมั่นคงบนพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในพื้นที่ 4 ชุมชนของเขตบางบอน ประกอบด้วย ชุมชนเชื่อมสัมพันธ์ ชุมชนโฟรโมสต์ ชุมชนดอกรักริมทางรถไฟ และชุมชนทรัพย์สินพัฒนา เพื่อเป็นอาคารที่พักอาศัยหลังใหม่ให้แก่ประชาชน 4 ชุมชน ได้มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม มีความมั่นคงแข็งแรงและถูกสุขลักษณะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
ทั้งนี้ โครงการบ้านมั่นคงเกิดขึ้นจากความร่วมมือของกรุงเทพมหานคร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ที่ต้องการส่งเสริมงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสภาพการอยู่อาศัยของคนในชุมชนให้มีความมั่นคง โดยมีชุมชนเป็นแกนหลักและมีส่วนร่วมในการะบวนการพัฒนา ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมที่จะส่งผลต่อการพัฒนาสังคมโดยรวม ซึ่งเน้นการพัฒนาด้านความมั่นคงในที่อยู่อาศัย และการพึ่งตนเองสำหรับผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก
กทม. จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง 35 จุด รับมือไฟไหม้ปีใหม่
กทม. ออกมาตรการป้องกันอัคคีภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ 54 พร้อมประสานหลายหน่วยงานรับมือเหตุร้าย ประชาชนแจ้งเหตุผ่านสายด่วนสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 199
(24 ธ.ค. 53) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมมาตรการป้องกันอัคคีภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 54 โดยกำหนดแผนรณรงค์ป้องกันอัคคีภัยในเคหะสถานและสถานบริการต่างๆ อีกทั้งเร่งรณรงค์ให้ความรู้แก่เจ้าของอาคาร สถานบริการและประชาชนชาวกทม. ในการเตรียมการป้องกันอัคคีภัย และข้อปฏิบัติตนขณะเกิดเพลิงไหม้ โดยมีศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันอัคคีภัยฯ ตั้งอยู่ ณ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยประสาน ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านทางสายด่วน หมายเลข 199
นอกจากนี้กทม. ยังได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบอาคาร สถานบริการต่างๆ เพื่อตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัย ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ จัดให้มีถังดับเพลิงแบบมือถืออย่างน้อย 1 เครื่อง ทุกระยะห่างไม่เกิน 20 เมตร จัดให้มีการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ จัดให้มีทางออกและทางหนีไฟให้เพียงพอ ฯลฯ ตลอดจนจัดกำลังเจ้าหน้าที่ กว่า 2,000 คน พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงประจำจุดเสี่ยงต่างๆ 35 จุด เพิ่มเติมจากสถานีดับเพลิงที่เป็นย่านที่มีสถานบริการตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ ซ.คาวบอย ย่านอาร์ซีเอ ถ.พระราม 9 ถ.รัชดา ซ.4-8 ถ.ข้าวสาร ประตูน้ำ โรงแรมนานา ซ.นานาเหนือ (สุขุมวิท3) และสยามสแควร์ โดยเข้าประจำจุดตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. เป็นต้นไป พร้อมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลในการสนับสนุนดูแลความปลอดภัยบริเวณจัดงานเคาท์ดาวน์ บริเวณย่านราชประสงค์ จำนวน 5 จุด ประกอบด้วย ฝั่งอีเซตัน ฝั่งเกษรพลาซ่า ประตูน้ำ แยกเฉลิมเผ่า และจุดใกล้โรงเรียนวัดปทุมวนาราม และร่วมกับการประปานครหลวงทดสอบความพร้อมในการใช้งานของหัวรับน้ำดับเพลิง โดยรอบบริเวณที่มีการจัดงาน และพื้นที่อื่นๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร
(24 ธ.ค. 53) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมมาตรการป้องกันอัคคีภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 54 โดยกำหนดแผนรณรงค์ป้องกันอัคคีภัยในเคหะสถานและสถานบริการต่างๆ อีกทั้งเร่งรณรงค์ให้ความรู้แก่เจ้าของอาคาร สถานบริการและประชาชนชาวกทม. ในการเตรียมการป้องกันอัคคีภัย และข้อปฏิบัติตนขณะเกิดเพลิงไหม้ โดยมีศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันอัคคีภัยฯ ตั้งอยู่ ณ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยประสาน ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านทางสายด่วน หมายเลข 199
นอกจากนี้กทม. ยังได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบอาคาร สถานบริการต่างๆ เพื่อตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัย ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ จัดให้มีถังดับเพลิงแบบมือถืออย่างน้อย 1 เครื่อง ทุกระยะห่างไม่เกิน 20 เมตร จัดให้มีการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ จัดให้มีทางออกและทางหนีไฟให้เพียงพอ ฯลฯ ตลอดจนจัดกำลังเจ้าหน้าที่ กว่า 2,000 คน พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงประจำจุดเสี่ยงต่างๆ 35 จุด เพิ่มเติมจากสถานีดับเพลิงที่เป็นย่านที่มีสถานบริการตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ ซ.คาวบอย ย่านอาร์ซีเอ ถ.พระราม 9 ถ.รัชดา ซ.4-8 ถ.ข้าวสาร ประตูน้ำ โรงแรมนานา ซ.นานาเหนือ (สุขุมวิท3) และสยามสแควร์ โดยเข้าประจำจุดตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. เป็นต้นไป พร้อมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลในการสนับสนุนดูแลความปลอดภัยบริเวณจัดงานเคาท์ดาวน์ บริเวณย่านราชประสงค์ จำนวน 5 จุด ประกอบด้วย ฝั่งอีเซตัน ฝั่งเกษรพลาซ่า ประตูน้ำ แยกเฉลิมเผ่า และจุดใกล้โรงเรียนวัดปทุมวนาราม และร่วมกับการประปานครหลวงทดสอบความพร้อมในการใช้งานของหัวรับน้ำดับเพลิง โดยรอบบริเวณที่มีการจัดงาน และพื้นที่อื่นๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ตรวจสถานบันเทิงดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาล
ผู้ว่าฯกทม. ตรวจความปลอดภัยสถานบันเทิงย่านอาร์ ซี เอ เร่งกวดขันมาตรการป้องกันอัคคีภัยสร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว กำชับทุกเขตตรวจสถานบันเทิง อาคารสูง และสถานที่จัดงานรื่นเริงให้ปลอดภัย โครงสร้างอาคารได้มาตรฐาน ไม่มีเชื้อเพลิงติดไฟง่าย พร้อมส่งรถดับเพลิงประจำจุดเสี่ยงทั่วกรุง
(22 ธ.ค. 53) เวลา 19.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานเขตห้วยขวาง ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารสถานบันเทิงย่าน อาร์ ซี เอ ถ.พระราม 9 เขตห้วยขวาง พร้อมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัยในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและดูแลความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากในช่วงเทศกาลดังกล่าวจะมีประชาชนเดินทางไปเฉลิมฉลองในสถานบันเทิงเป็นจำนวนมาก
เฝ้าระวังเหตุอัคคีภัยสถานบันเทิง อาคารสูง สถานที่จัดงานรื่นเริง
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีนโยบายให้ 50 สำนักงานเขต ลงพื้นที่ตรวจสอบและดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุอัคคีภัย และวินาศภัย โดยการตรวจสอบความปลอดภัยการใช้อาคารในการจัดงานรื่นเริง รวมถึงสถานบันเทิงต่างๆ และอาคารสูงต้องได้มาตรฐานความปลอดภัยทั้งตัวอาคาร เช่น โครงสร้างของร้านได้มาตรฐาน ไม่มีเชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย และมีความพร้อมด้านระบบความปลอดภัย เช่น ต้องมีทางหนีไฟอย่างเพียงพอ มีกริ่งสัญญาณและไฟฉุกเฉิน ถังดับเพลิงฉุกเฉินและท่อดับเพลิงในอาคาร ไม่วางสิ่งของกีดขวางทางเดิน หากพบไม่ปลอดภัยต้องแก้ไข ถ้าแก้ไขไม่ได้ต้องสั่งปิดกิจการ พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการและประชาชน ร่วมกันเฝ้าระวังและแจ้งเหตุอัคคีภัย อีกทั้งให้ทุกหน่วยงานของกทม. เตรียมพร้อมในการป้องกันเหตุวินาศภัย เช่น เพิ่มความเข้มข้นด้านการข่าว และประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือชุมชนร่วมแจ้งหากพบเหตุฉุกเฉินด้วย
เตรียมพร้อมรถดับเพลิงประจำจุดเสี่ยง 24 ธ.ค. 53 - 4 ม.ค. 54
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯกทม. ได้กำชับให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เตรียมความพร้อมให้การดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชนให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย โดยกำชับให้หัวหน้าสถานีดับเพลิงทั้ง 35 สถานีหลัก และสถานีดับเพลิงย่อย ตรวจสอบยานพาหนะ รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้มีความพร้อมในการออกปฏิบัติงาน 100% รวมถึงกำหนดจุดเฝ้าระวังที่เป็นจุดเสี่ยงทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน สถานที่จัดงานปีใหม่ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงและรถน้ำอย่างละ 1 คัน และอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ ประจำจุดตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 53 – 4 ม.ค. 54 เพื่อลดเวลาการเข้าถึงพื้นที่ให้เร็วที่สุด อาทิ บริเวณสถานีรถไฟฟ้า ถนนข้าวสาร ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ สถานบันเทิงย่านอาร์ ซี เอ ถนนพระราม 9 ถนนนวมินทร์ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เอกมัย ถนนรัชดา 4-8 ห้างโลตัสประชาชื่น สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิตใหม่) หน้าโรงเรียนหอวัง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประตูน้ำ หน้าห้างเดอะมอลล์ท่าพระ หน้าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ห้างเซ็นทรัลพระราม 2 แยกอรุณอัมรินทร์ ห้างแมคโครต่างๆ เป็นต้น หากประชาชนประสบเหตุอัคคีภัย หรือสาธารณภัยอื่นๆ ทางโทรศัพท์หมายเลข 1555 หรือสายด่วน สปภ.กทม. โทร. 199
(22 ธ.ค. 53) เวลา 19.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานเขตห้วยขวาง ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารสถานบันเทิงย่าน อาร์ ซี เอ ถ.พระราม 9 เขตห้วยขวาง พร้อมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัยในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและดูแลความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากในช่วงเทศกาลดังกล่าวจะมีประชาชนเดินทางไปเฉลิมฉลองในสถานบันเทิงเป็นจำนวนมาก
เฝ้าระวังเหตุอัคคีภัยสถานบันเทิง อาคารสูง สถานที่จัดงานรื่นเริง
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีนโยบายให้ 50 สำนักงานเขต ลงพื้นที่ตรวจสอบและดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุอัคคีภัย และวินาศภัย โดยการตรวจสอบความปลอดภัยการใช้อาคารในการจัดงานรื่นเริง รวมถึงสถานบันเทิงต่างๆ และอาคารสูงต้องได้มาตรฐานความปลอดภัยทั้งตัวอาคาร เช่น โครงสร้างของร้านได้มาตรฐาน ไม่มีเชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย และมีความพร้อมด้านระบบความปลอดภัย เช่น ต้องมีทางหนีไฟอย่างเพียงพอ มีกริ่งสัญญาณและไฟฉุกเฉิน ถังดับเพลิงฉุกเฉินและท่อดับเพลิงในอาคาร ไม่วางสิ่งของกีดขวางทางเดิน หากพบไม่ปลอดภัยต้องแก้ไข ถ้าแก้ไขไม่ได้ต้องสั่งปิดกิจการ พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการและประชาชน ร่วมกันเฝ้าระวังและแจ้งเหตุอัคคีภัย อีกทั้งให้ทุกหน่วยงานของกทม. เตรียมพร้อมในการป้องกันเหตุวินาศภัย เช่น เพิ่มความเข้มข้นด้านการข่าว และประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือชุมชนร่วมแจ้งหากพบเหตุฉุกเฉินด้วย
เตรียมพร้อมรถดับเพลิงประจำจุดเสี่ยง 24 ธ.ค. 53 - 4 ม.ค. 54
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯกทม. ได้กำชับให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เตรียมความพร้อมให้การดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชนให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย โดยกำชับให้หัวหน้าสถานีดับเพลิงทั้ง 35 สถานีหลัก และสถานีดับเพลิงย่อย ตรวจสอบยานพาหนะ รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้มีความพร้อมในการออกปฏิบัติงาน 100% รวมถึงกำหนดจุดเฝ้าระวังที่เป็นจุดเสี่ยงทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน สถานที่จัดงานปีใหม่ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงและรถน้ำอย่างละ 1 คัน และอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ ประจำจุดตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 53 – 4 ม.ค. 54 เพื่อลดเวลาการเข้าถึงพื้นที่ให้เร็วที่สุด อาทิ บริเวณสถานีรถไฟฟ้า ถนนข้าวสาร ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ สถานบันเทิงย่านอาร์ ซี เอ ถนนพระราม 9 ถนนนวมินทร์ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เอกมัย ถนนรัชดา 4-8 ห้างโลตัสประชาชื่น สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิตใหม่) หน้าโรงเรียนหอวัง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประตูน้ำ หน้าห้างเดอะมอลล์ท่าพระ หน้าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ห้างเซ็นทรัลพระราม 2 แยกอรุณอัมรินทร์ ห้างแมคโครต่างๆ เป็นต้น หากประชาชนประสบเหตุอัคคีภัย หรือสาธารณภัยอื่นๆ ทางโทรศัพท์หมายเลข 1555 หรือสายด่วน สปภ.กทม. โทร. 199
กทม. เปิดไฟประดับย่านราชประสงค์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขปีใหม่ 2554
กทม. มอบความสุขรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2554 ประดับตกแต่งไฟย่านราชประสงค์ เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เริ่ม 23 ธ.ค. 53 - 31 ม.ค. 54 พร้อมประชาสัมพันธ์ย่านชอปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ
(23 ธ.ค. 53) ณ เวทีบริเวณสี่แยกราชประสงค์ (หน้าศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า) : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าย่านราชประสงค์ โดยทำการตกแต่งประดับไฟบนถนนพระรามที่ 1 ตั้งแต่บริเวณสี่แยกชิดลมไปจนถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ให้มีความสวยงาม ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว โดยจะเปิดไฟประดับระหว่างวันที่ 23 ธ.ค. 53 - 31 ม.ค. 54 ตั้งแต่เวลา 18.00–22.00 น. และในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 53 - 1 ม.ค. 54 จะเปิดไฟประดับไปจนถึงเวลา 24.00 น.
ทั้งนี้ย่านราชประสงค์ถือเป็นย่านชอปปิ้งที่สำคัญของกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นย่านที่มีโรงแรมและศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยตั้งอยู่ จึงทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าและพักค้างอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ นักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางมาเฉลิมฉลองและร่วมกิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่เป็นประจำทุกปี
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้จัดทำโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าย่านราชประสงค์ขึ้น เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศในพื้นที่ให้มีความสวยงาม ด้วยการประดับตกแต่งไฟหลากสีและหลายรูปแบบ รวมทั้งเพื่อส่งความสุขให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือนกรุงเทพมหานครในช่วงระยะเวลาของเทศกาลปีใหม่ พร้อมประชาสัมพันธ์ย่านชอปปิ้งสำคัญของกรุงเทพมหานครให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อันจะส่งผลให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมและก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังชุมชนในท้องถิ่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจในย่านชอปปิ้งของกรุงเทพมหานครและนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อไป
(23 ธ.ค. 53) ณ เวทีบริเวณสี่แยกราชประสงค์ (หน้าศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า) : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าย่านราชประสงค์ โดยทำการตกแต่งประดับไฟบนถนนพระรามที่ 1 ตั้งแต่บริเวณสี่แยกชิดลมไปจนถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ให้มีความสวยงาม ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว โดยจะเปิดไฟประดับระหว่างวันที่ 23 ธ.ค. 53 - 31 ม.ค. 54 ตั้งแต่เวลา 18.00–22.00 น. และในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 53 - 1 ม.ค. 54 จะเปิดไฟประดับไปจนถึงเวลา 24.00 น.
ทั้งนี้ย่านราชประสงค์ถือเป็นย่านชอปปิ้งที่สำคัญของกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นย่านที่มีโรงแรมและศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยตั้งอยู่ จึงทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าและพักค้างอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ นักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางมาเฉลิมฉลองและร่วมกิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่เป็นประจำทุกปี
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้จัดทำโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าย่านราชประสงค์ขึ้น เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศในพื้นที่ให้มีความสวยงาม ด้วยการประดับตกแต่งไฟหลากสีและหลายรูปแบบ รวมทั้งเพื่อส่งความสุขให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือนกรุงเทพมหานครในช่วงระยะเวลาของเทศกาลปีใหม่ พร้อมประชาสัมพันธ์ย่านชอปปิ้งสำคัญของกรุงเทพมหานครให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อันจะส่งผลให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมและก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังชุมชนในท้องถิ่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจในย่านชอปปิ้งของกรุงเทพมหานครและนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อไป
ประธานสภากทม. หารือขุนคลัง ปรับขึ้นเงิน ส.ก. , ส.ข.
วานนี้ (22 ธ.ค. 53) ที่กระทรวงการคลัง เวลา 14.30 น. : นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร นำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ประกอบด้วย นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ ส.ก.เขตลาดกระบัง 1 นายวิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล ส.ก.เขตบางพลัด พร้อมด้วยสมาชิสภาเขต (ส.ข.) และเจ้าหน้าที่สภากรุงเทพมหานคร เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง และเงินค่าตอบแทนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิสภาเขต
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตนเองได้นำคณะสมาชิกหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงการขึ้นเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ซึ่งมีการปรับครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2537 และไม่ได้มีการพิจารณาปรับขึ้นอีกเลย ภายหลังจากที่ได้มีการผลักดันเรื่องการปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง และเงินค่าตอบแทน ส.ก. และส.ข. เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2552 แต่ถูกปรับตกไปเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งล่าสุดวาระการขึ้นเงินประจำตำแหน่งขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรมการปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศกลับถูกปรับขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันเงินประจำตำแหน่งของฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ถูกปรับขึ้นโดยอัตโนมัติ
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวภายหลังการหารือว่า ตนเองไม่ขัดข้องและเห็นใจเรื่องของการปรับขึ้นเงินเดือนของส.ก.และส.ข. หลังจากกระทรวงมหาดไทย ได้เคยเห็นชอบนำเรื่องสู่คณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2552 แต่ถูกดึงเรื่องเอาไว้ก่อน แล้วมาพิจารณาเงินของ อบต.แทนเนื่องจากฐานเงินเดือนต่ำ ทั้งนี้ตนเองจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
สำหรับการปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง และเงินค่าตอบแทนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิสภาเขต ในครั้งนี้หากได้รับการพิจารณา จะใช้เงินงบประมาณประจำปีของกรุงเทพมหานคร จำนวนกว่า 10 ล้านบาท โดยตำแหน่งประธานสภากรุงเทพมหานคร เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 63,800 บาท เพิ่มเป็น 78,920 บาท คิดเป็น 23%, ตำแหน่งรองประธานสภากรุงเทพมหานคร เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 52,200 บาท เพิ่มเป็น 64,970 บาท คิดเป็น 24 %, สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 41,000 บาท เพิ่มเป็น 54,120 บาท คิดเป็น 32%, ประธานสภาเขต เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 13,630 บาท เพิ่มเป็น 19,050 บาท คิดเป็น 39% และ สมาชิสภาเขต เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 10,070 บาท เพิ่มเป็น 15,250 บาท คิดเป็น 51%
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตนเองได้นำคณะสมาชิกหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงการขึ้นเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ซึ่งมีการปรับครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2537 และไม่ได้มีการพิจารณาปรับขึ้นอีกเลย ภายหลังจากที่ได้มีการผลักดันเรื่องการปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง และเงินค่าตอบแทน ส.ก. และส.ข. เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2552 แต่ถูกปรับตกไปเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งล่าสุดวาระการขึ้นเงินประจำตำแหน่งขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรมการปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศกลับถูกปรับขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันเงินประจำตำแหน่งของฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ถูกปรับขึ้นโดยอัตโนมัติ
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวภายหลังการหารือว่า ตนเองไม่ขัดข้องและเห็นใจเรื่องของการปรับขึ้นเงินเดือนของส.ก.และส.ข. หลังจากกระทรวงมหาดไทย ได้เคยเห็นชอบนำเรื่องสู่คณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2552 แต่ถูกดึงเรื่องเอาไว้ก่อน แล้วมาพิจารณาเงินของ อบต.แทนเนื่องจากฐานเงินเดือนต่ำ ทั้งนี้ตนเองจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
สำหรับการปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง และเงินค่าตอบแทนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิสภาเขต ในครั้งนี้หากได้รับการพิจารณา จะใช้เงินงบประมาณประจำปีของกรุงเทพมหานคร จำนวนกว่า 10 ล้านบาท โดยตำแหน่งประธานสภากรุงเทพมหานคร เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 63,800 บาท เพิ่มเป็น 78,920 บาท คิดเป็น 23%, ตำแหน่งรองประธานสภากรุงเทพมหานคร เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 52,200 บาท เพิ่มเป็น 64,970 บาท คิดเป็น 24 %, สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 41,000 บาท เพิ่มเป็น 54,120 บาท คิดเป็น 32%, ประธานสภาเขต เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 13,630 บาท เพิ่มเป็น 19,050 บาท คิดเป็น 39% และ สมาชิสภาเขต เงินเดือนประจำตำแหน่ง จากปัจจุบัน 10,070 บาท เพิ่มเป็น 15,250 บาท คิดเป็น 51%
วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553
แจ้งปิดถนนเพื่อซ่อมสะพานข้ามคลองเจ๊ก เที่ยงคืน 27 ธ.ค.53-1 ม.ค.54
นายทรงชัย เลิศวรสิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างและบูรณะ สำนักการโยธา กทม. แจ้งว่า ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 27 ธ.ค.53 – วันที่ 1 ม.ค.54 กทม.จะดำเนินการซ่อมและเสริมกำลังสะพานข้ามคลองเจ๊ก ถนนทางรถไฟสายเก่า (สายปากน้ำ) เขตพระโขนง เนื่องจากเกิดการชำรุดและเสียหายเป็นบริเวณกว้าง โดยวัสดุรองใต้โครงสร้างเชิงลาดสะพานเดิมมีการไหลออก ทำให้เกิดโพรงใต้สะพาน เป็นเหตุให้โครงสร้างเชิงลาดแตกหัก และเริ่มมีการทรุดตัว หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้โครงสร้างของสะพานหักและพังลง เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน
ทั้งนี้ กทม. จะปิดการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก บริเวณสะพานข้ามคลองเจ๊ก สี่แยกสรรพาวุธ ถนนทางรถไฟสายปากน้ำ มุ่งหน้าคลังน้ำมัน ปตท. และการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อทำการซ่อมแซม ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 27 ธ.ค.53 –1 ม.ค.54 โดยรื้อโครงสร้างเชิงลาดสะพานเดิมที่เสียหายออก เทวัสดุมวลเบาป้องกันการไหลออกของวัสดุรองพื้นโครงสร้าง และผูกเหล็กโครงสร้างพร้อมเทโครงสร้างเชิงลาดสะพานใหม่
ในส่วนของการจัดการจราจรนั้น กทม.ได้ประสานสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง สถานีตำรวจนครบาลบางนา สถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ และสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ในการจัดการจราจรบริเวณดังกล่าว โดยรถบรรทุกที่จะเข้าท่าเรือกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทาง ถ.สุขุมวิท ระยะทางเพิ่มประมาณ 7 กิโลเมตร หรือใช้ทางด่วนด่านบางนา ลงด่านท่าเรือฯ สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ให้ใช้เส้นทาง ถ.สุขุมวิท ตัดเข้า ถ.สุขุมวิท 50 และ สุขุมวิท 62 ระยะทางเพิ่มประมาณ 1.5-2 กิโลเมตร สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2246 0257
ทั้งนี้ กทม. จะปิดการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก บริเวณสะพานข้ามคลองเจ๊ก สี่แยกสรรพาวุธ ถนนทางรถไฟสายปากน้ำ มุ่งหน้าคลังน้ำมัน ปตท. และการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อทำการซ่อมแซม ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 27 ธ.ค.53 –1 ม.ค.54 โดยรื้อโครงสร้างเชิงลาดสะพานเดิมที่เสียหายออก เทวัสดุมวลเบาป้องกันการไหลออกของวัสดุรองพื้นโครงสร้าง และผูกเหล็กโครงสร้างพร้อมเทโครงสร้างเชิงลาดสะพานใหม่
ในส่วนของการจัดการจราจรนั้น กทม.ได้ประสานสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง สถานีตำรวจนครบาลบางนา สถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ และสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ในการจัดการจราจรบริเวณดังกล่าว โดยรถบรรทุกที่จะเข้าท่าเรือกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทาง ถ.สุขุมวิท ระยะทางเพิ่มประมาณ 7 กิโลเมตร หรือใช้ทางด่วนด่านบางนา ลงด่านท่าเรือฯ สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ให้ใช้เส้นทาง ถ.สุขุมวิท ตัดเข้า ถ.สุขุมวิท 50 และ สุขุมวิท 62 ระยะทางเพิ่มประมาณ 1.5-2 กิโลเมตร สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2246 0257
สรุปข่าวบริการสำนักงานเขต
สำนักงานเขตต่างๆ ของกรุงเทพมหานครพร้อมบริการทุ่มเทการทำงาน เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ดังนี้
เขตจอมทอง นายจรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการเขตจอมทอง กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้กำหนดวันทิ้งของเหลือใช้ ในวันที่ 26 ธ.ค. 53 ตั้งแต่ 08.30–11.00 น. บริเวณชุมชนหลังตลาดวัดไทร ซ.เอกชัย 23 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันรักษาความสะอาดบริเวณบ้านเรือนและสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยของท้องถิ่น หากประสงค์จะทิ้งของเหลือใช้เป็นจำนวนมาก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับขยะ ติดต่อฝ่ายรักษาความสะอาดฯ โทร.0 2427 8421
เขตราษฎร์บูรณะ นางรัสยาภรณ์ นครสุต ผู้อำนวยการเขตราษฎร์บูรณะ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้กำหนดจัดโครงการ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ในวันที่ 24 ธ.ค. 53 ณ สถานรับเลี้ยงทานตะวันเด็ก โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย โรคไข้เลือดออก เพื่อทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออก
เขตสาทร นางกองกาญจน์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการเขตสาทร กทม. แจ้งว่า เขตฯ พัฒนาทำความสะอาดคูคลอง ตัดต้นไม้ เก็บขยะ และวัชพืช เพื่อเปิดทางน้ำไหลให้ผ่านสะดวก เวลา 09.00-12.00 น. ในวันที่ 27 พ.ย. 53 ณ คลองวัดปรก / เขตฯ โดยฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ ได้จัดทำแผนล้างตลาดตามหลักสุขาภิบาล เพื่อเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำ พร้อมทั้งตรวจสอบแนะนำให้เจ้าของตลาด และผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการล้างตลาด ตามหลักสุขาภิบาลอย่างสม่ำเสมอ กำหนดล้างตลาด ในวันที่ 24 ธ.ค. 53 เวลา 20.00 – 24.00 น. ณ ตลาดแสงจันทร์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ (ชั้น 5) หรือโทร.0 2212 8112 ต่อ 7219 – 7220
เขตจอมทอง นายจรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการเขตจอมทอง กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้กำหนดวันทิ้งของเหลือใช้ ในวันที่ 26 ธ.ค. 53 ตั้งแต่ 08.30–11.00 น. บริเวณชุมชนหลังตลาดวัดไทร ซ.เอกชัย 23 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันรักษาความสะอาดบริเวณบ้านเรือนและสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยของท้องถิ่น หากประสงค์จะทิ้งของเหลือใช้เป็นจำนวนมาก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับขยะ ติดต่อฝ่ายรักษาความสะอาดฯ โทร.0 2427 8421
เขตราษฎร์บูรณะ นางรัสยาภรณ์ นครสุต ผู้อำนวยการเขตราษฎร์บูรณะ กทม. แจ้งว่า เขตฯ ได้กำหนดจัดโครงการ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ในวันที่ 24 ธ.ค. 53 ณ สถานรับเลี้ยงทานตะวันเด็ก โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย โรคไข้เลือดออก เพื่อทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออก
เขตสาทร นางกองกาญจน์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการเขตสาทร กทม. แจ้งว่า เขตฯ พัฒนาทำความสะอาดคูคลอง ตัดต้นไม้ เก็บขยะ และวัชพืช เพื่อเปิดทางน้ำไหลให้ผ่านสะดวก เวลา 09.00-12.00 น. ในวันที่ 27 พ.ย. 53 ณ คลองวัดปรก / เขตฯ โดยฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ ได้จัดทำแผนล้างตลาดตามหลักสุขาภิบาล เพื่อเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำ พร้อมทั้งตรวจสอบแนะนำให้เจ้าของตลาด และผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการล้างตลาด ตามหลักสุขาภิบาลอย่างสม่ำเสมอ กำหนดล้างตลาด ในวันที่ 24 ธ.ค. 53 เวลา 20.00 – 24.00 น. ณ ตลาดแสงจันทร์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ (ชั้น 5) หรือโทร.0 2212 8112 ต่อ 7219 – 7220
วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ปทุมวันจับมือทีโอทีมอบบัตรโทรศัพท์ให้ผู้พิการฟรี
นางภาวิณี อามาตย์ทัศน์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. แจ้งว่า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีนโยบายให้ความช่วยเหลือและบริการสังคมสำหรับผู้พิการ โดยจัดบัตรโทรศัพท์ TOT Prepaid Pinphone 108 Only สำหรับมอบให้กลุ่มคนพิการ จำนวน 312 ใบ มูลค่าบัตรรวม 3,000 บาท เพื่อนำไปใช้ได้กับโทรศัพท์บ้าน หรือโทรศัพท์สาธารณะของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนผู้พิการที่ได้ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้พิการไว้กับสำนักงานเขตปทุมวัน ให้นำหลักฐานบัตรประจำตัวผู้พิการ ขอรับได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม เขตปทุมวัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 2214 1330 หรือ 0 2214 3004 ต่อ 6338-41
25 ธ.ค.นี้ เชิญชมกิจกรรมดนตรีเฉลิมพระเกียรติ “ในดวงใจนิรันดร์”
กทม.ขอเชิญชมกิจกรรมดนตรีเฉลิมพระเกียรติ “ในดวงใจนิรันดร์” ดื่มด่ำกับดนตรีแจ๊ส และบทเพลงพระราชนิพนธ์ ขับร้องโดยศิลปินชั้นแนวหน้า ท่ามกลางบรรยากาศสวนกลางกรุง ชมฟรีตลอดงาน 25 ธ.ค.นี้ ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย เริ่มการแสดงตั้งแต่เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป
(21 ธ.ค.53) ณ ห้องเอนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวกิจกรรม “ในดวงใจนิรันดร์” ซึ่งกรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงอุทิศพระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประชาชนชาวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ล้วนนำมาซึ่งประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในโอกาสอันเป็นมหามงคลแห่งการบรมราชาภิเษกและราชาภิเษกสมรสครบรอบปีที่ 60 ในปี 2553 กรุงเทพมหานครจึงมีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมการแสดงดนตรีขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และยังเป็นการสดุดีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยการแสดงจากศิลปินหลากหลายแนวเพลง โดยกำหนดจัดงานขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. ณ สวนเบญจกิติ ถนนรัชดาภิเษก – พระรามที่ 4 เขตคลองเตย เพื่อมอบเสียงเพลงเป็นของขวัญแด่คนกรุงเทพฯ ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่นี้
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย ชุดการแสดงและศิลปินรับเชิญมากมายที่จะมาอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยนักร้องที่ชนะการประกวดขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ เรียงร้อยถ้อยคำรักระหว่างพ่อ-ลูก ผ่านบทเพลงจากศิลปินชื่อดัง อาทิ วินัย พันธุรักษ์ วิตดิวัต พันธุรักษ์ และกาญจกันต์ พันธุรักษ์ พร้อมดื่มด่ำกับดนตรีแจ๊ส จากวงบิ๊กแบนด์ ที่บรรเลงนำเข้าสู่บรรยากาศสื่อสัมผัสรักแห่งเสียงดนตรี จากศิลปินคอรัส นำโดย ดร.อนุชิต นันทขว้าง ศิลปินประจำกองราชเลขาส่วนพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คุณป้อม ออโต้บาห์น นักดนตรีและนักร้องเพลงแจ๊ส เปียโนระดับแนวหน้า เล่าเรื่องผ่านบทเพลงรัก โดยศิลปิน Vietrio โรส ศิรินทิพย์ Omusicclub โดย โอ๋ ดูบาดู จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมสัมผัสอรรถรสทางดนตรีในกิจกรรม “ในดวงใจนิรันดร์” ได้ตามวันเวลาดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ กองการสังคีต สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. โทร.0 2246 0287
(21 ธ.ค.53) ณ ห้องเอนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน : นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวกิจกรรม “ในดวงใจนิรันดร์” ซึ่งกรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงอุทิศพระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประชาชนชาวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ล้วนนำมาซึ่งประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในโอกาสอันเป็นมหามงคลแห่งการบรมราชาภิเษกและราชาภิเษกสมรสครบรอบปีที่ 60 ในปี 2553 กรุงเทพมหานครจึงมีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมการแสดงดนตรีขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และยังเป็นการสดุดีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยการแสดงจากศิลปินหลากหลายแนวเพลง โดยกำหนดจัดงานขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. ณ สวนเบญจกิติ ถนนรัชดาภิเษก – พระรามที่ 4 เขตคลองเตย เพื่อมอบเสียงเพลงเป็นของขวัญแด่คนกรุงเทพฯ ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่นี้
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย ชุดการแสดงและศิลปินรับเชิญมากมายที่จะมาอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยนักร้องที่ชนะการประกวดขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ เรียงร้อยถ้อยคำรักระหว่างพ่อ-ลูก ผ่านบทเพลงจากศิลปินชื่อดัง อาทิ วินัย พันธุรักษ์ วิตดิวัต พันธุรักษ์ และกาญจกันต์ พันธุรักษ์ พร้อมดื่มด่ำกับดนตรีแจ๊ส จากวงบิ๊กแบนด์ ที่บรรเลงนำเข้าสู่บรรยากาศสื่อสัมผัสรักแห่งเสียงดนตรี จากศิลปินคอรัส นำโดย ดร.อนุชิต นันทขว้าง ศิลปินประจำกองราชเลขาส่วนพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คุณป้อม ออโต้บาห์น นักดนตรีและนักร้องเพลงแจ๊ส เปียโนระดับแนวหน้า เล่าเรื่องผ่านบทเพลงรัก โดยศิลปิน Vietrio โรส ศิรินทิพย์ Omusicclub โดย โอ๋ ดูบาดู จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมสัมผัสอรรถรสทางดนตรีในกิจกรรม “ในดวงใจนิรันดร์” ได้ตามวันเวลาดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ กองการสังคีต สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. โทร.0 2246 0287
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553
กทม.นำเด็กชม BRT "หนึ่งวันของฉัน กับมหัศจรรย์วัน BRT ครั้งที่ 2"
กรุงเทพมหานคร โดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัดมหาชน นำคณะนักเรียนอนุบาล จาก ร.ร.ทุ่งมหาเมฆ
จำนวน 153 คน เข้าเยี่ยมชม โครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT สายช่องนนทรี -ราชพฤกษ์ ภายใต้ชื่องาน "หนึ่งวัน
ของฉัน กับมหัศจรรย์วัน BRT ครั้งที่ 2" ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการฯ และให้เด็กได้ทัศนศึกษา เรียนรู้
ท้องถิ่นที่อยู่รอบข้างของโรงเรียนฯ ตามหลักสูตรวิชาสังคมศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้พาชมสถานีรถ
BRT, ชมอุ่ซ่อมบำรุง และชมห้อง CCR ที่เป็นห้องควบคุมการจราจรทั้ง 12 สถานี ณ บริเวณโครงการ BRT และDepot
ถนนพระรามที่ 3 เมื่อ 17 ธ.ค.53
วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ขับเคลื่อนชุมชนพึ่งตนเองเปลี่ยนแปลงกทม.ให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
(16 ธ.ค. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาโครงการแผนชุมชนพึ่งตนเองตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีนางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร นางอารุณี รัศมิทัศ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม พร้อมด้วยหัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนฯ หัวหน้าฝ่ายการคลัง หัวหน้าฝ่ายโยธา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
โครงการแผนชุมชนพึ่งตนเองตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ และกำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนของตนด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานภายนอกเป็นผู้ให้การสนับสนุน ทั้งนี้การพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนา เรียนรู้ และสรุปบทเรียนอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนต้องสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของเครื่องมือ เชื่อมั่นในศักยภาพของชุมชนว่าเมื่อชุมชนเข้มแข็งพึ่งตนเองได้และเป็นชุมชนที่มีคุณภาพก็จะส่งผลให้เกิดภาคีพัฒนาภาคประชาชนเข้ามาร่วมแบ่งเบาภารกิจในด้านการพัฒนาเมืองให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่ร่วมกัน
การสัมมนาในครั้งนี้เป็นกิจกรรมในโครงการแผนชุมชนพึ่งตนเองตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 4 ของสำนักพัฒนาสังคม ซึ่งประกอบด้วย 5 กิจกรรม ดำเนินการต่อเนื่องกัน ดังนี้ กิจกรรมที่ 1 การสัมมนาสร้างความเข้าใจแก่หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม หัวหน้าฝ่ายการคลัง หัวหน้าฝ่ายโยธา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการแผนชุมชนในระยะที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค. 53 ณ โรงแรมทวาราวดีรีสอร์ท จ.ปราจีนบุรี กิจกรรมที่ 2 การอบรมการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมสู่แผนชุมชนแก่ข้าราชการฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคมของสำนักงานเขต กิจกรรมที่ 3 การอบรมวิทยากรกระบวนการให้แก่ผู้นำชุมชน กิจกรรมที่ 4 การอบรมพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมสู่แผนชุมชนแก่ผู้นำชุมชน และกิจกรรมที่ 5 การอบรมให้ความรู้แก่คณะทำงานจัดทำแผนชุมชนของชุมชน
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ต้องทำการคัดเลือกแกนนำประชาชนเข้ามาเป็นคณะทำงาน ภารกิจนี้จึงนับว่าเป็นงานหนัก ขอให้กำลังใจและยินดีรับฟังทุกปัญหาในฐานะผู้ปฏิบัติงานโดยตรงที่อยู่ใกล้ชิดพื้นที่ และเข้าใจสถานการณ์มากที่สุด โดยเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือ สนับสนุนให้เกิดแผนการบูรณาการความคิด ความรู้ ความสามารถและศักยภาพในการนำพาแผนชุมชนพึ่งตนเองให้ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
โครงการแผนชุมชนพึ่งตนเองตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ และกำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนของตนด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานภายนอกเป็นผู้ให้การสนับสนุน ทั้งนี้การพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนา เรียนรู้ และสรุปบทเรียนอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนต้องสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของเครื่องมือ เชื่อมั่นในศักยภาพของชุมชนว่าเมื่อชุมชนเข้มแข็งพึ่งตนเองได้และเป็นชุมชนที่มีคุณภาพก็จะส่งผลให้เกิดภาคีพัฒนาภาคประชาชนเข้ามาร่วมแบ่งเบาภารกิจในด้านการพัฒนาเมืองให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่ร่วมกัน
การสัมมนาในครั้งนี้เป็นกิจกรรมในโครงการแผนชุมชนพึ่งตนเองตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 4 ของสำนักพัฒนาสังคม ซึ่งประกอบด้วย 5 กิจกรรม ดำเนินการต่อเนื่องกัน ดังนี้ กิจกรรมที่ 1 การสัมมนาสร้างความเข้าใจแก่หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม หัวหน้าฝ่ายการคลัง หัวหน้าฝ่ายโยธา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการแผนชุมชนในระยะที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค. 53 ณ โรงแรมทวาราวดีรีสอร์ท จ.ปราจีนบุรี กิจกรรมที่ 2 การอบรมการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมสู่แผนชุมชนแก่ข้าราชการฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคมของสำนักงานเขต กิจกรรมที่ 3 การอบรมวิทยากรกระบวนการให้แก่ผู้นำชุมชน กิจกรรมที่ 4 การอบรมพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมสู่แผนชุมชนแก่ผู้นำชุมชน และกิจกรรมที่ 5 การอบรมให้ความรู้แก่คณะทำงานจัดทำแผนชุมชนของชุมชน
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ต้องทำการคัดเลือกแกนนำประชาชนเข้ามาเป็นคณะทำงาน ภารกิจนี้จึงนับว่าเป็นงานหนัก ขอให้กำลังใจและยินดีรับฟังทุกปัญหาในฐานะผู้ปฏิบัติงานโดยตรงที่อยู่ใกล้ชิดพื้นที่ และเข้าใจสถานการณ์มากที่สุด โดยเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือ สนับสนุนให้เกิดแผนการบูรณาการความคิด ความรู้ ความสามารถและศักยภาพในการนำพาแผนชุมชนพึ่งตนเองให้ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
กทม. จัดระดมความคิดทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวรรค์
(14 ธ.ค. 53) เวลา 15.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีปิดการเสวนา Smart Bangkok Summit : กรุงเทพเมืองสวรรค์ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เขตปทุมวัน ซึ่งกทม. จัดขึ้นเนื่องในวันคล้าย วันสถาปนากรุงเทพมหานคร ครบรอบ 38 ปี เพื่อระดมความคิดเห็นของภาคประชาคม ภาคธุรกิจ นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐ ในการร่วมกันหาแนวทางที่จะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีขีดความสามารถในการพัฒนาตามมาตรฐานสากลว่าด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการ และนำนวัตกรรมล้ำสมัยในการขับเคลื่อนนโยบายหลักทั้ง 5 ด้านของกทม. ได้แก่ การพัฒนาระบบการจราจรและขนส่ง ระบบการบริหารสาธารณสุข การพัฒนาบุคลากรด้านการศึกษา ระบบความปลอดภัยสาธารณะ และระบบการบริหารงานภาครัฐ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน สร้างกรุงเทพฯ เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และเป็นเมืองสวรรค์ต่อไป
ร่วมสร้างฝันไม่หยุดนิ่ง เป็นแรงบันดาลใจการทำงาน
ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ผลจากการสัมมนาครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเมือง 4 ด้าน คือ 1. การสร้างระบบที่มีอยู่ให้คุ้มค่า เช่น การเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของภาครัฐและเอกชน เพื่อประสิทธิภาพในการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยในกรุงเทพฯ 2. การสร้าง Brand Value เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก และพัฒนาต่อไปโดยสร้างกทม.ให้เป็น Smart Bangkok ที่มีความพร้อมในการแข่งขันและการลงทุน 3. การบริหารจัดการเมืองอย่างชาญฉลาด โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และประชาชนเป็นสำคัญ และ 4. เตรียมกรุงเทพฯ ให้พร้อมเพื่อสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้ ทั้งนี้สิ่งสำคัญประการหนึ่งของผู้บริหารเมือง คือ จำเป็นต้องตอบตอบสนองความคาดหวังของประชาชนกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหยุดนิ่งให้ได้ ซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ จะเป็นการร่วมกันสร้างความฝันและแรงบันดาลใจทำให้กรุงเทพฯ เดินหน้าอย่างมีทิศทางและเจริญก้าวหน้าต่อไป
ทำกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ต้องปฏิบัติจริง
ในช่วงเช้าของการสัมมนา ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมเสวนาหัวข้อ กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ควรเป็นอย่างไร และทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริง” โดยกล่าวว่า กทม. และผู้เกี่ยวข้องจะต้องมุ่งมั่นและลงมือทำ 5 ด้าน คือ 1. นักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก 2. มองไกลและทำให้เร็ว ใช้เวลาสั้นๆ ซึ่งจะต้องใช้วิสัยทัศน์ในการบริหารเมืองที่มาจากข้อมูลและโมเดลจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในอนาคตในด้านต่างๆ มากกว่าการใช้วิสัยทัศน์ที่มาจากจินตนาการเพียงอย่างเดียว 3. ต้องลงทุนเรื่องเครื่องมือเพื่อทำให้บุคลากรจำนวนมากของกทม. ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ รู้จักวิเคราะห์ประเมิน รับรู้ข่าวสารมากขึ้น 4. ด้านงบประมาณและบุคลากรต้องขับเคลื่อนควบคู่กันไป และ 5. ทำให้เกิดการปฏิบัติขึ้นจริง ไม่ใช่วางแผนแล้วไม่ทำอะไร
ด้าน ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า แผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สาย 495 กิโลเมตร ซึ่งกำหนดเสร็จตามแผนในปี 2572 นั้นนานเกินไป ควรช่วยกันผลักดันให้สำเร็จ โดยการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกลางและส่วนท้องถิ่น เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชน เป็นต้น
ระดมความคิดเห็น 5 กลุ่มย่อย พร้อมสรุปข้อเสนอแนะเป็นแนวทางพัฒนาเมือง
สำหรับช่วงบ่ายเป็นการเสวนากลุ่มย่อย เพื่อระดมความเห็นเชิงวิชาการ โดยจัดกลุ่มผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ด้านการให้บริการภาครัฐ มีการบรรยายหัวข้อ “พัฒนาเมืองให้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยศักยภาพงานบริการภาครัฐ” กรณีศึกษาประเทศแคนาดา ทั้งนี้กลุ่มเสวนาได้สรุปประเด็นการบริการภาครัฐว่า ควรนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้เพื่อการบริหารงาน พร้อมทั้งเชื่อมต่อระหว่างข้อมูลภาครัฐ เอกชน ให้รวดเร็วและตอบสนองความต้องการของประชาชน มีมาตรฐาน และควรบังคับให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทุกระดับ
กลุ่มที่ 2 ด้านความปลอดภัย มีการบรรยายหัวข้อ “การรักษาความปลอดภัยในเมืองใหญ่แบบ Digital Innovation” กรณีศึกษานครนิวยอร์ก และสรุปการระดมความคิดเห็นว่า ควรมีการจัดระบบข้อมูลและสถิติต่างๆ เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอาชญากรรม จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ปรับสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย การให้ความรู้ในการป้องกันตนเอง และการเชื่อมต่อข้อมูลใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อการตัดสินใจ
กลุ่มที่ 3 ด้านการศึกษา มีการบรรยายหัวข้อ “การร่วมมือเพื่อการปฏิรูปการศึกษาสู่การพัฒนาบุคคลอย่างยั่งยืน” ศึกษากรณี North Carolina ผลการเสวนากลุ่มระบุว่า การปฏิรูปการศึกษาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และนำนวัตกรรมมาใช้ในการเรียนรู้ เช่น เชื่อมโยงการเรียนผ่านระบบออนไลน์ ปรับหลักสูตรผ่านระบบ Smart Phone และระบบการเรียนรู้นอกห้องเรียน อีกทั้งจัดหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องเด็กรุ่นใหม่และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ สร้างสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ มีการพัฒนาครูและปรับค่าตอบแทน รวมถึงจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
กลุ่มที่ 4 ด้านสุขภาพ มีการบรรยายหัวข้อ “ยกระดับสุขภาพเมืองด้วยการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข” กรณีศึกษา University of North Carolina Health System โดยผลการเสวนากลุ่ม คือ ให้ความรู้และข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสุขภาพที่ดี การเชื่อมโยงข้อมูลด้วยการสร้างระบบ E-healty และเพิ่มทางเลือกในการดูแลตนเองนอกโรงพยาบาล
และกลุ่มที่ 5 ด้านการจราจรและขนส่ง มีการบรรยายหัวข้อ “ขับเคลื่อนระบบขนส่งมวลชนในเมืองสู่ระบบการจัดการอย่างชาญฉลาด” กรณีศึกษา ระบบขนส่งมวลชนของประเทศสิงคโปร์ โดยผลสรุปการเสวนากลุ่ม คือ ควรวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ และควรดำเนินการตามแผนแม่บทด้วยระบบขนส่งมวลชนที่รวดเร็ว ปลอดภัย บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง ในราคาที่เหมาะสม เป็นต้น
ร่วมสร้างฝันไม่หยุดนิ่ง เป็นแรงบันดาลใจการทำงาน
ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ผลจากการสัมมนาครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเมือง 4 ด้าน คือ 1. การสร้างระบบที่มีอยู่ให้คุ้มค่า เช่น การเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของภาครัฐและเอกชน เพื่อประสิทธิภาพในการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยในกรุงเทพฯ 2. การสร้าง Brand Value เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก และพัฒนาต่อไปโดยสร้างกทม.ให้เป็น Smart Bangkok ที่มีความพร้อมในการแข่งขันและการลงทุน 3. การบริหารจัดการเมืองอย่างชาญฉลาด โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และประชาชนเป็นสำคัญ และ 4. เตรียมกรุงเทพฯ ให้พร้อมเพื่อสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้ ทั้งนี้สิ่งสำคัญประการหนึ่งของผู้บริหารเมือง คือ จำเป็นต้องตอบตอบสนองความคาดหวังของประชาชนกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหยุดนิ่งให้ได้ ซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ จะเป็นการร่วมกันสร้างความฝันและแรงบันดาลใจทำให้กรุงเทพฯ เดินหน้าอย่างมีทิศทางและเจริญก้าวหน้าต่อไป
ทำกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ต้องปฏิบัติจริง
ในช่วงเช้าของการสัมมนา ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมเสวนาหัวข้อ กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ควรเป็นอย่างไร และทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริง” โดยกล่าวว่า กทม. และผู้เกี่ยวข้องจะต้องมุ่งมั่นและลงมือทำ 5 ด้าน คือ 1. นักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก 2. มองไกลและทำให้เร็ว ใช้เวลาสั้นๆ ซึ่งจะต้องใช้วิสัยทัศน์ในการบริหารเมืองที่มาจากข้อมูลและโมเดลจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในอนาคตในด้านต่างๆ มากกว่าการใช้วิสัยทัศน์ที่มาจากจินตนาการเพียงอย่างเดียว 3. ต้องลงทุนเรื่องเครื่องมือเพื่อทำให้บุคลากรจำนวนมากของกทม. ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ รู้จักวิเคราะห์ประเมิน รับรู้ข่าวสารมากขึ้น 4. ด้านงบประมาณและบุคลากรต้องขับเคลื่อนควบคู่กันไป และ 5. ทำให้เกิดการปฏิบัติขึ้นจริง ไม่ใช่วางแผนแล้วไม่ทำอะไร
ด้าน ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า แผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สาย 495 กิโลเมตร ซึ่งกำหนดเสร็จตามแผนในปี 2572 นั้นนานเกินไป ควรช่วยกันผลักดันให้สำเร็จ โดยการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกลางและส่วนท้องถิ่น เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชน เป็นต้น
ระดมความคิดเห็น 5 กลุ่มย่อย พร้อมสรุปข้อเสนอแนะเป็นแนวทางพัฒนาเมือง
สำหรับช่วงบ่ายเป็นการเสวนากลุ่มย่อย เพื่อระดมความเห็นเชิงวิชาการ โดยจัดกลุ่มผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ด้านการให้บริการภาครัฐ มีการบรรยายหัวข้อ “พัฒนาเมืองให้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยศักยภาพงานบริการภาครัฐ” กรณีศึกษาประเทศแคนาดา ทั้งนี้กลุ่มเสวนาได้สรุปประเด็นการบริการภาครัฐว่า ควรนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้เพื่อการบริหารงาน พร้อมทั้งเชื่อมต่อระหว่างข้อมูลภาครัฐ เอกชน ให้รวดเร็วและตอบสนองความต้องการของประชาชน มีมาตรฐาน และควรบังคับให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทุกระดับ
กลุ่มที่ 2 ด้านความปลอดภัย มีการบรรยายหัวข้อ “การรักษาความปลอดภัยในเมืองใหญ่แบบ Digital Innovation” กรณีศึกษานครนิวยอร์ก และสรุปการระดมความคิดเห็นว่า ควรมีการจัดระบบข้อมูลและสถิติต่างๆ เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอาชญากรรม จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ปรับสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย การให้ความรู้ในการป้องกันตนเอง และการเชื่อมต่อข้อมูลใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อการตัดสินใจ
กลุ่มที่ 3 ด้านการศึกษา มีการบรรยายหัวข้อ “การร่วมมือเพื่อการปฏิรูปการศึกษาสู่การพัฒนาบุคคลอย่างยั่งยืน” ศึกษากรณี North Carolina ผลการเสวนากลุ่มระบุว่า การปฏิรูปการศึกษาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และนำนวัตกรรมมาใช้ในการเรียนรู้ เช่น เชื่อมโยงการเรียนผ่านระบบออนไลน์ ปรับหลักสูตรผ่านระบบ Smart Phone และระบบการเรียนรู้นอกห้องเรียน อีกทั้งจัดหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องเด็กรุ่นใหม่และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ สร้างสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ มีการพัฒนาครูและปรับค่าตอบแทน รวมถึงจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
กลุ่มที่ 4 ด้านสุขภาพ มีการบรรยายหัวข้อ “ยกระดับสุขภาพเมืองด้วยการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข” กรณีศึกษา University of North Carolina Health System โดยผลการเสวนากลุ่ม คือ ให้ความรู้และข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสุขภาพที่ดี การเชื่อมโยงข้อมูลด้วยการสร้างระบบ E-healty และเพิ่มทางเลือกในการดูแลตนเองนอกโรงพยาบาล
และกลุ่มที่ 5 ด้านการจราจรและขนส่ง มีการบรรยายหัวข้อ “ขับเคลื่อนระบบขนส่งมวลชนในเมืองสู่ระบบการจัดการอย่างชาญฉลาด” กรณีศึกษา ระบบขนส่งมวลชนของประเทศสิงคโปร์ โดยผลสรุปการเสวนากลุ่ม คือ ควรวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ และควรดำเนินการตามแผนแม่บทด้วยระบบขนส่งมวลชนที่รวดเร็ว ปลอดภัย บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง ในราคาที่เหมาะสม เป็นต้น
วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553
14 ธันวาคม วันสถาปนากรุงเทพมหานคร
ก่อนปี 2514 กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย จังหวัด 2 จังหวัด คือ “จังหวัดพระนคร” ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีเทศบาล คือ “เทศบาลนครกรุงเทพ” และ “จังหวัดธนบุรี” ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีเทศบาล คือ “เทศบาลนครธนบุรี”
ปี 2514 คณะปฏิวัติได้มีประกาศ ฉบับที่ 24 ให้รวมจังหวัดพระนครและ จังหวัดธนบุรีเข้าด้วยกัน เป็น “จังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรี” และประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 25 ให้รวมเทศบาล 2 เทศบาล เข้าด้วยกัน เป็น “เทศบาลนครหลวง”
ปี 2515 คณะปฏิวัติได้มีประกาศ ฉบับที่ 335 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 มีผลในวันที่ 14 ธันวาคม 2515 จัดรูปการปกครองใหม่ โดยรวมกิจการของจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล เป็นลักษณะผสมระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เข้าด้วยกัน เป็น “กรุงเทพมหานคร” มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นข้าราชการการเมือง ด้วยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 นี่เอง ทำให้เกิดองค์การบริหารใหม่ขึ้นองค์กรหนึ่ง เรียกว่า “ กรุงเทพมหานคร” และถือเอาวันที่ 14 ธันวาคม ของทุกปี เป็น “วันสถาปนากรุงเทพมหานคร”
ปี 2514 คณะปฏิวัติได้มีประกาศ ฉบับที่ 24 ให้รวมจังหวัดพระนครและ จังหวัดธนบุรีเข้าด้วยกัน เป็น “จังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรี” และประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 25 ให้รวมเทศบาล 2 เทศบาล เข้าด้วยกัน เป็น “เทศบาลนครหลวง”
ปี 2515 คณะปฏิวัติได้มีประกาศ ฉบับที่ 335 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 มีผลในวันที่ 14 ธันวาคม 2515 จัดรูปการปกครองใหม่ โดยรวมกิจการของจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล เป็นลักษณะผสมระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เข้าด้วยกัน เป็น “กรุงเทพมหานคร” มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นข้าราชการการเมือง ด้วยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 นี่เอง ทำให้เกิดองค์การบริหารใหม่ขึ้นองค์กรหนึ่ง เรียกว่า “ กรุงเทพมหานคร” และถือเอาวันที่ 14 ธันวาคม ของทุกปี เป็น “วันสถาปนากรุงเทพมหานคร”
กทม.ดันหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” พัฒนาความรู้ด้านการเงินแก่เยาวชน
กทม.ดันหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” พัฒนาความรู้ด้านการเงินแก่เยาวชน
กทม. จับมือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำโครงการพัฒนาความรู้ด้านการเงินแก่เยาวชน หลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เน้นให้นักเรียนสังกัด กทม.จัดการด้านการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(13 ธ.ค. 53) ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 31/2553 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับโครงการพัฒนาความรู้ด้านการเงินแก่เยาวชน หลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารการเงินส่วนบุคคลสำหรับเยาวชนตั้งแต่ ป.1 – ม.6 รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา โดยแบ่งเป็น 4 ช่วงชั้น คือ ช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) ช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-6) ช่วงชั้นที่ 3 (ม.1-3) และช่วงชั้นที่ 4 (ม.4-6) เพื่อให้เยาวชนสามารถพัฒนาทักษะชีวิตในเรื่องความรู้พื้นฐานด้านการบริหารการเงินให้กับเยาวชน พร้อมปลูกฝังความรับผิดชอบให้เยาวชนยุคใหม่ มีความรู้ความสามารถในการดูแลและจัดการการเงินของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ รู้หา รู้ใช้ รู้ประหยัดอดออม ทำให้เงินทองงอกเงย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สนับสนุนชุดสื่อการเรียนรู้ “เงินทอง ของมีค่า” แก่โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สร้าง Trainer หลักสูตรฯ พร้อมจัดอบรมหลักสูตรให้ความรู้แก่ครูในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพมหานครจะผลักดันหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เป็นวิชาบังคับในการเรียนการสอน และติดตามประเมินผลการเรียนการสอนหลักสูตรดังกล่าวด้วย โดยในวันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม 2553 จะมีการแถลงข่าวความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานครและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเดินหน้าโครงการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
กทม. จับมือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำโครงการพัฒนาความรู้ด้านการเงินแก่เยาวชน หลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เน้นให้นักเรียนสังกัด กทม.จัดการด้านการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(13 ธ.ค. 53) ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) : นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 31/2553 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับโครงการพัฒนาความรู้ด้านการเงินแก่เยาวชน หลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารการเงินส่วนบุคคลสำหรับเยาวชนตั้งแต่ ป.1 – ม.6 รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา โดยแบ่งเป็น 4 ช่วงชั้น คือ ช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) ช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-6) ช่วงชั้นที่ 3 (ม.1-3) และช่วงชั้นที่ 4 (ม.4-6) เพื่อให้เยาวชนสามารถพัฒนาทักษะชีวิตในเรื่องความรู้พื้นฐานด้านการบริหารการเงินให้กับเยาวชน พร้อมปลูกฝังความรับผิดชอบให้เยาวชนยุคใหม่ มีความรู้ความสามารถในการดูแลและจัดการการเงินของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ รู้หา รู้ใช้ รู้ประหยัดอดออม ทำให้เงินทองงอกเงย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สนับสนุนชุดสื่อการเรียนรู้ “เงินทอง ของมีค่า” แก่โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สร้าง Trainer หลักสูตรฯ พร้อมจัดอบรมหลักสูตรให้ความรู้แก่ครูในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพมหานครจะผลักดันหลักสูตร “เงินทอง ของมีค่า” เป็นวิชาบังคับในการเรียนการสอน และติดตามประเมินผลการเรียนการสอนหลักสูตรดังกล่าวด้วย โดยในวันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม 2553 จะมีการแถลงข่าวความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานครและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเดินหน้าโครงการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553
10-12 ธ.ค. ร่วมชมมหกรรมการแสดงนานาชาติ 2010 ณ สวนลุมพินี
(10 ธ.ค.53) เวลา 17.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน International Street Show in Bangkok 2010 มหกรรม การแสดงนานาชาติ โดยมีคุณเยียรยง ไชยรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร คุณปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เมนท์ จำกัด(มหาชน) ร่วมพิธี ณ สวนลุมพินี
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ บ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เมนท์ จำกัด(มหาชน) จัดงาน International Street Show in Bangkok 2010 มหกรรม การแสดงนานาชาติ ขึ้น ระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค.53 ณ บริเวณสวนลุมพินี โดยนำการแสดงโชว์หลากหลายรูปแบบจากนักแสดงนานาชาติทั่วโลกมาจัดแสดงให้คน กรุงเทพได้ชมฟรี อาทิ การแสดง PasParTouT จากประเทศเยอรมนี คณะกายกรรมระดับโลกจากรัสเซีย Kanakov การแสดง Le Tennis จาก ฝรั่งเศสที่ใช้เทคนิคการแสดงผาดโผนผสมตลกในรูปแบบของการแข่งขันบนสนามเทนนิส โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมทุกการแสดงได้ฟรี และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.bangkokstreetshow.com
ผู้ ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมุ่งเน้นการจัดโครงการเพื่อให้คนกรุงเทพมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดมา การจัดกิจกรรมเพื่อเรียกความสนุกสนานครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะส่ง เสริมให้ครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง ก่อให้เกิดสังคมที่แข็งแรง ซึ่งจะเกื้อหนุนให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตได้อีกทางหนึ่ง อย่าง ไรก็ตาม ขอให้ชาวกรุงเทพร่วมกันดูแล อนุรักษ์และรักษาสถานที่ท่องเที่ยว เป็นเจ้าเมืองที่ดี เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา น่าสนใจ และรักษาตำแหน่งเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกไว้ได้ตลอดไป
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ บ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เมนท์ จำกัด(มหาชน) จัดงาน International Street Show in Bangkok 2010 มหกรรม การแสดงนานาชาติ ขึ้น ระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค.53 ณ บริเวณสวนลุมพินี โดยนำการแสดงโชว์หลากหลายรูปแบบจากนักแสดงนานาชาติทั่วโลกมาจัดแสดงให้คน กรุงเทพได้ชมฟรี อาทิ การแสดง PasParTouT จากประเทศเยอรมนี คณะกายกรรมระดับโลกจากรัสเซีย Kanakov การแสดง Le Tennis จาก ฝรั่งเศสที่ใช้เทคนิคการแสดงผาดโผนผสมตลกในรูปแบบของการแข่งขันบนสนามเทนนิส โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมทุกการแสดงได้ฟรี และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.bangkokstreetshow.com
ผู้ ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมุ่งเน้นการจัดโครงการเพื่อให้คนกรุงเทพมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดมา การจัดกิจกรรมเพื่อเรียกความสนุกสนานครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะส่ง เสริมให้ครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง ก่อให้เกิดสังคมที่แข็งแรง ซึ่งจะเกื้อหนุนให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตได้อีกทางหนึ่ง อย่าง ไรก็ตาม ขอให้ชาวกรุงเทพร่วมกันดูแล อนุรักษ์และรักษาสถานที่ท่องเที่ยว เป็นเจ้าเมืองที่ดี เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา น่าสนใจ และรักษาตำแหน่งเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกไว้ได้ตลอดไป
ตรวจการส่งมอบอุปกรณ์เตรียมจัดเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขต 2
กก ต.และกทม. ร่วมตรวจความเรียบร้อยการจัดเตรียมอุปกรณ์เลือกตั้งของกรรมการประจำหน่วย เลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขต 2ก่อนใช้จริง 12 ธ.ค.นี้ พร้อมกำชับให้ปฏิบัติงานด้วยความเป็นกลาง เข้มระเบียบ และกฎหมายอย่างเคร่งครัด เผย 3 เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสี แต่ไม่มีเหตุรุนแรง
(11 ธ.ค. 53) เวลา 09.00 น. : นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการส่งมอบวัสดุอุปกรณ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ส.ส.กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งของสำนักงานเขตสาทร สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 12 ธ.ค.53 เวลา 08.00-15.00 น. พร้อมทั้งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเลือกตั้งให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมาย ยุติธรรม โปร่งใส วาง ตัวเป็นกลางโดยเคร่งครัด และให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ อันอาจเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ เพื่อป้องกันข้อครหาและนำไปสู่การร้องเรียน
สำหรับการปฏิบัติงานก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ในวันที่ 11 ธ.ค.53 ผู้อำนวยการประจำหน่วยเลือกตั้ง และคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง จะตรวจรับวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้ง พร้อมทั้งจัดเอกสารและอุปกรณ์ใส่ถุงพลาสติกให้เรียบร้อย ครบถ้วน ประกอบด้วย หีบบัตรเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้งสำหรับคนพิการทางสายตา บัตรตัวอย่าง เอกสาร แบบพิมพ์ และประกาศต่างๆ เช่น ประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง ประกาศเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง คำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง ประกาศรายชื่อผู้สมัคร ป้ายสำหรับปิดช่องใส่บัตรเลือกตั้ง ประกาศจำนวนบัตรเลือกตั้งก่อนลงคะแนน รายงานเหตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง รายงานผลการนับคะแนน รายงานการส่งหีบบัตรเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีสายรัดหีบบัตรเลือกตั้ง ป้ายต่างๆ ปากกา เป็นต้น
ทั้งนี้ ในวันเลือกตั้ง 12 ธ.ค.53 เวลา 05.00-06.00 น. ผู้อำนวยการประจำหน่วยเลือกตั้ง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำหีบบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์ไปยังที่เลือกตั้ง จากนั้นคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะร่วมกันจัดที่เลือกตั้ง พร้อมทั้งจัดเก็บป้ายหาเสียงบริเวณใกล้เคียงที่เลือกตั้งออกให้หมด และประชุมการปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งก่อนเวลาเปิดหีบให้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเวลา 08.00 น.
ด้าน นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้มีแจ้งเรื่องร้องเรียน 3 เรื่อง โดยเป็นการใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครรับเลือกตั้ง และเขียนใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครบนป้ายประชาสัมพันธ์ แต่ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง พร้อมกันนี้ขอขอบคุณ กทม. ที่เตรียมพร้อมการจัดการเลือกตั้งเป็นอย่างดี และในวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.) ขอเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย เขตสาทร ยานนาวา บางคอแหลม คลองเตย และวัฒนา ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น.
(11 ธ.ค. 53) เวลา 09.00 น. : นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการส่งมอบวัสดุอุปกรณ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ส.ส.กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งของสำนักงานเขตสาทร สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 12 ธ.ค.53 เวลา 08.00-15.00 น. พร้อมทั้งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเลือกตั้งให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมาย ยุติธรรม โปร่งใส วาง ตัวเป็นกลางโดยเคร่งครัด และให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ อันอาจเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ เพื่อป้องกันข้อครหาและนำไปสู่การร้องเรียน
สำหรับการปฏิบัติงานก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ในวันที่ 11 ธ.ค.53 ผู้อำนวยการประจำหน่วยเลือกตั้ง และคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง จะตรวจรับวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้ง พร้อมทั้งจัดเอกสารและอุปกรณ์ใส่ถุงพลาสติกให้เรียบร้อย ครบถ้วน ประกอบด้วย หีบบัตรเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้งสำหรับคนพิการทางสายตา บัตรตัวอย่าง เอกสาร แบบพิมพ์ และประกาศต่างๆ เช่น ประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง ประกาศเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง คำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง ประกาศรายชื่อผู้สมัคร ป้ายสำหรับปิดช่องใส่บัตรเลือกตั้ง ประกาศจำนวนบัตรเลือกตั้งก่อนลงคะแนน รายงานเหตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง รายงานผลการนับคะแนน รายงานการส่งหีบบัตรเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีสายรัดหีบบัตรเลือกตั้ง ป้ายต่างๆ ปากกา เป็นต้น
ทั้งนี้ ในวันเลือกตั้ง 12 ธ.ค.53 เวลา 05.00-06.00 น. ผู้อำนวยการประจำหน่วยเลือกตั้ง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำหีบบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์ไปยังที่เลือกตั้ง จากนั้นคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะร่วมกันจัดที่เลือกตั้ง พร้อมทั้งจัดเก็บป้ายหาเสียงบริเวณใกล้เคียงที่เลือกตั้งออกให้หมด และประชุมการปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งก่อนเวลาเปิดหีบให้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเวลา 08.00 น.
ด้าน นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้มีแจ้งเรื่องร้องเรียน 3 เรื่อง โดยเป็นการใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครรับเลือกตั้ง และเขียนใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครบนป้ายประชาสัมพันธ์ แต่ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง พร้อมกันนี้ขอขอบคุณ กทม. ที่เตรียมพร้อมการจัดการเลือกตั้งเป็นอย่างดี และในวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.) ขอเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย เขตสาทร ยานนาวา บางคอแหลม คลองเตย และวัฒนา ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น.
เชิญชมนิทรรศการในสมเด็จพระเทพฯ “สีแสงแสดงชีวิต” 10 ธ.ค.53 - 6 ก.พ. 54
ในวันศุกร์ที่ 10 ธ.ค. 53 เวลา 10.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "สีแสงแสดงชีวิต" ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งกทม.ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยหม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร,นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุงเทพมหานคร,นางสาวอุไร อนันตสิน สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน, นางภาวิณี อมาตทัตย์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน เข้าร่วมรับเสด็จในครั้งนี้ด้วย
นิทรรศการดังกล่าวเป็นภาพถ่ายจากการเสด็จเยือนที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในช่วงปี 2553 กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. 53 - 6 ก.พ. 54 ณ ห้องจัดนิทรรศการ ชั้น 8 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย แบ่งเป็นกลุ่มเรื่องราวประมาณ 8-10 กลุ่ม ขนาดของภาพและวิธีการจัดแสดงขึ้นอยู่กับเนื้อหาของภาพ นอกจากนี้ ยังมีของส่วนพระองค์ช่วยประกอบในงานนิทรรศการ เช่น กล้องถ่ายรูป สมุดโน้ต ปากกา หรือของที่ระลึกที่มาจากการเดินทางต่าง ๆ เพื่อช่วยประกอบในการเล่าเรื่องจากภาพถ่าย ส่วนประกอบต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าชมได้เห็นมุมมองต่าง ๆ ที่มีมิติ ที่น่าสนใจ สื่อให้เห็นถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทั้งการเดินทางและการถ่ายภาพของพระองค์ท่าน
นิทรรศการดังกล่าวเป็นภาพถ่ายจากการเสด็จเยือนที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในช่วงปี 2553 กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. 53 - 6 ก.พ. 54 ณ ห้องจัดนิทรรศการ ชั้น 8 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย แบ่งเป็นกลุ่มเรื่องราวประมาณ 8-10 กลุ่ม ขนาดของภาพและวิธีการจัดแสดงขึ้นอยู่กับเนื้อหาของภาพ นอกจากนี้ ยังมีของส่วนพระองค์ช่วยประกอบในงานนิทรรศการ เช่น กล้องถ่ายรูป สมุดโน้ต ปากกา หรือของที่ระลึกที่มาจากการเดินทางต่าง ๆ เพื่อช่วยประกอบในการเล่าเรื่องจากภาพถ่าย ส่วนประกอบต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าชมได้เห็นมุมมองต่าง ๆ ที่มีมิติ ที่น่าสนใจ สื่อให้เห็นถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทั้งการเดินทางและการถ่ายภาพของพระองค์ท่าน
วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553
กทม. จัดเสวนา Smart Bangkok Summit กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์
นายมานิต เตชอภิโชค ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล กทม. แจ้งว่า กทม. กำหนดจัดงาน Smart Bangkok Summit : กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ในวันอังคารที่ 14 ธ.ค.53 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ห้องบอลรูม 2 ชั้น 4 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เขตปทุมวัน เนื่องในวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ครบรอบ 38 ปี “ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” เพื่อระดมความคิดเห็นของภาคประชาชน ภาคธุรกิจ นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐในการร่วมกันหาแนวทางที่จะทำให้กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีขีดความสามารถในการพัฒนาตามมาตรฐานสากลด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการ
สำหรับการจัดเสวนาครั้งนี้ ได้จัดให้มีการบรรยายหัวข้อ “ความสำเร็จในการสร้างเมืองอันชาญฉลาดและทำอย่างไรให้การสร้างสรรค์เมืองแห่งสวรรค์ เพื่อโอกาสในอนาคตเกิดขึ้นกับกรุงเทพฯ” โดย นายธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย และการเสวนาหัวข้อ “กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ควรเป็นอย่างไร และทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริง” โดย ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จากนั้นจะมีการเสวนากลุ่มย่อย 5 กลุ่มเพื่อระดมความคิดเห็นเชิงวิชาการจากหัวข้อการบรรยายและกรณีศึกษา อีกทั้งการเสวนาระดมความคิดเห็นเชิงวิชาการ เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้รับไปกำหนดนโยบายในการที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ต่อไป
สำหรับการจัดเสวนาครั้งนี้ ได้จัดให้มีการบรรยายหัวข้อ “ความสำเร็จในการสร้างเมืองอันชาญฉลาดและทำอย่างไรให้การสร้างสรรค์เมืองแห่งสวรรค์ เพื่อโอกาสในอนาคตเกิดขึ้นกับกรุงเทพฯ” โดย นายธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย และการเสวนาหัวข้อ “กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ควรเป็นอย่างไร และทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริง” โดย ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จากนั้นจะมีการเสวนากลุ่มย่อย 5 กลุ่มเพื่อระดมความคิดเห็นเชิงวิชาการจากหัวข้อการบรรยายและกรณีศึกษา อีกทั้งการเสวนาระดมความคิดเห็นเชิงวิชาการ เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้รับไปกำหนดนโยบายในการที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ต่อไป
เริ่มแล้วมหกรรมเพื่อคนรักษ์สุขภาพ Bangkok Health Fair 2010
เริ่มแล้ว Bangkok Health Fair 2010 ปลุกกระแสชวนคนกรุงรักษ์สุขภาพ อัพเดทความรู้และนวัตกรรมทางการแพทย์ พร้อมตรวจเช็คสุขภาพฟรี 17 รายการ วันนี้ถึง 12 ธ.ค.53 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ MCC Hall เดอะมอลล์ บางแค
(9 ธ.ค.53) ณ MCC Hall ชั้น 4 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 ธ.ค.53 เพื่อสร้างความตระหนักและปลุกกระแสการตื่นตัวในการดูแลสุขภาพตนเองของประชาชน พร้อมเฝ้าระวังและคัดกรองโรคที่ป้องกันได้ ตลอดจนให้ความรู้ ความเข้าใจในการดูแลตนเอง
สำหรับมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทั้งชีวิต เราดูแล” โดยเน้นการนำนวัตกรรมและความรู้ทางการแพทย์สำหรับคนทุกวัยในครอบครัว อาทิ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์จักษุวิทยา ศูนย์โรคเบาหวานและอาหารเพื่อสุขภาพ ศูนย์เวชศาสตร์มารดาและทารก ศูนย์รักษาและผ่าตัดผ่านกล้อง บริการการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมทั้ง บริการฉีดวัคซีนป้องกันหวัด 3 สายพันธุ์ ฟรี และบริการตรวจเช็คสุขภาพฟรี 17 รายการ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีบู๊ทสุขภาพที่มาร่วมให้ความรู้มากมาย อีกทั้งการเสวนาหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจจากวิทยากรชื่อดังตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน อาทิ การทำนายสุขภาพจากธาตุ, ธรรมะเพื่อสุขภาพ โดยทีมงานพระมหาสมปอง, การเสวนาเรื่อง Autistic โดยแพทย์หญิงสรรธีรา วนสุวรรณกุล การหัวเราะเพื่อสุขภาพ โดย อ.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ลูกดื้อ...รับมืออย่างไร โดย นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ อริยะสร้างได้...ด้วยมือแม่ โดยแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เบาหวานควบคุมไม่เพียงรู้และเข้าใจ ขยับง่ายๆ พัฒนาสมองและสุขภาพ สาธิตการออกกำลังกายตาราง 9 ช่อง และออกกำลังกายยางยืด โดย อ.เจริญ กระบวนรัตน์ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การสาธิตทำอาหารให้เหมาะกับวัย โดย อ.สง่า ดามาพงษ์ พร้อมดาราเซเลปดัง และการสาธิตการออกกำลังกายแบบโยคะ โดยคุณอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย กทม. โทร.1555
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญต่อการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแนวคิด “ทั้งชีวิต…เราดูแล” ประกอบด้วย การดูแลตั้งแต่การตั้งครรภ์ จนกระทั่งเติบโต เข้าสู่วัยชรา และวาระสุดท้ายของชีวิต เพื่อส่งเสริมและดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขอนามัยทั่วไปและ สุขลักษณะที่ยั่งยืน มีความสุขจากการรับบริการของกรุงเทพมหานคร โดยโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขจะต้องผ่านรับรองคุณภาพทุกแห่ง เพื่อเป็นหลักประกันในการได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานจากสถานพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีศูนย์เอราวัณ ซึ่งให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม การขยายจำนวนเตียงของโรงพยาบาลขนาดเล็กในสังกัดสำนักการแพทย์ ให้เป็นขนาดไม่น้อยกว่า 200 เตียง เพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนโดยมีผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขา นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน หรืออาจจะมีโรงพยาบาลในเขตดอนเมืองเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย และดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(9 ธ.ค.53) ณ MCC Hall ชั้น 4 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 ธ.ค.53 เพื่อสร้างความตระหนักและปลุกกระแสการตื่นตัวในการดูแลสุขภาพตนเองของประชาชน พร้อมเฝ้าระวังและคัดกรองโรคที่ป้องกันได้ ตลอดจนให้ความรู้ ความเข้าใจในการดูแลตนเอง
สำหรับมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทั้งชีวิต เราดูแล” โดยเน้นการนำนวัตกรรมและความรู้ทางการแพทย์สำหรับคนทุกวัยในครอบครัว อาทิ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์จักษุวิทยา ศูนย์โรคเบาหวานและอาหารเพื่อสุขภาพ ศูนย์เวชศาสตร์มารดาและทารก ศูนย์รักษาและผ่าตัดผ่านกล้อง บริการการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมทั้ง บริการฉีดวัคซีนป้องกันหวัด 3 สายพันธุ์ ฟรี และบริการตรวจเช็คสุขภาพฟรี 17 รายการ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีบู๊ทสุขภาพที่มาร่วมให้ความรู้มากมาย อีกทั้งการเสวนาหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจจากวิทยากรชื่อดังตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน อาทิ การทำนายสุขภาพจากธาตุ, ธรรมะเพื่อสุขภาพ โดยทีมงานพระมหาสมปอง, การเสวนาเรื่อง Autistic โดยแพทย์หญิงสรรธีรา วนสุวรรณกุล การหัวเราะเพื่อสุขภาพ โดย อ.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ลูกดื้อ...รับมืออย่างไร โดย นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ อริยะสร้างได้...ด้วยมือแม่ โดยแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เบาหวานควบคุมไม่เพียงรู้และเข้าใจ ขยับง่ายๆ พัฒนาสมองและสุขภาพ สาธิตการออกกำลังกายตาราง 9 ช่อง และออกกำลังกายยางยืด โดย อ.เจริญ กระบวนรัตน์ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การสาธิตทำอาหารให้เหมาะกับวัย โดย อ.สง่า ดามาพงษ์ พร้อมดาราเซเลปดัง และการสาธิตการออกกำลังกายแบบโยคะ โดยคุณอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย กทม. โทร.1555
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญต่อการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแนวคิด “ทั้งชีวิต…เราดูแล” ประกอบด้วย การดูแลตั้งแต่การตั้งครรภ์ จนกระทั่งเติบโต เข้าสู่วัยชรา และวาระสุดท้ายของชีวิต เพื่อส่งเสริมและดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขอนามัยทั่วไปและ สุขลักษณะที่ยั่งยืน มีความสุขจากการรับบริการของกรุงเทพมหานคร โดยโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขจะต้องผ่านรับรองคุณภาพทุกแห่ง เพื่อเป็นหลักประกันในการได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานจากสถานพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีศูนย์เอราวัณ ซึ่งให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม การขยายจำนวนเตียงของโรงพยาบาลขนาดเล็กในสังกัดสำนักการแพทย์ ให้เป็นขนาดไม่น้อยกว่า 200 เตียง เพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนโดยมีผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขา นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน หรืออาจจะมีโรงพยาบาลในเขตดอนเมืองเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย และดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชวนคนกรุงเทพฯ ร่วมงาน “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้”14 ธันวานี้ ที่ ศาลาว่าการกทม.
14 ธันวานี้ ครบรอบการสถาปนา กทม.38 ปี เตรียมจัดงาน “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” ชวนคนกรุงเทพฯ ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 139 รูป ที่ลานคนเมือง ตรวจสุขภาพทั่วไปและสุขภาพฟัน ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข และรับกล้าไม้ ที่สำนักงานเขต ฟรี !! ติดตามชมถ่ายทอดสดผ่านรายการ บุษบาบานเช้า ทาง ททบ. 5 เวลา 08.25-09.15 น.
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า กรุงเทพมหานคร กำหนดจัดงาน “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” เนื่องในวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ครบ 38 ปี วันที่ 14 ธันวาคม 2553 โดยมีกิจกรรมตั้งแต่ช่วงเช้า ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 139 รูป เวลา 06.30 น. ณ ลานคนเมือง กทม. โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธี จากนั้นเป็นพิธีสักการะพระพุทธนวราชบพิตร บริเวณหน้าหอพระพุทธนวราชบพิตร และพิธีถวายเทวบรรณาการ ณ ศาลพระภูมิและศาลจีน ชั้น 5 และพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม. ในเวลา 09.00 น. อีกทั้งเปิดรับบริจาคโลหิตระหว่างเวลา 08.00-12.00 น. ณ ห้องเจ้าพระยา
ในวันเดียวกัน ที่ ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯ ได้เปิดให้บริการตรวจสุขภาพทั่วไป และสุขภาพฟันแก่ประชาชน ฟรี นอกจากนี้ ยังได้มอบกล้าไม้ อาทิ เหลืองหลวง หูกระจง ไม่ใบสี และพืชผักสวนครัว เช่น กะเพรา โหระพา ฯลฯ แก่ประชาชนที่มารับบริการ ณ สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
นอกจากนี้ กทม.ได้จัดให้มีการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว ความเป็นมา ความก้าวหน้าการพัฒนากรุงเทพมหานคร และการทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ เพื่อให้คนกรุงเทพฯ มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้การบริหารงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งมั่นให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ ในรายการ บุษบาบานเช้า ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เวลา 08.25-09.15 น. ในวันอังคารที่ 14 ธ.ค.นี้
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า กรุงเทพมหานคร กำหนดจัดงาน “กทม.ก้าวสู่ปีที่ 39 รวมกันเราทำได้” เนื่องในวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ครบ 38 ปี วันที่ 14 ธันวาคม 2553 โดยมีกิจกรรมตั้งแต่ช่วงเช้า ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 139 รูป เวลา 06.30 น. ณ ลานคนเมือง กทม. โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธี จากนั้นเป็นพิธีสักการะพระพุทธนวราชบพิตร บริเวณหน้าหอพระพุทธนวราชบพิตร และพิธีถวายเทวบรรณาการ ณ ศาลพระภูมิและศาลจีน ชั้น 5 และพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม. ในเวลา 09.00 น. อีกทั้งเปิดรับบริจาคโลหิตระหว่างเวลา 08.00-12.00 น. ณ ห้องเจ้าพระยา
ในวันเดียวกัน ที่ ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯ ได้เปิดให้บริการตรวจสุขภาพทั่วไป และสุขภาพฟันแก่ประชาชน ฟรี นอกจากนี้ ยังได้มอบกล้าไม้ อาทิ เหลืองหลวง หูกระจง ไม่ใบสี และพืชผักสวนครัว เช่น กะเพรา โหระพา ฯลฯ แก่ประชาชนที่มารับบริการ ณ สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
นอกจากนี้ กทม.ได้จัดให้มีการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว ความเป็นมา ความก้าวหน้าการพัฒนากรุงเทพมหานคร และการทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ เพื่อให้คนกรุงเทพฯ มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้การบริหารงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งมั่นให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ ในรายการ บุษบาบานเช้า ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เวลา 08.25-09.15 น. ในวันอังคารที่ 14 ธ.ค.นี้
สภากทม.ตรวจความคืบหน้าการปรับปรุงถนนศรีนครินทร์
วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553
10 ธ.ค. 53 - 6 ก.พ. 54 เชิญชมนิทรรศการ ในสมเด็จพระเทพฯ “สีแสงแสดงชีวิต”
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กำหนดจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “สีแสงแสดงชีวิต” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นภาพถ่ายจากการเสด็จเยือนที่ต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในช่วงปี 2553 กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. 53 - 6 ก.พ. 54 ณ ห้องจัดนิทรรศการ ชั้น 8 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการดังกล่าว ในวันศุกร์ที่ 10 ธ.ค. 53 เวลา 10.00 น.
สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย แบ่งเป็นกลุ่มเรื่องราวประมาณ 8-10 กลุ่ม ขนาดของภาพและวิธีการจัดแสดงขึ้นอยู่กับเนื้อหาของภาพ นอกจากนี้ยังมีของส่วนพระองค์ช่วยประกอบในงานนิทรรศการ เช่น กล้องถ่ายรูป สมุดโน้ต ปากกา หรือของที่ระลึกที่มาจากการเดินทางต่างๆ เพื่อช่วยประกอบในการเล่าเรื่องจากภาพถ่าย ส่วนประกอบต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าชมได้เห็นมุมมองต่างๆ ที่มีมิติ ที่น่าสนใจ สื่อให้เห็นถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทั้งการเดินทางและการถ่ายภาพของพระองค์ท่าน
สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย แบ่งเป็นกลุ่มเรื่องราวประมาณ 8-10 กลุ่ม ขนาดของภาพและวิธีการจัดแสดงขึ้นอยู่กับเนื้อหาของภาพ นอกจากนี้ยังมีของส่วนพระองค์ช่วยประกอบในงานนิทรรศการ เช่น กล้องถ่ายรูป สมุดโน้ต ปากกา หรือของที่ระลึกที่มาจากการเดินทางต่างๆ เพื่อช่วยประกอบในการเล่าเรื่องจากภาพถ่าย ส่วนประกอบต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าชมได้เห็นมุมมองต่างๆ ที่มีมิติ ที่น่าสนใจ สื่อให้เห็นถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทั้งการเดินทางและการถ่ายภาพของพระองค์ท่าน
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553
สุ่มตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ทั่วกรุง
กทม. เดินหน้าควบคุมดูแลผู้ประกอบการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ ส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจกระเช้าของขวัญทั่วกรุงเทพฯ ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และตลาดสด ตั้งแต่ ธ.ค. 53 ถึง ก.พ. 54 สร้างความเป็นธรรมและคุ้มครองผู้บริโภคให้สามารถเลือกซื้อกระเช้าของขวัญที่ดีมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และตรงกับความต้องการ
(8 ธ.ค. 53) เวลา 13.30 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักอนามัย ผู้บริหารสำนักงานเขตปทุมวัน และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ บริษัท เซ็นทรัลฟู้ดรีเทล จำกัด (ท๊อส์ป ซูเปอร์มาร์เก็ต) สาขา เซ็นทรัลเวิล์ด และตลาดสามย่าน เขตปทุมวัน เพื่อควบคุมดูแลการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการเลือกซื้อกระเช้าของขวัญ และเกิดความยั่งยืนตามแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้ผู้ประกอบการแจ้งรายละเอียดของสินค้าในกระเช้า และข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้บริโภคทั้งบนกระเช้าและบริเวณที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ
จัดกระเช้าของขวัญปีใหม่ให้ใช้สินค้าดี มีคุณภาพ
กรุงเทพมหานครกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ 2554 ดังนี้ กระเช้าของขวัญประเภทอาหารบรรจุภัณฑ์ ให้เลือกสินค้าที่คุณภาพดี มี อย.รับรอง สินค้าที่นำมาบรรจุลงกระเช้าต้องมีระยะเวลาก่อนหมดอายุอย่างน้อย 6 เดือน แสดงรายละเอียดวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุดบนกระเช้า แสดงตราสัญลักษณ์ หรือชื่อสถานประกอบการบนกระเช้าของขวัญ และแสดงวันที่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าหากผู้บริโภคไม่พอใจ โดยสามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ภายใน 28 ก.พ. 54 กระเช้าของขวัญประเภทผัก ผลไม้ เลือกสินค้าที่ใหม่ สด มาจัดลงกระเช้า แสดงวัน เดือน ปี ที่บรรจุลงกระเช้า ตั้งกระเช้ารอจำหน่ายไม่เกิน 3 วัน แสดงสัญลักษณ์ของห้างและสถานประกอบการ แสดงวัน เดือน ปี ที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนหากไม่พอใจสินค้า กระเช้าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ให้ผู้ประกอบการกำหนดพื้นที่ตั้งวางกระเช้าให้ชัดเจน แยกจากกระเช้าประเภทอื่นๆ จัดทำป้ายบอกบริเวณที่จำหน่ายว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น” แสดงวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุด แสดงวัน เดือน ปี ที่ผู้บริโภคนำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหรือคืนก่อนวันหมดอายุของสินค้าที่อายุสั้นที่สุดบนกระเช้าหากไม่พึงพอใจสินค้า กระเช้าสินค้าทางเลือกอื่นๆ เช่น กระเช้าขนมไทย กระเช้าเครื่องสำอาง กระเช้าเพื่อสุขภาพ กำหนดพื้นที่ ตั้งวางและแสดงประเภทของกระเช้าให้ชัดเจน จำหน่ายวันต่อวันหากเป็นอาหารพร้อมบริโภค หรือเป็นสินค้าที่มีอายุสั้น ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ แสดงสัญลักษณ์หรือตราของห้างบนกระเช้า สำหรับกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้จัดและจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 30 (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 32 กรณีที่มีการกระทำที่เป็นการโฆษณาหรือสื่อสารการตลาดร่วมด้วย
แลกเปลี่ยนหรือคืนสินค้าภายใน 28 ก.พ. 54
ทั้งนี้ได้ประสานความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการที่จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ให้ติดป้ายประกาศข้อความ “หากผู้บริโภคไม่พึงพอใจในสินค้าให้นำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ ภายใน 28 ก.พ. 54” และขอความร่วมมือผู้ประกอบการแสดงป้ายข้อความ “กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” บริเวณ ที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อกระเช้าของผู้บริโภค
สุ่มตรวจกระเช้าของขวัญ ธ.ค. นี้ถึง ก.พ. ปีหน้า
ในช่วงเดือน ธ.ค. 53 ถึง ก.พ. 54 กรุงเทพมหานคร ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ทั่วพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ตลาดสด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการในการดำเนินการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง ก่อนเลือกซื้อกระเช้าของขวัญให้ประชาชนสังเกตป้ายข้อความ "กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” ที่แสดง ณ จุดจำหน่ายกระเช้า เพื่อมั่นใจว่าได้ซื้อกระเช้าของขวัญที่ดี มีคุณภาพ และปลอดภัย
(8 ธ.ค. 53) เวลา 13.30 น. : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักอนามัย ผู้บริหารสำนักงานเขตปทุมวัน และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ บริษัท เซ็นทรัลฟู้ดรีเทล จำกัด (ท๊อส์ป ซูเปอร์มาร์เก็ต) สาขา เซ็นทรัลเวิล์ด และตลาดสามย่าน เขตปทุมวัน เพื่อควบคุมดูแลการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการเลือกซื้อกระเช้าของขวัญ และเกิดความยั่งยืนตามแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้ผู้ประกอบการแจ้งรายละเอียดของสินค้าในกระเช้า และข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้บริโภคทั้งบนกระเช้าและบริเวณที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ
จัดกระเช้าของขวัญปีใหม่ให้ใช้สินค้าดี มีคุณภาพ
กรุงเทพมหานครกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ 2554 ดังนี้ กระเช้าของขวัญประเภทอาหารบรรจุภัณฑ์ ให้เลือกสินค้าที่คุณภาพดี มี อย.รับรอง สินค้าที่นำมาบรรจุลงกระเช้าต้องมีระยะเวลาก่อนหมดอายุอย่างน้อย 6 เดือน แสดงรายละเอียดวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุดบนกระเช้า แสดงตราสัญลักษณ์ หรือชื่อสถานประกอบการบนกระเช้าของขวัญ และแสดงวันที่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าหากผู้บริโภคไม่พอใจ โดยสามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ภายใน 28 ก.พ. 54 กระเช้าของขวัญประเภทผัก ผลไม้ เลือกสินค้าที่ใหม่ สด มาจัดลงกระเช้า แสดงวัน เดือน ปี ที่บรรจุลงกระเช้า ตั้งกระเช้ารอจำหน่ายไม่เกิน 3 วัน แสดงสัญลักษณ์ของห้างและสถานประกอบการ แสดงวัน เดือน ปี ที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนหากไม่พอใจสินค้า กระเช้าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ให้ผู้ประกอบการกำหนดพื้นที่ตั้งวางกระเช้าให้ชัดเจน แยกจากกระเช้าประเภทอื่นๆ จัดทำป้ายบอกบริเวณที่จำหน่ายว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น” แสดงวันหมดอายุของสินค้าที่มีอายุสั้นที่สุด แสดงวัน เดือน ปี ที่ผู้บริโภคนำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหรือคืนก่อนวันหมดอายุของสินค้าที่อายุสั้นที่สุดบนกระเช้าหากไม่พึงพอใจสินค้า กระเช้าสินค้าทางเลือกอื่นๆ เช่น กระเช้าขนมไทย กระเช้าเครื่องสำอาง กระเช้าเพื่อสุขภาพ กำหนดพื้นที่ ตั้งวางและแสดงประเภทของกระเช้าให้ชัดเจน จำหน่ายวันต่อวันหากเป็นอาหารพร้อมบริโภค หรือเป็นสินค้าที่มีอายุสั้น ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ แสดงสัญลักษณ์หรือตราของห้างบนกระเช้า สำหรับกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้จัดและจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 30 (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 32 กรณีที่มีการกระทำที่เป็นการโฆษณาหรือสื่อสารการตลาดร่วมด้วย
แลกเปลี่ยนหรือคืนสินค้าภายใน 28 ก.พ. 54
ทั้งนี้ได้ประสานความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการที่จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ให้ติดป้ายประกาศข้อความ “หากผู้บริโภคไม่พึงพอใจในสินค้าให้นำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ ภายใน 28 ก.พ. 54” และขอความร่วมมือผู้ประกอบการแสดงป้ายข้อความ “กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” บริเวณ ที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อกระเช้าของผู้บริโภค
สุ่มตรวจกระเช้าของขวัญ ธ.ค. นี้ถึง ก.พ. ปีหน้า
ในช่วงเดือน ธ.ค. 53 ถึง ก.พ. 54 กรุงเทพมหานคร ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ทั่วพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ตลาดสด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการในการดำเนินการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง ก่อนเลือกซื้อกระเช้าของขวัญให้ประชาชนสังเกตป้ายข้อความ "กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของกรุงเทพมหานคร” ที่แสดง ณ จุดจำหน่ายกระเช้า เพื่อมั่นใจว่าได้ซื้อกระเช้าของขวัญที่ดี มีคุณภาพ และปลอดภัย
กทม. รับมอบห้องสมุดสารานุกรมไทย
(8 ธ.ค. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานรับมอบห้องสมุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา โดย พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบห้องสมุด คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสโมสรไลออนส์ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดมะพร้าวเตี้ย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ โรงเรียนวัดมะพร้าวเตี้ย เขตภาษีเจริญ
ห้องสมุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรไลออนส์ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ ดำเนินการจัดสร้างขึ้น เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งเน้นความรู้ที่เกิดขึ้นจริงและใช้เป็นประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประกาศเกียรติคุณถ้วยรางวัลชนะเลิศพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ช่วงชั้นที่ 3 โรงเรียนวัดมะพร้าวเตี้ย ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 52 ณ สนามแข่งขันโรงเรียนวัดปทุมวนาราม
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่โรงเรียนวัดมะพร้าวเตี้ย สังกัดกรุงเทพมหานคร ได้รับมอบห้องสมุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ในครั้งนี้ ซึ่งสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกเล่มในห้องสมุดแห่งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิด และสร้างสรรค์ภูมิปัญญา ให้กับเด็กและเยาวชนพร้อมที่จะต่อยอดการเรียนรู้ในอนาคตภายหน้าอย่างกว้างขวางต่อไป
ห้องสมุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรไลออนส์ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ ดำเนินการจัดสร้างขึ้น เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งเน้นความรู้ที่เกิดขึ้นจริงและใช้เป็นประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประกาศเกียรติคุณถ้วยรางวัลชนะเลิศพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ช่วงชั้นที่ 3 โรงเรียนวัดมะพร้าวเตี้ย ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 52 ณ สนามแข่งขันโรงเรียนวัดปทุมวนาราม
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่โรงเรียนวัดมะพร้าวเตี้ย สังกัดกรุงเทพมหานคร ได้รับมอบห้องสมุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ในครั้งนี้ ซึ่งสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกเล่มในห้องสมุดแห่งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิด และสร้างสรรค์ภูมิปัญญา ให้กับเด็กและเยาวชนพร้อมที่จะต่อยอดการเรียนรู้ในอนาคตภายหน้าอย่างกว้างขวางต่อไป
คกก.สาธารณสุข สภากทม.ตรวจบริเวณโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลบางขุนเทียน
กทม.จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการเนื่องในวันคนพิการกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2553
กทม.จัดกิจกรรมเนื่องในวันคนพิการกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2553 เน้นสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างสังคมปราศจากอุปสรรคให้ผู้พิการ เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนพิการและคนทั่วไป พร้อมส่งเสริมศักยภาพคนพิการให้เป็นที่ยอมรับ
(8 ธ.ค.ถ-53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมวันคนพิการกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักในการอยู่ร่วมกันในครอบครัว ชุมชน และสังคมระหว่างคนพิการและคนทั่วไป ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพและเผยแพร่ผลงานของคนพิการให้เป็นที่ปรากฏแก่สาธารณชน โดยมีนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรคนพิการ และผู้ดูแลในระดับพื้นที่ ครอบครัว ชุมชน และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง รวม 500 คน ร่วมในพิธี ณ ห้องเรดิสันบอลรูม โรงแรมเรดิสัน ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ปราศจากอุปสรรคให้แก่คนพิการ เพื่อให้คนพิการได้รับการดูแลและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุขและเท่าเทียบคนทั่วไป โดยกำหนดนโยบายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านกายภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านสวัสดิการและการจ้างงาน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านเบี้ยยังชีพคนพิการในพื้นที่ 50 เขต และลงนามร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านคนพิการในข้อตกลงความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนโครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ และการจัดทำบัตรประจำตัวคนพิการอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการสนับสนุนผู้พิการให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายมากขึ้น
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การอภิปรายในประเด็น “อยู่ร่วมกันอย่างไรให้เท่าเทียม” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ นายภานุมาศ สุขอัมพร อนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการประจำกรุงเทพมหานคร นางสาวเสาวภา ธีระปรีชากุล ประธานศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก ดำเนินการอภิปรายโดย นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการด้านคนพิการ การสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากคนพิการ การให้บริการตรวจสุขภาพผู้พิการ การรับจดทะเบียนผู้พิการ และการแสดงจากนักเรียนโรงเรียนศรีสังวาลย์
ทั้งนี้ ผู้พิการสามารถลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพคนพิการได้ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต โดยเปิดรับลงทะเบียนคนพิการที่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่ กทม. เพื่อรับเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาท ตามกฎหมายที่รัฐ จำเป็นต้องสงเคราะห์ หรือช่วยเหลือคนพิการด้านต่างๆอย่างเหมาะสม ซึ่งผู้พิการที่ยังไม่เคยมาลงทะเบียนหรือรับเบี้ยยังชีพคนพิการสามารถนำเอกสารแสดงตัว อาทิ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวคนพิการมายื่นเพื่อลงทะเบียนได้ในวันและเวลาราชการ สำหรับคนพิการที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการสามารถเข้าไปขอใบรับรองความพิการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง และโรงพยาบาลสังกัด กทม.ทั้ง 9 แห่ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักพัฒนาสังคม กทม. โทร. 0 2245 5169-70
(8 ธ.ค.ถ-53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมวันคนพิการกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักในการอยู่ร่วมกันในครอบครัว ชุมชน และสังคมระหว่างคนพิการและคนทั่วไป ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพและเผยแพร่ผลงานของคนพิการให้เป็นที่ปรากฏแก่สาธารณชน โดยมีนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรคนพิการ และผู้ดูแลในระดับพื้นที่ ครอบครัว ชุมชน และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง รวม 500 คน ร่วมในพิธี ณ ห้องเรดิสันบอลรูม โรงแรมเรดิสัน ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ปราศจากอุปสรรคให้แก่คนพิการ เพื่อให้คนพิการได้รับการดูแลและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุขและเท่าเทียบคนทั่วไป โดยกำหนดนโยบายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านกายภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านสวัสดิการและการจ้างงาน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านเบี้ยยังชีพคนพิการในพื้นที่ 50 เขต และลงนามร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านคนพิการในข้อตกลงความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนโครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ และการจัดทำบัตรประจำตัวคนพิการอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการสนับสนุนผู้พิการให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายมากขึ้น
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การอภิปรายในประเด็น “อยู่ร่วมกันอย่างไรให้เท่าเทียม” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ นายภานุมาศ สุขอัมพร อนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการประจำกรุงเทพมหานคร นางสาวเสาวภา ธีระปรีชากุล ประธานศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก ดำเนินการอภิปรายโดย นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการด้านคนพิการ การสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากคนพิการ การให้บริการตรวจสุขภาพผู้พิการ การรับจดทะเบียนผู้พิการ และการแสดงจากนักเรียนโรงเรียนศรีสังวาลย์
ทั้งนี้ ผู้พิการสามารถลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพคนพิการได้ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต โดยเปิดรับลงทะเบียนคนพิการที่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่ กทม. เพื่อรับเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาท ตามกฎหมายที่รัฐ จำเป็นต้องสงเคราะห์ หรือช่วยเหลือคนพิการด้านต่างๆอย่างเหมาะสม ซึ่งผู้พิการที่ยังไม่เคยมาลงทะเบียนหรือรับเบี้ยยังชีพคนพิการสามารถนำเอกสารแสดงตัว อาทิ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวคนพิการมายื่นเพื่อลงทะเบียนได้ในวันและเวลาราชการ สำหรับคนพิการที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการสามารถเข้าไปขอใบรับรองความพิการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง และโรงพยาบาลสังกัด กทม.ทั้ง 9 แห่ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักพัฒนาสังคม กทม. โทร. 0 2245 5169-70
สพข. จัดอบรมโครงการรักษาศีลแก่ข้าราชการกทม.
สพข. จัดอบรมโครงการรักษาศีลแก่ข้าราชการกทม.
นายหรรษารมย์ โกมุทผล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร กทม. เปิดเผยว่า สถาบันฯ จะดำเนินโครงการรักษาศีลและเจริญภาวนา รุ่นที่ 1 ให้แก่ข้าราชการกรุงเทพมหานคร ระดับ 1-8 จำนวน 195 คน กำหนดการฝึกอบรมเป็นแบบพักค้าง 4 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 21-24 ธ.ค. 53 ณ ค่ายพุทธบุตรอารยาภิวัธน์ – สหปฏิบัติ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรมจริยธรรม ให้บุคลากรได้เข้าใจและเข้าถึงหลักธรรมคำสอนของศาสนา สามารถนำมาปรับวิถีความพอเพียงในการดำเนินชีวิตอย่างมีความรู้ มีสติ ขจัดความทุกข์ สร้างความสุขความเจริญให้ตนเองและครอบครัว เพื่อสะสมบุญเพิ่มทุนทรัพย์ทางปัญญาอันเป็นช่องทางเพิ่มศักยภาพในการครองตน ครองคน ครองงาน รวมทั้งการปฏิบัติงานด้วยความซื่อตรง โปร่งใสตรวจสอบได้ ยึดถือการปฏิบัติงาน เพื่อองค์กร และประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อกรุงเทพมหานคร
นายหรรษารมย์ โกมุทผล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร กทม. เปิดเผยว่า สถาบันฯ จะดำเนินโครงการรักษาศีลและเจริญภาวนา รุ่นที่ 1 ให้แก่ข้าราชการกรุงเทพมหานคร ระดับ 1-8 จำนวน 195 คน กำหนดการฝึกอบรมเป็นแบบพักค้าง 4 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 21-24 ธ.ค. 53 ณ ค่ายพุทธบุตรอารยาภิวัธน์ – สหปฏิบัติ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรมจริยธรรม ให้บุคลากรได้เข้าใจและเข้าถึงหลักธรรมคำสอนของศาสนา สามารถนำมาปรับวิถีความพอเพียงในการดำเนินชีวิตอย่างมีความรู้ มีสติ ขจัดความทุกข์ สร้างความสุขความเจริญให้ตนเองและครอบครัว เพื่อสะสมบุญเพิ่มทุนทรัพย์ทางปัญญาอันเป็นช่องทางเพิ่มศักยภาพในการครองตน ครองคน ครองงาน รวมทั้งการปฏิบัติงานด้วยความซื่อตรง โปร่งใสตรวจสอบได้ ยึดถือการปฏิบัติงาน เพื่อองค์กร และประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อกรุงเทพมหานคร
โรงพยาบาลตากสินจัดตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว
โรงพยาบาลตากสินจัดตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว
พญ.กิตติยา ศรีเลิศฟ้า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตากสิน สำนักการแพทย์ กทม. เปิดเผยว่า โรงพยาบาลตากสินกำหนดจัดตรวจสุขภาพให้กับแรงงานต่างด้าว ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 53 - 27 ก.พ. 54 ณ บริเวณ ชั้น 1 อาคารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สำหรับผู้ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุในวันที่ 20 ม.ค. 54 เริ่มตรวจสุขภาพ วันที่ 1 ธ.ค. 53 – 20 ม.ค. 54 และผู้ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุในวันที่ 27 ก.พ. 54 เริ่มตรวจสุขภาพ วันที่ 1 ม.ค. – 27 ก.พ. 54 ในวัน เวลาราชการ ตรวจเวลา 12.00–20.00 น วันเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ตรวจเวลา 08.00–16.00 น. โดยนำหลักฐานที่ใช้ในการตรวจสุขภาพประกอบด้วย Passport หรือ ใบทร.38/1 (แบบรับรองรายการทะเบียนประวัติ) ใบแจ้งผลการอนุญาตให้จ้างคนต่างด้าว (ใบโควตานายจ้าง) บัตรโรงพยาบาลตากสิน (ถ้ามี) ค่าบริการตรวจสุขภาพ 600 บาทและค่าประกันสุขภาพ 1,300 บาท
โรงพยาบาลตากสินขอเชิญชวนนายจ้างโปรดนำแรงงานต่างด้าวของท่านเข้ารับการตรวจสุขภาพได้ที่โรงพยาบาลตากสิน ในวันและเวลาดังกล่าว สอบถามข้อมูลหรือนัดหมายการตรวจได้ที่ โทร 0 2437 0123 ต่อ 1658, 1675, 1105
พญ.กิตติยา ศรีเลิศฟ้า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตากสิน สำนักการแพทย์ กทม. เปิดเผยว่า โรงพยาบาลตากสินกำหนดจัดตรวจสุขภาพให้กับแรงงานต่างด้าว ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 53 - 27 ก.พ. 54 ณ บริเวณ ชั้น 1 อาคารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สำหรับผู้ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุในวันที่ 20 ม.ค. 54 เริ่มตรวจสุขภาพ วันที่ 1 ธ.ค. 53 – 20 ม.ค. 54 และผู้ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุในวันที่ 27 ก.พ. 54 เริ่มตรวจสุขภาพ วันที่ 1 ม.ค. – 27 ก.พ. 54 ในวัน เวลาราชการ ตรวจเวลา 12.00–20.00 น วันเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ตรวจเวลา 08.00–16.00 น. โดยนำหลักฐานที่ใช้ในการตรวจสุขภาพประกอบด้วย Passport หรือ ใบทร.38/1 (แบบรับรองรายการทะเบียนประวัติ) ใบแจ้งผลการอนุญาตให้จ้างคนต่างด้าว (ใบโควตานายจ้าง) บัตรโรงพยาบาลตากสิน (ถ้ามี) ค่าบริการตรวจสุขภาพ 600 บาทและค่าประกันสุขภาพ 1,300 บาท
โรงพยาบาลตากสินขอเชิญชวนนายจ้างโปรดนำแรงงานต่างด้าวของท่านเข้ารับการตรวจสุขภาพได้ที่โรงพยาบาลตากสิน ในวันและเวลาดังกล่าว สอบถามข้อมูลหรือนัดหมายการตรวจได้ที่ โทร 0 2437 0123 ต่อ 1658, 1675, 1105
กทม. เปิดชุมชนนำร่องวัดโพธิ์เรียง คุมเข้มร้านขายเหล้า
กทม. เปิดชุมชนนำร่องวัดโพธิ์เรียง คุมเข้มร้านขายเหล้า
(7 ธ.ค. 53) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการชุมชนนำร่องควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตบางกอกน้อย สำนักงานป้องกันและบำบัดผู้ติดยาเสพติด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์ สถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย และประชาชนในชุมชนวัดโพธิ์เรียง ร่วมโครงการ ณ วัดโพธิ์เรียง เขตบางกอกน้อย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยได้รณรงค์ไปยังชุมชน สถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการรณรงค์จัดเทศกาลปลอดเหล้า เช่น กระเช้าของขวัญปีใหม่ปลอดเหล้า การติดป้ายประกาศสถานที่ห้ามจำหน่าย ห้ามดื่มสุรา นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ในการออกตรวจเตือนร้านค้า สถานบริการต่างๆ เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ส่งผลกระทบต่อคนไทย ทั้งปัญหาด้านสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุ อาชญากรรม การคุกคามทางเพศ และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร แม้จะมี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 บังคับใช้แล้วก็ตาม แต่ผลในทางปฏิบัติคงต้องใช้ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามการควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน ถือเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน การที่ชาวชุมชนวัดโพธิ์เรียงโดยเฉพาะร้านค้า 22 ร้านในชุมชน ที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมาย นับเป็นตัวอย่างที่ดีและควรนำไปสู่การขยายผลในชุมชนอื่นๆอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนขยายผลไปสู่ร้านค้าบริเวณโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 6 กลุ่มเขตต่อไป
(7 ธ.ค. 53) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการชุมชนนำร่องควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตบางกอกน้อย สำนักงานป้องกันและบำบัดผู้ติดยาเสพติด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์ สถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย และประชาชนในชุมชนวัดโพธิ์เรียง ร่วมโครงการ ณ วัดโพธิ์เรียง เขตบางกอกน้อย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยได้รณรงค์ไปยังชุมชน สถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการรณรงค์จัดเทศกาลปลอดเหล้า เช่น กระเช้าของขวัญปีใหม่ปลอดเหล้า การติดป้ายประกาศสถานที่ห้ามจำหน่าย ห้ามดื่มสุรา นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ในการออกตรวจเตือนร้านค้า สถานบริการต่างๆ เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ส่งผลกระทบต่อคนไทย ทั้งปัญหาด้านสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุ อาชญากรรม การคุกคามทางเพศ และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร แม้จะมี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 บังคับใช้แล้วก็ตาม แต่ผลในทางปฏิบัติคงต้องใช้ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามการควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน ถือเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน การที่ชาวชุมชนวัดโพธิ์เรียงโดยเฉพาะร้านค้า 22 ร้านในชุมชน ที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมาย นับเป็นตัวอย่างที่ดีและควรนำไปสู่การขยายผลในชุมชนอื่นๆอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนขยายผลไปสู่ร้านค้าบริเวณโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 6 กลุ่มเขตต่อไป
กทม. จับมือกระทรวงสาธารณสุขรณรงค์หยอดวัคซีนโปลิโอทั่วกรุงเทพฯ เริ่ม 15 ธ.ค. นี้
กทม. จับมือกระทรวงสาธารณสุขรณรงค์หยอดวัคซีนโปลิโอทั่วกรุงเทพฯ เริ่ม 15 ธ.ค. นี้
กทม. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโรตารี่สากล รณรงค์กวาดล้างโปลิโอ พร้อมเชิญชวนผู้ปกครองพาบุตรหลานเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ทุกคนไปรับวัคซีนโปลิโอ ฟรี ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่ง เริ่มหยอดครั้งแรกวันที่ 15 ธ.ค. 53 และครั้งที่ 2 วันที่ 19 ม.ค. 54
(7 ธ.ค. 53) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว “การรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอในกรุงเทพมหานคร โดยมีนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นางวัลย์ลดา พงษ์เภตรารัตน์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์ป้องกันโปลิโอขององค์กรโรตารี่ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
แพทย์หญิงมาลินี กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอ ประจำปี 2553–2554 เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโออย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโรตารี่สากล ให้วัคซีนโปลิโอแก่เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีจำนวนรวมกว่า 340,000 คน จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 ธ.ค. 53 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ม.ค. 54 ทั้งนี้ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปรับวัคซีนได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลทุกแห่ง รวมทั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ในชุมชน และสถานที่ต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมีอาสาสมัครสาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมให้บริการหยอดวัคซีนในครั้งนี้ สำหรับเด็กอนุบาล เด็กก่อนวัยเรียน จะมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุขไปให้บริการวัคซีนถึงโรงเรียน
ทั้งนี้ โรคโปลิโอเป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กป่วยตายและพิการแขนขาลีบ ไม่มีแรง แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมา 13 ปีแล้ว แต่เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโอ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีความหลากหลายของประชากร เป็นศูนย์กลางคมนาคม และมีการเคลื่อนย้ายของประชากรและแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ จึงมีความเสี่ยงต่อการกลับมาระบาดของโรคได้ และจำเป็นต้องมีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงขอความร่วมมือผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบทั้ง 2 ครั้งตามวันที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโปลิโอในประเทศไทย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่เด็ก สำหรับเด็กที่เคยรับวัคซีนครบแล้วก็สามารถรับได้อีก เพราะไม่มีอันตราย แต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้สูงขึ้นด้วย
กทม. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโรตารี่สากล รณรงค์กวาดล้างโปลิโอ พร้อมเชิญชวนผู้ปกครองพาบุตรหลานเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ทุกคนไปรับวัคซีนโปลิโอ ฟรี ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่ง เริ่มหยอดครั้งแรกวันที่ 15 ธ.ค. 53 และครั้งที่ 2 วันที่ 19 ม.ค. 54
(7 ธ.ค. 53) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว “การรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอในกรุงเทพมหานคร โดยมีนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นางวัลย์ลดา พงษ์เภตรารัตน์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์ป้องกันโปลิโอขององค์กรโรตารี่ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
แพทย์หญิงมาลินี กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอ ประจำปี 2553–2554 เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโออย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโรตารี่สากล ให้วัคซีนโปลิโอแก่เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีจำนวนรวมกว่า 340,000 คน จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 ธ.ค. 53 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ม.ค. 54 ทั้งนี้ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปรับวัคซีนได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลทุกแห่ง รวมทั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ในชุมชน และสถานที่ต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมีอาสาสมัครสาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมให้บริการหยอดวัคซีนในครั้งนี้ สำหรับเด็กอนุบาล เด็กก่อนวัยเรียน จะมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุขไปให้บริการวัคซีนถึงโรงเรียน
ทั้งนี้ โรคโปลิโอเป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กป่วยตายและพิการแขนขาลีบ ไม่มีแรง แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมา 13 ปีแล้ว แต่เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโอ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีความหลากหลายของประชากร เป็นศูนย์กลางคมนาคม และมีการเคลื่อนย้ายของประชากรและแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ จึงมีความเสี่ยงต่อการกลับมาระบาดของโรคได้ และจำเป็นต้องมีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงขอความร่วมมือผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบทั้ง 2 ครั้งตามวันที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโปลิโอในประเทศไทย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่เด็ก สำหรับเด็กที่เคยรับวัคซีนครบแล้วก็สามารถรับได้อีก เพราะไม่มีอันตราย แต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้สูงขึ้นด้วย
เปิดใช้สะพานไซเบอร์เวิลด์เพิ่มความปลอดภัยผู้สัญจร ถ.รัชดาภิเษก - เทียมร่วมมิตร
เปิดใช้สะพานไซเบอร์เวิลด์เพิ่มความปลอดภัยผู้สัญจร ถ.รัชดาภิเษก - เทียมร่วมมิตร
(3 ธ.ค. 53) เวลา 17.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีรับมอบสะพานลอยไซเบอร์เวิลด์ จากนายเจริญ และ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ประธานและรองประธานกลุ่มบริษัททีซีซี ณ บริเวณสะพานลอยคนข้าม หน้าอาคารไซเอบร์เวิลด์ทาวเวอร์ ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.เทียมร่วมมิตร ซึ่งบริษัททีซีซี จัดสร้างขึ้นและมอบให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2554 และเพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ลดอุบัติเหตุ อีกทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของประชาชนและผู้สัญจรบริเวณ ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.เทียมร่วมมิตร
สำหรับสะพานลอยไซเบอร์เวิลด์เป็นสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่และยาวที่สุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีมูลค่าลงทุนเกือบ 200 ล้านบาท มีความกว้าง 5 เมตร ความยาวรวม 200 เมตร ประกอบด้วย สะพานเชื่อมอาคารไซเบอร์เวิลด์ทาวเวอร์ และฝั่งห้างคาร์ฟูร์รัชดาและโรบินสันรัชดา
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดใช้สะพานลอยไซเบอร์เวิลด์อย่างเป็นทางการ พร้อมนำคณะผู้บริหารและพนักงานบริษัททีซีซี ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553
(3 ธ.ค. 53) เวลา 17.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีรับมอบสะพานลอยไซเบอร์เวิลด์ จากนายเจริญ และ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ประธานและรองประธานกลุ่มบริษัททีซีซี ณ บริเวณสะพานลอยคนข้าม หน้าอาคารไซเอบร์เวิลด์ทาวเวอร์ ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.เทียมร่วมมิตร ซึ่งบริษัททีซีซี จัดสร้างขึ้นและมอบให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2554 และเพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ลดอุบัติเหตุ อีกทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของประชาชนและผู้สัญจรบริเวณ ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.เทียมร่วมมิตร
สำหรับสะพานลอยไซเบอร์เวิลด์เป็นสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่และยาวที่สุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีมูลค่าลงทุนเกือบ 200 ล้านบาท มีความกว้าง 5 เมตร ความยาวรวม 200 เมตร ประกอบด้วย สะพานเชื่อมอาคารไซเบอร์เวิลด์ทาวเวอร์ และฝั่งห้างคาร์ฟูร์รัชดาและโรบินสันรัชดา
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดใช้สะพานลอยไซเบอร์เวิลด์อย่างเป็นทางการ พร้อมนำคณะผู้บริหารและพนักงานบริษัททีซีซี ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553
กทม. ทำความสะอาด 9 พระอารามหลวง ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
กทม. ทำความสะอาด 9 พระอารามหลวง ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
(7 ธ.ค. 53) ณ บริเวณสวนหย่อม 13 ห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์พัฒนาทำความสะอาด 9 พระอารามหลวง ได้แก่ วัดบวรนิเวศราชวรมหาวิหาร วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามโครงการ “ร่วมใจภักดิ์ รักสิ่งแวดล้อม” เพื่อเป็นของขวัญสำหรับประชาชนที่มาขอพร เสริมสิริมงคลชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการระดมเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครจากสำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตกลุ่มกรุงเทพกลาง จำนวนกว่า 1,461 คน รถบรรทุกน้ำ 22 คัน และรถฉีดน้ำแรงดันสูง 26 คัน ร่วมทำความสะอาดในบริเวณวัด ได้แก่ พื้น กำแพง ทางเท้า และตัดแต่งต้นไม้ พร้อมกันนี้ได้จัดพิธี “ทอดผ้าป่าต้นไม้” ถวายไม้มงคล 9 ชนิด จำนวน 999 ต้น ได้แก่ พุทธรักษา ธรรมรักษา เงินไหลมา บัวหลวง ชวนชม ทรงบาดาล หมากผู้หมากเมีย แก้ว และเฟื่องฟ้า
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม เพราะความสะอาดถือเป็นพื้นฐานของการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี กทม. จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ ร่วมกันพัฒนาทำความสะอาดศาสนสถานใกล้บ้าน เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวโรการมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาด้วย
---------------------------- สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมนิทรรศการได้หลังจากเสร็จพิธีเปิดในวันที่ 10 ธ.ค.53 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 6 ก.พ.54 ตามเวลาเปิดทำการของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เวลา 10.00-21.00 น. ปิดทำการทุกวันจันทร์ ส่วนหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “สีแสงแสดงชีวิต” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีจำหน่ายที่ห้องจัดนิทรรศการ ชั้น 8 ในราคา 999 บาท รายได้จากการจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ จะนำเข้าสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
(7 ธ.ค. 53) ณ บริเวณสวนหย่อม 13 ห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์พัฒนาทำความสะอาด 9 พระอารามหลวง ได้แก่ วัดบวรนิเวศราชวรมหาวิหาร วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามโครงการ “ร่วมใจภักดิ์ รักสิ่งแวดล้อม” เพื่อเป็นของขวัญสำหรับประชาชนที่มาขอพร เสริมสิริมงคลชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการระดมเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครจากสำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตกลุ่มกรุงเทพกลาง จำนวนกว่า 1,461 คน รถบรรทุกน้ำ 22 คัน และรถฉีดน้ำแรงดันสูง 26 คัน ร่วมทำความสะอาดในบริเวณวัด ได้แก่ พื้น กำแพง ทางเท้า และตัดแต่งต้นไม้ พร้อมกันนี้ได้จัดพิธี “ทอดผ้าป่าต้นไม้” ถวายไม้มงคล 9 ชนิด จำนวน 999 ต้น ได้แก่ พุทธรักษา ธรรมรักษา เงินไหลมา บัวหลวง ชวนชม ทรงบาดาล หมากผู้หมากเมีย แก้ว และเฟื่องฟ้า
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม เพราะความสะอาดถือเป็นพื้นฐานของการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี กทม. จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ ร่วมกันพัฒนาทำความสะอาดศาสนสถานใกล้บ้าน เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวโรการมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาด้วย
---------------------------- สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมนิทรรศการได้หลังจากเสร็จพิธีเปิดในวันที่ 10 ธ.ค.53 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 6 ก.พ.54 ตามเวลาเปิดทำการของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เวลา 10.00-21.00 น. ปิดทำการทุกวันจันทร์ ส่วนหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “สีแสงแสดงชีวิต” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีจำหน่ายที่ห้องจัดนิทรรศการ ชั้น 8 ในราคา 999 บาท รายได้จากการจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ จะนำเข้าสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553
กทม.จับมือกระทรวงสาธารณสุขรณรงค์หยอดวัคซีนโปลิโอทั่วกรุงเทพฯ เริ่ม 15 ธ.ค.นี้
กทม. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโรตารี่สากล รณรงค์กวาดล้างโปลิโอ พร้อมเชิญชวนผู้ปกครองพาบุตรหลานเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ทุกคนไปรับวัคซีนโปลิโอ ฟรี ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่ง เริ่มหยอดครั้งแรกวันที่ 15 ธ.ค.53 และครั้งที่ 2 วันที่ 19 ม.ค.54
(7 ธ.ค.53) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว “การรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอในกรุงเทพมหานคร โดยมีนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นางวัลย์ลดา พงษ์เภตรารัตน์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์ป้องกันโปลิโอขององค์กรโรตารี่ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
แพทย์หญิงมาลินี กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอ ประจำปี 2553 – 2554 เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโออย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโรตารี่สากล ให้วัคซีนโปลิโอแก่เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีจำนวนรวมกว่า 340,000 คน จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 ธ.ค.53 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ม.ค.54 ทั้งนี้ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปรับวัคซีนได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลทุกแห่ง รวมทั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ในชุมชน และสถานที่ต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมีอาสาสมัครสาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมให้บริการหยอดวัคซีนในครั้งนี้ สำหรับเด็กอนุบาล เด็กก่อนวัยเรียน จะมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุขไปให้บริการวัคซีนถึงโรงเรียน
ทั้งนี้ โรคโปลิโอเป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กป่วยตายและพิการแขนขาลีบ ไม่มีแรง แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมา 13 ปีแล้ว แต่เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโอ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีความหลากหลายของประชากร เป็นศูนย์กลางคมนาคม และมีการเคลื่อนย้ายของประชากรและแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ จึงมีความเสี่ยงต่อการกลับมาระบาดของโรคได้ และจำเป็นต้องมีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงขอความร่วมมือผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบทั้ง 2 ครั้ง ตามวันที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโปลิโอในประเทศไทย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่เด็ก สำหรับเด็กที่เคยรับวัคซีนครบแล้วก็สามารถรับได้อีก เพราะไม่มีอันตราย แต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้สูงขึ้นด้วย
(7 ธ.ค.53) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว “การรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอในกรุงเทพมหานคร โดยมีนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นางวัลย์ลดา พงษ์เภตรารัตน์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์ป้องกันโปลิโอขององค์กรโรตารี่ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
แพทย์หญิงมาลินี กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอ ประจำปี 2553 – 2554 เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโออย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโรตารี่สากล ให้วัคซีนโปลิโอแก่เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีจำนวนรวมกว่า 340,000 คน จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 ธ.ค.53 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ม.ค.54 ทั้งนี้ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปรับวัคซีนได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลทุกแห่ง รวมทั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ในชุมชน และสถานที่ต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมีอาสาสมัครสาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมให้บริการหยอดวัคซีนในครั้งนี้ สำหรับเด็กอนุบาล เด็กก่อนวัยเรียน จะมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุขไปให้บริการวัคซีนถึงโรงเรียน
ทั้งนี้ โรคโปลิโอเป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กป่วยตายและพิการแขนขาลีบ ไม่มีแรง แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมา 13 ปีแล้ว แต่เพื่อรักษาสถานะให้ประเทศไทยปลอดโปลิโอ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีความหลากหลายของประชากร เป็นศูนย์กลางคมนาคม และมีการเคลื่อนย้ายของประชากรและแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ จึงมีความเสี่ยงต่อการกลับมาระบาดของโรคได้ และจำเป็นต้องมีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงขอความร่วมมือผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบทั้ง 2 ครั้ง ตามวันที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโปลิโอในประเทศไทย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่เด็ก สำหรับเด็กที่เคยรับวัคซีนครบแล้วก็สามารถรับได้อีก เพราะไม่มีอันตราย แต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้สูงขึ้นด้วย
วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553
พสกนิกรร่วมทำบุญตักบาตรโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวา 53
(5 ธ.ค. 53) 06.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 284 รูป และพระราชาคณะ 10 รูป ในงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิ 5 ธันวาจัดขึ้น ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกทม.
โดยในช่วงค่ำกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. คณะผู้บริหาร ข้าราชการลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และผู้แทนองค์กรต่างๆ ถวายเครื่องราชสักการะ เวลา 19.29 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำข้าราชการ ลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และประชาชนจุดเทียนชัยถวายพระพร จากนั้นเป็นการแสดงพลุดอกไม้ไฟ “เจิดจ้าด้วยพระบารมี เฉลิมหล้าองค์ภูมิพล” จำนวน 1,984 นัด และตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นการแสดงดนตรีเทิดพระเกียรติ โดยเหล่าศิลปิน 9 ในดวงใจ การร้องเพลงพระราชนิพนธ์ของสุนารี ราชสีมา และดำรง วงศ์ไทย การแสดงชุด “คีตราชัน โดยเทวัญ ทรัพย์แสนยากร การแสดงจากขุนอิน โตสง่า การแสดงของนักร้องวงพอยต์ วงเคลียร์ รุจและแกรนด์ เดอะ สตาร์ และบ่าววี
ส่วนวันที่ 6 ธันวาคม 53 กิจกรรมบนเวทีเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30–22.30 น. การแสดงประกอบด้วย การแสดงฟ้อนรำ การแสดงวงปี่พาทย์ การร้องเพลงไทยเดิม การแสดงดนตรีไทยสากล และเพลงพระราชนิพนธ์
สำหรับงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 นี้ กรุงเทพมหานครจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ธ.ค. 53 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. โดยมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การลงนามถวายพระพร กิจกรรมสาธารณประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ การจัดซุ้มจำหน่ายสินค้าของดี 50 เขต กิจกรรมมหรสพสมโภช และการแสดงพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียน จะจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยด้วย
นอกจากนี้ ประชาชนสามารถแสดงความจงรักภักดีลงนามถวายพระพรออนไลน์ 5 ธันวาคม 2553 และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ในโครงการถวายพระพรออนไลน์ที่ยิงใหญ่ที่สุด ภายใต้ชื่องาน “ด้วย ๙ ชาวไทย” ณ บริเวณหน้าห้องรัตนโกสินทร์ ชั้น 1 ศาลาว่าการกทม. ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 7 ธ.ค. 53
โดยในช่วงค่ำกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. คณะผู้บริหาร ข้าราชการลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และผู้แทนองค์กรต่างๆ ถวายเครื่องราชสักการะ เวลา 19.29 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำข้าราชการ ลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และประชาชนจุดเทียนชัยถวายพระพร จากนั้นเป็นการแสดงพลุดอกไม้ไฟ “เจิดจ้าด้วยพระบารมี เฉลิมหล้าองค์ภูมิพล” จำนวน 1,984 นัด และตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นการแสดงดนตรีเทิดพระเกียรติ โดยเหล่าศิลปิน 9 ในดวงใจ การร้องเพลงพระราชนิพนธ์ของสุนารี ราชสีมา และดำรง วงศ์ไทย การแสดงชุด “คีตราชัน โดยเทวัญ ทรัพย์แสนยากร การแสดงจากขุนอิน โตสง่า การแสดงของนักร้องวงพอยต์ วงเคลียร์ รุจและแกรนด์ เดอะ สตาร์ และบ่าววี
ส่วนวันที่ 6 ธันวาคม 53 กิจกรรมบนเวทีเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30–22.30 น. การแสดงประกอบด้วย การแสดงฟ้อนรำ การแสดงวงปี่พาทย์ การร้องเพลงไทยเดิม การแสดงดนตรีไทยสากล และเพลงพระราชนิพนธ์
สำหรับงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 นี้ กรุงเทพมหานครจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ธ.ค. 53 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. โดยมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การลงนามถวายพระพร กิจกรรมสาธารณประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ การจัดซุ้มจำหน่ายสินค้าของดี 50 เขต กิจกรรมมหรสพสมโภช และการแสดงพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียน จะจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยด้วย
นอกจากนี้ ประชาชนสามารถแสดงความจงรักภักดีลงนามถวายพระพรออนไลน์ 5 ธันวาคม 2553 และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ในโครงการถวายพระพรออนไลน์ที่ยิงใหญ่ที่สุด ภายใต้ชื่องาน “ด้วย ๙ ชาวไทย” ณ บริเวณหน้าห้องรัตนโกสินทร์ ชั้น 1 ศาลาว่าการกทม. ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 7 ธ.ค. 53
เลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหา
เลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหา
ปลัด กทม. ไม่กังวล คาดการเลือกตั้ง ส.ส. กทม. ล่วงหน้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำชับ 5 เขต เดินหน้ารณรงค์ประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องดึงประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด
(4 ธ.ค. 53 ) นาย เจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งล่วงหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ส.ส.กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 (เขตยานนาวา เขตสาทร เขตบางคอแหลม เขตคลองเตย และเขตวัฒนา) แทนตำแหน่งที่ว่าง พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ สำนักงานเขตยานนาวา คลองเตย และวัฒนา
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันนี้ยังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ซึ่งได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาท มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันข้อครหาหรือข้อร้องเรียนต่างๆ โดยกรุงเทพมหานครมีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเต็มที่ รวมถึงประสานความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดการเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ทั้ง 5 สำนักงานเขตจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมาใช้สิทธิให้มากที่สุด นอกจากนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้ง สำนักงานเขตทั้ง 5 เขตได้เปิดให้บริการทำบัตรประชาชนในวันอาทิตย์ที่ 5 และ 12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 16.00 น. ด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 4 – 5 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งกลางของแต่ละเขต โดย เขตยานนาวา ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าบริเวณลานจอดรถภายในสำนักงานเขต เขตสาทร ใช้สิทธิเลือกตั้ง ล่วงหน้าบริเวณลานจอดรถภายในสำนักงานเขต เขตคลองเตย ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าภายในสำนักงานเขต เขตบางคอแหลม ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ลานจอดรถภายในสำนักงานเขต และ เขตวัฒนา ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าบริเวณโรงอาหาร ชั้น B1 อาคารลิเบอร์ตี้พลาซ่า และเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 15.00 น.
ปลัด กทม. ไม่กังวล คาดการเลือกตั้ง ส.ส. กทม. ล่วงหน้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำชับ 5 เขต เดินหน้ารณรงค์ประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องดึงประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด
(4 ธ.ค. 53 ) นาย เจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งล่วงหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ส.ส.กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 (เขตยานนาวา เขตสาทร เขตบางคอแหลม เขตคลองเตย และเขตวัฒนา) แทนตำแหน่งที่ว่าง พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ สำนักงานเขตยานนาวา คลองเตย และวัฒนา
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันนี้ยังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ซึ่งได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาท มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันข้อครหาหรือข้อร้องเรียนต่างๆ โดยกรุงเทพมหานครมีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเต็มที่ รวมถึงประสานความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดการเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ทั้ง 5 สำนักงานเขตจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมาใช้สิทธิให้มากที่สุด นอกจากนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้ง สำนักงานเขตทั้ง 5 เขตได้เปิดให้บริการทำบัตรประชาชนในวันอาทิตย์ที่ 5 และ 12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 16.00 น. ด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 4 – 5 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งกลางของแต่ละเขต โดย เขตยานนาวา ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าบริเวณลานจอดรถภายในสำนักงานเขต เขตสาทร ใช้สิทธิเลือกตั้ง ล่วงหน้าบริเวณลานจอดรถภายในสำนักงานเขต เขตคลองเตย ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าภายในสำนักงานเขต เขตบางคอแหลม ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ลานจอดรถภายในสำนักงานเขต และ เขตวัฒนา ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าบริเวณโรงอาหาร ชั้น B1 อาคารลิเบอร์ตี้พลาซ่า และเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 53 เวลา 08.00 – 15.00 น.
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553
เปิด “สวนนคราภิรมย์” สวนแห่งใหม่สำหรับชาวพระนคร
เปิด “สวนนคราภิรมย์” สวนแห่งใหม่สำหรับชาวพระนคร
(3 ธ.ค. 53) เวลา 16.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ร่วมเปิด “สวนนาคราภิรมย์” ณ สวนนคราภิรมย์ ถ.มหาราช เขตพระนคร
ในปัจจุบันพื้นที่สีเขียวสำหรับคนเมือยังมีไม่เพียงพอ เพื่อตอบสนองความต้องการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และกรุงเทพมหานครได้มีนโยบายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่จะทำให้คนเมืองเข้าถึงธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง และยังดำเนินนโยบายเปลี่ยนที่รกร้างเป็นสวนสาธารณะ สวนหย่อมและสวนชุมชน
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พัฒนาพื้นที่บริเวณกรมการค้าภายในและองค์การคลังสินค้า(เดิม) ถ.มหาราช ข้างตลาดท่าเตียน เขตพระนคร พื้นที 3 ไร่ 3 งาน 69.9 ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ แห่งที่ 26 ของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา และเพื่อเปิดมุมมองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “นาคราภิรมย์” หมายถึง สวนอันเป็นที่น่ารื่นรมย์ยิ่งของชาวพระนคร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สวนนาคราภิรมย์แม้จะเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก แต่มีความสง่างาม มีลักษณะเปิดมุมมองให้เห็นถึงทัศนียภาพที่สวยงามทั้ง 2 ฝากฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา สู่พระบรมมหาราชวัง ส่งเสริมความสำคัญของพื้นที่ ทั้งความสง่างามของอาคารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์โดยรอบ อีกทั้งยังรองรับกิจกรรมของชุมชน ตลอดจนท่าเรือรองรับนักท่องเที่ยว อันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย กรุงเทพมหานครยังคงเดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้เมืองหลวงแห่งนี้ เป็นเมืองที่แวดล้อมได้ด้วยสีเขียว เป็นเมืองสิ่งแวดล้อมที่ดี สำหรับทุกคนต่อไป
(3 ธ.ค. 53) เวลา 16.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ร่วมเปิด “สวนนาคราภิรมย์” ณ สวนนคราภิรมย์ ถ.มหาราช เขตพระนคร
ในปัจจุบันพื้นที่สีเขียวสำหรับคนเมือยังมีไม่เพียงพอ เพื่อตอบสนองความต้องการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และกรุงเทพมหานครได้มีนโยบายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่จะทำให้คนเมืองเข้าถึงธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง และยังดำเนินนโยบายเปลี่ยนที่รกร้างเป็นสวนสาธารณะ สวนหย่อมและสวนชุมชน
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พัฒนาพื้นที่บริเวณกรมการค้าภายในและองค์การคลังสินค้า(เดิม) ถ.มหาราช ข้างตลาดท่าเตียน เขตพระนคร พื้นที 3 ไร่ 3 งาน 69.9 ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ แห่งที่ 26 ของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา และเพื่อเปิดมุมมองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “นาคราภิรมย์” หมายถึง สวนอันเป็นที่น่ารื่นรมย์ยิ่งของชาวพระนคร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สวนนาคราภิรมย์แม้จะเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก แต่มีความสง่างาม มีลักษณะเปิดมุมมองให้เห็นถึงทัศนียภาพที่สวยงามทั้ง 2 ฝากฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา สู่พระบรมมหาราชวัง ส่งเสริมความสำคัญของพื้นที่ ทั้งความสง่างามของอาคารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์โดยรอบ อีกทั้งยังรองรับกิจกรรมของชุมชน ตลอดจนท่าเรือรองรับนักท่องเที่ยว อันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย กรุงเทพมหานครยังคงเดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้เมืองหลวงแห่งนี้ เป็นเมืองที่แวดล้อมได้ด้วยสีเขียว เป็นเมืองสิ่งแวดล้อมที่ดี สำหรับทุกคนต่อไป
ผู้ว่าฯกทม. ให้โอวาททัพนักกีฬา ก่อนลงสู้ศึกชลบุรีเกมส์
ผู้ว่าฯกทม. ให้โอวาททัพนักกีฬา ก่อนลงสู้ศึกชลบุรีเกมส์
(3 ธ.ค. 53) เวลา 15.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีมอบโอวาทแก่คณะนักกีฬากรุงเทพมหานคร ก่อนเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 39 “ชลบุรีเกมส์” ระหว่างวันที่ 9-19 ธ.ค. 53 ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน และนักกีฬา ร่วมพิธี ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าองค์พระพุทธนวราชบพิตร ศาลาว่าการกทม.
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ส่งนักกีฬาเช้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้กรุงเทพมหานครได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 794 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 435 คน นักกีฬาหญิง 359 คน และผู้ฝึกสอน 168 คน รวมทั้งสิ้น 962 คน เข้าร่วมการแข่งขันใน 39 ชนิดกีฬา ซึ่งนักกีฬาจากกรุงเทพมหานครได้สร้างชื่อเสียง และรักษาตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมาโดยตลอด จากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 38 ที่จังหวัดตรัง กรุงเทพมหานครได้ครองเหรียญอันดับหนึ่ง โดยได้ 129 เหรียญทอง 115 เหรียญเงิน และ 80 เหรียญทองแดง จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน ที่สำคัญ คือ ตัวนักกีฬาเองที่ได้ฝึกซ้อม เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในการแข่งขัน นักกีฬาทุกคนควรตระหนักถึงบทบาทหน้าที่อันสำคัญยิ่ง ในฐานะที่ทุกคนเป็นตัวแทนของกรุงเทพมหานคร ขอให้รักษาวินัย มีน้ำใจนักกีฬา เอื้ออาทร และมีไมตรีจิตต่อเพื่อนนักกีฬา กรรมการผู้ตัดสิน สถานที่ไปเยือน และเข้าร่วมการแข่งขันด้วยจิตวิญญาณของนักกีฬาที่แท้จริง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เพื่อนำชื่อเสียงมาสู่กรุงเทพมหานครและตนเองต่อไป
(3 ธ.ค. 53) เวลา 15.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีมอบโอวาทแก่คณะนักกีฬากรุงเทพมหานคร ก่อนเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 39 “ชลบุรีเกมส์” ระหว่างวันที่ 9-19 ธ.ค. 53 ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน และนักกีฬา ร่วมพิธี ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าองค์พระพุทธนวราชบพิตร ศาลาว่าการกทม.
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ส่งนักกีฬาเช้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้กรุงเทพมหานครได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 794 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 435 คน นักกีฬาหญิง 359 คน และผู้ฝึกสอน 168 คน รวมทั้งสิ้น 962 คน เข้าร่วมการแข่งขันใน 39 ชนิดกีฬา ซึ่งนักกีฬาจากกรุงเทพมหานครได้สร้างชื่อเสียง และรักษาตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมาโดยตลอด จากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 38 ที่จังหวัดตรัง กรุงเทพมหานครได้ครองเหรียญอันดับหนึ่ง โดยได้ 129 เหรียญทอง 115 เหรียญเงิน และ 80 เหรียญทองแดง จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน ที่สำคัญ คือ ตัวนักกีฬาเองที่ได้ฝึกซ้อม เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในการแข่งขัน นักกีฬาทุกคนควรตระหนักถึงบทบาทหน้าที่อันสำคัญยิ่ง ในฐานะที่ทุกคนเป็นตัวแทนของกรุงเทพมหานคร ขอให้รักษาวินัย มีน้ำใจนักกีฬา เอื้ออาทร และมีไมตรีจิตต่อเพื่อนนักกีฬา กรรมการผู้ตัดสิน สถานที่ไปเยือน และเข้าร่วมการแข่งขันด้วยจิตวิญญาณของนักกีฬาที่แท้จริง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เพื่อนำชื่อเสียงมาสู่กรุงเทพมหานครและตนเองต่อไป
รณรงค์วินัยจราจร “ขับขี่ปลอดภัย ไม่เมาไม่แว้น”
รณรงค์วินัยจราจร “ขับขี่ปลอดภัย ไม่เมาไม่แว้น”
(3 ธ.ค. 53) เวลา 10.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมเสริมสร้างวินัยจราจรและจิตสำนึกของประชาชนเพื่อลดอุบัติเหตุจราจร เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ณ เวทีหลัก บริเวณลานหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ ถ.พระราม 4 เขตปทุมวัน จัดโดยสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ หน่วยงานภาครัฐ และเครือข่ายอีก 47 หน่วยงาน เพื่อรณรงค์วินัยจราจรแก่ประชาชนที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว อีกทั้งให้ตระหนักถึงอันตรายจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ และเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทาง และนำไปสู่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สำหรับกิจกรรมเสริมสร้างวินัยจราจรและจิตสำนึกของประชาชนเพื่อลดอุบัติเหตุจราจร เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ จัดขึ้นระหว่างเวลา 10.00–18.00 น. ณ เวทีหลัก บริเวณลานหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ และเวทีย่อยสี่มุมเมือง ภายใต้แนวคิด “ขับขี่ปลอดภัย ไม่เมาไม่แว้น” ซึ่งมีการแสดงจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุ การจำหน่ายอุปกรณ์ความปลอดภัยในราคาประหยัด การแสดงบนเวที เกมซึ่งสอดแทรกความรู้ด้านกฎจราจร นอกจากนี้ในส่วนของเวทีย่อย จะเพิ่มบริการตรวจสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากภาคีเครือข่ายภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนตระหนักและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจราจรการใช้รถใช้ถนน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามสถิติการเกิดอุบัติเหตุในปีที่ผ่านมาพบว่า สาเหตุของอุบัติส่วนใหญ่เกิดจากผู้ขับขี่ขาดวินัย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งการดื่มสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดต่อเนื่องที่มีการจราจรคับคั่ง จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายที่สุด กรุงเทพมหานครจึงขอให้ผู้ที่ต้องขับขี่ยานพาหนะในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งต่อครอบครัว ตนเอง และผู้อื่น
ทั้งนี้ภายหลังการเปิดกิจกรรม ผู้ว่าฯกทม. ได้ปล่อยขบวนรณรงค์เสริมสร้างวินัยจราจรฯ จากเวทีหลักมุ่งสู่เวทีย่อยสี่มุมเมือง ประกอบด้วย เวทีย่อยบริเวณสถานีบริการน้ำมันบางจาก ถ.บางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 4 เขตบางนา สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้ร้านอาหารโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เขตบางเขน สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สนามกีฬากองทัพบก เขตพญาไท และสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ขาออก ถ.ราชพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน โดยจะมีการถ่ายทอดสด Real Time เชื่อมต่อสัญญาณระหว่างเวทีใหญ่และเวทีย่อย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 1,500 คน
(3 ธ.ค. 53) เวลา 10.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมเสริมสร้างวินัยจราจรและจิตสำนึกของประชาชนเพื่อลดอุบัติเหตุจราจร เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ณ เวทีหลัก บริเวณลานหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ ถ.พระราม 4 เขตปทุมวัน จัดโดยสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ หน่วยงานภาครัฐ และเครือข่ายอีก 47 หน่วยงาน เพื่อรณรงค์วินัยจราจรแก่ประชาชนที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว อีกทั้งให้ตระหนักถึงอันตรายจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ และเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทาง และนำไปสู่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สำหรับกิจกรรมเสริมสร้างวินัยจราจรและจิตสำนึกของประชาชนเพื่อลดอุบัติเหตุจราจร เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ จัดขึ้นระหว่างเวลา 10.00–18.00 น. ณ เวทีหลัก บริเวณลานหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ และเวทีย่อยสี่มุมเมือง ภายใต้แนวคิด “ขับขี่ปลอดภัย ไม่เมาไม่แว้น” ซึ่งมีการแสดงจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุ การจำหน่ายอุปกรณ์ความปลอดภัยในราคาประหยัด การแสดงบนเวที เกมซึ่งสอดแทรกความรู้ด้านกฎจราจร นอกจากนี้ในส่วนของเวทีย่อย จะเพิ่มบริการตรวจสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากภาคีเครือข่ายภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนตระหนักและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจราจรการใช้รถใช้ถนน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามสถิติการเกิดอุบัติเหตุในปีที่ผ่านมาพบว่า สาเหตุของอุบัติส่วนใหญ่เกิดจากผู้ขับขี่ขาดวินัย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งการดื่มสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดต่อเนื่องที่มีการจราจรคับคั่ง จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายที่สุด กรุงเทพมหานครจึงขอให้ผู้ที่ต้องขับขี่ยานพาหนะในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งต่อครอบครัว ตนเอง และผู้อื่น
ทั้งนี้ภายหลังการเปิดกิจกรรม ผู้ว่าฯกทม. ได้ปล่อยขบวนรณรงค์เสริมสร้างวินัยจราจรฯ จากเวทีหลักมุ่งสู่เวทีย่อยสี่มุมเมือง ประกอบด้วย เวทีย่อยบริเวณสถานีบริการน้ำมันบางจาก ถ.บางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 4 เขตบางนา สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้ร้านอาหารโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เขตบางเขน สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สนามกีฬากองทัพบก เขตพญาไท และสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ขาออก ถ.ราชพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน โดยจะมีการถ่ายทอดสด Real Time เชื่อมต่อสัญญาณระหว่างเวทีใหญ่และเวทีย่อย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 1,500 คน
9 – 12 ธ.ค.นี้ เชิญคนรักษ์สุขภาพร่วมงาน Bangkok Health Fair 2010 ที่เดอะมอลล์ บางแค
9 – 12 ธ.ค.นี้ เชิญคนรักษ์สุขภาพร่วมงาน Bangkok Health Fair 2010 ที่เดอะมอลล์ บางแค
กทม.ชวนคนกรุงรักษ์สุขภาพ อัพเดทความรู้และนวัตกรรมทางการแพทย์ พร้อมตรวจเช็คสุขภาพฟรี 17 รายการ ในงานมหกรรมสุขภาพกรุงเทพฯ 2553 ระหว่างวันที่ 9 – 12 ธ.ค.53 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ MCC Hall เดอะมอลล์ บางแค
(3 ธ.ค.53) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) : แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 ธ.ค.53 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ MCC Hall ชั้น 4 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค
สำหรับมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทั้งชีวิต เราดูแล” โดยเน้นการนำนวัตกรรมและความรู้ทางการแพทย์สำหรับคนทุกวัยในครอบครัว อาทิ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์จักษุวิทยา ศูนย์โรคเบาหวานและอาหารเพื่อสุขภาพ ศูนย์เวชศาสตร์มารดาและทารก ศูนย์รักษาและผ่าตัดผ่านกล้อง บริการการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมทั้ง บริการฉีดวัคซีนป้องกันหวัด 3 สายพันธุ์ ฟรี และบริการตรวจเช็คสุขภาพฟรี 17 รายการ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีบู๊ทสุขภาพที่มาร่วมให้ความรู้มากมาย อีกทั้งการเสวนาหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจจากวิทยากรชื่อดังตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน อาทิ การทำนายสุขภาพจากธาตุ, ธรรมะเพื่อสุขภาพ โดยทีมงานพระมหาสมปอง, การเสวนาเรื่อง Autistic โดยแพทย์หญิงสรรธีรา วนสุวรรณกุล การหัวเราะเพื่อสุขภาพ โดย อ.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ลูกดื้อ...รับมืออย่างไร โดย นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ อริยะสร้างได้...ด้วยมือแม่ โดยแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เบาหวานควบคุมไม่เพียงรู้และเข้าใจ ขยับง่ายๆ พัฒนาสมองและสุขภาพ สาธิตการออกกำลังกายตาราง 9 ช่อง และออกกำลังกายยางยืด โดย อ.เจริญ กระบวนรัตน์ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การสาธิตทำอาหารให้เหมาะกับวัย โดย อ.สง่า ดามาพงษ์ พร้อมดาราเซเลปดัง และการสาธิตการออกกำลังกายแบบโยคะ โดยคุณอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย กทม. โทร.1555
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญต่อการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแนวคิด “ทั้งชีวิต…เราดูแล” ประกอบด้วย การดูแลตั้งแต่การตั้งครรภ์ จนกระทั่งเติบโต เข้าสู่วัยชรา และวาระสุดท้ายของชีวิต เพื่อส่งเสริมและดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขอนามัยทั่วไปและ สุขลักษณะที่ยั่งยืน มีความสุขจากการรับบริการของกรุงเทพมหานคร โดยโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขจะต้องผ่านรับรองคุณภาพทุกแห่ง เพื่อเป็นหลักประกันในการได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานจากสถานพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีศูนย์เอราวัณ ซึ่งให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม การขยายจำนวนเตียงของโรงพยาบาลขนาดเล็กในสังกัดสำนักการแพทย์ ให้เป็นขนาดไม่น้อยกว่า 200 เตียง เพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนโดยมีผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขา นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน หรืออาจจะมีโรงพยาบาลในเขตดอนเมืองเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย และดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กทม.ชวนคนกรุงรักษ์สุขภาพ อัพเดทความรู้และนวัตกรรมทางการแพทย์ พร้อมตรวจเช็คสุขภาพฟรี 17 รายการ ในงานมหกรรมสุขภาพกรุงเทพฯ 2553 ระหว่างวันที่ 9 – 12 ธ.ค.53 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ MCC Hall เดอะมอลล์ บางแค
(3 ธ.ค.53) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) : แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 ธ.ค.53 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ MCC Hall ชั้น 4 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค
สำหรับมหกรรมสุขภาพกรุงเทพมหานคร 2553 หรือ Bangkok Health Fair 2010 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทั้งชีวิต เราดูแล” โดยเน้นการนำนวัตกรรมและความรู้ทางการแพทย์สำหรับคนทุกวัยในครอบครัว อาทิ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์จักษุวิทยา ศูนย์โรคเบาหวานและอาหารเพื่อสุขภาพ ศูนย์เวชศาสตร์มารดาและทารก ศูนย์รักษาและผ่าตัดผ่านกล้อง บริการการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมทั้ง บริการฉีดวัคซีนป้องกันหวัด 3 สายพันธุ์ ฟรี และบริการตรวจเช็คสุขภาพฟรี 17 รายการ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีบู๊ทสุขภาพที่มาร่วมให้ความรู้มากมาย อีกทั้งการเสวนาหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจจากวิทยากรชื่อดังตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน อาทิ การทำนายสุขภาพจากธาตุ, ธรรมะเพื่อสุขภาพ โดยทีมงานพระมหาสมปอง, การเสวนาเรื่อง Autistic โดยแพทย์หญิงสรรธีรา วนสุวรรณกุล การหัวเราะเพื่อสุขภาพ โดย อ.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ลูกดื้อ...รับมืออย่างไร โดย นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ อริยะสร้างได้...ด้วยมือแม่ โดยแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เบาหวานควบคุมไม่เพียงรู้และเข้าใจ ขยับง่ายๆ พัฒนาสมองและสุขภาพ สาธิตการออกกำลังกายตาราง 9 ช่อง และออกกำลังกายยางยืด โดย อ.เจริญ กระบวนรัตน์ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การสาธิตทำอาหารให้เหมาะกับวัย โดย อ.สง่า ดามาพงษ์ พร้อมดาราเซเลปดัง และการสาธิตการออกกำลังกายแบบโยคะ โดยคุณอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย กทม. โทร.1555
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญต่อการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแนวคิด “ทั้งชีวิต…เราดูแล” ประกอบด้วย การดูแลตั้งแต่การตั้งครรภ์ จนกระทั่งเติบโต เข้าสู่วัยชรา และวาระสุดท้ายของชีวิต เพื่อส่งเสริมและดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขอนามัยทั่วไปและ สุขลักษณะที่ยั่งยืน มีความสุขจากการรับบริการของกรุงเทพมหานคร โดยโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขจะต้องผ่านรับรองคุณภาพทุกแห่ง เพื่อเป็นหลักประกันในการได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานจากสถานพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีศูนย์เอราวัณ ซึ่งให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม การขยายจำนวนเตียงของโรงพยาบาลขนาดเล็กในสังกัดสำนักการแพทย์ ให้เป็นขนาดไม่น้อยกว่า 200 เตียง เพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนโดยมีผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขา นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน หรืออาจจะมีโรงพยาบาลในเขตดอนเมืองเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย และดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553
มอบสมุด ๑๐๐ ล้านความดี ๑๐๐ ปีลูกเสือไทย เฉลิมพระเกียรติ
10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการ
‘๑๐๐ ล้านความดี ๑๐๐ ปีลูกเสือไทย เฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔’
- มอบสมุดความดี .... แก่ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด กว่า 1,000 คน ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อบันทึกการทำความดีทุกครั้งที่ทำ เป็นการปลูกฝังนิสัยการเป็นผู้ให้ มีความซื่อสัตย์ มีน้ำใจและเสียสละ ผ่านโครงการ ‘100 ล้านความดี 100 ปีลูกเสือไทย เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554’ จะนำไปสู่การส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป
- ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด และผู้บังคับบัญชา ..... จากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 436 โรงเรียน ร่วมทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนาม
ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 (สวนลุมพินี
‘๑๐๐ ล้านความดี ๑๐๐ ปีลูกเสือไทย เฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔’
- มอบสมุดความดี .... แก่ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด กว่า 1,000 คน ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อบันทึกการทำความดีทุกครั้งที่ทำ เป็นการปลูกฝังนิสัยการเป็นผู้ให้ มีความซื่อสัตย์ มีน้ำใจและเสียสละ ผ่านโครงการ ‘100 ล้านความดี 100 ปีลูกเสือไทย เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554’ จะนำไปสู่การส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป
- ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด และผู้บังคับบัญชา ..... จากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 436 โรงเรียน ร่วมทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนาม
ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 (สวนลุมพินี
5 ธันวานี้ เชิญประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรเฉลิมพระเกียรติ ณ ลานคนเมือง กทม.
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิ 5 ธันวาเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 ระหว่างวันที่ 4-6 ธ.ค. 53 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม.
โดยมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การลงนามถวายพระพร กิจกรรมสาธารณประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ การจัดซุ้มจำหน่ายสินค้าของดี 50 เขต กิจกรรมมหรสพสมโภช และการแสดงพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียน จะจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยด้วย
ในส่วนของวันที่ 5 ธันวาคม กิจกรรมเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 06.30 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 284 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล และพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระราชาคณะ 10 รูป
กิจกรรมในช่วงค่ำเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. คณะผู้บริหาร ข้าราชการลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และผู้แทนองค์กรต่างๆ ถวายเครื่องราชสักการะ เวลา 19.29 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำข้าราชการ ลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และประชาชนจุดเทียนชัยถวายพระพร จากนั้น จุดพลุ ดอกไม้ไฟ และตั้งแต่เวลา 19.40-02.00 น. เป็นการแสดงมหกรรมดนตรี และการแสดงต่างๆ
นอกจากนี้ ขอเชิญประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดีลงนามถวายพระพรออนไลน์ 5 ธันวาคม 2553 และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับปรากฎการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ในโครงการถวายพระพรออนไลน์ที่ยิงใหญ่ที่สุด ภายใต้ชื่องาน “ด้วย ๙ ชาวไทย”ณ บริเวณลานหน้าห้องรัตนโกสินทร์ ชั้น 1 ศาลาว่าการ กทม. ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 7 ธ.ค. 53 หรือร่วมลงนามถวายพระพรออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์กรุงเทพมหานคร www.bangkok.go.th
โดยมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การลงนามถวายพระพร กิจกรรมสาธารณประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ การจัดซุ้มจำหน่ายสินค้าของดี 50 เขต กิจกรรมมหรสพสมโภช และการแสดงพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 436 โรงเรียน จะจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยด้วย
ในส่วนของวันที่ 5 ธันวาคม กิจกรรมเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 06.30 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 284 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล และพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระราชาคณะ 10 รูป
กิจกรรมในช่วงค่ำเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. คณะผู้บริหาร ข้าราชการลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และผู้แทนองค์กรต่างๆ ถวายเครื่องราชสักการะ เวลา 19.29 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำข้าราชการ ลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และประชาชนจุดเทียนชัยถวายพระพร จากนั้น จุดพลุ ดอกไม้ไฟ และตั้งแต่เวลา 19.40-02.00 น. เป็นการแสดงมหกรรมดนตรี และการแสดงต่างๆ
นอกจากนี้ ขอเชิญประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดีลงนามถวายพระพรออนไลน์ 5 ธันวาคม 2553 และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับปรากฎการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ในโครงการถวายพระพรออนไลน์ที่ยิงใหญ่ที่สุด ภายใต้ชื่องาน “ด้วย ๙ ชาวไทย”ณ บริเวณลานหน้าห้องรัตนโกสินทร์ ชั้น 1 ศาลาว่าการ กทม. ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 7 ธ.ค. 53 หรือร่วมลงนามถวายพระพรออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์กรุงเทพมหานคร www.bangkok.go.th
วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553
กทม.รับมอบข้าวสารเฉลิมพระเกียรติ 2.8 ล้านถุง พร้อมแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่
(2 ธ.ค.53) นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ที่ดำเนินโครงการข้าวสารบรรจุถุงเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 60 ล้านถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร เนื่องในงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสมหามงคลบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร กำหนดรับมอบข้าวสารเฉลิมพระเกียรติ จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 1-5 ธ.ค.53 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง จำนวนทั้งสิ้น 2,848,700 ถุง
สำหรับโครงการข้าวสารบรรจุถุงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงขนาดน้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 60 ล้านถุง โดยใช้ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จากโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2552 ที่เก็บรักษาในคลังสินค้าของรัฐบาลมาใช้ในการจัดทำ พร้อมทั้งร่วมกับกระทรวงมหาดไทยทำการแจกจ่ายแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ กำหนดส่งมอบข้าวสารเฉลิมพระเกียรติฯ ในส่วนของกรุงเทพมหานครให้แก่ผู้อำนวยการเขต และผู้นำชุมชน ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.53 ได้แก่ เขตพระนคร ดุสิต หนองจอก บางรัก บางเขน บางกะปิ ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระโขนง และมีนบุรี วันที่ 2 ธ.ค.53 เขตลาดกระบัง ยานนาวา สัมพันธวงศ์ พญาไท ธนบุรี บางกอกใหญ่ ห้วยขวาง คลองสาน ตลิ่งชัน และบางกอกน้อย วันที่ 3 ธ.ค.53 เขตบางขุนเทียน ภาษีเจริญ หนองแขม ราษฎร์บูรณะ บางพลัด ดินแดง บึงกุ่ม สาทร บางซื่อ และจตุจักร วันที่ 4 ธ.ค.53 เขตบางคอแหลม ประเวศ คลองเตย สวนหลวง จอมทอง ดอนเมือง ราชเทวี ลาดพร้าว วัฒนา และบางแค วันที่ 5 ธ.ค.53 เขตหลักสี่ สายไหม คันนายาว สะพานสูง วังทองหลาง คลองสามวา บางนา ทวีวัฒนา ทุ่งครุ และบางบอน
โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการตามนโยบายอย่างเคร่งครัดในการแจกจ่ายข้าวสารบรรจุถุงแก่ผู้มีรายได้น้อย หรือชุมชนซึ่งมีผู้มีรายได้น้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเป็นลำดับแรกตามเจตนารมณ์รัฐบาล
สำหรับโครงการข้าวสารบรรจุถุงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงขนาดน้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 60 ล้านถุง โดยใช้ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จากโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2552 ที่เก็บรักษาในคลังสินค้าของรัฐบาลมาใช้ในการจัดทำ พร้อมทั้งร่วมกับกระทรวงมหาดไทยทำการแจกจ่ายแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ กำหนดส่งมอบข้าวสารเฉลิมพระเกียรติฯ ในส่วนของกรุงเทพมหานครให้แก่ผู้อำนวยการเขต และผู้นำชุมชน ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.53 ได้แก่ เขตพระนคร ดุสิต หนองจอก บางรัก บางเขน บางกะปิ ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระโขนง และมีนบุรี วันที่ 2 ธ.ค.53 เขตลาดกระบัง ยานนาวา สัมพันธวงศ์ พญาไท ธนบุรี บางกอกใหญ่ ห้วยขวาง คลองสาน ตลิ่งชัน และบางกอกน้อย วันที่ 3 ธ.ค.53 เขตบางขุนเทียน ภาษีเจริญ หนองแขม ราษฎร์บูรณะ บางพลัด ดินแดง บึงกุ่ม สาทร บางซื่อ และจตุจักร วันที่ 4 ธ.ค.53 เขตบางคอแหลม ประเวศ คลองเตย สวนหลวง จอมทอง ดอนเมือง ราชเทวี ลาดพร้าว วัฒนา และบางแค วันที่ 5 ธ.ค.53 เขตหลักสี่ สายไหม คันนายาว สะพานสูง วังทองหลาง คลองสามวา บางนา ทวีวัฒนา ทุ่งครุ และบางบอน
โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการตามนโยบายอย่างเคร่งครัดในการแจกจ่ายข้าวสารบรรจุถุงแก่ผู้มีรายได้น้อย หรือชุมชนซึ่งมีผู้มีรายได้น้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเป็นลำดับแรกตามเจตนารมณ์รัฐบาล
มอบโล่ประกาศเกียรติคุณเชิดชู 50 พ่อตัวอย่างกรุงเทพมหานคร
กทม.จัดกิจกรรม “วันพ่อ” ประจำปี 2553 เทิดพระเกียรติและถวายพระพร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติ 50 พ่อตัวอย่าง ผู้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม
(2 ธ.ค.53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “วันพ่อ” ประจำปี 2553 พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่พ่อตัวอย่างจากสำนักงานเขต 50 สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมบางกอกพาเลซ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กิจกรรม“วันพ่อ” ประจำปี 2553 จัดขึ้นเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและถวายพระพร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพ่อของแผ่นดินที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยนานัปการ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และพระราชประสงค์ที่จะให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมีความผาสุก พร้อมทั้งปลุกจิตสำนึกคุณธรรม จริยธรรมในเรื่องความกตัญญูกตเวที โดยยกย่องเชิดชูเกียรติพ่อตัวอย่างกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพ่อที่ได้ทำคุณประโยชน์ให้เป็นที่ตระหนักแก่สังคมทั่วไป
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การกล่าวถวายพระพรเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ “พ่อตัวอย่างกรุงเทพมหานคร” ประจำเขตพื้นที่ทั้ง 50 สำนักงานเขต การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(2 ธ.ค.53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “วันพ่อ” ประจำปี 2553 พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่พ่อตัวอย่างจากสำนักงานเขต 50 สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมบางกอกพาเลซ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กิจกรรม“วันพ่อ” ประจำปี 2553 จัดขึ้นเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและถวายพระพร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพ่อของแผ่นดินที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยนานัปการ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และพระราชประสงค์ที่จะให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมีความผาสุก พร้อมทั้งปลุกจิตสำนึกคุณธรรม จริยธรรมในเรื่องความกตัญญูกตเวที โดยยกย่องเชิดชูเกียรติพ่อตัวอย่างกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพ่อที่ได้ทำคุณประโยชน์ให้เป็นที่ตระหนักแก่สังคมทั่วไป
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การกล่าวถวายพระพรเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ “พ่อตัวอย่างกรุงเทพมหานคร” ประจำเขตพื้นที่ทั้ง 50 สำนักงานเขต การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ส.ก. ส.ข. ร่วมแสดงความคิดเห็น ร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ....
กทม.เปิดเวทีให้ ส.ก. ส.ข. ร่วมแสดงความเห็นปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร แก้ปัญหาบทบัญญัติที่ล้าสมัย เพิ่มกลไก บทบาท และอำนาจหน้าที่แก่ กทม. ให้บริหารราชการได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อประชาชน เปิดรับความเห็นจากทุกภาคส่วนแล้วตั้งแต่บัดนี้ - 27 ม.ค.54
(1 ธ.ค..53) ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้าจัดขึ้น โดยในช่วงเช้าเป็นการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และในภาคบ่ายเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกสภาเขต (ส.ข.)
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่และการบริหารงานของกรุงเทพมหานคร ภาคประชาสังคม ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา และจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 27 ม.ค.54 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ผู้แทนประชาชนใน 6 กลุ่มเขตของกรุงเทพมหานคร นักวิชาการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในเขตกรุงเทพมหานคร ผู้แทนพรรคการเมือง และกลุ่มบุคคลทั่วไป เพื่อนำข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะและความต้องการของประชาชนภาคส่วนต่างๆ มาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป
เหตุพ.ร.บ.เดิมล้าสมัย ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 บังคับใช้มานานกว่า 25 ปีแล้ว จึงมีบทบัญญัติบางประการไม่ทันสมัย ไม่สอดคล้องกับหลักการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ซึ่งได้บัญญัติขึ้นภายหลัง ทำให้การจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนไม่คล่องตัว และการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร กรุงเทพมหานครจึงมีนโยบายแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถแก้ไขปัญหาและให้บริการประชาชนได้อย่างดีที่สุด พร้อมทั้งขับเคลื่อนองค์กรให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง และเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน โดยแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครจากนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ ทรงความรู้ความสามารถทั้งด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และด้านการปกครองท้องถิ่น โดยมีศาตราจารย์จรัส สุวรรณมาลา เป็นประธานกรรมการ และได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง พร้อมยกร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ.... เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เผย 10 ประเด็นสำคัญแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร
สำหรับประเด็นสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมของร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ.... ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 ปรับปรุงการบริหารราชการของกรุงเทพมหานครบนพื้นฐานการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ด้วยการให้บริการที่มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนเป็นสำคัญ ประเด็นที่ 2 ปรับปรุงบทบาทและอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานครตามหลักการกระจายอำนาจ โดยมุ่งให้เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในพื้นที่กรุงเทพฯ มากขึ้น ประเด็นที่ 3 เพิ่มบทบาทของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการบริหารราชการเมืองด้วยความโปร่งใส โดยกำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องแถลงนโยบายและชี้แจงการดำเนินงานตามนโยบายต่อสภากรุงเทพมหานครซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันเข้าปฏิบัติงาน เพื่อให้สภากรุงเทพมหานครและประชาชนตรวจสอบติดตามการทำงานตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้อย่างเป็นระบบ และมีกฎหมายรองรับ ประเด็นที่ 4 เพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติราชการของสำนักงานเขตและสภาเขต โดยกำหนดให้สำนักงานเขตเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสภาเขตทำหน้าที่ให้ข้อแนะนำการจัดทำแผนพัฒนาเขตและเสนอร่างข้อบัญญัติ กทม. ที่มีความจำเป็น
ประเด็นที่ 5 ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับสภากรุงเทพมหานครให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง การประชุม การยุบสภา รวมทั้งปรับการบริหารสภากรุงเทพมหานคร โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานความมีคุณธรรม จริยธรรม ในระดับสากลเช่นเดียวกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม ประเด็นที่ 6 ตั้งองค์กรเพื่อจัดทำบริการสาธารณะ โดยให้อำนาจกรุงเทพมหานครตั้งองค์กรในรูปแบบบริษัทจำกัด วิสาหกิจ สหการ บรรษัทบริหาร และองค์การมหาชน เพื่อให้สามารถจัดทำบริการสาธารณะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างคล่องตัว และรวดเร็วยิ่งขึ้น ประเด็นที่ 7 เพิ่มแหล่งรายได้ โดยให้กรุงเทพมหานครสามารถจัดตั้งองค์การมหาชนให้เอกชนจัดบริการสาธารณะหรือจัดตั้งบรรษัทได้ ประเด็นที่ 8 การบริหารภายในมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมได้เพิ่มขึ้น เช่น น้ำมัน ยาสูบ ค่าธรรมเนียมสนามบิน ค่าธรรมเนียมจากผู้พักในโรงแรม ประเด็นที่ 9 กทม.กับรัฐบาล โดยปรับระบบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับ กทม. ให้สอดคล้องกับหลักการปกครองและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลเท่าที่จำเป็น เพื่อตรวจสอบความชอบของการกระทำของกรุงเทพมหานคร และประเด็นที่ 10 กทม.กับท้องถิ่นอื่น โดยเพิ่มกลไกให้ กทม.สามารถจัดทำบริการสาธารณะนอกเขตได้ เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดในการจัดทำบริการสาธารณะ ในกรณีพื้นที่หรือภารกิจเกี่ยวเนื่องกัน ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของท้องถิ่นอื่นได้ตามความเหมาะสม
เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางต่างๆ
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 287 กำหนดให้ประชาชนในท้องถิ่นมีสิทธิ มีส่วนร่วมในการบริหารกิจการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานครจึงร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ.... ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย.53 – 27 ม.ค.54 จำนวน 13 ครั้ง โดยผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนารับฟังความคิดเห็นสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ กองระบบงาน สำนักงาน ก.ก. โทร.0 2226 3726, 0 2226 3745 หรือสายด่วน กทม. โทร.1555 นอกจากนี้ยังร่วมแสดงความคิดเห็นได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 27 ม.ค.54 ผ่านทางเว็บไซต์ www.bangkok.go.th/pollkk หรือ www.lawamendment.go.th และทาง E-mail : poll_bma@hotmail.com หรือทำหนังสือส่งความคิดเห็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สกก.) เลขที่ 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
(1 ธ.ค..53) ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้าจัดขึ้น โดยในช่วงเช้าเป็นการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และในภาคบ่ายเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกสภาเขต (ส.ข.)
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่และการบริหารงานของกรุงเทพมหานคร ภาคประชาสังคม ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา และจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 27 ม.ค.54 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ผู้แทนประชาชนใน 6 กลุ่มเขตของกรุงเทพมหานคร นักวิชาการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในเขตกรุงเทพมหานคร ผู้แทนพรรคการเมือง และกลุ่มบุคคลทั่วไป เพื่อนำข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะและความต้องการของประชาชนภาคส่วนต่างๆ มาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป
เหตุพ.ร.บ.เดิมล้าสมัย ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 บังคับใช้มานานกว่า 25 ปีแล้ว จึงมีบทบัญญัติบางประการไม่ทันสมัย ไม่สอดคล้องกับหลักการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ซึ่งได้บัญญัติขึ้นภายหลัง ทำให้การจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนไม่คล่องตัว และการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร กรุงเทพมหานครจึงมีนโยบายแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถแก้ไขปัญหาและให้บริการประชาชนได้อย่างดีที่สุด พร้อมทั้งขับเคลื่อนองค์กรให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง และเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน โดยแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครจากนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ ทรงความรู้ความสามารถทั้งด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และด้านการปกครองท้องถิ่น โดยมีศาตราจารย์จรัส สุวรรณมาลา เป็นประธานกรรมการ และได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง พร้อมยกร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ.... เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เผย 10 ประเด็นสำคัญแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร
สำหรับประเด็นสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมของร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ.... ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 ปรับปรุงการบริหารราชการของกรุงเทพมหานครบนพื้นฐานการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ด้วยการให้บริการที่มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนเป็นสำคัญ ประเด็นที่ 2 ปรับปรุงบทบาทและอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานครตามหลักการกระจายอำนาจ โดยมุ่งให้เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในพื้นที่กรุงเทพฯ มากขึ้น ประเด็นที่ 3 เพิ่มบทบาทของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการบริหารราชการเมืองด้วยความโปร่งใส โดยกำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องแถลงนโยบายและชี้แจงการดำเนินงานตามนโยบายต่อสภากรุงเทพมหานครซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันเข้าปฏิบัติงาน เพื่อให้สภากรุงเทพมหานครและประชาชนตรวจสอบติดตามการทำงานตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้อย่างเป็นระบบ และมีกฎหมายรองรับ ประเด็นที่ 4 เพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติราชการของสำนักงานเขตและสภาเขต โดยกำหนดให้สำนักงานเขตเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสภาเขตทำหน้าที่ให้ข้อแนะนำการจัดทำแผนพัฒนาเขตและเสนอร่างข้อบัญญัติ กทม. ที่มีความจำเป็น
ประเด็นที่ 5 ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับสภากรุงเทพมหานครให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง การประชุม การยุบสภา รวมทั้งปรับการบริหารสภากรุงเทพมหานคร โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานความมีคุณธรรม จริยธรรม ในระดับสากลเช่นเดียวกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม ประเด็นที่ 6 ตั้งองค์กรเพื่อจัดทำบริการสาธารณะ โดยให้อำนาจกรุงเทพมหานครตั้งองค์กรในรูปแบบบริษัทจำกัด วิสาหกิจ สหการ บรรษัทบริหาร และองค์การมหาชน เพื่อให้สามารถจัดทำบริการสาธารณะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างคล่องตัว และรวดเร็วยิ่งขึ้น ประเด็นที่ 7 เพิ่มแหล่งรายได้ โดยให้กรุงเทพมหานครสามารถจัดตั้งองค์การมหาชนให้เอกชนจัดบริการสาธารณะหรือจัดตั้งบรรษัทได้ ประเด็นที่ 8 การบริหารภายในมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมได้เพิ่มขึ้น เช่น น้ำมัน ยาสูบ ค่าธรรมเนียมสนามบิน ค่าธรรมเนียมจากผู้พักในโรงแรม ประเด็นที่ 9 กทม.กับรัฐบาล โดยปรับระบบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับ กทม. ให้สอดคล้องกับหลักการปกครองและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลเท่าที่จำเป็น เพื่อตรวจสอบความชอบของการกระทำของกรุงเทพมหานคร และประเด็นที่ 10 กทม.กับท้องถิ่นอื่น โดยเพิ่มกลไกให้ กทม.สามารถจัดทำบริการสาธารณะนอกเขตได้ เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดในการจัดทำบริการสาธารณะ ในกรณีพื้นที่หรือภารกิจเกี่ยวเนื่องกัน ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของท้องถิ่นอื่นได้ตามความเหมาะสม
เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางต่างๆ
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 287 กำหนดให้ประชาชนในท้องถิ่นมีสิทธิ มีส่วนร่วมในการบริหารกิจการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานครจึงร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่..) พ.ศ.... ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย.53 – 27 ม.ค.54 จำนวน 13 ครั้ง โดยผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนารับฟังความคิดเห็นสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ กองระบบงาน สำนักงาน ก.ก. โทร.0 2226 3726, 0 2226 3745 หรือสายด่วน กทม. โทร.1555 นอกจากนี้ยังร่วมแสดงความคิดเห็นได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 27 ม.ค.54 ผ่านทางเว็บไซต์ www.bangkok.go.th/pollkk หรือ www.lawamendment.go.th และทาง E-mail : poll_bma@hotmail.com หรือทำหนังสือส่งความคิดเห็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สกก.) เลขที่ 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สาทรรายงานจำนวนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
นางกองกาญจน์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการเขตสาทร กทม. แจ้งว่า เขตฯ ประกอบด้วยแขวงจำนวน 3 แขวง คือ แขวงทุ่งวัดดอน แขวงทุ่งมหาเมฆ และแขวงยานนาวา มีจำนวนราษฎร และผู้มีสิทธิเลือกตั้งของสำนักงานเขตสาทร ประจำเดือน ต.ค. 53 ตามข้อมูลจากศูนย์ประมวลผลการทะเบียนราษฎร (ศปท.) ดังนี้ แขวงทุ่งวัดดอน จำนวนราษฎร ชาย 20,616 ราย หญิง 23,103 ราย รวม 43,719 ราย จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ชาย 15,529 ราย หญิง 18,488 ราย รวม 34,017 ราย จำนวนบ้าน 15,844 หลัง แขวงยานนาวา จำนวนราษฎร ชาย 11,492 ราย หญิง 12,572 ราย รวม 23,967 ราย จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ชาย 8,205 ราย หญิง 9,695 ราย รวม 17,900 ราย จำนวนบ้าน 9,061 หลัง แขวงทุ่งมหาเมฆ จำนวนราษฎร ชาย 10,201 ราย หญิง 10,446 ราย รวม 20,647 ราย จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ชาย 7,412 ราย หญิง 8,177 ราย รวม 15,589 ราย จำนวนบ้าน 12,063 หลัง
บางคอแหลมแจ้งสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้า
นายบัณฑิต สิทธินามสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม กทม. แจ้งว่า ตามที่มีกำหนดการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 2 โดยเปิดให้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 4-5 ธ.ค. 53 และกำหนดวันเลือกตั้ง ในวันที่ 12 ธ.ค. 53 นั้น เขตฯ ได้กำหนดสถานที่ให้ประชาชนมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 4 - 5 ธ.ค. 53 เวลา 08.00-17.00 น. ณ บริเวณลานจอดรถ ชั้น 1 อาคารสำนักงานเขตบางคอแหลม ถ.พระรามที่ 3 ซ.
ชวนผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 2 ประกาศเจตนารมณ์หาเสียงเลือกตั้งสมานฉันท์
น.ส.กุลกันยา ศุขะพันธุ์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. แจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร กำหนดจัดโครงการการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร (ส.ส.กทม.) เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง ในวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. 53 เวลา 08.30–16.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานเขตยานนาวา ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ 28 เขตยานนาวา โดย นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง จะเป็นประธานเปิดโครงการพร้อมทั้งบรรยายพิเศษ ให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วย หมายเลข 1 นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย หมายเลข 2 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3 นายจำรัส อินทุมาร ผู้สมัครจากพรรคไทยพอเพียง และหมายเลข 4 นายธันวา ไกรฤกษ์ ผู้สมัครจากพรรคธรรมาธิปัตย์ เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติในการเลือกตั้ง อีกทั้งชี้แจงให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะความผิด และบทกำหนดโทษเพื่อใช้เป็นแนวทางในการหาเสียงตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจนวิธีการหรือลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2551 เพื่อสร้างความรัก ความเข้าใจในการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ พ.ศ. 2550
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยบริสุทธิ์ยุติธรรม เกิดความสมานฉันท์ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี และรักษาไว้ ซึ่งความเป็นมิตร เป็นญาติ เป็น เพื่อนบ้านที่ดีต่อกันทั้งก่อน และหลังการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยบริสุทธิ์ยุติธรรม เกิดความสมานฉันท์ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี และรักษาไว้ ซึ่งความเป็นมิตร เป็นญาติ เป็น เพื่อนบ้านที่ดีต่อกันทั้งก่อน และหลังการเลือกตั้ง
ตรวจความคืบหน้าก่อสร้างสภากทม.
(29 พ.ย. 53) นายบำรุง รัตนะ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตวังทองหลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่สภากทม. ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้าง อาคารสภากรุงเทพมหานครแห่งใหม่ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
นายบำรุง กล่าวภายหลังตรวจการก่อสร้างอาคารสภากรุงเทพมหานครแห่งใหม่ว่า ขณะนี้โครงสร้างอาคารดำเนินการคืบหน้าไปแล้วเกือบ 100 % ส่วนภายในอาคารยังมีการปรับเปลี่ยนแบบและแก้ไขรายละเอียด เช่น เก้าอี้นั่งของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในห้องประชุมสภาแห่งใหม่ ซึ่งมีจำนวน 179 ที่นั่ง ยังไม่ได้มาตรฐานและไม่ตรงตามเนื้องานที่กำหนดไว้ อีกทั้งห้องประจำตำแหน่งของประธานสภากทม. และรองประธานสภากทม. มีความคับแคบจนเกินไป ต้องปรับปรุงให้มีความกว้างขวางเหมาะสมกับการใช้งาน ในส่วนของห้องประชุมคณะกรรมการสภากทม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตกแต่ง คาดว่าการก่อสร้างอาคารสภากทม. แห่งใหม่จะแล้วเสร็จและสามารถเข้าใช้งานได้ภายปลายปี 2555
นายบำรุง กล่าวภายหลังตรวจการก่อสร้างอาคารสภากรุงเทพมหานครแห่งใหม่ว่า ขณะนี้โครงสร้างอาคารดำเนินการคืบหน้าไปแล้วเกือบ 100 % ส่วนภายในอาคารยังมีการปรับเปลี่ยนแบบและแก้ไขรายละเอียด เช่น เก้าอี้นั่งของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในห้องประชุมสภาแห่งใหม่ ซึ่งมีจำนวน 179 ที่นั่ง ยังไม่ได้มาตรฐานและไม่ตรงตามเนื้องานที่กำหนดไว้ อีกทั้งห้องประจำตำแหน่งของประธานสภากทม. และรองประธานสภากทม. มีความคับแคบจนเกินไป ต้องปรับปรุงให้มีความกว้างขวางเหมาะสมกับการใช้งาน ในส่วนของห้องประชุมคณะกรรมการสภากทม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตกแต่ง คาดว่าการก่อสร้างอาคารสภากทม. แห่งใหม่จะแล้วเสร็จและสามารถเข้าใช้งานได้ภายปลายปี 2555
ปิดฉากกีฬานักเรียนกทม. “ช้างน้อยเกมส์” กรุงเทพเหนือคว้าคะแนนรวม
กทม. ปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร “ช้างน้อยเกมส์” กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือคว้าคะแนนรวมกีฬาเป็นที่ 1 ขณะที่กรุงเทพตะวันออกซิวกองเชียร์ กรุงธนใต้ครองขบวนพาเหรด พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกายเล่นกีฬา สนับสนุนจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนอย่างต่อเนื่องทุกปี
(30 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 หรือ “ช้างน้อยเกมส์” พร้อมมอบโล่รางวัลให้แก่ทีมชนะเลิศการแข่งขัน โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้อำนวยการเขต ผู้บริหารโรงเรียน คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดงโดยการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่า กลุ่มเขตที่ได้รับโล่รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมกีฬาทุกประเภท ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ โล่รางวัลชนะเลิศการประกวดกองเชียร์ ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก และโล่รางวัลชนะเลิศการประกวดขบวนพาเหรด ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงธนใต้
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้จัดให้มีการแข่งขันเป็น 3 ระดับ คือการแข่งขันระดับเขต ระดับกลุ่มเขต และระดับกรุงเทพมหานคร สำหรับการแข่งขันระดับกรุงเทพมหานคร ได้จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 22-30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” โดยมีชนิดกีฬาที่ใช้แข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานการตัดสินเช่นเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กีฬามีความสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาตนเอง อีกทั้งยังช่วยฝึกฝนความมีระเบียบวินัย เคารพกฎ กติกา มารยาท และสร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ส่งผลให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อทรัพยากรบุคคลของชาติ ซึ่งการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทุกองค์กรที่เข้ามามีส่วนร่วมสร้างพลังความสามัคคี ภายใต้คำขวัญที่ว่า “เสริมสร้างพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพฯ” ในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน และขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขอให้หมั่นฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและ เล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อชัยชนะในครั้งต่อไป นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่องทุกปี
(30 พ.ย. 53) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24 ปีการศึกษา 2553 หรือ “ช้างน้อยเกมส์” พร้อมมอบโล่รางวัลให้แก่ทีมชนะเลิศการแข่งขัน โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้อำนวยการเขต ผู้บริหารโรงเรียน คณะเจ้าหน้าที่ คณะนักกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดงโดยการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่า กลุ่มเขตที่ได้รับโล่รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมกีฬาทุกประเภท ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ โล่รางวัลชนะเลิศการประกวดกองเชียร์ ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก และโล่รางวัลชนะเลิศการประกวดขบวนพาเหรด ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงธนใต้
การแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้จัดให้มีการแข่งขันเป็น 3 ระดับ คือการแข่งขันระดับเขต ระดับกลุ่มเขต และระดับกรุงเทพมหานคร สำหรับการแข่งขันระดับกรุงเทพมหานคร ได้จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 22-30 พ.ย. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และสนามกีฬาในสังกัดกรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อการแข่งขันว่า “ช้างน้อยเกมส์” โดยมีชนิดกีฬาที่ใช้แข่งขันภาคบังคับ ประกอบด้วย 15 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส เปตอง เซปักตะกร้อ ว่ายน้ำ แบดมินตัน กรีฑา ยิมนาสติกลีลา ลีลาศ กอล์ฟ วอลเลย์บอลชายหาด เทควันโด และกีฬาสาธิต 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลหญิง และหมากกระดาน โดยใช้มาตรฐานการตัดสินเช่นเดียวกับกีฬาสากลโอลิมปิค
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กีฬามีความสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาตนเอง อีกทั้งยังช่วยฝึกฝนความมีระเบียบวินัย เคารพกฎ กติกา มารยาท และสร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ส่งผลให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อทรัพยากรบุคคลของชาติ ซึ่งการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทุกองค์กรที่เข้ามามีส่วนร่วมสร้างพลังความสามัคคี ภายใต้คำขวัญที่ว่า “เสริมสร้างพลานามัย สร้างน้ำใจนักกีฬา พัฒนาเยาวชนคนกรุงเทพฯ” ในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน และขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขอให้หมั่นฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและ เล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อชัยชนะในครั้งต่อไป นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่องทุกปี
จัดอบรมครูสังกัดกทม. ร่วมตระหนักและป้องกันปัญหาเพศสัมพันธ์ในเยาวชน
กทม. ห่วงใยนักเรียนในสังกัด จัดอบรมเชิงปฏิบัติการผู้เกี่ยวข้อง เร่งตระหนักถึงปัญหาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ทำแท้ง พร้อมทั้งหาทางออก และให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็กและเยาวชน ป้องกันปัญหาสังคมในอนาคต
(30 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักการศึกษา กทม. จัดขึ้น ณ ห้องศรีสุริยวงศ์ บอลรูม โรงแรมตวันนา เขตบางรัก เพื่อฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ ครูผู้สอนการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียน ศึกษานิเทศก์ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสิ้น 320 คน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน อีกทั้งสอนให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันการใช้ชีวิตทางเพศ การรักนวลสงวนตัว หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ตลอดจนเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมทางด้านพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมวัฒนธรรมไทย
กทม. ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิผู้หญิง องค์การแพธ (PATH) เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และสูตินารีแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ในการให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องตามโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในสังกัดกทม. และตระหนักถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และทำแท้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงสภาพจิตใจและพฤติกรรมทางเพศที่เสื่อมถอยของบุคคล ประกอบกับเรื่องเพศศึกษาในสังคมไทยเป็นเรื่องไม่ควรเปิดเผย ทำให้การให้ความรู้แก่เยาวชนอยู่ในวงจำกัด ส่งผลให้เยาวชนแสวงหาความรู้ ความเข้าใจที่ผิด จนถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และเกิดปัญหาการทำแท้งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ การฝึกอบรมดังกล่าว จะทำให้ผู้ดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในสังกัดกทม. นำความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษาและสุขศึกษาอย่างถูกต้องไปให้ความรู้แก่นักเรียนในสังกัดและเยาวชนอย่างถูกต้องต่อไป
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนนี้ เรื่องเพศสัมพันธ์มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางยากที่จะปิดกั้นการรับรู้ของเด็กและเยาวชนได้ ดังนั้นครู จึงมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้องแก่นักเรียน รวมถึงสร้างตระหนักแก่เด็กและเยาวชนถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง รวมไปถึงเฝ้าระวังนักเรียนในความดูแลไม่ให้มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร โดยชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างการเหตุการณ์พบศพทารกจากการทำแท้ง 2002 ศพ ซึ่งจะทำให้เห็นปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
(30 พ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักการศึกษา กทม. จัดขึ้น ณ ห้องศรีสุริยวงศ์ บอลรูม โรงแรมตวันนา เขตบางรัก เพื่อฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ ครูผู้สอนการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียน ศึกษานิเทศก์ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสิ้น 320 คน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน อีกทั้งสอนให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันการใช้ชีวิตทางเพศ การรักนวลสงวนตัว หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ตลอดจนเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมทางด้านพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมวัฒนธรรมไทย
กทม. ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิผู้หญิง องค์การแพธ (PATH) เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และสูตินารีแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ในการให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องตามโครงการพัฒนาทักษะชีวิตนักเรียนในสังกัดกทม. และตระหนักถึงปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และทำแท้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงสภาพจิตใจและพฤติกรรมทางเพศที่เสื่อมถอยของบุคคล ประกอบกับเรื่องเพศศึกษาในสังคมไทยเป็นเรื่องไม่ควรเปิดเผย ทำให้การให้ความรู้แก่เยาวชนอยู่ในวงจำกัด ส่งผลให้เยาวชนแสวงหาความรู้ ความเข้าใจที่ผิด จนถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และเกิดปัญหาการทำแท้งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ การฝึกอบรมดังกล่าว จะทำให้ผู้ดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในสังกัดกทม. นำความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษาและสุขศึกษาอย่างถูกต้องไปให้ความรู้แก่นักเรียนในสังกัดและเยาวชนอย่างถูกต้องต่อไป
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนนี้ เรื่องเพศสัมพันธ์มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางยากที่จะปิดกั้นการรับรู้ของเด็กและเยาวชนได้ ดังนั้นครู จึงมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้องแก่นักเรียน รวมถึงสร้างตระหนักแก่เด็กและเยาวชนถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง รวมไปถึงเฝ้าระวังนักเรียนในความดูแลไม่ให้มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร โดยชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างการเหตุการณ์พบศพทารกจากการทำแท้ง 2002 ศพ ซึ่งจะทำให้เห็นปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)