ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สถิติการบริการและช่วยเหลือประชาชนผ่านสายด่วน 199 ของ สปภ. ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553

นายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กล่าวว่า ในเดือน พ.ค. 53 เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยออกให้บริการและช่วยเหลือประชาชนในเหตุต่างๆ ที่รับแจ้งผ่านศูนย์พระราม โทร. 199 ของกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็นเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือน จำนวน 11 ครั้ง เพลิงไหม้อุปกรณ์และสิ่งของอื่น ๆ ภายในอาคาร จำนวน 37 ครั้ง เพลิงไหม้หญ้าแห้งและขยะ จำนวน 257 ครั้ง เพลิงไหม้รถยนต์ จำนวน 14 ครั้ง จับสัตว์เลื้อยคลาน จำนวน 223 ครั้ง กำจัดรัง ต่อ แตน ผึ้ง จำนวน 54 ครั้ง ต้นไม้ล้ม จำนวน 1 ครั้ง แก๊สรั่วไหล จำนวน 5 ครั้ง เก็บกู้สารเคมี จำนวน 1 ครั้ง และบริการอื่นๆ จำนวน 22 ครั้ง อนึ่ง ศูนย์พระรามหมายเลข 199 เป็นหมายเลขฉุกเฉิน จึงขอความร่วมมือประชาชน ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินกรุณาหลีกเลี่ยงการโทรสายด่วน 199 เพราะประชาชนผู้ที่มีเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน จะไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ และเจ้าหน้าที่ก็ไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้ทันต่อเหตุการณ์ อุบัติภัย เรียกใช้ โทร. 199

รพ.กรุงเทพระยอง เปิดบริการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลกรณีไตวาย

น.ส.รสสุคนธ์ แสงอ่อน รองผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. แจ้งว่า ขณะนี้มีสถานพยาบาลของเอกชนเข้าร่วมโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลทดแทนไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังด้วยวิธีไตเทียม กรณีการส่งต่อผู้ป่วยเพิ่มเติมอีกหนึ่งแห่ง คือ โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง จ.ระยอง โดยเริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่เข้ารับการรักษาพยาบาลทดแทนไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังด้วยวิธีไตเทียมในสถานพยาบาลเอกชนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการเบิกจ่ายตรงกับกรุงเทพมหานคร ให้เบิกจ่ายในอัตราเหมาจ่ายที่รวมค่าอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรคตามประเภท อัตราค่าอวัยวะเทียม และอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรคตามที่กระทรวงการคลังกำหนด จำนวน 2,000 บาทต่อครั้ง โดยแนบใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลทดแทนไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังด้วยวิธีไตเทียมของสถานพยาบาลที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบเบิกจ่ายตรง และหนังสือส่งตัวผู้ป่วยรักษาต่อเนื่องกรณีรักษาทดแทนไตเพื่อประกอบการเบิกจ่าย
พร้อมนี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้แจ้งยกเลิกสถานพยาบาลของเอกชนเข้าร่วมโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลทดแทนไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังด้วยวิธีไตเทียม กรณีการส่งต่อผู้ป่วย จำนวน 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลซังฮี้ และสถานพยาบาลรัชดา – ท่าพระ เนื่องจากสถานพยาบาลทั้งสองแห่งได้ปิดดำเนินการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแล้ว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กทม. โทร. 0 2224 0486

กทม. มอบทุนอมรินทร์ส่งข้าราชการเรียนระดับนานาชาตินำความรู้พัฒนาเมือง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวระหว่างให้โอวาทข้าราชการผู้รับทุนอมรินทร์ก่อนเดินทางไปศึกษา ต่อระดับปริญญาโท ณ ต่างประเทศ ว่ากรุงเทพมหานครมีนโยบายพัฒนาบุคคลากรให้ได้รับการพัฒนาในระดับนานาชาติ เพื่อสร้างข้าราชการที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนากรุงเทพมหานคร จึงได้จัดตั้งทุนอมรินทร์ขึ้นเพื่อคัดเลือกข้าราชการของกรุงเทพมหานครเข้ารับการศึกษา อบรมในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยในปีนี้มีข้าราชการที่ได้รับทุน จำนวน 8 คน ประกอบด้วย น.ส.หรรษา อมาตยกุล ตำแหน่งวิศวกรโยธา 4 กลุ่มงานวิศวกรรมทาง 1 สำนักงานออกแบบ สำนักการโยธา ศึกษาต่อสาขา Transportation Engineering ณ สหราชอาณาจักร น.ส.วันเรารวี ธนกัญญา ตำแหน่งนักผังเมือง 5 ฝ่ายวางผังปรับปรุงฟื้นฟูเมือง กองจัดรูปที่ดินและปรับปรุงฟื้นฟูเมือง สำนักผังเมือง ศึกษาต่อสาขา Urban Management สหรัฐอเมริกา น.ส.อติโมท อุ่นจิตติ เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม 7ว ฝ่ายส่งเสริมความรู้ต่างประเทศส่วนแผนงานและส่งเสริมความรู้ สถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ศึกษาต่อสาขา Global Development ณ ประเทศญี่ปุ่น น.ส.ดีนะ ภู่ประดิษฐ์ เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม 6ว ฝ่ายส่งเสริมความรู้ในประเทศส่วนแผนงานและส่งเสริมความรู้ สถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ศึกษาต่อสาขา Human Resource Management ณ สหราชอาณาจักร
น.ส.ภวนพร บุญฤทธิ์ ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ 6 ว ฝ่ายแผนงานและผลิตสื่อ กองประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ศึกษาต่อสาขา Tourism Management ณ สหราชอาณาจักร นางมณฑนา เดชเจริญ ตำแหน่งนักพัฒนาการท่องเที่ยว 4 กลุ่มงานแผนงานการท่องเที่ยว กองการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สาขา Tourism&Hospitality Management/Hotel and Tourism Management ณ เครือรัฐออสเตรเลีย น.ส.ธมนอร สุนทรวงษ์ ตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ 6ว ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักพัฒนาสังคม ศึกษาต่อสาขา Social Work ณ เครือรัฐออสเตรเลีย และ น.ส.วัลย์ลิกา ลิ้มสุวรรณ ตำแหน่งนักพัฒนาชุมชน 7ว ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตสาทร ศึกษาต่อสาขา Social Work ณ สหราชอาณาจักร สำหรับทุนอมรินทร์รุ่นต่อไปซึ่งได้ปิดรับสมัครไปเมื่อเดือน มิ.ย. 53 จะดำเนินการคัดเลือกและประกาศผลในเดือน ส.ค. 53

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เชิญรับชมรายการ “กรุงเทพฯ ... เมืองแห่งความสุข” ทางช่อง 5

นายชุมพล ชาวเกาะ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. แจ้งว่า กรุงเทพมหานครจัดทำรายการ “กรุงเทพฯ ... เมืองแห่งความสุข” สารคดีความยาว 3 นาที ที่บอกเล่าเรื่องราวของการดำเนินงานด้านการให้บริการประชาชน ของกรุงเทพมหานคร ผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในวันเสาร์และอาทิตย์ หลังเคารพธงชาติ เวลา 08.00 น. โดยในวันเสาร์ที่ 10 ก.ค. 53 นำเสนอตอน “สวนพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อผู้พิการทางสายตา”หรือห้องเรียน ธรรมชาติ ภายในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ที่ให้ความรู้ควบคู่ไปกับความเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้พิการ ทำให้ผู้พิการรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และไม่ถูกละเลยอีกด้วย และในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค. 53 นำเสนอตอน “ห้องสมุด 4 G” เป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศส่งเสริม และสนับสนุนเยาวชนให้มีกระบวนการทางความคิด การเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ และเป็นการพัฒนาสติปัญญาและศักยภาพของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหา นครให้ก้าวไกลทันกับสภาพสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

บีทีเอสจัดงาน “คลินิกลอยฟ้าเฉลิมพระ เกียรติฯ” ที่สถานีวงเวียนใหญ่

กทม. ร่วมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจตรวจสุขภาพ ฟรี ในงาน คลินิกลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติฯ ระหว่างวันที่ 8-11 ก.ค. 53 เวลา 09.00-16.00 น. ณ สถานีวงเวียนใหญ่ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณ ของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

8 ก.ค. 53 ณ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส วงเวียนใหญ่ พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดคลินิกลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ ซึ่ง บ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดให้มีขึ้น โดยในงานได้จัดให้มีการตรวจสุขภาพฟรี กว่า 20 รายการ โดยบุคลากรการแพทย์จากโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานครกว่า 20 แห่ง เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลเจ้าพระยา โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลพญาไท 3 โรงพยาบาลมิชชั่น โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลหัวเฉียว ศูนย์โรคตา โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) สาขาสุขุมวิท และ วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

สำหรับรายการตรวจสุขภาพ ที่ได้นำมาบริการให้ประชาชนฟรีในครั้งนี้ อาทิ ตรวจสุขภาพคัดกรองความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ (EKG) การเจาะเลือดตรวจไขมันในเส้นเลือด ประเมินความเสี่ยงโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ตรวจวัดสมรรถภาพของหลอดเลือดแดงส่วนปลายด้วยเครื่อง(ABI) ตรวจคัดกรองการเป็นต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม ด้วยกล้องตรวจตา โรคเกี่ยวกับ หูตาคอ จมูก ตรวจความเสี่ยงโรคหัวใจ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด สมรรถภาพปอด ตรวจประเมินความเสี่ยงโรคกระดูก การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม คลินิกวัยทอง และโรค Office Syndrome ประเมิน ความเสี่ยงโรคหัวใจ ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย แมะไฟฟ้าตรวจประเมินสุขภาพแบบองค์รวม Body Screening ตรวจธาตุเจ้าเรือน (แพทย์แผนไทย) ตรวจสุขภาพอวัยวะภายในโดยการจับชีพจรแบบจีน ฯลฯ

ทั้งนี้ภายในงานมีนิทรรศการแสดง พระกรณียกิจของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ระหว่างที่ทรงดำรงตำแหน่ง ประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิ พอ.สว. การให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพ พร้อมทั้งมีการเสวนาในหัวข้อ “ห่างไกลจากโรค Computer Vision Syndrome (CVS) และ Office Syndrome โรค ธรรมดา..ที่ไม่ธรรมดาของคนเมือง” ในวันที่ 8 ก.ค. 53 เวลา 09.50-10.30 น. โดยนายแพทย์ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) และนายแพทย์ภาษิต ไทรงาม จากโรงพยาบาลเจ้าพระยา และแขกรับเชิญคุณนงนาถ กมลาศน์ ณ อยุธยา ดำเนินรายการโดยคุณอริสรา กำธรเจริญ

นอกจากนี้รถไฟฟ้าบีทีเอสยังได้ยกเว้นให้ผู้ที่ จะเข้ามารับการตรวจสุขภาพ ไม่ต้องเสียค่าผ่านเข้า-ออกในระบบ เฉพาะที่สถานี วงเวียนใหญ่ที่เป็นที่จัดงาน สนใจคลิกเข้าไปดูตารางการตรวจโรค ได้ที่ www.bts.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนสื่อสารองค์กร โทร. 0 2617 7300 ในเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ หรือ ศูนย์ฮอตไลน์บีทีเอส 0 2617 6000

กทม.พร้อมจัดเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข. เตรียมเปิดรับสมัคร 26 – 30 ก.ค.53

(8 ก.ค. 53) นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะ กรรมการศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภาเขต เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและเตรียมความพร้อม ในการจัดการเลือกตั้ง โดยมี นางนินนาท ชลิตานนท์ และ นายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.อำนาจ อินทรประสาท ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล นาย สุพจน์ ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) พลเรือโท ณรงค์ ชโลธร ประธาน กรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะกรรมการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร (กกต.ทถ.กทม.) นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน และผู้อำนวยการเขต 50 เขต ร่วมประชุม งบประมาณจัดการเลือกตั้ง ประมาณ 254 ล้านบาท

กำหนดรับสมัคร ส.ก. และ ส.ข. 26 – 30 ก.ค.นี้

กทม.ได้เตรียมพร้อมการจัดเลือก ตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) 36 เขต ภายหลังครบวาระ การดำรงตำแหน่งวันที่ 22 ก.ค.53 โดยกำหนดเปิดรับสมัคร ส.ก. 50 เขต ในวันที่ 26-30 ก.ค. 53 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง และเปิดรับสมัคร ส.ข.36 เขต ในวันที่ 26 – 30 ก.ค.53 ณ สำนักงานเขตที่ประสงค์ลงสมัคร

ทั้ง นี้ คุณสมบัติของผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ก. ประกอบด้วย มีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ (เกิดก่อนวันที่ 31 ส.ค. 28) มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตกทม.ติดต่อ กันจนถึงวันรับสมัครไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเสียภาษีตามกฎหมาย ว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน หรือกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ ให้กับกทม.มาเป็นเวลาติดตามกัน 3 ปี

สำหรับคุณสมบัติของผู้ประสงค์สมัคร รับเลือกตั้งเป็น ส.ข. 36 เขต ประกอบด้วย มีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ (เกิดก่อนวันที่ 31 ส.ค.28) มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตกทม.ติดต่อกันจนถึงวันรับสมัครไม่น้อยก ว่า 180 วัน หรือเสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน หรือกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ให้กับกทม.ในปีที่สมัครหรือปี ก่อนที่สมัคร 1 ปี

คิดค่าใช้จ่ายหาเสียง ส.ก.ย้อนหลังตั้งแต่ 22 พ.ค.เป็นต้นไป

ในส่วนของประกาศหรือป้ายโฆษณาหา เสียงเลือกตั้ง ส.ก.นั้น กกต.กทม.ได้ตั้งวงเงินค่าใช้จ่ายในการหาเสียง เลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือก ตั้ง ส.ก. ไว้รายละไม่เกิน 800,000 บาท พร้อมทั้งกำหนดขนาดของประกาศ ควรมีขนาดไม่เกิน 30X42 ซม. จำนวนไม่เกิน 15 เท่าของหน่วยเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้ง และขนาดไม่เกิน 130 X 245 ซม. จำนวนไม่เกิน 5 เท่าของหน่วยเลือกตั้งในแต่ละเขต เลือกตั้ง ทั้งนี้ ในส่วนของป้ายสติ๊กเกอร์ของ ส.ก.ที่ติดอยู่ตามวัสดุครุภัณฑ์ รวมถึงป้ายหาเสียงต่างๆ ก่อนครบวาระดำรงตำแหน่ง ต้องนำออก ถ้าไม่นำออกอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เลือกตั้ง และจะคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัคร รับเลือกตั้งย้อนหลัง 60 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 53 ตามที่กฎหมายกำหนดด้วย

พร้อมรุกสื่อประชาสัมพันธ์กระตุ้นคนกรุงใช้สิทธิ

รองปลัดฯ ทวีศักดิ์ กล่าวด้วยว่า กทม.กำหนดแผนการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารการเลือก ตั้ง ส.ก.และส.ข.อย่างกว้างขวาง อาทิ สื่อโทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ แผ่นปลิว ป้ายแบนเนอร์ และป้ายประชาสัมพันธ์ต่างๆ ตลอดจนขอความร่วมมือภาคเอกชนและทุกภาคส่วนร่วมกันประชาสัมพันธ์การ เลือกตั้งให้มากที่สุด นอกจากนี้กทม.จะตั้งศูนย์แถลงข่าวการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข. ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.53 เป็นต้นไป พร้อมจัดแถลงข่าวประจำสัปดาห์ทุกวันจันทร์ เพื่อให้ข้อมูล ข่าวสาร ความคืบหน้าการ จัดเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. ตลอดจนกิจกรรมการรณรงค์การเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสารการเลือกตั้งของกรุงเทพมหานครอย่าง ต่อเนื่อง และกระตุ้นให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากกว่าสถิติครั้ง ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.49 ซึ่งมีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 41.94

จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยเข้มการเลือก ตั้ง

ด้าน ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะคณะทำงานฝ่ายรักษาความสงบ เรียบร้อย เปิดเผยว่า ในการจัดเลือกตั้ง ส.ก. และส.ข. 36 เขต จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งประมาณ 17,000 นาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่นครบาล มีกำลังพลรวม 13,000 คน จำเป็นต้องใช้กำลังเสริมจากตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 2 ภาค 7 หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) นอกจากนี้ยังได้จัดชุดสืบสวนและสอบ สวนเพื่อดูแลความเรียบร้อยทั้งในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง ระหว่างการจัดเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง ทั้งนี้ในวันรับสมัครเลือกตั้ง ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 100 นาย และเทศกิจ 100 นาย ดูแลความปลอดภัยพื้นที่อย่างเข้มงวดรวมถึงการจราจรบริเวณที่มีการรับสมัครเลือก ตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งและกองเชียร์ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

รองผู้ว่า กทม.เผยเตรียมทุ่มงบ 2 หมื่นล้านพัฒนา กทม.

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า กทม.มีแผนที่จะให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่กทม.ถือหุ้น 100 เปอร์เซนต์ ดำเนินการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ทั้งสกายวอล์ค ส่วนต่อรถไฟฟ้า การปรับปรุงการเดินเรือในคลองแสนแสบ โยใช้เงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยขอสินเชื่อจากธนาคารออมสินระยะเวลา 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.5 เปอร์เซ็นต์ โดยโครงการทั้งหมดที่จะทำการพัฒนานั้นจะมีการขออนุมัติงบประมาณปี 2554 จากสภากรุงเทพมหานคร ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 นี้ คาดว่าโครงการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง

นายธีระนกล่าวว่า สำหรับโครงการต่างๆ ประกอบด้วย โครงการทางเดินลอยฟ้า หรือ “สกายวอล์ค” จำนวน 4 เส้นทาง เพื่อเป็นการคืนพื้นที่ทางเท้าให้กับประชาชน หลงจากที่ริมทาเท้าถูกใช้ไปทำการค้า หรือวางแผงขายสินค้า เส้นทางดังกล่าวประกอบด้วย 1.ส่วนต่อขยายจากชิดลม-บางนา ระยะทาง 8 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 2,000 ล้านบาท โดยเส้นทางนี้หากผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของอาคารในย่านสุขุมวิทต้องการสร้างทางเชื่อม ก็ต้องมาติดต่อกับกทม.และเสียค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อประมาณ 10 ล้านบาท แต่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการก่อสร้างเองทั้งหมด

“ถนนสุขุมวิทมีโครงการประเภทคอนโดมิเนียมและอาคารต่างๆเกือบ 100 โครงการ การลงทุนเพียง 10 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการลงทุนเองที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายร่วม 100 ล้านบาท”

2. เส้นทางจากสยาม-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระยะทาง 3 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 700 ล้านบาท 3. เส้นทางจากวงเวียนใหญ่-สะพานตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งบริเวณนี้จะทำเป็นพาร์ค&ไลฟ์ ด้วย

4. เส้นทางจากสนามกีฬาราชมัคลากีฬาสถาน-แยกพระราม9-รามคำแหง ระยะทาง1.5 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 300 ล้านบาท

“สกายวอล์ค ดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ในการหลบแดด ฝน รวมไปถึงการจราจรและร้านค้าที่พลุกพล่านบริเวณด้านล่าง ได้เป็นอย่างดี โดยคนไทยต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว “

นายธีระชน กล่าวว่า นอกจากนี้ผู้ประกอบการในสมาคมผู้ประกอบการย่านราชประสงค์เสนอจะร่วมกันลงทุนก่อสร้าง สกายวอร์ค บนแนวถนนราชดำริจากแยกราชประสงค์ - แยกประตูน้ำ และแนวเส้นทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จากแยกประตูน้ำ - แยกราชเทวี โดยไม่ใช้งบประมาณของทางกรุงเทพมหานคร อีกด้วย ซึ่งในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ กลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวจะเข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.เพื่อหารืออีกครั้งหนึ่ง

นายธีระชนกล่าวว่า นอกจากนี้กทม.ยังเดินหน้าก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนใน 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส สายบางหว้า อีก 4 สถานี รวมทั้งการจัดหาระบบรางและวรถมาเนรถในช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง 2.การปรับภูมิทัศน์คลองแสนแสบให้เหมือนคลองในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ อาทิ การทำแนวเขื่อนตลอดแนวให้สวยงาม และพัฒนาท่าเรือให้ทันสมัยเหมือนศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง อีกทั้งอาจขยายเส้นทางการเดินทางจากเดิมเริ่มต้นที่วัดศรีบุญเรือง ไปเริ่มต้นที่มีนบุรี นอกจากนี้ยังจะเพิ่มเรือปรับอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และหากผู้ประกอบการการเดินเรือบริษัท ครอบครัวขนส่ง(2002) จำกัด สนใจเข้าร่วมโครงการ ทางกทม.ก็ยินดี อีกทั้งยังจะมีการเพิ่มประตูรายบายน้ำอีก 1 จุด โดยใช้งบประมาณในการปรับปรุงทั้งสิ้น 1,300 ล้านบาท

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กทม.ออกระเบียบจริยธรรม"ขรก." ตั้ง11กก.คุมกฏเหล็ก กำหนดค่านิยม 9ข้อ

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2552 ออกตาม มาตรา 279 รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ระเบียบดังกล่าวได้กำหนดมาตรฐานจริยธรรมของข้าราชการและลูกจ้าง กทม. ไว้ 10 ข้อ อาทิ ไม่ใช้ตำแหน่งไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางตรงและทางอ้อม,ไม่ใช้และไม่แนะนำให้ประชาชนใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นโดยมิชอบ,ต้องไม่ใช้ชื่อบุคคลอื่นถือครองทรัพย์สินแทนตนเองเพื่อเลี่ยงกฎหมาย ฯลฯ นอกจากนี้ ยังกำหนดค่านิยมหลักของข้าราชการและลูกจ้างไว้ 9 ข้อ อาทิ ต้องยึดถือประโยชน์ของประเทศเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ให้บริการกับประชาชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ปลัด กทม.กล่าวอีกว่า ระเบียบดังกล่าวกำหนดให้แต่งตั้งคณะกรรมการจริยธรรมฯ 11 คน มี ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธาน และมีบุคคลภายนอกร่วมอีก 5 คน โดยมอบให้นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ รองปลัด กทม. เป็นผู้พิจารณาผู้ทรงคุณวุฒิที่จะเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการ ในสัปดาห์นี้ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงฝ่ายข้าราชการประจำจะหารือเพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมก่อนจะทาบทามให้เข้ามาเป็นกรรมการชุดดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายปลายเดือนนี้ เชื่อว่าระเบียบนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการกับประชาชน และการปฏิบัติราชการอย่างโปร่งใส อีกทั้งข้าราชการประจำจะไม่ถูกผู้บังคับบัญชาระดับสูงกลั่นแกล้ง

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อบรมหลักสูตร: ประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคม สันติสุข (สสสส รุ่นที่ 2) สถาบันพระปกเกล้า

ศึกษาดูงานภาคใต้ตอนล่าง ประเด็น :
"สถานการณ์และแนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี"
ันที่ 30 มิถุนายน -3 กรกฎาคม 2553

โดย กรรมการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep south watch)
ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ ม.สงขลานครินทร์




อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็น "สถานการณ์และแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในจังหวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี" ณ โรงแรมซีเอส ปัตตานี


น.ส. รอสิดะห์ ปูชู (ตัวแทนกลุ่มผู้หญิง)

นาย อนุศาสน์ สุวรรณมงคล (ส.ว. ปัตตานี)

นาย อาเต็ฟ โช๊ะโก (แกนนำเยาวชน)

และ ตัวแทนประธานมูลนิธิทนายความมุสลิม

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สภากทม. MOU เทศบาลรากุนด้าเตรียมส่ง60คนแรกไปดูแลผู้สูงอายุในสวีเดน

สภากทม. เดินหน้าโครงการส่งผู้ดูแลผู้สูงอายุไปสวีเดน ล่าสุดประธานสภาฯ ลงนาม MOUกับเทศบาลรากุนด้า เตรียมส่งแรงงาน 60 คน นำร่องก่อนขยายไปยังเทศบาลอื่น ขณะที่สวีเดนต้องการมากถึง 10,000 คน ตั้งคณะกรรมการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้โครงการยั่งยืน พร้อมจับมือผู้ว่าฯกทม. รมว.แรงงาน ลงนามความร่วมมือภายในเดือน ก.ค. นี้ ก่อน ส.ก.หมดวาระ

นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ประธานสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการความร่วมมือด้านการดูแลผู้สูงอายุในสวีเดนว่า จากการที่สภากรุงเทพมหานครได้สถาปนาความสัมพันธ์สภาบ้านพี่เมืองน้องกับสภาเทศบาลรากุนด้า ราชอาณาจักรสวีเดน และทางรากุนด้า ได้แสดงเจตจำนงในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับสภากรุงเทพมหานคร เรื่อง การสนับสนุนแรงงานไทยไปทำงานที่สวีเดนในฐานะผู้ดูแลผู้สูงอายุนั้น เพื่อเป็นการยืนยันความร่วมมือดังกล่าว ทั้งสองสภาฯ จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) ในการเดินหน้าโครงการดังกล่าวร่วมกันโดยมีการลงนามใน MOUเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ เทศบาลโซเลฟทีโอ สวีเดน

นายกิตพล กล่าวว่า โครงการสนับสนุนแรงงานไทยไปทำงานที่สวีเดนในฐานะผู้ดูแลผู้สูงอายุริเริ่มโดยสภากรุงเทพมหานคร แต่เนื่องจากสมาชิกสภากทม. กำลังจะหมดวาระในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ เพื่อให้โครงการดังกล่าวดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน จึงได้เสนอผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างสภากรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ของกรุงเทพมหานคร และกระทรวงแรงงาน เพื่อหาข้อสรุปในรายละเอียดโครงการ เช่น การกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะไปทำงาน การอบรมเพิ่มเติมด้านภาษา การดูแลผู้สูงอายุ และความรู้ด้านวัฒนธรรม เป็นต้น ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางเทศบาลรากุนด้าระบุคุณสมบัติ อายุไม่เกิน 35 ปี วุฒิการศึกษาขั้นต่ำสุดระดับมัธยมปลาย สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และมีความรู้ด้านการดูแลผู้สูงอายุ ทดลองงาน 6 เดือน รายได้ประมาณเดือนละ 17,000 โครน หรือประมาณ 68,000 บาท

อย่างไรก็ดีเนื่องจากการส่งแรงงานไปต่างประเทศไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานครโดยตรง จึงกำหนดพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเดินหน้าโครงการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

นายกิตพล กล่าวว่า จากการเยือนสวีเดนในครั้งนี้มีโอกาสได้เข้าเยี่ยมคารวะรองผู้ว่าราชการมณฑลแจมท์แลนด์ ซึ่งเป็นมณฑลแรกที่จะนำร่องโครงการความร่วมมือฯ ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการมณฑลแจมท์แลนด์ได้ยืนยันถึงความยินดีในการสนับสนุนโครงการดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยให้ข้อมูลว่าในมณฑลแจมท์แลนด์มีผู้สูงอายุถึง 25% และยังมีความต้องการผู้ดูแลผู้สูงอีกจำนวนมาก ซึ่งหลังจากเตรียมส่งผู้ดูแลผู้สูงอายุไปที่รากุนด้ารอบแรก 60 คน แล้วจะขยายความร่วมมือไปยังเทศบาลอื่น เช่น ออสเตอร์ซุนด์ โซเลฟทีโอ ต่อไป ทั้งนี้ในสวีเดนมีความต้องการผู้ดูแลผุ้สูงอายุถึง 10,000 อัตรา เนื่องจากผลพวงของยุค Baby Boom หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้ปัจจุบันในราชอาณาจักรสวีเดนมีผู้สูงอายุประมาณ 20,000 คน ขณะที่มีประชากรทั้งสิ้นเพียง 9 ล้านคนเศษ มีสภาพเป็นครอบครัวเดี่ยว และขาดคนดูแลผู้สูงอายุ จึงต้องการแรงงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบกับชาวสวีเดนมีความชื่นชอบประเทศไทย ชื่นชมและไว้ใจคนไทย จึงเป็นโอกาสดีที่คนไทยจะได้เข้ามาทำงานนี้ โดยจะมีรายได้และสวัสดิการที่ดีเท่าเทียมกับพลเมืองของราชอาณาจักรสวีเดน



เลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 6 เน้นโปร่งใส รอบคอบ บริสุทธิ์ ยุติธรรม


ปลัดฯกทม. ตรวจความพร้อมจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 6 กำชับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความ โปร่งใส รอบคอบ บริสุทธิ์ ยุติธรรม ชัดเจน ตรวจสอบได้ ระวังความผิดพลาดมากที่สุดแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะอยู่ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติและหลายฝ่ายจับตามองเป็นพิเศษ คาดมีผู้ใช้สิทธิมากกว่าครั้งที่แล้ว

(1 ก.ค. 53) ณ สำนักงานเขตคลองสามวา : ดร.พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 6 ประกอบด้วย เขตคลองสามวา บึงกุ่ม คันนายาว และหนองจอก ซึ่งเป็นการเลือกตั้งซ่อมแทนนายทิวา เงินงวง ที่เสียชีวิต กำหนดเปิดลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในวันที่ 1718 ก.ค. 53 และจัดเลือกตั้งในวันที่ 25 ก.ค. 53 เวลา 08.0015.00 น. คาดจะมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ผ่านมา

ย้ำเจ้าหน้าที่รอบคอบ ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้

ดร.พงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า ก.ก.ต. เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ส.ส. โดยกทม. ให้การสนับสนุนการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้อยู่ในช่วงสภาวะบ้านเมืองไม่ปกติ มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่สำคัญเป็นที่สนใจและจับตามองของคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย เนื่องจากเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่หลายฝ่ายจับตามองและติดตามอย่างใกล้ชิด จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ชัดเจน ระมัดระวังอย่าให้เกิดความผิดพลาดแม้จะเป็นความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม หรือหากเกิดความผิดพลาดก็ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด

นอกจากนี้ด้านการอำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนที่จะมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียง ได้เน้นย้ำให้เขียนแผนที่แจ้งเส้นทางการเดินทางและที่ตั้งหน่วยเลือกตั้งแก่ประชาชนอย่างรายละเอียด เข้าใจง่าย หากมีการย้ายหน่วยเลือกตั้งให้แจ้งประชาชนให้ทราบโดยเร็วเพื่อจะได้เตรียมตัวหรือศึกษาเส้นทางล่วงหน้า พร้อมทั้งการตอบข้อซักถาม ข้อพิจารณา หรือการวินิจฉัยต่างๆ รอบคอบถูกต้อง ชัดเจนครบถ้วน โดยเฉพาะขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝนอาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง น้ำท่วม เป็นอุปสรรคต่อการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนได้ ซึ่งได้มอบหมายให้ทั้ง 4 เขต จัดเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอดการเลือกตั้ง จัดเตรียมสถานที่เลือกตั้งให้มีความมั่นคงแข็งแรง จัดสถานที่จอดรถ และเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำรองกรณีเกิดฝนตก เช่น บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ป้ายประกาศต่างๆ

ดูแลรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้การเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเสนอแนวทางให้ทั้ง 4 เขตเก็บในสถานที่เดียวกัน ให้อยู่ในบริเวณหรือสถานที่โล่งแจ้ง มองเห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและจัดเจ้าหน้าที่ของเขตดูแลหีบบัตรเลือกตั้ง 24 ชั่วโมง ติดตั้งกล้อง CCTV และเปิดให้ประชาชนสามารถสังเกตการณ์ได้ตลอดเวลา ซึ่งทั้ง 4 เขตเห็นร่วมกันที่จะเก็บหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าไว้ที่สำนักงานเขต รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง และรักษาความสงบ เรียบร้อย อาคารสำนักงานและบริเวณโดยรอบตลอดเวลาด้วย สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 50 มีผู้มาใช้สิทธิ 258,531 คน คิดเป็นร้อยละ 71.58 จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 361,159 คน และคาดว่าครั้งนี้จะมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าครั้งที่แล้ว

เชื่อไม่เกิดการทุจริตแม้ใช้สิทธิด้วยบัตรเหลือง

สำหรับกรณีการใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยบัตรเหลืองที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะมีการปลอมแปลงหรือใช้ในการทุจริตการเลือกตั้งนั้ ปัจจุบันบัตรเหลืองมี 2 รุ่นด้วยกัน โดยรุ่นที่ 1 จะไม่มีการพิมพ์รูปถ่ายผู้ถือบัตร แต่รุ่นที่ 2 จะมีการพิมพ์รูปของผู้ถือบัตรด้วย โดยจะหารือไปยัง ก.ก.ต. เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อสรุปและแนวทางที่ชัดเจน เป็นรูปแบบเดียวกันต่อไป

ขอเชิญชวนประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส. เขต 6 มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 1718 ก.ค. 53 หรือใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในวันที่ 25 ก.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 08.0015.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิ ซึ่งสามารถใช้สิทธิได้ในหน่วยเลือกตั้งเดียวกับการเลือกตั้สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ในครั้งที่ผ่านมา

----------------------------

กทม. เปิดตลาดนัดการเรียนรู้พัฒนาเครือข่ายโรงเรียนสู่มาตรฐาน


เครือข่ายโรงเรียนเขตบางขุนเทียนเปิดตลาดนัดการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการระหว่างโรงเรียน พร้อมเดินหน้ายกระดับการศึกษาสู่มาตรฐานที่สูงขึ้น เน้นผู้เรียนมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ

(2 ก.ค. 53) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการตลาดนัดการเรียนรู้ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตบางขุนเทียน เครือข่ายที่ 71 และ 72พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการครูและผู้บริหารดีเด่น ณ โรงเรียนวัดกำแพง เขตบางขุนเทียน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนในพื้นที่เขตบางขุนเทียน จำนวน 16 โรงเรียน ตามนโยบายการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนของกรุงเทพมหานครที่เน้นการพัฒนาด้วยระบบคุณภาพภายใน ทั้งระบบหลักและระบบสนับสนุน มีกระบวนการของระบบคุณภาพในทุกระบบย่อย เพื่อนำไปสู่ระบบหลักของโรงเรียน พร้อมส่งเสริมคุณภาพ ยกระดับมาตรฐานของโรงเรียนให้ดีขึ้นด้วยกระบวนการพัฒนาที่เข้มแข็งและพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นที่ยอมรับของสังคม

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมแสดงผลงานทางวิชาการ นิทรรศการทางการศึกษา กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของครูที่ผ่านการเลื่อนวิทยฐานะ นวัตกรรมที่ครูคิดขึ้นใหม่ งานวิจัยในชั้นเรียน กิจกรรมสาธิต และการแสดงบนเวทีของนักเรียนจากโรงเรียนเครือข่ายทั้ง 16 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา โรงเรียนวัดสะแกงาม โรงเรียนราชมนตรี โรงเรียนวัดเลา โรงเรียนวัดท่าข้าม โรงเรียนวัดบัวผัน โรงเรียนวัดกำแพง โรงเรียนศาลเจ้า (ห้าวนุกูลวิทยา) โรงเรียนวัดกก โรงเรียนวัดบางกะดี่ โรงเรียนวัดแสมดำ โรงเรียนหมู่บ้านเกาะโพธิ์ โรงเรียนวัดหัวกระบือ โรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ โรงเรียนวัดประชาบำรุง และโรงเรียนแก้วขำทับอุปถัมภ์

----------------------------

จ่ายค่าเช่าตลาดนัดจตุจักร กทม. เตรียมเจรจาต่อสัญญาใหม่


(2 ก.ค. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีส่งมอบเงินค่าเช่าพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร จำนวน 84,422,904.20 บาท ให้แก่นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายอรุณ ศรีจรูญ ผู้อำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร นายทวีศักดิ์ สุทธิเสริม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทนสมาคมผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม. ในฐานะคู่สัญญาเช่าที่ดินบริเวณตลาดนัดจตุจักร ได้ส่งมอบเงินค่าเช่าพื้นที่จำนวน 84,422,904.20 บาท ซึ่งค้างชำระมาตั้งแต่ปี 2544 ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว จากนี้กทม. ได้มอบหมายให้ นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมการควบคุมการจัดการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร และกองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร เตรียมเสนอแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณตลาดนัดจตุจักรเพื่อเจรจาต่อสัญญาเช่าใหม่กับการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยแผนพัฒนาพื้นที่จะต้องมีความชัดเจน และเป็นรูปธรรม เช่น การปรับปรุงทางเดิน การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดจนการบริหารจัดการตลาดนัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า หากการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อสัญญาใหม่ให้แก่กทม. ตนจะเสนอข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครต่อสภากรุงเทพมหานคร เพื่อให้ตลาดนัดจตุจักรเป็นองค์กรที่ถูกต้อง มีสถานะที่มั่นคง และดำเนินงานได้คล่องตัวยิ่งขึ้ ที่สำคัญต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

ด้าน ผู้ว่าการการถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กทม. จะหมดสัญญาเช่าพื้นที่บริเวณตลาดนัดจตุจักร ในวันที่ 1 ม.ค. 55 ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยจะต่อสัญญาใหม่กับกทม. หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย

----------------------------

ดีเดย์บังคับใช้ข้อบัญญัติช้างเร่ร่อนในกรุงเทพ หยุดทรมานให้ช้างเป็นทาสแรงงานมนุษย์


กทม. บังคับใช้ข้อบัญญัตควบคุมช้างเร่ร่อน ดีเดย์ 1 ก.ค. 53 ควาญช้างฝ่าฝืนนำช้างมาเร่ร่อนหารายได้จะโดนข้อหาหนักทั้งจับ ยึด และปรับ ส่วนผู้ให้อาหาร ให้ที่อยู่ช้างเร่ร่อนปรับ 1 หมื่น เป้าหมายเพื่อลดการคุกคามการมีชีวิตรอดของช้าง หากใจบุญสนับสนุนบริจาคเข้าบัญชี ช้างยิ้มธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยศาลาว่าการ กทม. เลขที่ 088-0-03418-1 ได้อย่างต่อเนื่อง

2 ก.ค. 53 ศาลาว่าการกทม. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการช้างยิ้มและการประกาศใช้ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครการควบคุมการนำช้างมาหารายได้ในเขตกรุงเทพมหานครโดยมี ม.ร.ว.จิยากร เสสะเวช กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ธงชัย มุ่งเจริญพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ น.ส.พอลล่า เทเลอร์ ดารานักแสดง ร่วมแถลงข่าว

กรุงเทพมหานครมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนอย่างยั่งยืน โดยใช้การบูรณาการความร่วมมือแบบพหุภาคีจากผู้มีส่วนรับผิดชอบ (Stake holder) ทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน หน่วยงานด้านวิชาการ และการสื่อสารมวลชน เพื่อร่วมระดมกำลังในการวางแผนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลในทางการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของช้างและควาญช้างอย่างยั่งยืน โดยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่ทางราชการใช้มาตรการที่เด็ดขาดในการ จับ ยึด ปรับ เพื่อป้องกันการนำช้างเข้ามาเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเกิดผลดีต่อการบริหารเมืองในด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจราจร และความปลอดภัยของประชาชน ปรากฏในข้อเท็จจริงมาตรการดังกล่าวกลายเป็นจุดคุกคามการมีชีวิตรอดของช้างและควาญช้าง เป็นวงจรที่เรื้อรังมานาน

ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2553 ที่ประชุมได้ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบ ร่างข้อบัญญัติกทม. เรื่องการควบคุมการนำช้างมาหารายได้ในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2553 ซึ่งมีรายละเอียดที่สำคัญ คือ ห้ามเจ้าของช้างนำช้างมาหารายได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ หากฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ที่ดินของตนเป็นที่พักช้างเพื่อการนำช้างหารายได้โดยไม่ได้รับอนุญาต และห้ามมิให้บุคคลใดสนับสนุนส่งเสริมการนำช้างมาหารายได้โดยกระทำการใดๆ ที่เป็นการอำนวยความสะดวกหรือเอื้อประโยชน์ให้เกิดรายได้แก่เจ้าของช้าง ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

ดร.ธีระชน กล่าวว่า เพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนอย่างยั่งยืน สภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบข้อบัญญัติดังกล่าว นำประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2553 ทำให้กทม. มีอำนาจในการเข้าไปดำเนินการ โดยในส่วนของเจ้าของช้างมีโทษหนักทั้งจำคุกและปรับ ในขณะที่การให้การสนับสนุนซื้ออาหารให้ช้างก็มีโทษปรับไม่เกิน10,000 บาท โดยจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้มีคนนำช้างเข้ามาเร่ร่อนในกรุงเทพฯ อีก และจะทำให้เป็นต้นแบบของจังหวัดอื่นๆ ในการแก้ปัญหาช้าง ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ในขณะเดียวกันกิจกรรมที่ต่อเนื่องจากวันที่ 3 สิงหาคม 2552 กรุงเทพมหานครได้เปิดบัญชี ช้างยิ้มธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยศาลาว่าการกทม. เลขที่ 088-0-03418-1 ซึ่งมีผู้สนใจได้ร่วมบริจาคเงินเข้ามามากมาย ในวันที่ 10 ส.ค. 2552 ทางกรุงเทพมหานครได้นำเงินบริจาคดังกล่าวซื้อพังบัวคำช้างเร่ร่อนพิการตาบอด ส่งมอบให้สถาบันคชบาลแห่งชาติไปดูแล เป็นจำนวนเงิน 350,000 บาท(สามแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนในกรุงเทพมหานคร และส่งช้างคืนผืนป่าในคราวเดียวกัน

ในการนี้ทางกรุงเทพมหานครได้จัดสรรงบสนับสนุนจาก บัญชี ช้างยิ้ม ที่ประชาชนผู้สนใจได้ร่วมบริจาคเข้ามา จำนวน 500,000 บาท มอบให้กับ ม.ร.ว.จิยากร เสสะเวช กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ เพื่อเป็นการร่วมมือร่วมใจปฏิบัติ ช่วยช้างไทย ส่งคืนธรรมชาติ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบรอบ 78 พรรษา พร้อมแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนในเมืองหลวงครั้งนี้ด้วย

----------------------------

กทม.รับมอบพื้นที่สีเขียวคืนความสวยงามให้ย่านราชประสง


(2 ก.ค. 53) เวลา 08.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีรับมอบโครงการ คืนความสวยงามให้กรุงเทพมหานคร จากบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล โดยมีคณะผู้บริหารกทม. บริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล ร่วมพิธี ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ร่วมกับบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล พร้อมประชาชนในย่านราชประสงค์ และประชาชนทั่วไปได้ร่วมกิจกรรมคืนความสวยงามให้กรุงเทพมหานคร โดยได้ร่วมกันฟื้นฟูภูมิทัศน์พื้นที่ที่มีความเสียหายของกรุงเทพมหานคร และร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 250,000 ต้นบริเวณเกาะกลางถนนย่านราชประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์การชุมนุมให้กลับมามีความสวยงามดังเดิม และได้ทำการส่งมอบพื้นที่ที่ได้รับการปรับปรุงตามโครงการคืนความสวยงามให้กรุงเทพมหานครดังกล่าวคืนให้แก่กรุงเทพมหานครเพื่อดูแลรักษาต่อไป

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการคืนความสวยงามให้กรุงเทพมหานครได้รับความร่วมมือร่วมใจอย่างดียิ่งจากทุกหน่วยงาน และประชาชนในกรุงเทพมหานครในการรวมพลังความสามัคคีเพื่อคืนความสวยงามให้กับภูมิทัศน์บริเวณแยกราชประสงค์และบริเวณโดยรอบ ต้นไม้ทุกต้นที่ได้รับการปลูก กรุงเทพมหานครจะสานต่อในการทำนุบำรุงรักษาต่อไป นอกจากนี้กรุงเทพมหานครจะได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรวมในย่านธุรกิจต่างๆ ให้มีความน่าอยู่และปลอดภัย เพื่อให้กรุงเทพมหานครกลับมาเป็นเมืองที่สะอาด สวยงาม และน่าอยู่

----------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปี 2553 นักศึกษาสนใจฝึกงานที่ผังเมืองจำนวนมาก

น.ส.อัญชลี ปัทมาสวรรค์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กทม. เปิดเผยว่า สำนักผังเมืองมีภาระหน้าที่สำคัญในการวางและจัดทำผังเมืองรวม ผังเมืองเฉพาะ ผังปรับปรุงเขตเพลิงไหม้ ผังอนุรักษ์ปรับปรุงฟื้นฟูเมือง การศึกษากำหนดมาตรการและกฎหมายผังเมือง การตรวจสอบเพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินและบริเวณที่มีกฎหมายควบคุม การปรับปรุงฟื้นฟูเมือง ทั้งนี้สำนักผังเมืองมุ่งหวังที่จะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน และจากภารกิจต่างๆ ที่สำนักผังเมืองได้ดำเนินการมาโดยตลอด ส่งผลให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาต่างๆ สนใจเข้าศึกษาดูงานเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะสถาบันการศึกษานอกจากเข้าศึกษาดูงานเป็นคณะแล้ว ยังส่งนักศึกษาเข้าฝึกงานในช่วงปิดภาคการศึกษาที่สำนักผังเมือง เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับนักศึกษาเพิ่มขึ้นด้วย

ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่าในปี 2553 มีสถาบันการศึกษาส่งนักศึกษามาฝึกงานที่สำนักผังเมือง เช่นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ฯ รวม 21 คน สำนักผังเมืองได้พิจารณาจัดนักศึกษาเข้ารับการฝึกงานตามหน่วยงานต่างๆ ตามที่นักศึกษาแจ้งความประสงค์ หรือเกี่ยวข้อง คือ กองนโยบายและแผนงาน กองสำรวจและแผนที่ กองวางผังพัฒนาเมือง และกองจัดรูปที่ดินและปรับปรุงฟื้นฟูเมือง โดยสำนักผังเมืองได้จัดเจ้าหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ดูแลและฝึกสอนงานในด้านวิชาการที่เกี่ยวกับงานด้านผังเมือง การปฏิบัติงานโครงการพัฒนาเมือง พัฒนาพื้นที่เฉพาะ การสำรวจจัดเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลในภาคสนาม การใช้อุปกรณ์ในการจัดทำแผนที่ระบบ GIS การทำแผนที่เฉพาะด้าน การประเมินผลข้อมูลเมืองต่างๆ และเข้าร่วมรับฟังการประชุมต่างๆ ที่สำนักผังเมืองกำหนด ตลอดจนการร่วมสรุปผลการประชุมตามที่มอบหมาย ซึ่งนักศึกษาที่ฝึกงานจะได้เรียนรู้วิธีการทำงานจริงเป็นการเพิ่มประสบการณ์ทักษะ ทำให้มีความรู้ความคิดสร้างสรรค์เบื้องต้นที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียนในมหาวิทยาลัยต่อไป ในช่วงระยะเวลาของการฝึกงานนักศึกษาทุกคนมีความรับผิดชอบ มีความตั้งใจและสนใจในการเรียนรู้เป็นอย่างดีตลอดจนมีความประพฤติเรียบร้อยตามระเบียบราชการ และได้ฝึกงานครบตามระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้สถาบันการศึกษาที่สนใจส่งนักศึกษาเข้าฝึกงาน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักผังเมือง เลขที่ 44 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวง/เขตดินแดง กทม. โทรศัพท์ 0 2354 1256 โทรสาร 0 2354 1256

กระทรวง ICT รุกปฏิบัติอาสาสมัครลูกเสือเฝ้าระวังภัยคุกคามบนอินเตอร์เน็ตข่าวสาร

(1 ก.ค. 53) เวลา 11.00 น. นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธีเปิดการอบรมโครงการสร้างลูกเสือบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Cyber Scout) จัดโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่และสร้างจิตสำนึกเทิดทูนสถาบันของชาติ โดยการเผยแพร่ความรู้หรือความคิดเห็นที่ก่อให้เกิดการเทิดทูนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคามออนไลน์ สอดส่องดูแลสังคมจากสิ่งไม่พึงประสงค์ ปลูกฝังจิตสำนึกในการต่อต้านเนื้อหาและกิจกรรมที่เป็นอันตราย รวมทั้งเสริมสร้างการยกย่องและส่งเสริมวัฒนธรรมออนไลน์ที่ดี

โอกาสนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีกล่าวว่า การจัดโครงการสร้างลูกเสือบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต นับเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างกลุ่มสังคมออนไลน์ที่มีจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม และเป็นแบบอย่างเครือข่ายทางสังคมในการส่งเสริมการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างเหมาะสม เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นเสมือนดาบสองคม หากไม่นำไปใช้ในทางที่สร้างสรรค์อาจจะก่อให้เกิดภัยร้ายแรง เช่น การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงข้อมูลที่มีลักษณะหมิ่นเหม่ต่อสถาบันเบื้องสูง ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติในอนาคต ดังนั้นอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้จะเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันสอดส่องดูแลภัยอันตรายและเฝ้าระวังข้อมูล อีกทั้งยังเป็นช่องทางสำหรับติดต่อประสานงานเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชนอย่างเป็นระบบอีกด้วย
----------------------------

กำชับทุกเขตตรวจสอบการต่อเติมอาคารอย่างเคร่งครัด

(1 ก.ค. 53) นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสำนักการโยธา หัวหน้าฝ่ายโยธาเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างต่อเติมอาคาร สืบเนื่องจากกรณีบ้าน เลขที่ 86/51 หมู่บ้านเฉลิมสุขนิเวศน์ 6 ซ.รามอินทรา 13 แยก 8 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน ที่เกิดพังถล่มลงมา เนื่องจากเจ้าของบ้านได้ว่าจ้างผู้รับเหมาให้ทำการยกพื้นให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่ผู้รับเหมาได้ใช้แม่แรงในการยกพื้นที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้บ้านเกิดการทรุดตัวลงมาทั้งหลัง เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้กำชับให้แต่ละสำนักงานเขต ตรวจสอบการก่อสร้าง ต่อเติมอาคาร บ้านเรือน ตลอดจนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในพื้นที่อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความปลอดภัย ตลอดจนป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น หากเจ้าของบ้าน เจ้าของอาคาร จะทำการต่อเติม เช่นการต่อเติมห้อง ต่อเติมหลังคา ต้องแจ้งให้ทางสำนักงานเขตทราบ ยกเว้นการซ่อมแซมเพียงเล็กน้อย ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถดำเนินการได้เลย เช่นการทาสี ส่วนการขออนุญาตการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน กรุงเทพมหานครจะลดขั้นตอนในการขออนุญาตการก่อสร้าง โดยได้ดำเนินโครงการนำร่องการขอใบอนุญาตโครงการบ้านยิ้มใน 6 สำนักงานเขต ได้แก่เขตบางขุนเทียน เขตหนองแขม เขตตลิ่งชัน เขตหนองจอก เขตลาดกระบัง และเขตคลองสามวา และขยายให้ครบทั้ง 50 เขต เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ประชาชนต่อไป
----------------------------

ว่าฯกทม. ลงพื้นที่กรุงเทพตะวันออก

(30 มิ.ย. 53) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าโครงการด้านสาธารณูปโภคของกลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก อาทิ โครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนในพื้นที่ โครงการวางท่อจ่ายน้ำประปาระยะเร่งด่วน และการเตรียมการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพตะวันออก

ปรับปรุงถนนพื้นที่กลุ่มเขตตะวันออก

สำหรับโครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนในพื้นที่กรุงเทพตะวันออก มีทั้งสิ้น 6 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนพระยาสุเรนทร์ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนคู้บอน โครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนหทัยราษฎร์ โครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนไมตรีจิตรและถนนคลองเก้า โครงการก่อสร้างทางยกระดับสุวินทวงศ์ และโครงการก่อสร้างถนนราษฎร์อุทิศ-เลียบวารี นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2554 ยังได้ขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนร่วมพัฒนา และโครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนประชาสำราญ

วางท่อประปาระยะเร่งด่วน

ในส่วนของความคืบหน้าโครงการวางท่อจ่ายประปาเร่งด่วน ซึ่งกทม. ได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับการประปานครหลวง ขณะนี้ MOU ระยะที่ 1 จำนวน 22 เขต 114 เส้นทาง ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ MOU ระยะที่ 2 จำนวน 6 เขต 122 เส้นทาง ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2553 ส่วน MOU ระยะที่ 3 จำนวน 17 เขต อยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2554 อย่างไรก็ตาม หากยังมีพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่มีน้ำประปา กทม.จะดำเนินการ MOU ร่วมกับการประปานครหลวง ในระยะที่ 4 ต่อไป

เดินหน้ามาตรการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ตะวันออก

การเตรียมการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ตะวันออกได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดทำแนวคันกันน้ำพื้นที่ตะวันออก 72 กิโลเมตร การติดตั้งสถานีสูบน้ำเพื่อระบายน้ำพื้นที่ตะวันออก สนับสนุนเครื่องสูบน้ำพื้นที่รอบนอก การลดระดับน้ำในคลองที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำให้อยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้กทม. ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกองพันทหารพัฒนาที่ 1 ในการขุดลอกคูคลองเพื่อเปิดทางน้ำไหลระยะทาง 150 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามจากสภาพพื้นที่กรุงเทพตะวันออกซึ่งเป็นที่ราบลุ่มต่ำ อีกทั้งมีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมกีดขวาง ทางระบายน้ำ และการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส่งผลให้พื้นที่ตะวันออกของกรุงเทพฯ ประสบปัญหาการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกทม. ได้เตรียมมาตรการรองรับ อีกทั้งได้ประสานงานกับกรมชลประทานในการเปิดปิดประตูระบายน้ำ และควบคุมการปล่อยน้ำท้ายเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าพื้นที่ตะวันออกแล้ว

ย้ำความปลอดภัยพื้นที่จัดเลือกตั้ง

โอกาสนี้ ผู้ว่าฯกทม. ได้ย้ำให้ผู้อำนวยการเขตคันนายาว คลองสามวา บึงกุ่ม และหนองจอก ซึ่งเป็นพื้นที่จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตเลือกตั้งที่ 6 แทนตำแหน่งที่ว่าง ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยกำชับข้าราชการและลูกจ้างให้เป็นหูเป็นตาความไม่สงบเรียบร้อยแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ อีกทั้งวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ และนำไปสู่ความปรองดองต่อไป

----------------------------