ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กทม.แถลงความคืบหน้าก่อสร้างสนามแข่งฟุตซอลชิงแชมป์โลก

กทม.เผยความคืบหน้าจัดหาสถานที่ก่อสร้างสนามฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมในสัปดาห์หน้า คาดใช้งบประมาณ 1.5 – 2 พันล้านบาท หวังผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางฟุตซอลในภาคพื้นเอเชีย

(23 ก.ย.53) ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการ กทม. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการก่อสร้างสนามฟุตซอลเพื่อจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ในปี 2555 (Worldcup Futsal 2012) ซึ่งกรุงเทพมหานครได้รับเกียรติจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฯ และเมื่อวันที่ 30 ก.ค.53 กรุงเทพมหานครได้รับหนังสือจาก FIFA แจ้งให้ดำเนินการก่อสร้างสนามฟุตซอลสำหรับการแข่งขันในพิธีเปิดและพิธีปิดที่มีความจุคนดูได้อย่างน้อย 12,000 ที่นั่ง โดยเป็นสนามกีฬาในร่มที่ใช้แข่งในระดับสากล สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครและสมาคมฟุตซอลได้ร่วมกันศึกษารายละเอียดเพื่อหาสถานที่ที่ เหมาะสมในการก่อสร้าง รวมถึงกำหนดรูปแบบการก่อสร้างที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีที่ดิน 2 แห่งที่มีศักยภาพจะนำมาพัฒนาการก่อสร้างอาคารสนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่ คือ พื้นที่บริเวณมักกะสัน ติดกับสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งขนาดพื้นที่ 180 ไร่ ลักษณะเด่นของพื้นที่ และการเดินทาง แต่มีอุปสรรคในด้านการขอใช้พื้นที่จากการรถไฟแห่งประเทศไทย อาจทำให้การก่อสร้างเสร็จไม่ทันเวลา ส่วนพื้นที่อีกแห่งหนึ่ง คือ ภายในสถาบันพัฒนาข้าราชการ เขตหนองจอก ขนาด 139 ไร่ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรุงเทพมหานครเอง สามารถดำเนินการได้ทันที แต่อยู่บริเวณชานเมือง ทำให้การเดินทางของนักกีฬาและผู้ชมต้องใช้เวลาพอสมควร และการบริหารงานหลังจบการแข่งขันจำเป็นต้องมีแผนการรองรับขนาดใหญ่ เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ด้านงบประมาณในการก่อสร้าง กรุงเทพมหานครจะเสนอรายละเอียดของพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีถือเป็นที่สุด โดยกรุงเทพมหานครพร้อมที่จะดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีคัดเลือก คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 1,500 – 2,000 ล้านบาท และต้องทำการวางศิลาฤกษ์ให้ทันภายในสิ้นปี 2553 นี้ เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จทันการแข่งขันฯ ในปี 2555 โดยหวังผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางฟุตซอลของภาคพื้นเอเชียด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น